พาหลี่ว์ซู่กลับบ้าน
ก่อนที่คอรัลจะเลื่อนเป็นระดับ B เธออยู่ในระดับ D กลางๆ แต่ก็ถือว่าแข็งแกร่งเกินตัว
แต่ผู้หญิงคนนั้นไม่รอให้คอรัลคิดให้เสียเวลา เธอพูดภาษาอังกฤษกับคอรัลทันที “พวกกลุ่มทวยเทพที่เหลือไปที่นิชิโนเกียวกันหมดแล้ว เธอหนีไปทางปกติไม่รอดหรอกดูจากสภาพ ตามฉันมาทางนี้”
คอรัลยืนนิ่ง เธอไม่รู้จักผู้หญิงคนนี้มาก่อน เธอไม่รู้ว่าจะจะเชื่อใจดีหรือเปล่า
“ฉันชื่อซากุราอิ ยาเอโกะ จะเรียกว่าซากุราอิเฉยๆ ก็ได้ ผู้ชายที่เธอแบกขึ้นหลังชื่อหลี่ว์ซู่คุงหรือเปล่า”
ซากุราอิเพิ่งเคยเห็นหน้าตาที่จริงของหลี่ว์ซู่เป็นครั้งแรก ใบหน้าของเขากำลังหลับตาพริ้ม เธอรู้สึกว่าตัวจริงของเขาหล่อกว่าตอนปลอมตัวเป็นคิริฮาระ โยสุเกะเสียอีก
คอรัลไม่ค่อยเชื่อใจซากุราอิ ทว่าพอจ้องเข้าไปในดวงตาเธอ สัญชาตญาณของผู้หญิงก็ทำให้เธอยิ้มออกมา “นำทางไปสิ เดี๋ยวฉันตามเธอไป”
คอรัลรู้สึกว่าเธอเห็นเงาในตาของเธอเอง คอรัลรู้ว่าซากุราอิคงจะไม่ทำอะไรให้หลี่ว์ซู่เป็นอันตรายแน่
เธอมองไปเห็นรถของซากุราอิ ที่แท้เธอก็ขับรถมานี่เอง รถของเธอจอดหลบๆ อยู่ข้างถนน คอรัลค่อยๆ วางตัวหลี่ว์ซู่ลงวางที่เบาะหลัง ขาของเขางอเล็กน้อยเพราะว่าตัวสูงเกินไป
ซากุราอิลอบสังเกตท่าทีที่คอรัลดูแลหลี่ว์ซู่ เธอต้องยอมรับว่าคอรัลสวยและน่ารักกว่าเธอ แถมยังแข็งแกร่งกว่าเธอด้วย คอรัลคนเดียวสามารถจัดการคิตามูระได้สบายๆ แถมยังกำจัดกลุ่มที่มาแอบซุ่มโจมตีอีกสองกลุ่มได้อีกต่างหาก นี่ไม่ใช่เรื่องที่คนธรรมดาๆ จะทำได้เลย
คอรัลเป็นถึงหัวหน้ากลุ่มเทพเจ้า ความแตกต่างระหว่างตำแหน่งหน้าที่และอำนาจอันเหนือชั้นนั้นห่างไกลกับเธอเหลือเกิน
แต่ที่สำคัญที่สุดคือเธอสัมผัสถึงความจริงใจบริสุทธิ์ที่คอรัลมี่ต่อหลี่ว์ซู่ได้ มันบริสุทธิ์เสียจนน่าใจหาย
ซากุราอิอาจจะพบเหตุผลแล้วว่าทำไมหลี่ว์ซู่ถึงไม่ยอมรับความพยายามของคอรัลเสียที ความรู้สึกนี้นั้นแตกต่างกันเกินไป
ซากุราอิ ยาเอโกะนั่งที่เบาะคนขับ และคอรัลก็นั่งลงที่เบาะข้างคนขับ แล้วจู่ๆ ซากุราอิก็โพล่งถามขึ้น “นี่เธอกับหลี่ว์ซู่เป็น…”
คอรัลไม่รอให้ซากุราอิจบคำถาม เธอตอบกลับฉับพลันด้วยความมั่นใจ “เป็นแฟนกัน”
เมื่อพูดจบ เธอก็เหลือบมองไปที่หลี่ว์ซู่ที่กำลังนอนอยู่แวบหนึ่ง ค่อยโล่งใจหน่อยที่เขาไม่ได้ยินว่าเธอพูดอะไรไป เธอรู้สึกผิดต่อหลี่ว์ซู่เล็กน้อย เธอรู้ว่าหลี่ว์ซู่ไม่ได้รู้สึกกับเธอแบบเดียวกัน
ซากุราอิเงียบไปทันที หลังจากนั้นคอรัลก็ถามขึ้นมา “เธอเป็นหนึ่งในกลุ่มทวยเทพเหรอ”
“ใช่แล้วล่ะ” ซากุราอิตอบ
“เธอรู้จักหลี่ว์ซู่ได้ยังไงน่ะ” คอรัลถามด้วยความสงสัย
ซากุราอิไม่มีอะไรที่ต้องปิดบัง เธอเล่าเรื่องที่ก่อนหน้านี้หลี่ว์ซู่ปลอมตัวเป็นคิริฮาระ โยสุเกะให้คอรัลฟัง คอรัลฟังเรื่องหลี่ว์ซู่อย่างตั้งใจถึงแม้ว่าเธอจะอ่อนล้ามากก็ตาม หลี่ว์ซู่นี่มีวีรกรรมในญี่ปุ่นเยอะเลยแฮะ!
