ท่านเทพ ละเว้นข้าเถอะ – ตอนที่ 787 พายุกำลังมา

เมื่อข่าวที่วิทยาลัยผู้บำเพ็ญลั่วเสินมีคนระดับ B สามคนออกไป นักศึกษาวิทยาลัยอื่นต่างก็คิดแบบเดียวกันว่า วิทยาลัยลั่วเสินโกงกันแน่ๆ!  

 

 

ถ้าพวกเขาแค่พอมีหวังที่จะชนะคนระดับ B สองคนแล้วล่ะก็ การจะเอาชนะคนระดับ B สามคนนั้นดูท่าจะเกินกำลังวิทยาลัยของพวกเขาไปมาก  

 

 

ตอนแรกวิทยาลัยลั่วเสินก็ไม่ได้เป็นคู่แข่งที่สำคัญอะไรหรอก แต่ตอนนี้พวกเขาได้กลายเป็นศัตรูตัวเป้งเสียแล้ว  

 

 

เหมือนกับว่านักศึกษาคนอื่นๆ กำลังเจอบอสในเกมอยู่เลย แถมยังมีบอสใหญ่ตั้งสามตัวอีกด้วย  

 

 

นั่นทำให้ทุกคนงงกันมาก ทำไมผู้คนรอบๆ ตัวท่านหลี่ว์ถึงได้ทรงพลังกันขนาดนี้นะ  

 

 

แต่ก็ยังไม่มีหลักฐานที่แน่ชัดว่าเฉินจูอ่านได้เลื่อนระดับเป็นระดับ B แล้วจริงๆ เพราะนักศึกษาที่มีศักยภาพการบำเพ็ญระดับ A นั้นเคยเจอเฉินจู่อานมาแล้ว และก็เห็นว่าศักยภาพของเฉินจู่อานนั้นไม่ได้ดีเท่าของพวกเขา  

 

 

เพราะฉะนั้นเขาก็เลยโดนดูถูกว่าเป็นคนที่ใช้วิธีที่หน้าไม่อาย ถึงกับมีข่าวลือว่าที่เขาเข้าร่วมกับพวกศักยภาพการบำเพ็ญระดับ A เป็นเพราะเขารู้จักกับเฉินไป่หลี่ ไม่อย่างนั้นเขาคงไม่ปรากฏตัวแบบกะทันหันในทีมอย่างนี้หรอก  

 

 

ถึงไอ้หมอนี่ก็มีศักยภาพการบำเพ็ญแย่กว่าคนอื่นๆ แต่เขากลับเลื่อนระดับเป็นระดับ B ก่อนคนอื่นงั้นเหรอ!  

 

 

นี่มันบ้าอะไรกันเนี่ย หรือเขากินแต่ศิลาวิญญาณทั้งวันกันนะ  

 

 

เขาต้องกินศิลาวิญญาณเป็นขนมเพื่อเร่งการบำเพ็ญเพียรแน่ๆ !  

 

 

อย่างไรก็ตามพวกหัวกะทิศักยภาพการบำเพ็ญระดับ A หลายคนก็ไม่อยากจะเชื่อว่าเฉินจู่อานจะเป็นคนระดับ B แล้วจริงๆ พวกเขาบอกนักศึกษาคนอื่นๆ ว่า “พวกเขาน่าจะแค่โม้ไปอย่างนั้นแหละ พวกเราอย่าไปหลงเชื่อลูกไม้ตื้นๆ แบบนั้นนะ”  

 

 

ในความเป็นจริงแล้วทุกทีมจะทำการวิเคราะห์สถานการณ์ก่อนการแข่งขัน ฉะนั้นก็ต้องขอบคุณข้อมูลที่พวกหัวกะทิศักยภาพการบำเพ็ญระดับ A ให้มา ทุกทีมจึงทราบดีว่าเฉิงชิวเฉี่ยวและเฉินจู่อานนั้นไม่อันตรายเท่าไหร่ เพราะเฉิงชิวเฉี่ยวยังไม่ได้ปะทุพลังใดๆ และเฉินจู่อานเองก็ยังไม่ได้มีศักยภาพการบำเพ็ญระดับ A ด้วย ส่วนคนอื่นๆ คือเฉาชิงฉือนั้นน่าจะรับมือได้ยาก และความสามารถในการต่อสู้หลังจากการเลื่อนระดับของหลี่ว์เสี่ยวอวี๋เองก็ยังเป็นเรื่องลึกลับอยู่  

 

 

ตอนแรกพวกเขามั่นใจกันมากว่าไม่ต้องไปสนใจเฉินจู่อานหรอก แต่กลายเป็นว่าผู้ชายคนนี้เลื่อนระดับเป็นระดับ B ก่อนคนอื่นๆ ไปเสียนี่…  

 

 

น่าขำซะจริงๆ …  

 

 

ดังนั้นทุกคนเลยไม่เชื่อว่าเฉินจู่อานจะเลื่อนระดับเป็นระดับ C จริงๆ นี่ต้องโกหกกันแน่!  

