ท่านเทพ ละเว้นข้าเถอะ – ตอนที่ 825 อุบัติเหตุ

ผู้บำเพ็ญของเครือข่ายฟ้าดินกระจัดกระจายอยู่ทั่วค่ายหลังพยัคฆ์ พวกเขาตัดสินใจว่าจะใช้ฐานนี้เป็นฐานสำหรับการต่อสู้ครั้งสุดท้าย​

 

 

คนระดับ B แต่ละคนรวมทั้งเฉินจู่อาน จะต้องเป็นผู้นำกองกำลังรบชั้นยอดในค่ายนี้ด้วย

 

 

ถึงคนระดับ B ในเครือข่ายฟ้าดินจะมีน้อยกว่าองค์กรอื่นๆ แต่เครือข่ายฟ้าดินก็ขุนให้ความสามารถ​ของทุกคนแข็งแกร่งมากที่สุดเพื่อไปสู้กับคนทั้งโลก

 

 

นี่อาจเป็นสงครามเต็มรูปแบบครั้งแรกในโลกแห่งการบำเพ็ญที่มีองค์กรชั้นนำมากมายเข้าร่วมสงคราม

 

 

ตอนนี้ค่ายของเครือข่ายฟ้าดินบนหลังพยัคฆ์กำลังทำงานเหมือนเครื่องจักรขนาดใหญ่ที่มีความแม่นยำ แต่ละคนรับผิดชอบงานของตัวเองราวกับว่าเป็นฟันเฟืองเล็กๆ เพื่อให้เครื่องจักรทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพ

 

 

ไม่ว่าใครจะมีหน้าที่เป็นทหารแนวหน้า หน่วยลาดตระเวน หรือคนส่งของ ก็ทำตามหน้าที่ของตัวเองอย่างดีที่สุด

 

 

ซึ่งงานของแต่ละคนนั้นจะทำให้นิสัยของคนคนนั้นเปลี่ยนไปตามงานอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้

 

 

ยกตัวอย่างเช่นเฉินจู่อานที่เคยเป็นเจ้าอ้วนไม่เอาการเอางานเมื่อก่อน ตอนนี้กลายเป็นหัวหน้ากองกำลังรบชั้นยอดที่จริงจังและมุ่งมั่นแล้ว

 

 

ตอนที่เขายังอยู่ในกลุ่มระลอกทองแดงในตอนนั้น เฉินจู่อานจะเคยนำกลุ่มออกไปสู้กับศัตรูมาก่อน และในตอนนี้ที่หลังพยัคฆ์ ถึงเขาจะไม่ได้มีพลังเหมือนแต่ก่อน แต่ภาพของเฉินจู่อานผู้กล้าหาญไม่เกรงกลัวก็ได้กลายเป็นภาพจำของสมาชิกคนอื่นๆ ไปแล้ว

 

 

ชายคนนี้เชื่อถือได้พอตัวเลย ถึงบางทีเขาจะบ้าบิ่นไปหน่อยก็ตาม…

 

 

ตอนนี้เฉินจู่อานกำลังยืนอยู่บนยอดเขาเล็กๆ เฉิงชิวเฉี่ยวที่อยู่ข้างๆ เขากำลังมอบหมายงานให้กับทีมรบต่างๆ ตามลำดับ

 

 

แล้วทีมรบก็ออกไปทำภารกิจที่ได้รับมอบหมาย เฉิงชิวเฉี่ยวเฝ้าดูทีมรบทั้งหมดจากไปและบ่นว่า “ฉันไม่ได้เป็นหัวหน้าสักหน่อย ทำไมฉันต้องเป็นคนสั่งการด้วย”เฉิงชิวเฉี่ยวจัดการงานทั้งหมดตามที่เฉินจู่อานสั่ง ส่วนงานของเฉินจู่อานก็คือต่อสู้อย่างกล้าหาญและอยู่เป็นขวัญกำลังใจในทีม…

 

 

ตอนพวกเขากลับมาที่ค่าย พวกเขาก็บังเอิญเจอหลี่อีเสี้ยวและน่าหลานเชวี่ยที่เพิ่งหายจากอาการบาดเจ็บ

 

 

ดูเหมือนว่าสองคนนี้กำลังทะเลาะกันอยู่ พอพวกเขาเดินเข้าไปใกล้ น่าหลานเชวี่ยก็ถามขึ้นมา “ทำไมฉันจะต้องนำทีมเองด้วย ฉันจะไม่ทิ้งคุณไปไหนหรอกนะที่รัก”

 

 

หลี่อีเสี้ยวยิ้มตอบ “เรามีสงครามรออยู่นะน่าหลาน เดี๋ยวฉันจะกลับมาหาเธอหลังจบสงคราม”

 

 

อันที่จริงหลี่อีเสี้ยวอยากให้น่าหลานเชวี่ยถูกส่งไปทำภารกิจที่อื่น อย่างน้อยเขาจะได้พักผ่อนสักสองสามวัน…

 

 

