ท่านเทพ ละเว้นข้าเถอะ – ตอนที่ 774 ตื่นเต้นไหม

 

 

เรื่องที่หลี่ว์ลั่วใช่คอรัลหรือไม่นั้นได้กลายมาเป็นปริศนาอันใหญ่อันหนึ่งตั้งแต่ตั้งวิทยาลัยลั่วเสินขึ้นมา ยังไม่พูดถึงเรื่องปริศนานี้มีความน่าสนใจมากขนาดไหนแต่แค่ข่าวลือนี้ก็พอที่จะทำให้คนหูผึ่งได้

 

 

ตอนนั้นเรื่องที่คอรัลและหลี่ว์ซู่ก็ขึ้นที่เกาะ กลายเป็นที่สนใจของทุกคน เรื่องราวความรักบันลือโลกแล้วยังมีงานแต่งงานที่แฝงอันตรายนับร้อยประการทุกสิ่งเหมือนกับเกิดขึ้นอยู่ในนิยายความรักคลาสสิคอย่างไรอย่างนั้น

 

 

เมื่อก่อนทุกคนเคยอ่านโรมีโอแอนด์จูเลียตเคยอ่านเหลียงซานป๋อและจู้อิงไถแต่นั่นเป็นนิทานที่ห่างไกลกับความเป็นจริงกับพวกเขาอย่างมาก จะไปสู้เรื่องรักๆ ใคร่ๆ ของคอรัลและหลี่ว์ซู่ได้อย่างไร

 

 

แต่ว่ายังขาดข้อมูลอีกมากเลยทุกคนก็เป็นแค่นักศึกษาธรรมดา บางคนยังไม่รู้เลยว่าคอรัลหน้าตาเป็นเช่นไร ดังนั้นจึงได้แต่เก็บความสงสัยเอาไว้

 

 

แล้วตอนนี้เองผู้เฒ่าผมขาวคนหนึ่งเดินออกมาจากบ้านหลี่ว์ซู่ เดินตัวเปล่าๆ ออกมาข้างนอกอย่างสบายๆ จังหวะเดียวกับที่เฉินจู่อานและเฉิงชิงเฉี่ยวกลับมาอยากจะไปหาหลี่ว์ซู่พอดี

 

 

ทั้งสองคนเห็นผู้เฒ่าท่านนี้ก็ตกใจ “คุณเป็นใคร”

 

 

แต่ระหว่างที่ผู้เฒ่าและพวกเขาเดินสวนกันก็ได้ยินเสียงดัง แคร็ก! แล้วเขาก็ล้มลงที่พื้น

 

 

เฉินจู่อานและเฉิงชิงเฉี่ยวตั้งงงเป็นไก่ตาแตก เกิดอะไรขึ้น พวกยอมเจ็บตัวแลกเงินเหรอ! ล้มครั้งนี้เผลอๆ ขอเป็นแสนเลยนะ!

 

 

แต่พวกเขายังไม่ทันได้คิดว่าเรื่องอะไร ผู้เฒ่าคนนั้นก็ลุกขึ้นมา เขาหัวเราะแล้วปัดฝุ่นที่เปื้อนเสื้อผ้าแล้วพูดว่า “เจ้าหนูตื่นเต้นไหม คนเราก็มีเซอร์ไพรส์อย่างนี้แหละ! “

 

 

พูดเสร็จก็เดินจากไป

 

 

[ได้แต้มจากเฉินจู่อาน +666!]

 

 

[ได้แต้มจากเฉิงของเฉี่ยว +999!]

