ท่านเทพ ละเว้นข้าเถอะ – ตอนที่ 798 โยวหมิงอวี่เจ้าหน้าที่ผู้โหดเหี้ยม

การแข่งขันระหว่างเจ็ดวิทยาลัยที่เตรียมตัวกันมานานก็ต้องจบลงแบบนี้ ชั้นเรียนกลับมาสอนตามปกติเหมือนกับว่าไม่มีการแข่งขันมาก่อน นักศึกษาถูกกำแพงพลังล่องหนกั้นไว้ตามห้องเรียน และพวกเขาก็ทำอะไรไม่ได้นอกจากเข้าเรียนไปเท่านั้น จงอวี้ถังทำแบบนี้ก็เพราะกันไม่ให้นักศึกษาทั้งหลายตามไปที่ภูเขาจั่งไป๋อย่างไม่คิดหน้าคิดหลัง

 

 

นี่ไม่ใช่การหลบภัยไว้เมื่อเกิดภัยพิบัติ แต่เป็นสงครามของจริงต่างหาก เพราะฉะนั้นการมีระเบียบวินัยเป็นเรื่องสำคัญที่สุด

 

 

แต่หลี่ว์ซู่ไม่คาดคิดเลยว่าสงครามจะขึ้นเร็วขนาดนี้ ตอนที่เขากำลังจะกลับบ้าน โยวหมิงอวี่ก็รีบออกจากวิทยาลัยลั่วเสินไป พอหลี่ว์ซู่ถามว่าเกิดอะไรขึ้น เขาก็ไม่ตอบ

 

 

โยวหมิงอวี่อยู่ในรถที่ขับออกไปได้สิบเมตร หลังจากนั้นรถก็ถอยกลับมา โยวหมิงอวี่เดินลงมาจากรถและมองไปที่หลี่ว์ซู่อย่างใจเย็น “ถ้าฉันแข็งแกร่งได้เท่านาย ป่านนี้ฉันไปอยู่ที่ภูเขาจั่งไป๋แล้ว ฉันเข้าใจนายดีว่านายมีเรื่องบางอย่างที่ยากจะพูดออกมา แต่คนที่นั่นกำลังตายกันนะ เมื่อวานน่าหลานเชวี่ยกับหลี่อีเสี้ยวเพิ่งฆ่าผู้เชี่ยวชาญระดับ B ที่หลบอยู่ในภูเขาไป แต่น่าหลานเชวี่ยถูกซุ่มโจมตีแล้วก็ถูกฟันเข้าที่เอวด้วย เธอเกือบตายเลยนะ หลี่ว์ซู่…เมื่อไหร่ฉันจะได้เรียกนายว่าราชันฟ้าหลี่ว์กันเนี่ย ฉันรอวันนั้นอยู่นะ”

 

 

หลี่ว์ซู่เงียบไป แล้วโยวหมิงอวี่ก็ขึ้นรถจากไปโดยไม่รอคำตอบ

 

 

แต่หลี่ว์ซู่สัมผัสได้ว่าโยวหมิงอวี่มีจิตสังหารอยู่เต็มไปหมด เขาพากำลังคนไปด้วยร้อยคน หนทางข้างหน้าคงไม่ใช่เรื่องง่ายเลย

 

 

ในขณะนั้นการกวาดล้างก็ได้เริ่มขึ้นในบริเวณหนึ่งที่อยู่ภายใต้ดูแลของเครือข่ายฟ้าดิน โยวหมิงอวี่กลับมาที่ตลาดมืดใกล้ถนนหมายเลข 301 เพื่อออกคำสั่งให้ปิดสถานที่นั้น หลังจากนั้นเขาก็เริ่มขานชื่อ!

 

 

ผู้คนเดินก้าวออกมาทีละคน พวกเขาอาจจะเป็นผู้บำเพ็ญลับที่ชราแล้วหรือเป็นชายหนุ่มก็ได้ ทุกคนถูกเรียกโดยไม่มีข้อยกเว้น ส่วนพวกเขาถูกพาไปที่ไหนก็ไม่มีใครทราบ

 

 

ในขณะเดียวกันนั้นก็มีเหตุการณ์เดียวกันนี้เกิดขึ้นรอบๆ ประเทศ หลังจากหนึ่งปีที่สงบสุขผ่านไป เครือข่ายฟ้าก็กลับชูมีดขึ้นมาเตรียมสู้ เครือข่ายฟ้าดินยังมีความคิดต่อพวกคนนอกเหมือนเดิม ก็คือพวกเขาเหล่านั้นได้ทรยศต่อแผ่นดินเกิดของตัวเอง

 

 

เป็นกบฏขายชาติ!

