ท่านเทพ ละเว้นข้าเถอะ – ตอนที่ 516 คุริยามะรับความผิด

คุริยามะรับความผิด

 

คอรัลสู้ประจันหน้ากับกองทัพของคิตามุระด้วยอาวุธครบครันท่ามกลางกองทัพกว่าพันคนด้วยความไม่เกรงกลัวอะไรทั้งนั้น

 

ค้อนกุงเนียร์ในมือคอรัลเก็บสะสมพลังไว้แต่เธอยังไม่ได้ปล่อยพลังออกไป อสนีบาตถูกฟาดฟันออกไปโดนผู้บำเพ็ญทั้งหลายที่ไม่สามารถตั้งตัวหลบได้ทันจนร่างกายแตกออกเป็นเสี่ยงๆ!

 

นักรบสองคนเดินเข้ามาในพื้นที่ว่าง แต่ไม่เห็นวี่แววของคิตามุระ

 

ส่วนทาคาชิมะยืนอยู่บนกำแพงรอบๆ และมองลงมาที่อัศวินระดับ B สองคนข้างล่าง เด็กหญิงผมสีบลอนด์เงินแพลตตินัมที่นั่งอยู่บนไหล่ของอัศวินมองขึ้นมาที่ทาคาชิมะอย่างเย็นชา

 

เมื่อเห็นภาพตรงหน้า ทาคาชิมะก็เข้าใจว่าคิตามุระคงตายไปแล้วในสนามรบ ถึงแม้ว่าอัศวินพวกนี้จะรูปร่างใหญ่โตเทอะทะ แต่ความแข็งแกร่งของมันนั้นเทียบเท่ากับผู้มีพลังระดับ B เลยทีเดียว เรียกได้ว่าแข็งแกร่งน่ายำเกรงมาก

 

พวกมันดูจะใช้แค่อาวุธโจมตีเท่านั้น พวกมันฟาดฟันดาบออกไปที่ศัตรูอย่างไร้ความเมตตา การใช้แค่อาวุธเพียงอย่างเดียวดูน่าจะจัดการได้ไม่ยาก

 

แต่ถึงอย่างนั้นตราบใดที่พวกผู้บำเพ็ญอยู่ในรัศมีหนึ่งกิโลเมตร ความเร็วของพวกเขาก็จะตกลงไปสามสิบเปอร์เซ็นต์หากไม่มีพลังจิตวิญญาณเป็นเกราะกำบังร่าง

 

ทาคาชิมะไม่ได้รับผลกระทบอะไรกับสิ่งนี้อยู่แล้ว แต่เขาจะจัดการพวกมันสามคนได้ด้วยตัวคนเดียวได้ยังไง พลังของเขายังอยู่แค่ระดับ B ชั้นกลางเท่านั้น!

 

แต่ปัญหาหลักเลยคือกลุ่มทวยเทพกับกลุ่มเทพเจ้าไม่เคยมีเรื่องบาดหมางกันมาก่อน แล้วถึงแม้จะมีก็เถอะ มันก็ไม่น่าถึงกับต้องตรากตรำเดินทางเอาเป็นเอาตายมาเพื่อรบรากับพวกเขาขนาดนี้

 

เขาไม่เข้าใจเลยจริงๆ ว่าทำไมพวกเทพเจ้าถึงมุ่งเป้ามาที่กลุ่มทวยเทพ และดูเหมือนว่าพวกเขาเตรียมใจที่จะสู้จนตัวตายเลยด้วย!

 

สีหน้าของทาคาชิมะเคร่งเครียดขึ้นเรื่อยๆ เขาเปิดป้อมปราการแห่งนี้ก็เพื่อจะใช้มันเพื่อการทำพิธีกรรมช่วยเลื่อนสู่ระดับ A ได้เร็วๆ ซึ่งจะช่วยให้เขาจัดการกับการแทรกแซงภายในและการโจมตีจากภายนอกได้ด้วย

 

