ท่านเทพ ละเว้นข้าเถอะ – ตอนที่ 799 การตัดสินใจของหลี่ว์ซู่

พวกเขาแค่ต้องการข่าวจากสถานที่ห่างไกล การแข่งขันระหว่างเจ็ดวิทยาลัยที่เคยเป็นที่พูดถึงกันมากดูเหมือนจะถูกลืมไปเสียแล้ว ไม่มีใครพูดถึงเรื่องการแข่งขันอีกเลย

 

 

ตอนนี้การพูดคุยกันอย่างดุเดือดในเรื่องการแข่งขันได้หยุดลง ไม่มีใครเถียงกันอีกแล้วว่าวิทยาลัยใครแกร่งที่สุด ไม่มีใครสนใจเรื่องผลการแข่งขัน

 

 

ทุกคนกำลังพูดถึงเรื่องที่ภูเขาจั่งไป๋กันอยู่ ราวกับว่านี่เป็นเพียงเรื่องเดียวที่มีผลต่ออารมณ์ของทุกคน

 

 

นี่เป็นครั้งแรกที่เครือข่ายฟ้าดินจะต้องเจอกับศัตรูต่างชาติที่มากมายขนาดนี้ เมื่อก่อนเนี่ยถิงคนเดียวก็สามารถจัดการพวกมันได้หมดแล้ว แต่ตอนนี้เนี่ยถิงไม่สามารถเข้าไปโจมตีสุ่มสี่สุ่มห้าได้

 

 

มีคนคอมเมนต์ลงในกระทู้วิทยาลัยผู้บำเพ็ญว่า ‘ราชันฟ้าเนี่ย ได้โปรดโจมตีบ้างเถอะ สมาชิกคนอื่นๆ ในเครือข่ายฟ้าพร้อมจะสละชีวิตตายไปกับคุณทั้งนั้น ไม่ต้องห่วงหรอกว่าโลกจะถูกทำลายไป’

 

 

แต่ปัญหาก็คือมีแต่คนหนุ่มสาวที่เต็มไปด้วยพลังเท่านั้นที่จะรู้สึกแบบนี้ แต่คนอื่นๆ กลับไม่คิดเช่นนั้น มีคนธรรมดาที่เข้ามาอ่านกระทู้มูลนิธิเช่นกัน เมื่อมีการพูดคุยต่างๆ ในกระทู้มูลนิธิ คนธรรมดาเองก็จะออกความเห็นในกระทู้เช่นกัน

 

 

พวกนักศึกษาเชื่อในเรื่องตาต่อตาฟันต่อฟันมาก พวกเขายอมตายดีกว่ารู้สึกอับอายแบบนี้ พวกเขาไม่สนใจหรอกว่าโลกนี้จะถูกทำลายหลังจากที่เนี่ยถิงตัดสินใจโจมตีออกไป

 

 

แต่คนธรรมดาคนอื่นๆ ก็หวังว่าสงครามระหว่างโลกแห่งผู้บำเพ็ญนั้นจะไม่ส่งผลต่อความปลอดภัยของโลกทั้งใบนี้

 

 

ยิ่งพวกเขาออกมาแสดงความเห็นกันมากเท่าไหร่ เสียงของพวกเขาก็ดังขึ้นเรื่อยๆ ราวกับมีคนวางแผนไว้

 

 

หลี่ว์ซู่ก็เห็นแล้วว่าผู้ควบคุมวางแผนใช้กระทู้ของมูลนิธิเป็นสื่อในการกระจายข่าวแทนอาณาจักรมืด พวกเขาอาจจะหวังให้เนี่ยถิงได้รับผลกระทบจากความเห็นของคนทั่วไปด้วยก็ได้

 

 

เพราะนี่เป็นการตัดสินใจที่ยากลำบาก เมื่อครั้งที่ชาวอังกฤษถอนกำลังออกจากดันเคิร์ก แม้แต่เชอร์ชิลที่ชาญฉลาดยังต้องคิดหนักว่าจะสู้ต่อไปจนถึงที่สุดหรือจะยอมจำนน ใครกันจะบอกได้ว่าพวกเขาเป็นคนฉลาดและมองการณ์ไกลได้

 

 

คนนอกที่มองเข้ามาอาจจะเห็นว่าเรื่องนี้เป็นเรื่องง่าย แต่คนในที่เกี่ยวข้องนั้นรู้ดีว่าจะต้องใช้ความกล้าหาญในการตัดสินใจมากแค่ไหน

 

 