 

 

ตอนแรกทุกคนก็กังวลว่าเครือข่ายฟ้าดินกลายเป็นบ้าไปแล้วหรือเปล่า แต่ตอนนี้พวกเขาเข้าใจแล้วว่าคนที่ถูกจับมานั้นเคยเป็นสายลับที่หลบซ่อนอยู่ในประเทศนี้มาก่อน!

 

 

ยิ่งไปกว่านั้นเครือข่ายฟ้าดินก็รู้ตัวตนที่แท้จริงของพวกสายลับพวกนี้แล้ว แต่ไม่ได้จับตัวพวกเขาไว้ แต่พอเกิดศึกสงครามขึ้นมาเครือข่ายฟ้าดินก็ไม่ลังเลแม้แต่น้อยที่จะกวาดล้างอาณาเขตของพวกเขาให้เกลี้ยง!

 

 

หลี่ว์ซู่มีอำนาจขั้นสูง เขารู้ได้เลยว่าภารกิจการจับกุมตัวสายลับเหล่านี้จะออกมาสำเร็จหรือเปล่า เขารู้ว่าโยวหมิงอวี่และจงอวี้ถังเก่งกันมาก ไม่ว่าอย่างไรแล้วทุกคนที่รับผิดชอบในแผนกต่างๆ ของเครือข่ายฟ้าดินก็รู้ว่าวันนี้จะมาถึงอยู่ดี และพวกเขาก็เตรียมตัวกันมาเรียบร้อย

 

 

เมื่อก่อนพวกเขาอาจจะอยากเก็บสายลับไว้เพื่อปล่อยข่าวปลอมพวกนี้ไว้ แต่ตอนนี้ไม่มีใครสนใจแล้ว พวกเขาจะทำการกวาดล้างไปให้หมดทั่วประเทศ พวกเขาจะไม่ยอมให้สายลับพวกนี้เข้ามายุ่มย่ามในเรื่องภายในอีกต่อไป!

 

 

มีหมายเรียกตัวต้องการคนจากหลายๆ องค์กรออกมา ตอนนี้พวกสายลับก็ถูกจับตัวไว้หมดแล้ว

 

 

ในขณะที่หลี่ว์ซู่กำลังเฝ้าดูข้อมูลพวกนี้ผ่านระบบอยู่นั้น เขาก็รู้สึกขึ้นมาแล้วว่าสงครามกำลังจะเริ่มแล้วจริงๆ

 

 

และสงครามก็ไม่ได้เกิดแค่เพียงในจีนเท่านั้น องค์กรต่างๆ ในหลายประเทศเกิดการลุกฮือขึ้นมา ตอนแรกองค์กรพวกนี้อยากจะมากันที่ภูเขาจั่งไป๋ แต่หลังจากการลุกฮือก็ทำให้มีหัวหน้ากลุ่มใหม่เกิดขึ้น และพวกเขาก็ไม่ได้ข่าวจากองค์กรเหล่านั้นอีกเลย

 

 

บบบางคนพูดกันว่าเครือข่ายฟ้าดินต้องอยู่หลังเรื่องนี้แน่ เพราะพวกเครือข่ายฟ้าดินไม่เคยออกมายอมรับอะไรเลย ราวกับว่าความขัดแย้งภายในขององค์กรเหล่านี้ไม่มีส่วนเกี่ยวข้องอะไรกับเครือข่ายฟ้าดินสักนิด

 

 

ถึงแม้ว่าองค์กรเล็กๆ จะโดนผลกระทบไปด้วย แต่ทั้งโลกแห่งการบำเพ็ญเพียรนั้นเห็นความมุ่งมั่นของเครือข่ายฟ้าดินแล้ว

 

 

เครือข่ายฟ้าดินยังคงฆ่าผู้คนอย่างเงียบๆ อยู่

 

 

หลายปีต่อมามีคนขนานชื่อวันแห่งสงครามนี้ว่าวันแห่งการนองเลือด คืนนั้นทำเอาคนทั้งโลกแห่งการบำเพ็ญเพียรสับสนกันไปหมด เครือข่ายฟ้าดินทำตัวเหมือนเป็นยมทูตที่สวมเสื้อคลุมสีดำและคร่าชีวิตพวกสายลับไปทีละคน และยังมีโศกนาฏกรรมเช่นนี้เกิดขึ้นหลายๆ ที่ในต่างประเทศด้วย

 

 

ราวกับว่ามีคนวางระเบิดกับดักไว้ในโลกแห่งการบำเพ็ญเพียร และระเบิดเหล่านั้นถูกจุดชนวนขึ้นในวันนี้

