ท่านเทพ ละเว้นข้าเถอะ – ตอนที่ 786 โกงกันหรือเปล่าเนี่ย!

นักศึกษาวิทยาลัยผู้บำเพ็ญลั่วเสินค่อยๆ ชินกับเรื่องหักมุมของหลี่ว์ซู่เสียแล้ว สำหรับพวกเขาแล้วการแข่งขันระหว่างวิทยาลัยไม่ได้เป็นเรื่องน่าสนใจเท่ากับเรื่องราวที่หลี่ว์ซู่ไปเจอมาในโลกภายนอกเลย  

 

 

เพราะคู่ต่อสู้ข้างนอกนั่นคงจะไม่มาสนใจชีวิตของพวกเขา ไม่เหมือนกับชีวิตการเรียนหรอก  

 

 

ในเวลาแบบนี้พวกเขารู้สึกว่าตัวเองได้ไปเผชิญหน้าอันตรายและปาฏิหาริย์ต่างๆ ที่หลี่ว์ซู่ไปเผชิญมาเหมือนกัน  

 

 

เพราะฉะนั้นพวกเขาจึงไม่สนใจการแข่งขันที่กำลังจะมาถึงเท่าไหร่…  

 

 

ในระหว่างนั้นนักศึกษาจากวิทยาลัยอื่นก็กำลังยุ่งอยู่กับการโหวตให้กับผู้เข้าแข่งขันที่ตัวเองชอบ ที่จริงแล้วพวกเขามีกันไม่เยอะ และคนส่วนใหญ่ก็จะโหวตให้กับเพื่อนร่วมชั้นก่อน  

 

 

แต่ถึงอย่างไรพวกเขาก็เพิ่งคิดออกว่าไม่มีผู้เข้าแข่งขันจากวิทยาลัยผู้บำเพ็ญลั่วเสินเลยสักคนน่ะสิ!  

 

 

เกิดอะไรขึ้นกันนะ  

 

 

พวกเขาได้ยินว่าวิทยาลัยผู้บำเพ็ญลั่วเสินนั้นเคยวางแผนว่าจะส่งคนห้าคนจากสาขาวิจัยสายพันธุ์ แต่หลังจากนั้นท่านหลี่ว์ก็ถูกห้ามไม่ให้เข้าแข่งขัน ดังนั้นพวกเขาเลยไม่ค่อยแน่ใจเกี่ยวกับสถานการณ์ในตอนนี้ วิทยาลัยลั่วเสินจะส่งอีกทีมมาแทนหรือเปล่านะ ในเมื่อพวกเขาไม่สามารถส่งคนสี่คนจากสาขาวิจัยสายพันธุ์มาได้เนี่ยสิ!  

 

 

ไม่ว่าจะเป็นแบบไหนแล้วถ้าไม่มีท่านหลี่ว์ ลั่วเสินก็คงไม่มีโอกาสได้แชมป์ปีนี้หรอก  

 

 

อย่างไรก็ตามวิทยาลัยอื่นๆ ก็จะรู้กันว่านักศึกษาจากลั่วเสินก็จะไม่สนใจโหวตให้วิทยาลัยอื่นๆ หรอก ทุกๆ คะแนนเสียงมีค่า เพราะอาจจะทำให้ช่องว่างคะแนนเสียงของวิทยาลัยหนึ่งกับวิทยาลัยคู่แข่งห่างกันมากอย่างเห็นได้ชัดเลยก็ได้!  

 

 

บางคนลองไปขอให้นักศึกษาจากลั่วเสินโหวตสมาชิกของวิทยาลัยตัวเองประมาณว่า “อู๋เฮ่าซูจากวิทยาลัยผู้บำเพ็ญตะวันตกเฉียงเหนือของเราไม่ได้หล่ออย่างเดียวนะ แต่เขาแข็งแกร่งมากเลยน่ะสิ เขาฆ่าคนระดับ C จากองค์กรในการทำภารกิจปีที่แล้วไปตั้งสามคน!”  

