ท่านเทพ ละเว้นข้าเถอะ – ตอนที่ 522 พาหลิวซิวกลับบ้าน

พาหลิวซิวกลับบ้าน

 

หลี่ว์ซู่หันไปมองคอรัลที่ค่อยๆ ยืนขึ้นอย่างยากลำบาก ดวงหน้าละเอียดลออของเธอตอนนี้เปรอะเปื้อนไปด้วยฝุ่น มีคราบเลือดเกรอะกรังไปตามตัว

 

แต่ไม่ว่าจะรู้สึกเจ็บมากขนาดไหน เธอก็ยังพยายามขยับเข้ามาหาหลี่ว์ซู่เพื่อทรุดตัวลงนั่งใกล้ๆ เขา คอรัลอิงหัวลงซบกับหน้าอกของหลี่ว์ซู่ ผมสีบลอนด์สว่างของเธอแผ่สยายทั่วหน้าอกของเขา เธอเอ่ยพึมพำ “ขอบคุณสวรรค์ นายยังไม่ตาย”

 

บัดนี้เทพสังหารคอรัลเป็นเพียงเด็กหญิงผู้บอบบางเท่านั้น เธอพูดต่อ “ฉันเขียนจดหมายถึงนายตลอดทางกลับบ้านเลย คิดว่าจะส่งหาตอนถึงบ้านแล้ว แล้วก็แทบใจสลายตอนได้ยินข่าวของนาย โชคดีที่ฉันมาที่นี่แล้วได้เห็นว่านายไม่เป็นไร…

 

“ตอนแรกพวกนั้นก็ไม่ยอมให้ฉันมาหรอก แต่ฉันอยู่ต่อไปไม่ได้ถ้าไม่ล้างแค้นให้นย

 

“ตอนนี้ฉันเป็นหัวหน้าของกลุ่มเทพเจ้าแล้วนะ ขนาดพ่อเองก็ยังควบคุมฉันไม่ได้…”

 

คอรัลพรั่งพรูคำพูดออกมาในคราวเดียว เธอไม่ได้จะคาดคั้นว่าทำไมหลี่ว์ซู่ถึงแสร้งทำเป็นตายไปแล้ว สิ่งที่สำคัญที่สุดที่เธอต้องการคือการที่หลี่ว์ซู่ปลอดภัยก็เท่านั้น

 

หลี่ว์ซู่สูดหายใจเข้าลึก “ทับหน้าอกกันแบบนี้ ฉันก็เจ็บนะเนี่ย…”

 

[ได้แต้มจากคอรัล โอดิน จอห์นสัน +79!]

 

ตอนนี้กระดูกของหลี่ว์ซู่แตกหักไปหมด แถมอวัยวะภายในและกล้ามเนื้อเองก็เกิดเป็นแผลฉกรรจ์ เจ็บแทบตายตอนที่คอรัลเอาหน้ามาทับหน้าอกเขา…

 

บรรยากาศโรแมนติกสลายหายไปในพริบตาทันที หลี่ว์ซู่ทำเสียเรื่องเก่งอยู่แล้ว

 

ทว่าคอรัลไม่ได้ให้แต้มอารมณ์เขามากนัก เธอพยายามยันตัวขึ้นแล้วพูดกับหลี่ว์ซู่ “งั้นฉันรีบจะส่งเช็คเงินสดให้นายหลังฉันกลับไปแล้ว”

 

หลี่ว์ซู่นิ่งไปสองวิก่อนจะตอบว่า “เอ้อ จริงๆ มันก็ไม่เจ็บเท่าไหร่แล้วล่ะ…”

 

คอรัลหัวเราะเบาๆ ใบหน้าของเธอเลอะเทอะไปหมด คนที่ไม่รู้จักเธอคงนึกไม่ถึงว่าเธอเป็นถึงหัวหน้าของกลุ่มเทพเจ้า

 

จากนั้นคอรัลก็ค่อยๆ ฝืนยืนขึ้น เธอกัดฟันแล้วแบกหลี่ว์ซู่ขึ้นหลัง ตัวของเธอสูงถึงหนึ่งร้อยเจ็ดสิบเซนติเมตรก็จริง แต่ตอนที่แบกหลี่ว์ซู่ขึ้นก็ยังดูทุลักทุเลอยู่ดี

 

หลี่ว์ซู่ชะงักไป “เธอแน่ใจนะ ปล่อยฉันลงก็ได้ คือฉันไม่ได้จะปฏิเสธน้ำใจอะไรหรอก แต่เธอเพิ่งบาดเจ็บมา กลัวว่าจะแบกฉันไม่ไหว”

 

หลี่ว์ซู่ครุ่นคิดว่าจะทำอย่างไรให้ฟื้นฟูร่างกายได้เร็วๆ หรือว่าจะออกไปสู้กับพวกกลุ่มทวยเทพที่เหลือให้มันจบๆ ไป เขาคาดไม่ถึงเลยว่าคอรัลจะแบกเขาออกไปทั้งๆ คอรัลก็อาการหนักพอๆ กันกับเขา

 