“หลี่อีเสี้ยว” น่าหลานเชวี่ยบ่นกระปอดกระแปด “ทำไมต้องทำให้ลำบากใจด้วยล่ะ ฉันเป็นลูกสาวที่พ่อแม่ทะนุถนอมอย่างกับไข่ในหิน แล้วไม่คิดหน่อยเหรอว่าทำไมฉันถึงอยากอยู่กับคุณ อันที่จริงฉันจะอยู่บ้านสบายๆ ก็ได้! ฉันไม่ได้บอกสักคำเลยนะว่าไม่อยากสู้เพื่อเครือข่ายฟ้าดิน ฉันอยากทำอยู่แล้ว แต่จำไว้ว่าฉันสู้เพราะคุณ และอย่าได้คิดซ่อนเงินจากฉันอีกล่ะ…”

 

 

หลี่อีเสี้ยวมองหน้าน่าหลานเชวี่ยด้วยความตกใจ “นี่กล้าพูดเหรอว่าตัวเองเป็นไข่ในหิน ไข่เน่าล่ะสิไม่ว่า…เดี๋ยว! รอก่อน!”

 

 

จากนั้นเฉินจู่อานก็มองร่างหลี่อีเสี้ยวปลิวทำมุมโค้งกับพื้นดินอย่างสวยงามออกไปจากค่าย…

 

 

เฉินจู่อานอึ้งไป “ว่ากันว่าลูกสาวเป็นไข่ในหิน และพวกลูกผู้ชายล่ะ พ่อแม่ฉันไล่ฉันออกจากบ้านแล้วก็ไม่สนใจว่าฉันจะอยู่หรือตาย หรือพวกเขาจะลืมลูกชายคนนี้ไปแล้วนะ”

 

 

หลังจากที่เฉิงชิวเฉี่ยวเงียบไปนาน เขาก็ตอบกลับมา “เคยคิดบ้างไหมว่าการที่นายเกิดมามันจะเป็นแค่อุบัติเหตุน่ะ”

 

 

เฉินจู่อานสำลักลมหายใจตัวเอง “นี่จะแก้แค้นกันใช่ไหมชิวเฉี่ยว ขนาดประโยคที่พูดยังเหมือนฉันเป๊ะเลย!”

 

 

เฉิงชิวเฉี่ยวระเบิดหัวเราะออกมาเสียงดัง “จำได้ด้วย ดีใจจัง”

 

 

ก่อนหน้านี้เฉิงชิวเฉี่ยวพูดว่าเขากลัวดอกไม้ไฟมาตั้งแต่เด็ก เฉินจู่อานเลยล้อว่าเขาอาจจะเป็นตัวเหนียนก็ได้

 

 

ตอนนี้เฉิงชิวเฉี่ยวเอาคืนเฉินจู่อานได้แล้ว!

 

 

เฉินจู่อานถอนใจออกมา “นายทำตามพี่ซู่นี่เอง ไม่ดีเลยนะ… พูดถึงพี่ซู่แล้วตอนนี้เขากำลังทำอะไรอยู่นะ”

 

 

ในการต่อสู้ครั้งนี้เฉินจู่อานได้รับความสำเร็จอย่างมาก และในที่สุดความแข็งแกร่งของเขาก็ถูกนำไปใช้ในทางที่ถูกต้องแล้ว

 

 

แต่เขาก็ถ่อมตัวมากเพราะเขารู้ว่ายังห่างชั้นจากหลี่ว์ซู่เหมือนฟ้ากับเหว

 

 

 

 

ตอนนี้คลาวด์อีปล่อยแขนหลี่ว์ซู่แล้ว เธอนั่งข้างเขาและยิ้มให้เขา “กลัวฉันหรือเปล่าคะ ฉันน่ากลัวไหม”

 

 

หลี่ว์ซู่รู้สึกว่าเธอกำลังอ่อยเขาด้วยรอยยิ้มอย่างนั้นอยู่

 

 

แต่เขาจะยอมรับว่าเธอน่ากลัวได้อย่างไรล่ะ เขาเป็นชายหนุ่มสุดแข็งแกร่งนะ! เขามองคลาวด์อีด้วยสีหน้าเคร่งขรึมและตอบกลับ “กลัวสิ”

 

 

“ทำไมล่ะ เพราะว่าปรมาจารย์หุ่นเชิดถูกเรียกว่าราชาปิศาจที่จะมาทำลายโลกงั้นเหรอ” คลาวด์อีถามพลางยิ้มมุมปากบางๆ “ถ้าจะพูดกันตรงๆ แล้วก็ใช่ล่ะนะ”

 

 

จากนั้นเธอก็เงยหน้าขึ้นมองเงาของต้นไม้เหนือศีรษะและยิ้ม “ดูสิว่ามีใครมาเพิ่ม เด็กอีกคนที่ปกป้องคุณอยู่ไงล่ะ บอกตามตรงเลยนะว่ามีคนระดับ B ไม่กี่คนที่ทำให้ฉันรู้สึกกลัวได้เท่าเธออีกแล้ว”

 

 

หลี่ว์ซู่งยหน้าขึ้นและสังเกตเห็นว่าร่างที่อยู่เหนือยอดต้นไม้ได้จากไปอย่างเงียบๆ แล้ว ร่างนั้นก็คือ…เฉาชิงฉือนี่!