 

 

แต่ตอนนี้กลับมีคนโพสต์รูปที่เจ้าอ้วนน้อยกำลังทดสอบความสามารถทางกายภาพของเขาในห้องฝึกซ้อมหลังจากที่เลื่อนระดับแล้ว เรื่องนี้อาจจะไม่ใช่เรื่องล้อเล่นแล้วก็ได้  

 

 

ในระหว่างนั้นหลี่ว์ซู่ก็งงเหมือนกัน ทำไมเขาถึงได้แต้มอารมณ์มากมายขนาดนี้หลังจากที่เฉินจู่อานเลื่อนระดับสำเร็จด้วยนะ  

 

 

อย่างไรก็ตามเขาก็ไม่รู้ว่ามีคนตั้งมากมายให้แต้มอารมณ์เขามาเยอะแยะ หลังจากการเลื่อนระดับของหลี่ว์เสี่ยวอวี๋และเฉินจู่อาน  

 

 

เอาเข้าจริงแล้วพวกเขาก็มีเหตุผลอยู่เหมือนกัน หลี่ว์ซู่รู้สึกว่าตัวเองเป็นพ่อคนเพราะเขาจะต้องทำอาหารให้หลี่ว์เสี่ยวอวี๋กินทุกวัน แถมยังต้องคอยห้ามเฉิงชิวเฉี่ยวและเฉินจู่อานทะเลาะกันอีก  

 

 

ตอนนี้เพื่อนรักก็กลายมาเป็นเพื่อนรักหักเหลี่ยมโหดแทนเสียแล้ว หลี่ว์ซู่ล่ะปวดหัวจริงๆ   

 

 

แล้วหลี่ว์ซู่ก็กลายมาเป็นหัวข้อที่คนในกระทู้มูลนิธิพูดถึงกันให้แซ่ด  

 

 

ตอนแรกก็มีข่าวลือเรื่อง ‘ไปที่ภูเขาจั่งไป๋ตอนนี้เลย! มีสมบัติรอยู่ที่นั่น!’  

 

 

และขณะเดียวกันนั้นก็มีคนพูดกันเล่นๆ ว่าอยากจะหาทีมไปตามล่าหาสมบัติ แต่ไม่มีใครจะออกไปทำอย่างนั้นจริงๆ หรอก เพราะพวกเขาไม่เชื่อว่าข้อมูลที่ได้จะน่าเชื่อถือ  

 

 

แต่วันนี้กลับกลายเป็นว่ามีบัญชีผู้ใช้หนึ่งบนกระทู้ที่ไม่เปิดเผยชื่อเริ่มโพสต์เกี่ยวกับตำนานของเทือกเขาจั่งไป๋ และยังย้ำด้วยว่าข่าวลือที่ว่าน่าจะเป็นความจริงขึ้นมา  

 

 

หลี่ว์ซู่รู้สึกแปลกๆ กับข่าวลือพวกนี้ และเขาเชื่อว่าต้องมีคนอยู่เบื้องหลังเรื่องนี้แน่นอน อีกอย่างนั้นผู้คนก็ชอบปล่อยข่าวลือที่มาจากตำนานที่ไม่ค่อยน่าเชื่อถือเท่าไหร่  

 

 

เดี๋ยววันหนึ่งความลับก็ถูกเปิดเผยออกมาเอง หลี่ว์ซู่เชื่ออย่างนั้น  

 

 

อย่างไรก็ตามมีคนรู้สึกสนุกสนานตามไปกับความคิดนี้ และมีโพสต์หนึ่งกล่าวว่า [ที่จริงแล้วทำไมพวกเราไม่ลองไปดูซักหน่อยล่ะ ไปกันในวันหยุด เราเข้ากันไปทางท่าเรืออาร์เตมและมุ่งหน้าไปทางตะวันตกเฉียงใต้ตรงไปยังเทือกเขาจั่งไป๋ได้นะ ไม่ว่ายังไงพวกเครือข่ายฟ้าดินก็ไม่ห้ามเราออกไปนอกเขตพื้นที่ดูแลของพวกเขาหรอก แล้วเราก็จะได้ไปเสี่ยงโชคเดินรอบๆ เทือกเขากัน ขอบอกเลยว่าเดินทางคุ้มเพราะวิวสวยมาก]  