 

 

พวกเขาพูดกันยาวเหยียดเพื่อที่จะเน้นย้ำความแข็งแกร่งของสมาชิกในทีมตัวเอง  

 

 

แล้วพวกนักศึกษาลั่วเสินก็จะล็อกอินเข้าไปในกระทู้เพื่อโพสต์ข้อความว่า [อู๋เฮ่าซูเจ๋งไปเลย]  

 

 

ส่วนเรื่องโหวตน่ะเหรอ พวกเขาไม่โหวตให้ใครสักคนหรอก  

 

 

เมื่อเป็นแบบนี้แล้วพวกนักศึกษาจากหลู่โจวก็เลยคิดว่าใช้ไป๋นั่วน่าจะได้เรื่องกว่า แต่นักศึกษาจากลั่วเสินกลับมีปฏิกิริยาตอบกลับเหมือนเดิม  

 

 

ซึ่งนั่นทำให้วิทยาลัยอื่นๆ อารมณ์เสียกัน ก็ไม่ส่งผู้เข้าร่วมแข่งขันมาให้โหวตแล้วทำไมถึงจะโหวตให้พวกเราแทนไม่ได้ล่ะ เข้าใจนะว่าลั่วเสินไม่เข้าร่วม แต่อย่างน้อยก็ทำอะไรหน่อยแทนที่จะนั่งเฉยๆ ได้ไหม  

 

 

นักศึกษาคนหนึ่งบ่นออกมาอย่างไม่พอใจขณะกำลังโน้มน้าวเรื่องการโหวต “พวกลั่วเสินเป็นอะไรไปหมดเนี่ย ไม่มีใครมายืนยันเรื่องผู้เข้าแข่งขันกันสักคน แล้วพวกนักศึกษาเองก็ไม่สนใจเรื่องการแข่งขันด้วย มีเกียรติกันหน่อยสิ”  

 

 

“เรามีคนระดับ B นะ” พวกนักศึกษาลั่วเสินตอบ  

 

 

“อ๋อ นี่จะส่งพวกทีมวิจัยสายพันธุ์กันมาใช่ไหม แต่ถึงมีเฉาชิงฉือในทีมก็เถอะ คิดเหรอว่าทีม 4 คนจะเอาชนะทีมเราได้”  

 

 

“เรามีระดับ B กัน 2 คนนะ” พวก นักศึกษาลั่วเสินอธิบาย  

 

 

“เดี๋ยว อะไรนะ ใครเป็นอีกคนหนึ่งล่ะ” นักศึกษาคนอื่นๆ ดูตกใจกันมาก เมื่อก่อนพวกเขารู้แค่ว่าพวกลั่วเสินมีระดับ B สองคนก็คือเฉาชิงฉือและท่านหลี่ว์ แล้วคนที่สามมาจากไหนล่ะ นี่ล้อกันเล่นหรือเปล่า  

 

 

หลังจากนั้นพวกเขาก็คะยั้นคะยอขอข้อมูลจากพวกนักศึกษาลั่วเสินกันอีก หลี่ว์เสี่ยวอวี๋นั่นเอง เธอก็เลื่อนมาเป็นระดับ B แล้วเหมือนกัน!  

 

 

ที่จริงหลี่ว์เสี่ยวอวี๋นั้นชื่อเสียงโด่งดังไปสามรัฐเพราะเธออัดทุกคนในค่ายทหารมาแล้ว ตอนนั้นเธอเป็นแค่ระดับ C แต่ตอนนี้เธออยู่ระดับ B แล้ว!  