คิตามุระนั้นเต็มไปด้วยความทะเยอทะยาน ตอนที่โนกิวะ ทาเกะโนบุยังมีชีวิตอยู่ พวกเขาสามคนยังคอยตรวจสอบและรักษาสมดุลระหว่างกันได้ แต่เมื่อโนกิวะ ทาเกะโนบุตายไป ปมระหว่างพวกเขาสองคนที่เหลือก็เริ่มแย่ลง อย่างที่เขาว่าว่าเสือสองตัวไม่สามารถอยู่ในถ้ำเดียวกันได้ จะต้องมีใครคนใดคนหนึ่งยึดครองอำนาจไปอย่างเด็ดขาด

 

ผู้มีระดับ A สองคนจากเครือข่ายฟ้าดินทำให้ทาคาชิมะกดดันเป็นอย่างมาก หากเนี่ยถิงแห่มาโจมตีด้วยอีกคน แล้วจะรับมือยังไงไหว

 

ถ้าเกิดเป็นอย่างนั้นจริง ทาคาชิมะก็คงต้องยอมเสี่ยง เขาต้องจับตัวพวกที่ต่อต้านแนวคิดเขาแลพวกที่เป็นกลางไม่ยอมลงข้างใคร ทั้งข้างเขาหรือข้างคิตามุระไปไว้ในป้อมปราการและรอให้พวกมันบูชายัญตัวเอง

 

แต่ถึงอย่างนั้นมันก็ยังไม่พออยู่ดี!

 

ทาคาชิมะเริ่มเครียดหนัก เขาสั่งการให้ลูกน้องไปจับผู้บำเพ็ญลับที่แฝงตัวมาแล้ว แต่ถึงอย่างนั้นก็ไม่น่าจะทันการ

 

เขาหันไปมองกองทัพที่เตรียมพร้อมเข้าสู่สนามรบ แล้วดวงตาของเขาก็หม่นลง ทาคาชิมะรู้ว่ากองกำลังเพียงเท่านี้ไม่สามารถต้านศัตรูได้หรอก มีทางเดียวเท่านั้นที่จะปกป้องทวยเทพได้ นั่นคือเขาต้องเลื่อนขั้นเป็นระดับ A!

 

ทาคาชิมะเดินเข้าไปในป้อมปราการ เขาสั่งการไปยังลูกน้องคนสนิทว่า “แบ่งคนกลุ่มหนึ่งไปเอานักโทษทั้งหมดขึ้นมาที่ป้อม แล้วก็อีกกลุ่มไปเตรียมการจัดพิธีบูชายัญในป้อมนี้ให้เรียบร้อย”

 

ของที่จะต้องใช้ในพิธีบูชายัญถูกตระเตรียมไว้เรียบร้อยแล้ว พื้นที่ชั้นล่างสุดของฐานใต้ดินเป็นสถานที่ทำพิธีกรรมลับนี้ กระนั้นเขาก็ยังไม่เคยมีโอกาสได้พาคนไปที่นั่นเลยสักครั้ง

 

ความขุ่นข้องใจก่อตัวขึ้นเรื่อยๆ ในใจของทาคาชิมะ หากพวกศัตรูโจมตีช้ากว่านี้สักสองวัน พิธีกรรมก็คงสำเร็จไปเรียบร้อยแล้ว!

 

“ไปเตรียมศิลาวิญญาณมาด้วย พิธีกรรมจะได้เสร็จสมบูรณ์สักที” ทาคาชิมะสั่งการ

 

ลูกน้องของทาคาชิมะต่างเป็นชนชั้นสูงในกองทัพ ในกลุ่มกองกำลังร้อยคน มีระดับ C มากกว่าสิบคน บอกได้เลยว่าทาคาชิมะนั้นทุ่มเททรัพยากรลงทุนไปกับพวกเขามากจริงๆ ในแต่ละเดือนพวกเขาใช้ศิลาวิญญาณมากถึงสามสิบเม็ด

 

ลูกน้องคนสนิทที่สุดของทาคาชิมะสั่งการต่อให้คนไปเปิดโกดังหมายเลข 19 หมายเลข 17 และหมายเลข 15 มีศิลาในโกดังหมายเลข 17 กับ 15 ไม่มากนัก ทาคาชิมะอยากล่อราชันฟ้ามา เพราะฉะนั้นศิลาวิญญาณกว่าหกสิบเปอร์เซ็นต์จึงถูกเก็บไว้ที่โกดังหมายเลข 19

 

