ที่จริงแล้วฮีโร่อย่างจ้าวหย่งเฉินไม่ได้มีจำนวนน้อยๆ เลย ฐานพลังจิตวิญญาณของหลายๆ คนถูกทำลายไปเพื่อแลกกับประโยชน์ขององค์กร และจากนั้นพวกเขาก็จะถูกยกย่องและได้รับการนับถือ หลี่ว์ซู่ชื่นชมพวกเขาเช่นกัน เพราะมันเป็นเรื่องยากที่จะเต็มใจเสี่ยงชีวิตตัวเองขนาดนั้นเพื่อเหตุผลบางอย่างที่ไม่ได้เป็นผลประโยชน์ของตน
แต่อย่างไรก็ตาม ความเป็นจริงนั้นโหดร้ายมากเพราะจ้าวหย่งเฉินจะไม่สามารถเลื่อนระดับไปมากกว่าระดับ C ได้อีกแล้ว
ตอนนี้องค์กรส่วนใหญ่ก็พัฒนาไปไกลพอสมควรแล้วตั้งแต่เริ่มยุคพลังจิตวิญญาณฟื้นคืน หลายๆ คนจะได้เห็นการเติบโตของบุคคลที่มีอำนาจ สมาชิกที่เริ่มบำเพ็ญมากหนึ่งถึงสองปีก็สามารถเลื่อนระดับเป็นระดับ C ได้แล้ว หรือกระทั่งเลื่อนเป็นระดับสูงกว่านั้นด้วยในระยะเวลาอันใกล้
เรื่องนี้ไม่ใช่แค่การคาดเดาเท่านั้น แต่เป็นเรื่องแน่นอนเลยล่ะ
เพราะฉะนั้นคนระดับ C จะไม่ใช่ของหายากอีกต่อไป ขนาดเจ้าอ้วนน้อยเฉินจู่อานก็กำลังจะเลื่อนเป็นระดับ B เลย
สำหรับคนอื่นๆ แล้วการบำเพ็ญนั้นมีความหมายเท่ากับโอกาสมากมายตราบใดที่พวกเขายังมีชีวิตอยู่
แต่สำหรับคนอย่างจ้าวหย่งเฉินนั้นกลับไมมีความหวังรอพวกเขามาก พวกเขาทำได้เพียงแค่รอดูเพื่อนๆ แข็งแกร่งมากขึ้นตามกาลเวลาเท่านั้น
หรือพูดอีกอย่างว่าพวกเขาหมดสิ้นอนาคตแล้ว
หลี่ว์ซู่นั่งคิดว่าจะช่วยพวกเขาข้ามผ่านไปได้อย่างไร ถึงแม้ว่าทางออกนั้นจะดูง่ายดายสำหรับเขา ก็คือใช้ผลล้างไขกระดูกนั่นเอง แต่อย่างไรก็ตาม คำถามที่ตามมาก็คือเขาจะช่วยอย่างไรโดยที่ความไม่แตกล่ะ
ถ้าหลิวซิวยังมีชีวิตอยู่เขาจะเอาผลล้างไขกระดูกให้หลิวซิวหรือเปล่า ก็คงจะเป็นอย่างนั้น เพราะหลิวซิวเคยช่วยชีวิตเขาไว้ ถ้าไม่มีหลิวซิวหลี่ว์ซู่ก็คงตายไปนานแล้ว
อีกอย่างหลิวซิวนั้นก็เป็นคนที่พิเศษมากเพราะเขาเป็นคนเดียวที่เคยช่วยชีวิตหลี่ว์ซู่ไว้ แต่หลี่ว์ซู่ก็หวังไว้ว่าเขาจะสามารถช่วยคนอื่นๆ ได้อีก
จ้าวหย่งเฉินไม่รู้ว่าหลี่ว์ซู่กำลังคิดอะไรอยู่ เขาก็เลยโพล่งถาม “หลี่ว์ซู่ นายอยากจะเป็นเจ้าของร้านสะดวกซื้อด้วยกันกับฉันหรือเปล่า ถ้าฉันเอาไปเสนอจงอวี้ถังแล้วเขาอาจจะปฏิเสธมาก็ได้ แต่ถ้าเป็นนายแล้วเขาอาจจะเห็นด้วย อย่าได้ดูถูกรายได้ที่เถ้าแก่ร้านสะดวกซื้อจะได้เชียวนะ ขออธิบายเพิ่มหน่อย เฮ้ย! อย่าเดินหนีกันสิ!”