 

 

พวกนักเรียนจากวิทยาลัยอื่นเริ่มจะคิดคำนวณกันแล้ว ที่จริงผู้เข้าแข่งขันคนอื่นนั้นเป็นระดับ C กันหมด ถ้าไม่นับเฉินจู่อานและเฉิงชิวเฉี่ยวที่น่าจะแพ้คนระดับ C ได้ พวกเขาอาจจะมีโอกาสชนะอยู่ก็ได้ถ้าพวกเขาเล็งเป้าไปที่เฉาชิงฉือและหลี่ว์เสี่ยวอวี๋แทน!  

 

 

ถึงพวกเขามีคนระดับ B สองคน แต่คนระดับ C เก้าคนก็สามารถเอาชนะคนระดับ B เพราะมีจำนวนมากกว่า!  

 

 

ในระหว่างนั้นหลี่ว์ซู่ก็กำลังเล่นหมากรุกจีนกับหลี่ว์เสี่ยวอวี๋ เฉินจู่อาน และเฉิงชิวเฉี่ยวอยู่ พวกเขาลงพนันกันห้าหยวนต่อหนึ่งตา เฉาชิงฉือกำลังนั่งอ่านหนังสือเงียบๆ อยู่ข้างๆ พวกเขา หนังสือที่อยู่ในมือเธอนั้นเปลี่ยนเป็นเรื่องสัมพัทธภาพของไอน์สไตน์จากประวัติย่อของกาลเวลา และไม่มีใครสนใจเสียงดังหนวกหูข้างนอกเลย  

 

 

หมากรุกจีนตานี้ค่อนข้างจะเข้มข้นทีเดียว เฉินจู่อานและเฉิงชิวเฉี่ยวรู้สึกว่าพวกเขาโดนหลี่ว์ซู่และหลี่ว์เสี่ยวอวี๋หลอกเอา เพราะพวกเขาเล่นเข้าขากันดีมากเกินไป  

 

 

ไม่ใช่แค่นั้นนะ แต่เฉิงชิวเฉี่ยวก็พยายามจะเล็งเป้าไปที่เฉินจู่อานเหมือนกัน…  

 

 

เฉินจู่อานไม่ได้เล่นตามกติกาเท่าไหร่ เขาชอบขอเดินใหม่เพราะเพิ่งเห็นว่าตัวเองเดินหมากไปช่วยให้ฝ่ายตรงข้ามได้เปรียบ แล้วตอนนี้เฉิงชิวเฉี่ยวก็จ้องเขาเขม็ง “เดินแล้วห้ามขอเดินใหม่ ไม่รู้เหรอ”  

 

 

แต่เฉินจู่อานนั้นหน้าด้านมาก คำพูดของเฉิงชิวเฉี่ยวทำอะไรเขาไม่ได้หรอก   

 

 

ตอนแรกหลี่ว์ซู่ก็ไม่สนใจเข้าไปขัดหรอก แต่เมื่อเฉินจู่อานหยิบหมากตัวเองขึ้นมาหลังจากรู้ว่าตัวเองทำให้หลี่ว์ซู่ได้เปรียบ หลี่ว์ซู่ก็มองเขาด้วยสีหน้าเรียบๆ แล้วพูดว่า “ห้ามย้ายหมากหลังจากขอเดินใหม่นะ”  

 

 

หลี่ว์เสี่ยวอวี๋กลอกตาใส่หลี่ว์ซู่ทันที และเฉิงชิวเฉี่ยวก็มองเขาด้วยความประหลาดใจ พี่ซู่พูดเองนี่ดีกว่าจริงๆ  

 

 

[ได้รับแต้มอารมณ์จากเฉินจู่อาน +666]  

 

 

เจ้าอ้วนน้อยเชื่อฟังอย่างไม่เต็มใจ  

 

 

ตอนนี้ใบหน้าของเฉินจู่อานก็แปลกไป เขานั่งอยู่ไม่สุขบนเก้าอี้และกลายเป็นสีแดง หลังจากที่เงียบไปหลี่ว์ซู่ก็เตือน “แกตายแน่ถ้าแกอึแตกในห้องแลปนี้”  

 

 

เฉินจู่อานเลยรีบวิ่งออกไปในห้องแลปที่ไม่มีคนอยู่และตะโกน “ผมกำลังจะเลื่อนระดับแล้วครับ!”  

