เรื่องที่หลี่ว์ลั่วใช่คอรัลหรือไม่นั้นได้กลายมาเป็นปริศนาอันใหญ่อันหนึ่งตั้งแต่ตั้งวิทยาลัยลั่วเสินขึ้นมา ยังไม่พูดถึงเรื่องปริศนานี้มีความน่าสนใจมากขนาดไหนแต่แค่ข่าวลือนี้ก็พอที่จะทำให้คนหูผึ่งได้
ตอนนั้นเรื่องที่คอรัลและหลี่ว์ซู่ก็ขึ้นที่เกาะ กลายเป็นที่สนใจของทุกคน เรื่องราวความรักบันลือโลกแล้วยังมีงานแต่งงานที่แฝงอันตรายนับร้อยประการทุกสิ่งเหมือนกับเกิดขึ้นอยู่ในนิยายความรักคลาสสิคอย่างไรอย่างนั้น
เมื่อก่อนทุกคนเคยอ่านโรมีโอแอนด์จูเลียตเคยอ่านเหลียงซานป๋อและจู้อิงไถแต่นั่นเป็นนิทานที่ห่างไกลกับความเป็นจริงกับพวกเขาอย่างมาก จะไปสู้เรื่องรักๆ ใคร่ๆ ของคอรัลและหลี่ว์ซู่ได้อย่างไร
แต่ว่ายังขาดข้อมูลอีกมากเลยทุกคนก็เป็นแค่นักศึกษาธรรมดา บางคนยังไม่รู้เลยว่าคอรัลหน้าตาเป็นเช่นไร ดังนั้นจึงได้แต่เก็บความสงสัยเอาไว้
แล้วตอนนี้เองผู้เฒ่าผมขาวคนหนึ่งเดินออกมาจากบ้านหลี่ว์ซู่ เดินตัวเปล่าๆ ออกมาข้างนอกอย่างสบายๆ จังหวะเดียวกับที่เฉินจู่อานและเฉิงชิงเฉี่ยวกลับมาอยากจะไปหาหลี่ว์ซู่พอดี
ทั้งสองคนเห็นผู้เฒ่าท่านนี้ก็ตกใจ “คุณเป็นใคร”
แต่ระหว่างที่ผู้เฒ่าและพวกเขาเดินสวนกันก็ได้ยินเสียงดัง แคร็ก! แล้วเขาก็ล้มลงที่พื้น
เฉินจู่อานและเฉิงชิงเฉี่ยวตั้งงงเป็นไก่ตาแตก เกิดอะไรขึ้น พวกยอมเจ็บตัวแลกเงินเหรอ! ล้มครั้งนี้เผลอๆ ขอเป็นแสนเลยนะ!
แต่พวกเขายังไม่ทันได้คิดว่าเรื่องอะไร ผู้เฒ่าคนนั้นก็ลุกขึ้นมา เขาหัวเราะแล้วปัดฝุ่นที่เปื้อนเสื้อผ้าแล้วพูดว่า “เจ้าหนูตื่นเต้นไหม คนเราก็มีเซอร์ไพรส์อย่างนี้แหละ! “
พูดเสร็จก็เดินจากไป
[ได้แต้มจากเฉินจู่อาน +666!]
[ได้แต้มจากเฉิงของเฉี่ยว +999!]