 

 

วันนี้มีคนตายไปมากกว่าพันคน ไม่มีใครคาดคิดมาก่อนว่าการโจมตีของเครือข่ายฟ้าดินจะโหดร้ายได้ถึงเพียงนี้

 

 

ทันใดนั้นทุกคนก็เข้าใจแล้วว่าเครือข่ายฟ้าดินมีความกล้าที่จะล้มล้างทั้งระบบไปให้สิ้น

 

 

โยวหมิงอวี่ยืนอยู่ที่หน้าประตูตลาดมืดและนับจำนวนผู้บำเพ็ญด้วยสีหน้าบึ้งตึง ปกติแล้วโยวหมิงอวี่จะเป็นคนใจดี แต่เมื่อเขาสวมเครื่องแบบสีดำของเครือข่ายฟ้าดินแล้ว เขาก็กลายเป็นเจ้าหน้าที่ผู้โหดเ**้ยมทันที

 

 

ผู้บำเพ็ญลับไม่เคยเห็นโยวหมิงอวี่ในด้านนี้มาก่อน ไม่มีใครรู้เขาได้ฆ่าคนที่ต่างประเทศไปกี่คนแล้วก่อนจะกลับมาที่เครือข่ายฟ้าดินในครั้งนี้

 

 

จู่ๆ ก็มีผู้บำเพ็ญลับวิ่งไปที่ทางหลวงด้วยความตื่นตระหนก

 

 

โยวหมิงอวี่ส่งมีดบินสีแดงสดพุ่งไปปักที่หัวใจของผู้บำเพ็ญลับคนนั้น เสียงมีดบินหวีดหวิวที่ตัดผ่านอากาศไปนั้นทำให้คนอื่นๆ ที่ได้ยินเสียวสันหลังไปตามๆ กัน แสงสีแดงสดเหมือนเลือดที่ปรากฏในค่ำคืนอันมืดมิดนี้ช่างดูน่ากลัวเหลือเกิน

 

 

ปีที่ผ่านมาเป็นปีที่มีความสงบสุขมาก เครือข่ายฟ้าดินปิดบังคมกระบี่ของตัวเองไว้มาตลอด แต่ผู้บำเพ็ญลับทั้งหลายก็รู้ว่าในเครือข่ายฟ้าดินจะต้องมีคนอย่างโยวหมิงอวี่อยู่อีกมากมายแน่

 

 

โยวหมิงอวี่มองกลับมาที่ผู้บำเพ็ญลับคนอื่นๆ แล้วยิ้ม “มีรางวัลสำหรับการรายงานสายลับให้นะ จะได้ศิลาวิญญาณหนึ่งเม็ดต่อหนึ่งการรายงาน และแน่นอนว่าจะต้องเอาหลักฐานที่เชื่อถือได้มาแสดงด้วย”

 

 

แสงของหลอดไฟในตลาดมืดส่องลงมาที่โยวหมิงอวี่ เผยให้เห็นฟันที่ขาวสะอาดของเขา

 

 

ตอนนี้เครือข่ายฟ้าเดือดจัดแล้ว พวกเขาจะเชือดไก่ให้ลิงดูด้วยเลือด

 

 

ผู้บำเพ็ญลับกว่าพันๆ คนและองค์กรใหญ่ๆ วางแผนจะเข้าภูเขาจั่งไป๋ในวันนี้ และนี่เป็นเพียงแค่ชุดแรกเท่านั้น องค์กรระดับต้นๆ อย่างกลุ่มแก่นความเชื่อ กลุ่มฟีนิกซ์ กลุ่มดังเคอร์ และกลุ่มเพลดจ์ยังไม่มาถึงในตอนนี้

 

 

กลุ่มนกกระจอกแดงและผู้บำเพ็ญลับคนอื่นๆ เข้าไปในภูเขาจั่งไป๋แล้ว กลุ่มนกกระจอกแดงบอกผู้บำเพ็ญลับว่าในภูเขาจั่งไป๋จะไม่มีอันตราย แต่ผู้บำเพ็ญลับไม่ได้โง่ พวกเขาคือพวกเขาไม่เชื่อว่าเครือข่ายฟ้าดินจะฆ่าคนจำนวนมากได้ในครั้งเดียวหรอก

 

 