คอรัลถาม “ตอนนี้กลุ่มทวยเทพก็แตกแล้ว… เธอวางแผนจะทำยังไงต่อล่ะ”
ด้วยเหตุผลบางอย่าง ซากุราอิตอบอย่างไม่ปิดบัง “ฉันก็คงจะยืนหยัดต่อไปกับกลุ่มทวยเทพและคงพยายามสร้างมันขึ้นมาอีกรอบน่ะ”
เธอก็ไม่เข้าใจเหมือนกันว่าทำไมเธอถึงตัดสินใจแบบนี้ มันเป็นแผนที่เสี่ยงอยู่เหมือนกันแต่เธอก็มีเหตุผลของเธอ
พวกระดับ B ในกลุ่มทวยเทพโดนกำจัดไปหมดแล้ว พวกระดับ C ก็พ่ายแพ้ไปตามๆ กัน ซากุราอินึกไปถึงพวกกลุ่มเล็กๆ ที่แอบซ่อนอยู่ บางทีเธออาจจะรวบรวมคนพวกนั้นมาได้ก็ได้ ถึงแม้มันจะยากลำบากก็ตาม แต่เธอก็อยากจะใช้ทรัพยากรและสิ่งที่ตกทอดมาจากโอดะ โทคุมะในมือของเธอให้เป็นประโยชน์ที่สุด!
ทันใดนั้นก็มีใครคนหนึ่งเหาะลงมาจากฟ้าแล้วหยุดอยู่ตรงหน้ารถ เสื้อคลุมสีดำของเขาปลิวสะบัดอยู่ในลมหนาวในเดือนมกรา คอรัลหยุดพูดทันที เธอและซากุราอิต่างรู้ว่าเขาคือใคร
เนี่ยถิงพูดอย่างใจเย็น “ส่งหลี่ว์ซู่มาให้ฉัน”
คอรัลและซากุราอิไม่คาดคิดเลยว่าหลี่ว์ซู่จะทำให้ยอดฝีมือระดับตำนานในโลกตะวันออกมาหาเขาถึงที่ด้วยตัวเองทั้งๆ ที่สถานการณ์ในเครือข่ายฟ้าดินนั้นไม่ค่อยมั่นคงนักก็ตาม ผู้คนที่มาจากองค์กรใหญ่ๆ ต่างหลบตัวกันอยู่ที่ประเทศข้างเคียง ไม่กล้าเสี่ยงทำอะไรเพราะมีเนี่ยถิงอยู่ ได้แต่จับตามองเหมือนพยัคฆ์จ้องเหยื่อเท่านั้น กระนั้นเนี่ยถิงก็มาที่นี่อย่างโจ่งแจ้ง
ที่จริงแล้วเนี่ยถิงรีบรุดออกมาจากเมืองหลวงอย่างรวดเร็วเมื่อเขาได้ยินว่าทาคาชิมะกำลังเตรียมตัวทำพิธีบูชายัญคนครั้งใหญ่เพื่อเร่งไต่เต้าขึ้นไปเป็นระดับ A
แต่เขาไม่คาดคิดเลยว่าทุกอย่างจะจบสิ้นลงเรียบร้อยแล้วตอนที่เขามาถึง จากการสังเกต หลี่ว์ซู่น่าจะบาดเจ็บสาหัสเอาการ หลี่ว์ซู่ไม่น่าจะรับมือกับอาการบาดเจ็บครั้งนี้ได้ นี่จึงเป็นเหตุผลที่เนี่ยถิงต้องรีบมาดูเขาด้วยตัวเอง แต่เนี่ยถิงก็ยังไม่เข้าใจอยู่ดีว่าทำไมการต่อสู้ถึงได้จบลงรวดเร็วถึงเพียงนี้
เขาเพิ่งออกมาจากป้อมปราการของทวยเทพ เขาไม่สามารถบอกได้เกิดอะไรขึ้นจากซากปรักหักพังเหล่านั้น หลี่ว์ซู่กำจัดทาคาชิมะไปหรือ ทำไมถึงมีรอยกระบี่อยู่บนกำแพงป้อมล่ะ
ยิ่งไปกว่านั้นเนี่ยถิงก็สัมผัสได้ว่ามีเสียงเพรียกแห่งเต๋าดังกังวานอยู่รอบๆ ในรัศมีสามกิโลเมตร มันยังไม่หายไปเสียทีเดียว