 

 

เส้นทางที่กล่าวมาเป็นเส้นทางที่ปลอดภัยสำหรับโลกของการบำเพ็ญในการเดินสู่เทือกเขาจั่งไป๋ นอกจากนี้พวกนกกระจอกแดงจะดูแลแค่เฉพาะพื้นที่ทางตะวันตกเฉียงเหนือของรัสเซียเท่านั้น ท่าเรืออาร์เตมอยู่นอกเหนือการดูแลของพวกเขา อย่างไรก็ตามก็มีองค์กรขนาดเล็กๆ กระจัดกระจายอยู่ในส่วนอื่นๆ ของประเทศเช่นกัน ดูเหมือนว่าพวกนกกระจอกแดงจะไม่ต้องการกวาดล้างพวกเขาไปหมด  

 

 

หลี่ว์ซู่รีบโทรหาหลี่เสียนอีเพื่อพูดคุยเรื่องที่เขากังวลใจ และหลี่เสียนอีก็บอกมาเองด้วยว่าช่วงนี้มีจำนวนบัญชีผู้ใช้ที่เพิ่มมากขึ้นมากผิดปกติในกระทู้มูลนิธิด้วย  

 

 

เมื่อก่อนนั้นมูลนิธิเคยสัญญาว่าพวกเขาจะไม่ไปตามหาว่าบัญชีผู้ใช้ที่คนทั้งหลายใช้เป็นใคร แต่พวกเขาก็ยังต้องจับตาดูเรื่องที่เป็นกระแสในตอนนี้อย่างใกล้ชิด  

 

 

หลี่เสียนอีตอบกลับ “เดี๋ยวฉันจะจับตาดูเรื่องนี้ไว้ เราจะไม่ยอมตามล่าหาความจริงเรื่องเผ่าโบราณอี๋หรอกนะ พอฉันว่างเมื่อไหร่แล้วจะไปภูเขาจั่งไป๋ด้วยตัวเอง หรืออาจจะนัดเจอเนี่ยถิงเพื่อหารือก็ได้”  

 

 

“แล้วปู่ได้วิญญาณกระบี่หรือยัง” หลี่ว์ซู่ถาม  

 

 

“เออ ได้แล้ว” หลี่เสียนอีตอบกลับด้วยเสียงหัวเราะ “นายช่วยหอเกียรติกระบี่ไว้มาก และนายก็เป็นผู้บุกเบิกทางใหม่ของการบำเพ็ญเลยนะ”  

 

 

“ว่าแต่” หลี่ว์ซู่ถาม “วิญญาณกระบี่ของปู่หน้าตาเป็นยังไง ทำอะไรได้บ้างครับ”  

 

 

จากนั้นเขาก็ได้ยินเสียงหัวเราะร่าเริงของหลี่เสียนอีจากอีกฝั่งของโทรศัพท์ “วิญญาณกระบี่ของฉันเปลี่ยนร่างตามกระบี่แห่งเจตจำนงได้ เมื่อมันเข้าหลอมกับมีดบินของฉันแล้ว มันจะเพิ่มพลังมหาศาลให้กับกระบี่ของฉันเลยล่ะ ขอบอกเลยว่าตอนนี้ฉันมีโอกาสชนะปรมาจารย์หุ่นเชิดมากเชียวล่ะ! เอ้อ พูดถึงเรื่องนี้แล้ววิญญาณกระบี่ของนายเป็นอย่างไรบ้างล่ะ”  

 

 

หลี่ว์ซู่หัวเราะเจือน้ำเสียงที่รู้สึกผิด “ฮ่าๆ ก็เหมือนของปู่แหละครับ…”  

 

 

เห็นได้ชัดว่าวิญญาณกระบี่ของปู่ยังเป็นรูปร่างของกระบี่ และมีเพียงของหลี่ว์ซู่เท่านั้นที่อยู่ในร่างมนุษย์ อีกอย่างวิญญาณกระบี่ของเขาก็ยังไม่สมบูรณ์ด้วย เขาจะไม่มีวันยอมรับหรอกว่าวิญญาณกระบี่ของเขาทำอะไรได้บ้าง ไม่มีใครรู้หรอกว่าวิญญาณกระบี่ของเขาเป็นอย่างไร เว้นแต่คนที่เห็นการต่อสู้ของเขาและซาตานเท่านั้นแหละ  

 

 

หลังจากที่เขาวางหูโทรศัพท์ หลี่ว์ซู่ก็เดินออกมาด้วยความรู้สึกปนเปไปหมด ไม่ยุติธรรมเลยที่วิญญาณกระบี่ของปู่ทรงพลังกว่าและเท่กว่าของเขา!  