ศิลาวิญญาณในโกดังหมายเลข 17 และ 15 ถูกถูกลำเลียงออกมา หลี่ว์ซู่มองขึ้นไปบนฟ้าแล้วคิดว่า นี่เขาจะถูกจับได้รวดเร็วขนาดนี้เลยเหรอ…

 

ตามแผนที่วางไว้ตอนแรก เขากะจะให้พวกทวยเทพรู้ตัวว่าศิลาหายไปตอนเขาออกจากที่นี่ไปแล้ว แต่เขาไม่คิดเลยว่าพวกมันจะรู้ตัวกันก่อนที่เขาจะออกไปเสียอีก

 

หลี่ว์ชู่ตัดสินใจคว้าตัวผู้บำเพ็ญที่รูปร่างคล้ายๆ เขาออกมาจากกลุ่มระดับ E ร้อยยี่สิบคน “นายอยากเลื่อนขั้นเป็นหัวหน้าป่ะ ถ้าอยากก็ตามมานี่ ฉันมีอะไรจะพูดด้วย”

 

ผู้บำเพ็ญคนนั้นงงตึ้บ ในสถานการณ์โกลาหลแบบนี้ทำให้ยากที่จะมีปากมีเสียงอะไรอยู่แล้ว พอได้ยินว่ามีโอกาสจะได้เลื่อนขั้น ก็คงต้องติดตามหัวหน้าไปก่อนแล้วล่ะ เรื่องอื่นเดี๋ยวค่อยคิด

 

หลี่ว์ซู่พยายามพูดเกลี้ยกล่อมผู้บำเพ็ญคนนั้นขณะที่ลากเขาไปยังในมุมลับตาคน แล้วในที่สุดหลี่ว์ซู่บีบคอกำจัดเขาทิ้งแล้วเอาร่างไร้วิญญาณของผู้บำเพ็ญคนนั้นยัดเข้าไปในตราแผ่นดิน จากนั้นก็ปล่อยให้ธารน้ำศักดิ์สิทธิ์ทำลายหลักฐาน เขารีบเปลี่ยนเสือผ้าแล้วเดินกลับไป

 

พวกลูกกระจ๊อกที่ไปขนศิลาในโกดังหมายเลข 19 ร้องลั่น “กล่องพวกนี้ว่างเปล่าหมดเลยครับ! ศิลาวิญญาณหายไป! หายไปทั้งหมดเก้าหมื่นสองพันเม็ดเลยครับ!”

 

[ได้แต้มจากทาคาชิมะ ทาอิรัตสึ +999]

 

[ได้แต้มจาก..]

 

หลี่ว์ซู่หันไปรอบๆ พอเห็นว่ายังไม่มีใครสงสัยท่าทีของเขา เขาเลยตะโกนผสมโรงไป “ศิลาวิญญาณจะหายไปได้ยังไง! เกิดอะไรขึ้นเนี่ย! ฉันไม่รู้เรื่องเลย นายรู้ไหมว่ามันเกินอะไร…”

 

“ศิลาเก้าหมื่นสองพันเม็ดต้องถูกขโมยไปแน่! น่ากลัวจริงๆ!”

 

เสียงอึกทึกเริ่มดังขึ้นเหมือนทะเลเดือดพล่าน หลี่ว์ซู่ได้แต้มอารมณ์เรื่อยๆ เหมือนคลื่นที่สาดซัดเข้ามา

 

หลี่ว์ซู่เล่นละครเนียนไปกับทุกคน แต่ในใจเขานั้นสุดระริกระรี้ ทุกคนน่ารักอะไรแบบนี้ แต้มอารมณ์ที่ได้มาเยอะมากจริงๆ น่าจะพอเอาไปปจุดประกายดวงดาวดวงที่เจ็ดแล้ว!

 

ทาคาชิมะไปที่โกดังหมายเลข 19 ด้วยความไม่เชื่อ พวกกล่องไม้ที่วางไว้อยู่หน้าโกดังถูกระเบิดออกให้พ้นทาง ในโกดังว่างเปล่าไม่เหลืออะไร เขาโกรธจนตชักดาบคาตานะออกมาจากเอวแล้วฟันไปที่ผู้บำเพ็ญที่อยู่ข้างๆ จนขาดออกเป็นสองท่อน “ใครหน้าไหนมันเอาไป!!!”