เขาเคยเพ่างควาใสนใจมาที่เด็กหนุ่มคนนี้ เด็กหนุ่มที่แต่เดิมเคยขายเต้าหู้เหม็น มาตอนนี้กลับกลายเป็นคนที่แข็งแกร่งได้ยังไงกันนะ
เนี่ยถิงเห็นเชื่อมโยงรอยกระบี่และเสียงแห่งเต๋ามายังหลี่ว์ซู่ได้ไม่ยาก เขารู้ว่ารอยกระบี่นี้มาจากหลี่เสียนอี และรู้ว่าหลี่เสียนอีเป็นคนสอนสิ่งนี้ให้กับหลี่ว์ซู่
เนี่ยถิงโพล่งถาม “พวกเธอเป็นคนฆ่าทาคาชิมะงั้นเหรอ”
คอรัลและซากุราอิตอบเป็นเสียงเดียวกัน “พวกเราไม่รู้ค่ะ”
ทั้งสองคนรู้ว่าหลี่ว์ซู่กำลังปกปิดอะไรบางอย่างอยู่ คอรัลรู้มากกว่าซากุราอิเพียงนิดหน่อย แต่อย่างไรก็ตามทั้งสองคนก็ตัดสินใจเก็บมันเป็นความลับด้วยเพราะหลี่ว์ซู่ยังไม่ได้สติ ถึงแม้ว่าคนถามจะเป็นหัวหน้าของหลี่ว์ซู่ก็ตาม
เนี่ยถิงตอบหัวเราะ “เอาเถอะ ฉันจะพาหลี่ว์ซู่กลับเอง พวกเธอคงหาทางกลับได้นะ”
เนี่ยถิงไม่รอให้ทั้งสองสาวร่ำลา เขาเดินไปข้างรถและใช้นิ้วชี้เรียวผอมวางบนคอของหลี่ว์ซู่เพื่อจับชีพจร หลังจากที่มั่นใจว่าไม่เป็นไรแล้ว เนี่ยถิงก็ยกตัวหลี่ว์ซู่ขึ้นวางพาดกับไหล่แล้วเตรียมตัวกระโดดขึ้นฟ้า
คอรัลรีบพูดออกมา “ฉันเป็นหัวหน้าของกลุ่มเทพเจ้า อยากจะเป็นพันธมิตรกับเครือข่ายฟ้า ไม่ทราบว่าราชันฟ้าเนี่ยถิงจะว่ายังไง”
เนี่ยถิงมองเธออย่างใจเย็น “ฉันส่งหลี่ว์ซู่ไปคุยกับเธอได้นะ ฉันแต่งตั้งให้เขารับผิดชอบอยู่หน่วยความสัมพันธ์ภายนอกของเครือข่ายฟ้าดินตั้งแต่ตอนนี้เลย”
คอรัลดีใจมาก “จริงเหรอคะ”
“จริงสิ” เนี่ยถิงเป็นคนฉลาด เขารู้ว่าแปดสิบเปอร์เซ็นต์ของเหตุผลที่คอรัลตัดสินใจมาญี่ปุ่นก็เพราะหลี่ว์ซู่ แต่เขายังไม่แน่ใจว่าความสัมพันธ์ของทั้งคู่เป็นอย่างไร
ข้อมูลที่หลู่ว์ซู่บอกมาไม่ได้พูดถึงเรื่องนี้เลย
แต่จะยังไงก็ตาม ในเมื่อหลี่ว์ซู่รับผิดชอบจัดการเรื่องในต่างประเทศแล้ว มันก็ถูกต้องแล้วที่เขาจะมอบหมายหน้าที่เช่นนี้
คอรัลถาม “คุณจะพาหลี่ว์ซู่ไปไหนคะ”
เนี่ยถิงตอบอย่างเคร่งขรึม “ฉันจะพาเขากลับบ้าน”
คอรัลนิ่งงันไป ตอนที่หลี่ว์ซู่พาร่างหลิวซิวเข้าตราแผ่นดิน เขาก็พูดแบบเดียวกัน พอตอนที่เนี่ยถิงจะพาหลี่ว์ซู่กลับบ้าน เขาก็พูดแบบเดียวกันอีก ช่างเป็นประโยคที่เรียบง่ายแต่กินใจเธอเหลือเกิน