สายลับที่ต้องถูกกำจัดตอนนี้ก็ถูกกำจัดไปหมดแล้ว และคนที่ต้องถูกจับก็ถูกจับมาเรียบร้อย นักศึกษากำลังพูดคุยเรื่องแผนที่พวกเขาจะไปที่ภูเขาจั่งไป๋ เพื่อไปร่วมต่อสู้ป้องกันศัตรู มีนักศึกษาบางคนเขียนจดหมายด้วยเลือดของพวกเขาเพื่อแสดงเจตจำนงที่แรงกล้า พวกเขาอยากจะได้รับอนุญาตให้เข้าร่วมสงครามด้วย แต่เมื่อพวกเขาเขียนจดหมายกันเสร็จแล้ว พวกเขากลับหาโยวหมิงอวี่หรือจงอวี้ถังไม่เจอ…

 

 

หลี่ว์ซู่รู้ว่าโยวหมิงอวี่ไปที่ภูเขาจั่งไป๋แล้วหลังจากที่เขาทำการกวาดล้างเสร็จ และจงอวี้ถังก็เริ่มรวบรวมกำลังคนที่อวี้โจวอยู่พวกเขาไม่มีเวลามาสนใจนักศึกษาพวกนี้หรอก!

 

 

พวกอาจารย์ที่วิทยาลัยผู้บำเพ็ญต่างๆ เริ่มจะประหม่ากันแล้ว พวกเขาได้รับคำสั่งให้ดูแลนักศึกษาในช่วงเวลาที่อันตรายแบบนี้ พวกเขาต้องจับตาดูนักศึกษาให้อยู่ในห้องเรียนตลอดเวลา ถ้ามีใครเล็ดลอดสายตาไปและแอบหนีไปที่ภูเขาจั่งไป๋แล้วพวกเขาจะต้องรับผิดชอบ

 

 

เมื่อก่อนเครือข่ายฟ้าดินเคยกลัวว่านักศึกษาและนักเรียนจะเป็นพวกขี้กลัวเกิดไป แต่พวกเขากลับไม่ใช่เด็กขี้กลัวกันอีกต่อไปแล้ว พวกเขาจะสนับสนุนในสงครามกันอย่างเต็มที่…

 

 

หลี่ว์ซู่พาหลี่ว์เสี่ยวอวี๋กลับบ้าน เขาเข้าไปในห้องนอนโดยไม่พูดอะไรสักคำและปิดประตูเงียบๆ เขาจะต้องแกะเบาะแสทั้งหมดด้วยตัวเอง

 

 

หลี่ว์เสี่ยวอวี๋พิงตัวกับกำแพงและขมวดคิ้ว เธอพยายามจะแอบฟังหลี่ว์ซู่ เสี่ยวซยงสวี่ที่ยืนอยู่ข้างๆ เธอก็เขียนอะไรบางอย่างลงในสมุด [ทำอะไรอยู่เหรอ]

 

 

หลี่ว์เสี่ยวอวี๋ขมวดคิ้วตอบ “หลี่ว์ซู่ไม่ร้องเพลงดาวดวงน้อยคืนนี้ด้วยซ้ำ เขาน่าจะยุ่งมากแน่ๆ”

 

 

เสี่ยวซยงสวี่งงหนัก มันไม่เข้าใจว่าเพลงดาวดวงน้อยเกี่ยวอะไรด้วย

 

 

หลี่ว์เสี่ยวอวี๋มองเสี่ยวซยงสวี่ “เข้าไปถามสิว่าทำไมวันนี้หลี่ว์ซู่ถึงไม่ร้องเพลงดาวดวงน้อย”

 

 

เมื่อเสี่ยวซยงสวี่รู้สึกว่านี่อาจจะเป็นกับดักก็ได้ มันเลยเขียนกลับไป [ทำไมไม่ไปถามเองล่ะ]

 

 

“หืม เดี๋ยวนี้ฉลาดขึ้นเหรอ” หลี่ว์เสี่ยวอวี๋ประหลาดใจ “ไหนดูซิว่าแกจะเล่นเกมตอบคำถามลับสมองได้เก่งแค่ไหน”

 

 

เสี่ยวซยงสวี่เขียนตอบกลับด้วยความภูมิใจ [ได้สิ ถามมาเลย]

 

 

“จะเกิดอะไรขึ้นถ้าแกไม่ฟังหลี่ว์เสี่ยวอวี๋” หลี่ว์เสี่ยวอวี๋ถาม

 

 

เสี่ยวซยงสวี่อึ้ง

 

 

เธอไม่ได้ถามคำถามลับสมองเขาหรอก เธอแค่จะขู่เขาเท่านั้นเอง!