 

 

เฉิงชิงเฉี่ยวมองด้านหลังของผู้เฒ่าด้วยสีหน้าซีดเผือด “ยังดีที่ไม่เป็นอะไร…”

 

 

“นายโง่หรือเปล่า” เฉินจู่อานพูดด้วยความเจ็บใจ “คนนั้นต้องเป็นพี่ซู่แน่นอน! นอกจากเขาจะมีใครเจ้าเล่ห์ขนาดนี้! “

 

 

“ไม่น่าใช่นะ” เฉิงชิงเฉี่ยวพูดด้วยความตกใจ “พี่ซู่ไม่ได้หน้าตาแบบนั้น”

 

 

“ถึงฉันจะไม่รู้ว่าเขาเปลี่ยนเป็นแบบนั้นอย่างไรแต่ห่วงเปิดกระป๋องในมือเขา ฉันจำไม่ลืม! ” เฉินจู่อานมั่นใจ

 

 

ในตอนนี้เองเฉิงชิงเฉี่ยวเพิ่งจะรู้ตัวจึงพูดว่า “ห่วงเปิดกระป๋องอะไร”

 

 

เรื่องที่หลี่ว์ซู่ได้หน้ากากเป็นความลับดังนั้นพวกเขาจึงไม่รู้ แล้วห่วงเปิดกระป๋อง หลี่ว์ซูใส่ไว้นิ้วซ้ายตลอด ไม่ค่อยมีคนสังเกตเท่าไหร่

 

 

แต่เฉินจู่อานเป็นคนช่างสังเกต เขาถึงได้มองเห็น ตั้งแต่หลังจากเรื่องงานแต่งครั้งนั้น หลี่ว์ซู่ก็ใส่ห่วงเปิดกระป๋องอันนั้น ไม่ถอดออกเลย

 

 

เฉิงชิงเฉี่ยวก็นึกออกหลังจากที่เฉินจู่อานพูดท้วงขึ้นมา ” เฮ้ย พี่ซู่จริงๆ ด้วย”

 

 

“ฮึๆ ถึงต่อให้ไม่ใช่ห่วงนั่น แต่นิสัยของพี่ซู่เดินไปไหนใครก็รู้ ใช่ไหม” เฉินจู่อานหัวเราะเยาะ

 

 

“เดี๋ยวก่อนนะ” เฉิงชิงเฉี่ยวตะลึงแล้วพูดว่า “ห่วงนั้นเหมือนฉันเคยเห็นที่มือใครมาก่อนนะ… จริงสิ หลี่ว์ลั่วสาขาการต่อสู้คนนั้นไง! “

 

 

เฉินจู่อานพูดแบบปวดหัวอีกครั้งว่า “บางทีนายก็ฉลาดบางทีก็โง่นะ ศึกตอนนั้นนายแทบไม่มีเวลาไปสนใจหน้าตาของคอรัลเลย คนอื่นเดาไม่ถูกแต่พวกเราน่าจะเดาได้ นั้นต้องเป็นคอรัล ฉันสังเกตเห็นแหวนที่เปิดกระป๋องบนมือของทั้งสองคนตั้งนานแล้ว ไม่รู้ว่าเกิดเรื่องอะไรขึ้นกับทั้งคู่ ตอนนี้กลายเป็นเหมือนกับคนแปลกหน้าที่ใส่แหวนที่เปิดกระป๋องทั้งคู่”

 

 

“พี่ซู่ทำยังไงเวลาเปิดกระป๋องแล้วเอาเฉพาะห่วงออกมาได้” เฉิงชิงเฉี่ยวสงสัย

 

 

เฉินจู่อานมิงเฉิงชิวเฉี่ยวด้วยความตะลึง “พี่น้อง เรียนหนังสือด้วยกันมาเก้าปีเหมือนกัน ทำไมมุมมองโลกของนายถึงได้แปลกขนาดนี้”

 

 

 

 

หลี่ว์ซู่เดินอยู่บนทางด่วนเหลียนฮั้วที่มุ่งขึ้นเหนือ ตอนนี้รูปร่างของเขากลายเป็นคนแก่ไปแล้ว ไม่สามารถใช้เทียบกับบัตรประชาชนจึงไม่สามารถซื้อตั๋วรถบัส ดังนั้นจึงใช้วิธีอื่น “หลังจากที่รถบัสทางไกลขับออกจากสถานี ผ่านด่านตรวจบัตรประชาชนแล้วก็ขึ้นรถระหว่างทาง

 

 