 

 

หลี่ว์ซู่และหลี่ว์เสี่ยวอวี๋มองหน้ากันด้วยความประหลาดใจ ถึงเวลาแล้วจริงๆ สินะ การเลื่อนระดับมาแบบไม่ทันตั้งตัวได้ง่ายๆ แบบนี้เลย  

 

 

ในเวลาเดียวกันนั้นนักศึกษาลั่วเสินก็กำลังเถียงกับวิทยาลัยอื่นว่าวิทยาลัยตัวเองจะเป็นผู้ชนะด้วยระดับ B สองคนที่มีในทีมนั่นแหละ  

 

 

ไม่ว่าอย่างไรการที่มีระดับ B สองคนเป็นเพื่อนในวิทยาลัยก็ถือว่ามีเกียรติมาก  

 

 

แล้วพวกเขาก็ได้ยินเสียงหัวเราะดังลั่นจากที่ไหนสักแห่งในอาคารเรียน “ฮ่าๆ ๆๆ เฉินจู่อานคนนี้ก็เพิ่งจะเป็นระดับ B ด้วยเหมือนกันล่ะ!”  

 

 

ไม่นึกไม่ฝันมาก่อนเลย ตอนนั้นมีนักศึกษาจากวิทยาลัยตะวันตกเฉียงเหนือโพสต์ลงไปในกระทู้ว่า [เราทำพวกเธอเหนื่อยแทบตายในการต่อสู้ได้นะ ถึงพวกเธอจะมีระดับกันสองคนก็เถอะ…]  

 

 

นักเรียนจากลั่วเสินเงียบไปสักครู่ แล้วจึงตอบกลับ [ตอนนี้เรามีสามคนแล้ว…]  

ท่านเทพ ละเว้นข้าเถอะ

ท่านเทพ ละเว้นข้าเถอะ

หลี่ว์ซู่ เป็นเด็กกำพร้าที่หาเลี้ยงตัวเองมาโดยตลอด และก็คงจะหาเลี้ยงตัวเองเช่นนี้ต่อไปเรื่อยๆ ถ้าเขาไม่ได้ประสบอุบัติเหตุรถชนเข้าเสียก่อน… แต่เฮ้ย! เขาไม่เป็นอะไรเลยนี่ ไม่เจ็บ ไม่ปวด และไม่ตาย แถมวิญญาณไม่ได้หลุดออกจากร่างด้วย! จะมีก็แต่สัญลักษณ์รูปต้นไม้ที่จู่ๆ ก็ปรากฏขึ้นมาบนฝ่ามือและพลังพิเศษในตัวที่ตื่นขึ้นมาเท่านั้น! ทว่าเขาไม่ได้เป็นเพียงคนเดียวที่ได้รับพลังพิเศษนี้มา เพราะคนอื่นๆ เองก็เริ่มกลายเป็นผู้มีพลังแล้วเหมือนกัน นี่มันเรื่องบ้าอะไร เกิดอะไรขึ้นกับโลกใบนี้กันแน่ นี่เรากำลังจะก้าวเข้าสู่ยุคของผู้มีพลังพิเศษกันแล้วงั้นเหรอ หลี่ว์ซู่ได้แต่คิดแล้วก็สงสัย ว่าแต่พลังที่ได้มานี่มันฝึกยังไงกันล่ะ เอ๊ะ ต้องสะสมแต้มอารมณ์ด้านลบงั้นเหรอ แค่กวนโมโหคนอื่นก็เพิ่มพลังได้แล้วงั้นเหรอ แบบนี้ก็เข้าทางหลี่ว์ซู่สุดๆ ไปเลยน่ะสิ!

Comment

Options

not work with dark mode
Reset