 

 

[ได้รับแต้มจากเสี่ยวซยงสวี่ +499]

 

 

เสี่ยวซยงสวี่รีบวิ่งจู๊ดเข้าไปถามคำถามที่หลี่ว์เสี่ยวอวี๋บอก หลี่ว์เสี่ยวอวี๋ได้ยินเสียงเปิดหน้าต่างตามด้วยเสียงเสี่ยวซยงสวี่ถูกหลี่ว์ซู่โยนออกมา

 

 

[ได้รับแต้มจากเสี่ยวซยงสวี่ +599]

 

 

หลี่ว์เสี่ยวอวี๋เดินเขย่งเท้าไปที่ห้องนอนถัดไปและมองเข้าไปข้างใน หลี่ว์ซู่พูดอย่างโกรธๆ “รู้ตั้งแต่เมื่อไหร่ว่าฉันร้องเพลงดาวดวงน้อย”

 

 

“รู้นานแล้วล่ะ” หลี่ว์เสี่ยวอวี๋ซ่อนตัวอยู่หลังประตูและสังเกตดูสีหน้าของหลี่ว์ซู่

 

 

[ได้รับแต้มจากหลี่ว์ซู่ +666]

 

 

“มาสิ ไปนั่งบนหลังคากัน” หลี่ว์ซู่ลุกยืนขึ้นแล้วจับมือหลี่ว์เสี่ยวอวี๋และเดินออกไปพร้อมเธอ พวกเขากระโดดขึ้นไปบนหลังคาและมองดูแสงไฟยามเย็น

 

 

“เธอกำลังคิดจะไปภูเขาจั่งไป๋อยู่หรือเปล่า” หลี่ว์เสี่ยวอวี๋ถามอย่างสงสัย หลี่ว์เสี่ยวอวี๋รู้ใจหลี่ว์ซู่มากที่สุด หลี่ว์ซู่จะขึ้นมาบนหลังคานี่ก็ต่อเมื่อเขากำลังรู้สึกสับสน

 

 

“ใช่” หลี่ว์ซู่พยักหน้า “ฉันรู้ว่าอันตรายกำลังรอฉันอยู่ที่นั่น และก็มีศัตรูมากมายที่ซุ่มอยู่ในความมืดรอให้ฉันเข้าไปติดกับ แต่ฉันไม่มีทางเลือกหรอก เฮ้อ รู้สึกแย่ชะมัดเลย”

 

 

“ฉันคิดว่าถึงเราไปก็ไม่เป็นไรหรอก” หลี่ว์เสี่ยวอวี๋พูด “ตอนนี้ฉันดูดซับดวงวิญญาณดวงสามได้แล้วนี่…”

 

 

หลี่ว์ซู่อ้าปากค้างด้วยความตกใจ เขาสงสัยว่าเรื่องนี้เป็นแผนของผู้ควบคุมด้วยหรือเปล่า แล้วหลี่ว์เสี่ยวอวี๋เองก็คิดเรื่องฆ่าคนเพื่อกักเก็บวิญญาณด้วยแล้วหรือนี่

 

 

แต่ในทางกลับกันแล้วเขาก็รู้สึกใจชื้นขึ้นมาเพราะความคิดที่ไม่ซับซ้อนของหลี่ว์เสี่ยวอวี๋นี่แหละ ถ้ามีใครวางแผนเล่นงานเขา ก็แค่ฆ่าคนคนนั้นทิ้งแล้วกักเก็บวิญญาณเขามาซะ

 

 

“ฉันล่ะอิจฉาเธอจริงๆ หลี่ว์เสี่ยวอวี๋” อยู่ๆ หลี่ว์ซู่ถอนใจออกมา ถึงแม้ว่าความคิดของหลี่ว์เสี่ยวอวี๋จะช่างเรียบง่าย แต่มันก็กำจัดความกังวลของเขาออกไปได้ดีทีเดียว

 

 

“เราไปภูเขาจั่งไป๋กันเถอะหลี่ว์ซู่” แล้วหลี่ว์เสี่ยวอวี๋ก็ลดเสียงลงอย่างกะทันหัน

 

 

“หืม” หลี่ว์ซู่ผงะ “ทำไมล่ะ”

 

 

“ฉันรู้ว่ามันจะต้องอันตรายแน่ๆ และก็มีคนรอให้เราไปที่นั่นอยู่” หลี่ว์เสี่ยวอวี๋พูด “แต่เมื่อคืนฉันฝันว่ามีบางอย่างเกิดขึ้นกับปู่ที่ภูเขาจั่งไป๋ แล้วฉันก็ไม่อยากให้เรื่องนั้นเกิดขึ้นจริงๆ กับเขาเลย…”

 

 