เฉิงชิงเฉี่ยวมองด้านหลังของผู้เฒ่าด้วยสีหน้าซีดเผือด “ยังดีที่ไม่เป็นอะไร…”
“นายโง่หรือเปล่า” เฉินจู่อานพูดด้วยความเจ็บใจ “คนนั้นต้องเป็นพี่ซู่แน่นอน! นอกจากเขาจะมีใครเจ้าเล่ห์ขนาดนี้! “
“ไม่น่าใช่นะ” เฉิงชิงเฉี่ยวพูดด้วยความตกใจ “พี่ซู่ไม่ได้หน้าตาแบบนั้น”
“ถึงฉันจะไม่รู้ว่าเขาเปลี่ยนเป็นแบบนั้นอย่างไรแต่ห่วงเปิดกระป๋องในมือเขา ฉันจำไม่ลืม! ” เฉินจู่อานมั่นใจ
ในตอนนี้เองเฉิงชิงเฉี่ยวเพิ่งจะรู้ตัวจึงพูดว่า “ห่วงเปิดกระป๋องอะไร”
เรื่องที่หลี่ว์ซู่ได้หน้ากากเป็นความลับดังนั้นพวกเขาจึงไม่รู้ แล้วห่วงเปิดกระป๋อง หลี่ว์ซูใส่ไว้นิ้วซ้ายตลอด ไม่ค่อยมีคนสังเกตเท่าไหร่
แต่เฉินจู่อานเป็นคนช่างสังเกต เขาถึงได้มองเห็น ตั้งแต่หลังจากเรื่องงานแต่งครั้งนั้น หลี่ว์ซู่ก็ใส่ห่วงเปิดกระป๋องอันนั้น ไม่ถอดออกเลย
เฉิงชิงเฉี่ยวก็นึกออกหลังจากที่เฉินจู่อานพูดท้วงขึ้นมา ” เฮ้ย พี่ซู่จริงๆ ด้วย”
“ฮึๆ ถึงต่อให้ไม่ใช่ห่วงนั่น แต่นิสัยของพี่ซู่เดินไปไหนใครก็รู้ ใช่ไหม” เฉินจู่อานหัวเราะเยาะ
“เดี๋ยวก่อนนะ” เฉิงชิงเฉี่ยวตะลึงแล้วพูดว่า “ห่วงนั้นเหมือนฉันเคยเห็นที่มือใครมาก่อนนะ… จริงสิ หลี่ว์ลั่วสาขาการต่อสู้คนนั้นไง! “
เฉินจู่อานพูดแบบปวดหัวอีกครั้งว่า “บางทีนายก็ฉลาดบางทีก็โง่นะ ศึกตอนนั้นนายแทบไม่มีเวลาไปสนใจหน้าตาของคอรัลเลย คนอื่นเดาไม่ถูกแต่พวกเราน่าจะเดาได้ นั้นต้องเป็นคอรัล ฉันสังเกตเห็นแหวนที่เปิดกระป๋องบนมือของทั้งสองคนตั้งนานแล้ว ไม่รู้ว่าเกิดเรื่องอะไรขึ้นกับทั้งคู่ ตอนนี้กลายเป็นเหมือนกับคนแปลกหน้าที่ใส่แหวนที่เปิดกระป๋องทั้งคู่”
“พี่ซู่ทำยังไงเวลาเปิดกระป๋องแล้วเอาเฉพาะห่วงออกมาได้” เฉิงชิงเฉี่ยวสงสัย
เฉินจู่อานมิงเฉิงชิวเฉี่ยวด้วยความตะลึง “พี่น้อง เรียนหนังสือด้วยกันมาเก้าปีเหมือนกัน ทำไมมุมมองโลกของนายถึงได้แปลกขนาดนี้”
…
หลี่ว์ซู่เดินอยู่บนทางด่วนเหลียนฮั้วที่มุ่งขึ้นเหนือ ตอนนี้รูปร่างของเขากลายเป็นคนแก่ไปแล้ว ไม่สามารถใช้เทียบกับบัตรประชาชนจึงไม่สามารถซื้อตั๋วรถบัส ดังนั้นจึงใช้วิธีอื่น “หลังจากที่รถบัสทางไกลขับออกจากสถานี ผ่านด่านตรวจบัตรประชาชนแล้วก็ขึ้นรถระหว่างทาง
ที่จริงคนขับรถหลายคนหาลูกค้าแบบนี้ ในตอนที่ระบบยังไม่แข็งแรง พวกคนขับรถมักจากเก็บเงินค่าตั๋วจากผู้โดยสารแบบนี้เข้ากระเป๋าตัวเอง
ตอนที่หลี่ว์ซู่ขึ้นรถยังมีที่นั่งเขาจึงค่อยๆ เดินไปนั่งตรงกลาง
การเดินทางไปภูเขาจั่งไป๋ครั้งนี้เขาคิดเอาไว้นานแล้ว ถ้าไม่ใช่เพราะตอนนั้นหลัวหนานบอกว่าจะเดินทางไปภูเขาคุนหลุน ตอนนั้นก็คงไปที่ภูเขาจั่งไป๋แล้ว