แต่ก่อนที่พวกเขาจะได้เข้าไปในภูเขาจั่งไป๋ พวกเขาก็ได้ยินเรื่องที่เกิดขึ้นในที่อื่นๆ จากนั้นพวกเขาก็ไม่กล้าจะพูดกันแล้วว่า ‘ใช่สิ พวกเรามีกันตั้งเยอะแยะ เครือข่ายฟ้าดินคงจะมีมนุษยธรรมอยู่บ้าง พวกเขาคงไม่ฆ่าพวกเราทิ้งทั้งหมดหรอกใช่ไหม’

 

 

ส่วนพวกนกกระจอกแดงก็ไม่กล้าจะเสี่ยงเช่นกัน พวกเขาจะรอให้กลุ่มแก่นความเชื่อและกลุ่มฟีนิกซ์มาถึงก่อนที่จะตัดสินใจทำอะไรต่อไป

 

 

ถึงตอนนั้นพวกองค์กรใหญ่ๆ ก็คงจะมาสู้เครือข่ายฟ้าดินได้ เพราะลำพังกลุ่มนกกระจอกแดงกลุ่มเดียวคงสู้ไม่ไหว

 

 

ความมุ่งมั่นที่จะฆ่าคนของเครือข่ายฟ้ากินทำให้พวกผู้บำเพ็ญลับล่าถอยออกไป แต่พวกองค์กรใหญ่ๆ ก็ยังคงยืนรอท่าอยู่ มีคนได้ข้อมูลมาว่าแนวกระบี่ที่ตั้งไว้นั้นเป็นกระบี่ของเนี่ยถิง สิ่งที่ซ่อนอยู่ในหุบเขานั่นคืออะไรกันนะ ทำไมเนี่ยถิงถึงยอมทำลายกระบี่ของตัวเองเพื่อเอามาสร้างเป็นแนวกระบี่เช่นนี้

 

 

องค์กรใหญ่ๆ ต้องกลับมาตั้งสติไว้ที่ตัวเอง แต่อย่างไรพวกเขาก็ยังจะทำตามแผนเดิม ถ้าพวกเขาบุกเข้ามาจากทุกทิศทางพร้อมๆ กัน เครือข่ายฟ้าดินก็คงจะต้องรับมือกับการทำลายล้างขั้นสูงแน่นอน แต่จุดประสงค์ที่แท้จริงของพวกเขาอยู่ที่ภูเขาจั่งไป๋ต่างหาก พวกเขาไม่เชื่อหรอกว่าเนี่ยถิงจะตายไปพร้อมกับพวกเขาได้!

 

 

อีกอย่างพวกเขากำลังรอให้ผู้ควบคุมเคลื่อนไหวอีกครั้ง เพราะผู้เล่นหมากรุกที่ยอดเยี่ยมจะไม่หยุดอยู่แค่นี้แน่นอน

ท่านเทพ ละเว้นข้าเถอะ

ท่านเทพ ละเว้นข้าเถอะ

หลี่ว์ซู่ เป็นเด็กกำพร้าที่หาเลี้ยงตัวเองมาโดยตลอด และก็คงจะหาเลี้ยงตัวเองเช่นนี้ต่อไปเรื่อยๆ ถ้าเขาไม่ได้ประสบอุบัติเหตุรถชนเข้าเสียก่อน… แต่เฮ้ย! เขาไม่เป็นอะไรเลยนี่ ไม่เจ็บ ไม่ปวด และไม่ตาย แถมวิญญาณไม่ได้หลุดออกจากร่างด้วย! จะมีก็แต่สัญลักษณ์รูปต้นไม้ที่จู่ๆ ก็ปรากฏขึ้นมาบนฝ่ามือและพลังพิเศษในตัวที่ตื่นขึ้นมาเท่านั้น! ทว่าเขาไม่ได้เป็นเพียงคนเดียวที่ได้รับพลังพิเศษนี้มา เพราะคนอื่นๆ เองก็เริ่มกลายเป็นผู้มีพลังแล้วเหมือนกัน นี่มันเรื่องบ้าอะไร เกิดอะไรขึ้นกับโลกใบนี้กันแน่ นี่เรากำลังจะก้าวเข้าสู่ยุคของผู้มีพลังพิเศษกันแล้วงั้นเหรอ หลี่ว์ซู่ได้แต่คิดแล้วก็สงสัย ว่าแต่พลังที่ได้มานี่มันฝึกยังไงกันล่ะ เอ๊ะ ต้องสะสมแต้มอารมณ์ด้านลบงั้นเหรอ แค่กวนโมโหคนอื่นก็เพิ่มพลังได้แล้วงั้นเหรอ แบบนี้ก็เข้าทางหลี่ว์ซู่สุดๆ ไปเลยน่ะสิ!

Comment

Options

not work with dark mode
Reset