หลี่ว์ซู่เดินกลับบ้านและเขาก็รู้สึกรำคาญใจเล็กน้อย หลังจากที่มีเรื่องตลกที่เฉินจู่อานและเฉิงชิวเฉี่ยวทำไว้ จ้าวหย่งเฉินก็มาพูดกับเขาเรื่องการทำธุรกิจร้านสะดวกซื้ออีกเนี่ยนะ!
ดูจากนิสัยของจ้าวหย่งเฉินแล้ว มันเป็นไปไม่ได้เลยที่เขาจะไม่วางแผนซื้อของปลอมมาขาย! หลี่ว์ซู่รู้สึกตลกกับการคาดเดาของเขาจริงๆ แต่หลี่ว์ซู่ก็รู้ว่าขนาดเขาเองก็ไม่สามารถโน้มน้าวใจจงอวี้ถังได้หรอก
เป็นไปได้ว่าจงอวี้ถังก็อาจจะส่งโยวหมิงอวี่มารับมือกับหลี่ว์ซู่อีกก็ได้
ในวันเดียวกันนั้นทีมแข่งขันจากวิทยาลัยผู้บำเพ็ญอื่นๆ ก็มาถึงที่วิทยาลัยผู้บำเพ็ญลั่วเสินแล้ว วิทยาลัยผู้บำเพ็ญลั่วเสินถูกเลือกให้เป็นเจ้าภาพจัดงานเพราะที่ตั้งของวิทยาลัยอยู่ตรงกลาง ทำให้คนอื่นๆ จากวิทยาลัยต่างๆ เดินทางมาได้อย่างสะดวก
ขณะที่หลี่ว์ซู่กำลังยืนอยู่นอกโถงทางเดิน เขาก็เห็นกลุ่มคนเดินผ่านข้างล่างเขา หลี่ว์ซู่ไม่เคยเห็นพวกเขามาก่อน
ตอนนี้นักเรียนทุกคนในวิทยาลัยผู้บำเพ็ญลั่นเสินก็ได้เข้าเรียนชั้นเรียนของหลี่ว์ซู่แล้ว ถ้าหลี่ว์ซู่ไม่คุ้นหน้าใครก็แปลว่าพวกเขามาจากวิทยาลัยอื่น
คนนำกลุ่มนั้นเป็นชายหนุ่มคนหนึ่ง เมื่อเขารู้สึกตัวว่ามีสายตาจ้องมองมาเขาก็มองจ้องมาที่หลี่ว์ซู่ ดูจากหน้าใต้หมวกนั่นแล้วเขาน่าจะอายุราวๆ 21 ถึง 25 ปี
หลี่ว์ซู่มองผู้ชายคนนั้นอย่างหวาดๆ เขาเอาหูฟังไว้ที่คอ และถือคีย์บอร์ดในมือ ดูแล้วอย่างกับนักกีฬาอีสปอร์ต
แต่คลื่นพลังงานที่เขาส่งมานั้นเป็นระดับ B ขั้นสูงเลยน่ะสิ!
ชายหนุ่มคนนั้นยิ้มให้หลี่ว์ซู่ เขาให้อารมณ์เหมือนกับเด็กผู้ชายข้างบ้านผู้อบอุ่น หลังจากที่หยุดไปสักครู่ หลี่ว์ซู่ก็พูดขึ้นมา “คุณลืมรูดซิปกางเกงแน่ะ”
[ได้รับแต้มจากเฟิงเยี่ยหมิง +88]
หลี่ว์ซู่หายใจไม่เป็นจังหวะ งั้นนี่ก็คือเฟิงเยี่ยหมิงที่ทุกคนพูดถึงกันสินะ แต่เขาไม่ได้ดูเหมือนราชันฟ้าในชุดแบบนี้เลย เขาดูเหมือนกับเกมเมอร์อย่างนั้นแหละ น่ากลัวจัง ถ้าหลี่ว์ซู่เดาอายุเขาถูก ก็แปลว่าเฟิงเยี่ยหมิงน่าจะได้เป็นราชันฟ้าตอนอายุ 20 ต้นๆ หรืออาจจะเร็วกว่านั้นอีก
มิน่าล่ะเฉินไป่หลี่ถึงเคยบอกเขาไว้ว่าเฟิงเยี่ยหมิงไม่ค่อยชอบเรื่องรุนแรงเท่าไหร่ เพราะเขายุ่งอยู่กับการเล่นเกมนี่เอง! เฟิงเยี่ยหมิงในฐานะที่เป็นหัวหน้าทีมดูแฟชั่นจ๋ามากกว่าคนอื่นๆ ในทีมเสียอีก เขาใส่เสื้อฮู้ดสีเหลืองสดและใส่กางเกงวอร์มสีเดียวกัน ขนาดคีย์บอร์ดของเขายังเป็นสีชมพูสดอีก