ที่จริงคนขับรถหลายคนหาลูกค้าแบบนี้ ในตอนที่ระบบยังไม่แข็งแรง พวกคนขับรถมักจากเก็บเงินค่าตั๋วจากผู้โดยสารแบบนี้เข้ากระเป๋าตัวเอง

 

 

ตอนที่หลี่ว์ซู่ขึ้นรถยังมีที่นั่งเขาจึงค่อยๆ เดินไปนั่งตรงกลาง

 

 

การเดินทางไปภูเขาจั่งไป๋ครั้งนี้เขาคิดเอาไว้นานแล้ว ถ้าไม่ใช่เพราะตอนนั้นหลัวหนานบอกว่าจะเดินทางไปภูเขาคุนหลุน ตอนนั้นก็คงไปที่ภูเขาจั่งไป๋แล้ว

 

 

ภูเขาจั่งไป๋ในตอนนี้ไม่ได้มีแค่พื้นที่ส่วนเล็กที่ห้ามเข้าใกล้อีกต่อไปแล้วแต่ทุกเครือข่ายฟ้าดินปิดภูเขาทั้งลูกเลย จากชาวบ้านรอบๆ บอกว่าสัตว์ป่าในภูเขาจั่งไป๋กลายพันธุ์เร็วมาก เร็วจนน่าตกใจ

 

 

ไม่กี่วันก่อนหลี่ว์ซู่เพิ่งเจอโพสต์ในเว็บบอร์ดมูลนิธิมีคนโพสต์ว่าตัวเขาเคยช่วยเพนกวินไว้ตัวหนึ่ง ตอนนั้นแพนกวินตัวนั้นถูกน้ำมันที่รั่วไหลลงแม่น้ำจนใกล้ตายลอยมาที่หมู่บ้านชาวประมงแห่งหนึ่งใกล้กับรีโอเดอจาเนโรจากนั้นก็มีชาวประมงคนหนึ่งใช้เวลาหนึ่งสัปดาห์ในการทำความสะอาดตัวมันและปล่อยมันคืนสู่ท้องทะเล

 

 

แต่หลังจากพลังจิตวิญญาณฟื้นคืนเพนกวิ้นตัวนั้นกับมีสติปัญญา มันว่ายน้ำด้วยระยะทางกว่าแปดพันกิโลเมตร เอาชนะความเหนื่อยล้า โรคภัย แมวน้ำศัตรูทางธรรมชาติ ปลาวาฬและอุปสรรคความลำบากอีกมากมายเพื่อกลับมาที่หมู่บ้านนั้นอีกครั้ง

 

 

บางครั้งหลี่ว์ซู่ก็รู้สึกประทับใจโลกนี้เต็มไปด้วยความหลอกลวงมากมายแต่กลับพบว่าในระหว่างที่ทุกคนกำลังระแวดระวังสัตว์กลายพันธุ์กลับมีเรื่องราวอันน่าอบอุ่นเกิดขึ้นแก่มนุษยชาติ

 

 

ในภูเขาจั่งไป๋มีอะไรกันแน่ สัตว์ที่นั่นทำไมถึงทำให้เนี่ยถึงสนใจและได้รับการคุ้มครองจากเขา

 

 

หลี่ว์ซู่เคยค้นประวัติที่เกี่ยวกับภูเขาจั่งไป๋ เหมือนกับเรื่องแปลกประหลาดที่ไหนก็ตามจะเกี่ยวข้องกับสองประเด็นนี้ หนึ่งคือเป็นปีศาจน้ำจากสระสวรรค์ อีกหนึ่งคือเป็นดินแดนลับแล หลี่ว์ซู่วิเคราะห์จากข้อมูลที่น่าหลานเชวี่ยเคยพูดไว้ ค่ายกลดาบของเนี่ยถิงไม่น่าจะเกี่ยวข้องกับปีศาจน้ำจากสระสวรรค์หรือดินแดนลับแล

 

 

แต่ไม่ตอนนี้เองก็มีคนส่งข้อความให้เขา “อยากรู้ความลับของเผ่าโบราณอี๋ต้องเดินทางไปที่ภูเขาจั่งไป๋”

 

 