 

แต่จู่ๆ เขาก็นึกออกอีกอย่าง ทาคาชิมะโกรธจนเลือดขึ้นตา” คุริยามะกับมิยาซากิไปอยู่ที่ไหน”

 

ผู้คนต่างตกตะลึง จริงด้วย สองคนที่มีหน้าที่รับผิดชอบโกดังเก็บของนี่ ทำไมถึงไม่โผล่หน้ามาให้เห็นในเวลาแบบนี้กัน

 

หลี่ว์ซู่รู้สึกประหลาดนิดหน่อย พวกเขาลำเลียงศิลาวิญญาณออกมา แต่หลี่ว์ซู่ขโมยมันไปหมดแล้ว ตอนนี้ในกลุ่มกำลังตามหา ‘คนผิด’ อยู่ แล้ว ‘คนผิด’ ที่ว่าก็ถูกเขากำจัดไปเรียบร้อยแล้ว…

 

ถึงแม้ว่าตอนนี้เขาจะปลอมตัวเป็นอีกคน แต่ก็อดกลัวไม่ได้ว่าความลับของเขาจะถูกเปิดเผย…

 

เสียงหนึ่งดังขึ้นมาด้วยความสงสัย “อย่าบอกนะว่าคุริยามะกับมิยาซากิเป็นคนร้ายขโมยศิลาไป”

 

ข้อสงสัยนี้ดูใกล้ความจริงมาก ไม่อย่างนั้นคุริยามะกับมิยาซากิจะหายไปไหนล่ะ

 

ทุกคนกำลังตั้งข้อสงสัยและดูสับสนกันอย่างมาก แต่แล้วหลี่ว์ซู่ก็ตะโกนขึ้นมาอีกรอบ “ต้องเป็นคุริยามะกับมิยาซากิแน่นอนเลยที่ขโมยศิลาไป!”

 

ผู้คนที่อยู่รอบๆ เอ่ยเสริม “ใช่! ต้องเป็นสองคนนั่นแน่!”

 

แล้วแต้มอารณ์ระลอกใหม่ก็เด้งเข้ามาไม่หยุด!

ท่านเทพ ละเว้นข้าเถอะ

ท่านเทพ ละเว้นข้าเถอะ

หลี่ว์ซู่ เป็นเด็กกำพร้าที่หาเลี้ยงตัวเองมาโดยตลอด และก็คงจะหาเลี้ยงตัวเองเช่นนี้ต่อไปเรื่อยๆ ถ้าเขาไม่ได้ประสบอุบัติเหตุรถชนเข้าเสียก่อน… แต่เฮ้ย! เขาไม่เป็นอะไรเลยนี่ ไม่เจ็บ ไม่ปวด และไม่ตาย แถมวิญญาณไม่ได้หลุดออกจากร่างด้วย! จะมีก็แต่สัญลักษณ์รูปต้นไม้ที่จู่ๆ ก็ปรากฏขึ้นมาบนฝ่ามือและพลังพิเศษในตัวที่ตื่นขึ้นมาเท่านั้น! ทว่าเขาไม่ได้เป็นเพียงคนเดียวที่ได้รับพลังพิเศษนี้มา เพราะคนอื่นๆ เองก็เริ่มกลายเป็นผู้มีพลังแล้วเหมือนกัน นี่มันเรื่องบ้าอะไร เกิดอะไรขึ้นกับโลกใบนี้กันแน่ นี่เรากำลังจะก้าวเข้าสู่ยุคของผู้มีพลังพิเศษกันแล้วงั้นเหรอ หลี่ว์ซู่ได้แต่คิดแล้วก็สงสัย ว่าแต่พลังที่ได้มานี่มันฝึกยังไงกันล่ะ เอ๊ะ ต้องสะสมแต้มอารมณ์ด้านลบงั้นเหรอ แค่กวนโมโหคนอื่นก็เพิ่มพลังได้แล้วงั้นเหรอ แบบนี้ก็เข้าทางหลี่ว์ซู่สุดๆ ไปเลยน่ะสิ!

Comment

Options

not work with dark mode
Reset