หลี่ว์ซู่งงมาก ทำไมเขาถึงมาที่นี่ เขาไม่ได้มาจากวิทยาลัยผู้บำเพ็ญหลู่โจวเหรอ
ที่จริงแล้วหลี่ว์ซู่เป็นเหตุผลที่เขามา เพราะในกระทู้วิทยาลัยผู้บำเพ็ญพูดถึงความเ**้ยมโหดท่านหลี่ว์ไว้เกินจริงเหลือเกิน และในขณะที่เฟิงเยี่ยหมิงกำลังเล่นเกมอยู่นั้น อาจารย์ใหญ่ของวิทยาลัยผู้บำเพ็ญหลู่โจวก็เข้ามาหาเขา และขอให้เขาตามเด็กนักศึกษาเหล่านี้ไป เผื่อว่าท่านหลี่ว์จะทำอันตรายอะไรกับพวกเขา
นอกจากนี้วิทยาลัยอื่นๆ ก็ยังทำตามเหมือนกัน ที่จริงอาจารย์ใหญ่ของวิทยาลัยอื่นๆ ก็รู้จักหลี่ว์ซู่ดี เพราะเขาเป็นสมาชิกหลักของเครือข่ายฟ้าดิน
หลี่ว์ซู่ยังคงมองเฟิงเยี่ยหมิงต่อไป แต่เฟิงเยี่ยหมิงกลับเลิกสนใจเรื่องตลกนี้และโบกมือเดินหายไปกับทีมของเขา หลี่ว์ซู่รู้สึกประหลาดใจมากที่ราชันฟ้าคนหนึ่งเป็นเกมเมอร์แบบนี้…
เขาเป็นนักเล่นอีสปอร์ตอาชีพหรือเปล่านะ เมื่อก่อนหลี่ว์ซู่ก็ได้ลองเล่นเกมยิงในร้านเกมที่เมืองหลวงเหมือนกัน และเขาก็กลายเป็นแชมป์เปียนของทั้งเซิร์ฟเวอร์เสียอย่างนั้น
ทันใดนั้นหลี่ว์ซู่ก็เกิดมีความชื่นชมท่วมท้นในใจขึ้นมา ถ้าเฟิงเยี่ยหมิงไม่ได้เป็นราชันฟ้าแล้ว เขาก็ยังเป็นตัวเองที่ชอบเล่นเกมอยู่ และเนี่ยถิงก็ไม่เคยจะบังคับเขาไปต่างประเทศด้วย ทำไมเนี่ยถิงถึงชอบบังคับเขานักนะ
แล้วโทรศัพท์ของหลี่ว์ซู่ก็ดังขึ้น เขารับสายและได้ยินโยวหมิงอวี่ถาม “เอ้า แล้วเราจะส่งทีมไหนเข้าแข่งดีล่ะหลี่ว์ซู่”
“สาขาการวิจัยสายพันธุ์อยู่แล้วสิครับ” หลี่ว์ซู่ตอบ “คุณค้านไหมล่ะครับ”
“เออ ค้านแน่ ขอค้านแบบรุนแรงเลย” โยวหมิงอวี่ตอบ
หลี่ว์ซู่เงียบไปนาน… ฮ่าๆ ไม่มีทางเลือกแล้วสินะ เขาตอบกลับเสียงแข็ง “ต้องเป็นสาขาการวิจัยสายพันธุ์เท่านั้นครับ ถ้าเป็นทีมอื่นผมไม่เข้าร่วม”
นี่เป็นโอกาสที่จะได้แต้มอารมณ์อย่างมากเลยนะ! ถ้าเขาไม่เข้าร่วม หลี่ว์เสี่ยวอวี๋ก็จะช่วยหาแต้มอารมณ์มาให้เขาได้เหมือนกัน
“พูดเองนะ…” โยวหมิงอวี่เน้น อย่างกับว่าเขาผิดหวังเล็กน้อยที่ทำหลี่ว์ซู่เสียอารมณ์ไม่ได้ แต่เอาเรื่องล้อเล่นไว้ก่อน วิทยาลัยต่างๆ นั้นเป็นกังวลเรื่องการตัดสินใจชองหลี่ว์ซู่ในตอนนี้มาก
บางทีอาจจะมีเพียงหลี่ว์ซู่เท่านั้นที่สามารถทำให้ระบบของวิทยาลัยทั้งหมดเป็นกังวลขนาดนี้ได้…