ข้อความนี้ส่งมายังแปลกๆ แม้แต่หมายเลขก็ไม่มีจึงไม่รู้เลยว่าใครเป็นผู้ส่งมา

 

 

หลี่ว์ซู่ก็ไม่ได้เคยบอกเรื่องที่จะเดินทางไปถังไปภูเขาจั่งไป๋ให้คนอื่นฟัง เขาเชื่อว่าข้อความที่อีกฝ่ายส่งให้เขาเป็นเพียงความบังเอิญ ไม่อย่างนั้นตัวเขากำลังจะไปที่ภูเขาลูกนั้นแล้วอีกฝ่ายส่งข้อความมา ถ้าเขาไม่ไปล่ะ ไม่กลายเป็นให้ทุกข์แก่ท่านทุกข์นั้นถึงตัวหรือ

 

 

เขารู้สึกว่าไม่น่าใช่ข้อความจากเนี่ยถิง เนี่ยถิงไม่มีทางทำเรื่องหลบๆ ซ่อนๆ แบบนี้

 

 

ถ้าอย่างนั้น ในภูเขาจั่งไป๋มีอะไรกันแน่

 

 

ไม่รู้ทำไมหลี่ว์ซู่รู้สึกว่าเรื่องนี้มีอันตรายแฝงอยู่ ดังนั้นก่อนหน้าเขาจึงไม่อยากพาเสี่ยวอวี๋ เฉินจู่อานและคนอื่นเดินทางไปด้วยกัน

 

 

แต่ตอนนี้หลังจากได้รับข้อความนั้นแล้วก็ยิ่งรู้สึกแปลกประหลาด มันเหมือนกับว่ามีอันตรายอันใหญ่หลวงกำลังรอเขาอยู่ ดังนั้น….หลี่ว์ซู่จึงตัดสินใจไม่ไปแล้ว

 

 

ท่านอ๋องจะไปเพื่ออะไร

 

 

ทำลายตำหนักหลิงเซียว!

 

 

ถ้าท่านต้องไปแล้วไม่กลับล่ะ

 

 

งั้นก็ไม่ไป!

ท่านเทพ ละเว้นข้าเถอะ

ท่านเทพ ละเว้นข้าเถอะ

หลี่ว์ซู่ เป็นเด็กกำพร้าที่หาเลี้ยงตัวเองมาโดยตลอด และก็คงจะหาเลี้ยงตัวเองเช่นนี้ต่อไปเรื่อยๆ ถ้าเขาไม่ได้ประสบอุบัติเหตุรถชนเข้าเสียก่อน… แต่เฮ้ย! เขาไม่เป็นอะไรเลยนี่ ไม่เจ็บ ไม่ปวด และไม่ตาย แถมวิญญาณไม่ได้หลุดออกจากร่างด้วย! จะมีก็แต่สัญลักษณ์รูปต้นไม้ที่จู่ๆ ก็ปรากฏขึ้นมาบนฝ่ามือและพลังพิเศษในตัวที่ตื่นขึ้นมาเท่านั้น! ทว่าเขาไม่ได้เป็นเพียงคนเดียวที่ได้รับพลังพิเศษนี้มา เพราะคนอื่นๆ เองก็เริ่มกลายเป็นผู้มีพลังแล้วเหมือนกัน นี่มันเรื่องบ้าอะไร เกิดอะไรขึ้นกับโลกใบนี้กันแน่ นี่เรากำลังจะก้าวเข้าสู่ยุคของผู้มีพลังพิเศษกันแล้วงั้นเหรอ หลี่ว์ซู่ได้แต่คิดแล้วก็สงสัย ว่าแต่พลังที่ได้มานี่มันฝึกยังไงกันล่ะ เอ๊ะ ต้องสะสมแต้มอารมณ์ด้านลบงั้นเหรอ แค่กวนโมโหคนอื่นก็เพิ่มพลังได้แล้วงั้นเหรอ แบบนี้ก็เข้าทางหลี่ว์ซู่สุดๆ ไปเลยน่ะสิ!

Comment

Options

not work with dark mode
Reset