หลี่ว์ซู่มองหลี่ว์เสี่ยวอวี๋อย่างอึ้งๆ เขาอยากให้หลี่ว์เสี่ยวอวี๋ไปโรงเรียนก็เพราะเขากังวลว่าเธอจะเข้าสังคมไม่ได้ ถ้าเธอไม่มีเพื่อน ไม่ไปเจออาจารย์ ไม่ไปเจอเพื่อนร่วมชั้น แล้วถ้าเธอกลายเป็นพวกไม่เข้าสังคมและแปลกประหลาดขึ้นมาล่ะ

 

 

เมื่อก่อนหลี่ว์ซู่รู่ดีว่าหลี่ว์เสี่ยวอวี๋ไม่สนใจเรื่องอื่นนอกจากตัวเขาเลย

 

 

หลี่ว์เสี่ยวอวี๋และหลี่ว์ซู่เป็นเด็กที่เห็นแก่ตัวและไม่ชอบสุงสิงกับใครอยู่แล้ว แต่พวกเขาไม่เคยเกลียดประเทศที่ตัวเองอยู่เลย ตอนเด็กๆ พวกเขาไม่เข้าใจความหมายของชาติเท่าไหร่ พวกเขาแค่ไม่ชอบใจโลกนี้เท่านั้น

 

 

หลี่ว์ซู่ไม่เคยโทษสังคมที่ไม่มีความยุติธรรมเลย เขารู้สึกซาบซึ้งใจที่มีคนยื่นมือมาช่วยเขามากมาย เขาเข้าใจความหมายของการกตัญญูมากกว่าคนอื่นๆ และเขาก็เรียนรู้ที่จะขอบคุณทุกอย่างที่เขาได้มาหลังจากสูญเสียบางสิ่งไป

 

 

จะมีอะไรในโลกนี้ที่โหดร้ายไปกว่าการถูกพ่อแม่ทอดทิ้งกันล่ะ

 

 

แต่อีกหลายคนก็ต้องใช้ชีวิตและก้าวต่อไป ยกตัวอย่างแบบหลี่เสียนอียังไงล่ะ

 

 

และปู่คนนั้นก็กำลังตกอยู่ในอันตรายภายใต้แผนที่มีคนวางไว้

 

 

โยวหมิงอวี่บอกเขาว่าเมื่อเขากลายเป็นราชันฟ้า เขาก็อาจจะเป็นคนเฉยเมยและไม่สนใจคนอื่น แต่เขาจะเป็นแบบนั้นได้อย่างไรเมื่อหลี่เสียนอีกำลังถูกโดนซุ่มโจมตีอยู่ เขาจะฝึกบำเพ็ญตนมาทั้งหมดนี่เพื่ออะไรกันล่ะ

ท่านเทพ ละเว้นข้าเถอะ

ท่านเทพ ละเว้นข้าเถอะ

หลี่ว์ซู่ เป็นเด็กกำพร้าที่หาเลี้ยงตัวเองมาโดยตลอด และก็คงจะหาเลี้ยงตัวเองเช่นนี้ต่อไปเรื่อยๆ ถ้าเขาไม่ได้ประสบอุบัติเหตุรถชนเข้าเสียก่อน… แต่เฮ้ย! เขาไม่เป็นอะไรเลยนี่ ไม่เจ็บ ไม่ปวด และไม่ตาย แถมวิญญาณไม่ได้หลุดออกจากร่างด้วย! จะมีก็แต่สัญลักษณ์รูปต้นไม้ที่จู่ๆ ก็ปรากฏขึ้นมาบนฝ่ามือและพลังพิเศษในตัวที่ตื่นขึ้นมาเท่านั้น! ทว่าเขาไม่ได้เป็นเพียงคนเดียวที่ได้รับพลังพิเศษนี้มา เพราะคนอื่นๆ เองก็เริ่มกลายเป็นผู้มีพลังแล้วเหมือนกัน นี่มันเรื่องบ้าอะไร เกิดอะไรขึ้นกับโลกใบนี้กันแน่ นี่เรากำลังจะก้าวเข้าสู่ยุคของผู้มีพลังพิเศษกันแล้วงั้นเหรอ หลี่ว์ซู่ได้แต่คิดแล้วก็สงสัย ว่าแต่พลังที่ได้มานี่มันฝึกยังไงกันล่ะ เอ๊ะ ต้องสะสมแต้มอารมณ์ด้านลบงั้นเหรอ แค่กวนโมโหคนอื่นก็เพิ่มพลังได้แล้วงั้นเหรอ แบบนี้ก็เข้าทางหลี่ว์ซู่สุดๆ ไปเลยน่ะสิ!

Comment

Options

not work with dark mode
Reset