 

 

แล้วจากนั้นเขาก็แอบฟังนักศึกษาคนอื่นคุยกัน “ได้ยินว่าทั้งทีมหลู่โจวตอนนี้อยู่ที่ร้านเกมล่ะ นายว่าพวกนั้นจะถูกราชันฟ้าเฟิงเยี่ยหมิงชวนไปหรือเปล่า”  

 

 

“ฮ่าๆ ไปดูกันเถอะ เคยเห็นราชันฟ้าเล่นเกมคอมพิวเตอร์มาก่อนหรือเปล่า ฉันเองไม่เคยเห็นคนหนึ่งล่ะ”  

 

 

หลี่ว์ซู่คิดพักหนึ่งก่อนตัดสินใจเดินตามคนกลุ่มนั้นไปดู ตอนนี้ถนนรอบๆ วิทยาลัยลั่วเสินก็คึกคักและเต็มไปด้วยร้านรวง เพราะคนขายพวกนี้รู้ว่านักศึกษาจะทำให้พวกเขาขายดีแน่ๆ   

 

 

ร้านเกมตั้งอยู่ข้างๆ ตลอดมืดพอดี ปกติแล้วแถวนี้จะเต็มไปด้วยผู้บำเพ็ญลับ เมื่อหลี่ว์ซู่เดินเข้าไปก็ได้กลิ่นบุหรี่แรงมาก และเขาก็ได้ยินผู้คนกำลังตะโกนและก่นด่ากันเสียงดัง ดูเหมือนการแข่งเกมจะทำให้หลายคนหัวเสียทีเดียว  

 

 

หลี่ว์ซู่มองไปเห็นสมาชิกทีมของหลู่โจวห้าคนกำลังทำให้สถานการณ์ปั่นป่วนกันด้วยความประหลาดใจ มีสี่คนที่กำลังโกรธจัด ในขณะที่เฟิงเยี่ยหมิงเป็นสุภาพบุรุษที่ใจเย็นมาก  

 

 

หลี่ว์ซู่ต้องขอชมความมีมารยาทของเขาเลย  

 

 

แต่หลังจากสองนาทีผ่านไป เขาก็เห็นว่าเฟิงเยี่ยหมิงเป็นคนที่ถูกด่าอยู่ต่างหาก…  

ท่านเทพ ละเว้นข้าเถอะ

ท่านเทพ ละเว้นข้าเถอะ

หลี่ว์ซู่ เป็นเด็กกำพร้าที่หาเลี้ยงตัวเองมาโดยตลอด และก็คงจะหาเลี้ยงตัวเองเช่นนี้ต่อไปเรื่อยๆ ถ้าเขาไม่ได้ประสบอุบัติเหตุรถชนเข้าเสียก่อน… แต่เฮ้ย! เขาไม่เป็นอะไรเลยนี่ ไม่เจ็บ ไม่ปวด และไม่ตาย แถมวิญญาณไม่ได้หลุดออกจากร่างด้วย! จะมีก็แต่สัญลักษณ์รูปต้นไม้ที่จู่ๆ ก็ปรากฏขึ้นมาบนฝ่ามือและพลังพิเศษในตัวที่ตื่นขึ้นมาเท่านั้น! ทว่าเขาไม่ได้เป็นเพียงคนเดียวที่ได้รับพลังพิเศษนี้มา เพราะคนอื่นๆ เองก็เริ่มกลายเป็นผู้มีพลังแล้วเหมือนกัน นี่มันเรื่องบ้าอะไร เกิดอะไรขึ้นกับโลกใบนี้กันแน่ นี่เรากำลังจะก้าวเข้าสู่ยุคของผู้มีพลังพิเศษกันแล้วงั้นเหรอ หลี่ว์ซู่ได้แต่คิดแล้วก็สงสัย ว่าแต่พลังที่ได้มานี่มันฝึกยังไงกันล่ะ เอ๊ะ ต้องสะสมแต้มอารมณ์ด้านลบงั้นเหรอ แค่กวนโมโหคนอื่นก็เพิ่มพลังได้แล้วงั้นเหรอ แบบนี้ก็เข้าทางหลี่ว์ซู่สุดๆ ไปเลยน่ะสิ!

Comment

Options

not work with dark mode
Reset