 

 

เขาไม่คิดว่าจะได้เจอเธอที่นี่เลย แถมเธอยังเฝ้ามองเขาในเงาจากบนยอดต้นไม้อีก

 

 

หรือนี่คือความเป็นเพื่อนงั้นเหรอ…

 

 

หลี่ว์ซู่ยืนยันได้แล้วว่าภาควิชาวิจัยสายพันธุ์นั้นกลายเป็นทีมเดียวกันอย่างแท้จริงแล้ว แม้ว่าพวกเขาจะมีมิตรภาพที่แน่นแฟ้น แต่หลี่ว์ซู่ไม่เคยคิดที่จะขอให้เพื่อนทำอะไรเพื่อตัวเองเพราะนั่นจะเป็นการใช้ประโยชน์จากเพื่อนมากเกินไป

 

 

แต่ก็ไม่ได้หมายความว่าเพื่อนจะไม่อยากทำอะไรเพื่อเขา

 

 

เฉาชิงฉือเป็นคนที่เงียบที่สุดในหมู่พวกเขาแล้ว ขนาดตอนเธอมาเฝ้าปกป้องหลี่ว์ซู่เธอยังทำแบบเงียบๆ เลย

 

 

เธอมีวิธีปกปิดพลังจิตวิญญาณของตัวเองและปรมาจารย์หุ่นเชิดก็ไม่สามารถจับได้แน่ๆ ถ้าเป็นอย่างนั้นแล้วทำไมคลาวด์อีถึงได้รู้ว่าเธออยู่ที่นี่ล่ะ

 

 

ดูเหมือนเฉาชิงฉือจะตัดสินใจถอยกลับไปก่อนหลังจากที่ถูกจับได้ หลักการของเธอก็คือนักฆ่าที่เก่งกาจไม่ควรจะทำตามแผนต่อไปเมื่อถูกเปิดเผยตัวตนแล้ว

 

 

สาเหตุที่นักฆ่าเป็นพวกที่น่ากลัวที่สุดเป็นเพราะพวกเขาสามารถหาโอกาสที่ดีที่สุดที่จะฆ่าได้

 

 

คลาวด์อีหันกลับมามองหลี่ว์ซู่และพูดกับเขาอย่างใจเย็น “บางที่คุณอาจจะคิดถูกแล้วก็ได้นะ พวกเราเป็นราชาปิศาจ แต่เป้าหมายของเรานั้นง่ายกว่าของพวกมนุษย์ นอกจากนี้เรายังรู้แนวทางที่จะรักษาโลกนี้ให้แข็งแรง และเป้าหมายของเราไม่ใช่การทำลายโลกอย่างแน่นอน”

 

 

พูดจบคลาวด์อีก็ลดเสียงลง “เรามีภารกิจที่สำคัญกว่านั้นอีกเยอะ ถ้าเราได้เจอกันอีกไม่แน่นะว่าคุณอาจจะ… ช่างมันเถอะ เดี๋ยวพวกมนุษย์ก็รู้กันเอง ฉันกำลังรอคอยให้วันนั้นมาถึงอยู่เชียว”

ท่านเทพ ละเว้นข้าเถอะ

ท่านเทพ ละเว้นข้าเถอะ

หลี่ว์ซู่ เป็นเด็กกำพร้าที่หาเลี้ยงตัวเองมาโดยตลอด และก็คงจะหาเลี้ยงตัวเองเช่นนี้ต่อไปเรื่อยๆ ถ้าเขาไม่ได้ประสบอุบัติเหตุรถชนเข้าเสียก่อน… แต่เฮ้ย! เขาไม่เป็นอะไรเลยนี่ ไม่เจ็บ ไม่ปวด และไม่ตาย แถมวิญญาณไม่ได้หลุดออกจากร่างด้วย! จะมีก็แต่สัญลักษณ์รูปต้นไม้ที่จู่ๆ ก็ปรากฏขึ้นมาบนฝ่ามือและพลังพิเศษในตัวที่ตื่นขึ้นมาเท่านั้น! ทว่าเขาไม่ได้เป็นเพียงคนเดียวที่ได้รับพลังพิเศษนี้มา เพราะคนอื่นๆ เองก็เริ่มกลายเป็นผู้มีพลังแล้วเหมือนกัน นี่มันเรื่องบ้าอะไร เกิดอะไรขึ้นกับโลกใบนี้กันแน่ นี่เรากำลังจะก้าวเข้าสู่ยุคของผู้มีพลังพิเศษกันแล้วงั้นเหรอ หลี่ว์ซู่ได้แต่คิดแล้วก็สงสัย ว่าแต่พลังที่ได้มานี่มันฝึกยังไงกันล่ะ เอ๊ะ ต้องสะสมแต้มอารมณ์ด้านลบงั้นเหรอ แค่กวนโมโหคนอื่นก็เพิ่มพลังได้แล้วงั้นเหรอ แบบนี้ก็เข้าทางหลี่ว์ซู่สุดๆ ไปเลยน่ะสิ!

Comment

Options

not work with dark mode
Reset