ภูเขาจั่งไป๋ในตอนนี้ไม่ได้มีแค่พื้นที่ส่วนเล็กที่ห้ามเข้าใกล้อีกต่อไปแล้วแต่ทุกเครือข่ายฟ้าดินปิดภูเขาทั้งลูกเลย จากชาวบ้านรอบๆ บอกว่าสัตว์ป่าในภูเขาจั่งไป๋กลายพันธุ์เร็วมาก เร็วจนน่าตกใจ
ไม่กี่วันก่อนหลี่ว์ซู่เพิ่งเจอโพสต์ในเว็บบอร์ดมูลนิธิมีคนโพสต์ว่าตัวเขาเคยช่วยเพนกวินไว้ตัวหนึ่ง ตอนนั้นแพนกวินตัวนั้นถูกน้ำมันที่รั่วไหลลงแม่น้ำจนใกล้ตายลอยมาที่หมู่บ้านชาวประมงแห่งหนึ่งใกล้กับรีโอเดอจาเนโรจากนั้นก็มีชาวประมงคนหนึ่งใช้เวลาหนึ่งสัปดาห์ในการทำความสะอาดตัวมันและปล่อยมันคืนสู่ท้องทะเล
แต่หลังจากพลังจิตวิญญาณฟื้นคืนเพนกวิ้นตัวนั้นกับมีสติปัญญา มันว่ายน้ำด้วยระยะทางกว่าแปดพันกิโลเมตร เอาชนะความเหนื่อยล้า โรคภัย แมวน้ำศัตรูทางธรรมชาติ ปลาวาฬและอุปสรรคความลำบากอีกมากมายเพื่อกลับมาที่หมู่บ้านนั้นอีกครั้ง
บางครั้งหลี่ว์ซู่ก็รู้สึกประทับใจโลกนี้เต็มไปด้วยความหลอกลวงมากมายแต่กลับพบว่าในระหว่างที่ทุกคนกำลังระแวดระวังสัตว์กลายพันธุ์กลับมีเรื่องราวอันน่าอบอุ่นเกิดขึ้นแก่มนุษยชาติ
ในภูเขาจั่งไป๋มีอะไรกันแน่ สัตว์ที่นั่นทำไมถึงทำให้เนี่ยถึงสนใจและได้รับการคุ้มครองจากเขา
หลี่ว์ซู่เคยค้นประวัติที่เกี่ยวกับภูเขาจั่งไป๋ เหมือนกับเรื่องแปลกประหลาดที่ไหนก็ตามจะเกี่ยวข้องกับสองประเด็นนี้ หนึ่งคือเป็นปีศาจน้ำจากสระสวรรค์ อีกหนึ่งคือเป็นดินแดนลับแล หลี่ว์ซู่วิเคราะห์จากข้อมูลที่น่าหลานเชวี่ยเคยพูดไว้ ค่ายกลดาบของเนี่ยถิงไม่น่าจะเกี่ยวข้องกับปีศาจน้ำจากสระสวรรค์หรือดินแดนลับแล
แต่ไม่ตอนนี้เองก็มีคนส่งข้อความให้เขา “อยากรู้ความลับของเผ่าโบราณอี๋ต้องเดินทางไปที่ภูเขาจั่งไป๋”
ข้อความนี้ส่งมายังแปลกๆ แม้แต่หมายเลขก็ไม่มีจึงไม่รู้เลยว่าใครเป็นผู้ส่งมา
หลี่ว์ซู่ก็ไม่ได้เคยบอกเรื่องที่จะเดินทางไปถังไปภูเขาจั่งไป๋ให้คนอื่นฟัง เขาเชื่อว่าข้อความที่อีกฝ่ายส่งให้เขาเป็นเพียงความบังเอิญ ไม่อย่างนั้นตัวเขากำลังจะไปที่ภูเขาลูกนั้นแล้วอีกฝ่ายส่งข้อความมา ถ้าเขาไม่ไปล่ะ ไม่กลายเป็นให้ทุกข์แก่ท่านทุกข์นั้นถึงตัวหรือ
เขารู้สึกว่าไม่น่าใช่ข้อความจากเนี่ยถิง เนี่ยถิงไม่มีทางทำเรื่องหลบๆ ซ่อนๆ แบบนี้
ถ้าอย่างนั้น ในภูเขาจั่งไป๋มีอะไรกันแน่
ไม่รู้ทำไมหลี่ว์ซู่รู้สึกว่าเรื่องนี้มีอันตรายแฝงอยู่ ดังนั้นก่อนหน้าเขาจึงไม่อยากพาเสี่ยวอวี๋ เฉินจู่อานและคนอื่นเดินทางไปด้วยกัน
แต่ตอนนี้หลังจากได้รับข้อความนั้นแล้วก็ยิ่งรู้สึกแปลกประหลาด มันเหมือนกับว่ามีอันตรายอันใหญ่หลวงกำลังรอเขาอยู่ ดังนั้น….หลี่ว์ซู่จึงตัดสินใจไม่ไปแล้ว
ท่านอ๋องจะไปเพื่ออะไร
ทำลายตำหนักหลิงเซียว!
ถ้าท่านต้องไปแล้วไม่กลับล่ะ
งั้นก็ไม่ไป!