หลี่ว์ซู่รู้สึกผิดเมื่อเห็นเธอพยายามเดินไปข้างหน้าด้วยความยากลำบาก แต่ขณะเดียวกันเขารู้สึกมั่นใจขึ้นมาเธอคนนี้เป็นคนที่เขาไว้ใจได้

 

โลกนี้นั้นเป็นสถานที่ที่หนาวเหน็บและสิ้นหวัง เพราะฉะนั้นความไว้ใจและการพึ่งพากันและกันระหว่างเขากับเสี่ยวอวี๋จึงล้ำค่ามาก

 

ทว่าในเวลานี้ เขาไม่นึกเลยว่าจะมีคนอื่นที่พร้อมยื่นมือเข้าช่วยเขาจากก้นบึ้งของหัวใจโดยไม่คำนึงถึงความปลอดภัยของตัวเอง ไม่สนว่าต้องเสียอะไรไปเท่าไหร่

 

หลี่ว์ซู่คาดไม่ถึงเลยว่าสิ่งนี้จะเกิดขึ้นกับเขา

 

คอรัลเลี่ยงไม่ตอบคำถามหลี่ว์ซู่ เธอขบกรามแน่นแล้วเดินไปข้างหน้าช้าๆ และในที่สุดเธอก็ยิ้มออกมา “ไม่เป็นไรหรอก ฉันเจ็บน้อยกว่านายเยอะ”

 

หลังจากนั้นก็ไม่มีใครพูดอะไรกันอีก หลี่ว์ซู่รู้ว่าคงจะยากถ้าจะไปขัดความตั้งใจของเธอ แต่แล้วเขาก็เอ่ยขอเธออีกครั้ง “หยุดเถอะ ขอร้องล่ะ ฉันรู้ว่าฉันขอมากไป แต่พาฉันกลับไปหาเขาทีได้ไหม”

 

หลี่ว์ซู่รู้สึกผิดมาก เขารู้ว่าบาดแผลของคอรัลแย่จนเธอแทบเดินไม่ได้ แต่เขาต้องทำอะไรบางอย่างให้ลุล่วงก่อนจากไป

 

คอรัลมองกลับไปจากทางที่เธอเดินมา เธอเห็นร่างของผู้ชายคนหนึ่งยืนค้ำอยู่กับดาบคาตานะ มีแผลสามแผลที่ถูกดาบคาตานะแทง แต่ท่าทางเขาดูแข็งแกร่งน่าเกรงขามอยู่ทั้งที่เสียชีวิตไปแล้วท่ามกลางซากศพรอบกาย

 

คอรัลไม่สามารถปฏิเสธได้อีก เธอพร้อมจะทำทุกอย่างตามที่หลี่ว์ซู่เห็นสมควร แต่ด้วยความสงสัย เธอจึงถามออกไป “นั่นใครเหรอ”

 

หลี่ว์ซู่ยิ้ม “คงจะเป็น…สหายร่วมรบเคียงบ่าเคียงไหล่น่ะ ภาษาจีนเรียกว่า ‘ถงเผา’ [1] เธอคงไม่เคยได้ยินมาก่อน เขายอมตายเพื่อฉัน” ถ้าไม่ใช่เพราะหลิวซิวคนนี้เสียสละชีวิตเพื่อเขา หลี่ว์ซู่คงจะเปิดจุดชี่ไห่ไม่สำเร็จ

 

เขาเรียกหลี่ว์ซู่ว่าเพื่อนก่อนตาย และหวังว่าจะได้เป็นสหายในสนามรบด้วยกันอีกในชาติหน้า หลี่ว์ซู่ลืมไม่ลงจริงๆ

 

คอรัลแบกหลี่ว์ซู่ไปข้างๆ หลิวซิว หลี่ว์ซู่ค่อยๆ ยกร่างของหลิวซิวใส่ลงไปในตราแผ่นดิน ข้างในนั้น หลิวซิวยืนนิ่งอยู่อย่างนั้นราวกับว่าเขาจะยืนยงแบบนั้นไปตลอดกาล

 

“ทำไมนายถึง…”

 

“ฉันจะพาเขากลับบ้าน” หลี่ว์ซู่ยิ้มบางๆ

 

คอรัลแบกหลี่ว์ซู่ออกไปข้างนอก หลังจากที่แบกตัวหลี่ว์ซู่มาสักพัก เธอยิ้มกว้างแล้วพูดกับหลี่ว์ซู่

 

“หลี่ว์ซู่ นายอยู่กับฉันไปทั้งชีวิตเลยได้ไหม ถ้านายปฏิเสธละก็ ฉันก็จะรอจนกว่านายตอบตกลง ฉันจะทำทุกวิถีทางให้นายยอมให้ได้”

 

แต่หลี่ว์ซู่ไม่ตอบ คอรัลเลยเอียงหัวไปดูปฏิกิริยาของหลี่ว์ซู่ที่แนบศีรษะอยู่บนไหล่ของเธอ ปรากฏว่าเขาผล็อยหลับไปแล้วด้วยความเหนื่อยอ่อน

 

เขาสู้สุดตัวในการต่อสู้ครั้งนี้ เพราะฉะนั้นจึงหลับไปทันทีเมื่อรู้ตัวว่าตัวเองปลอดภัยแล้ว

 

 

เมื่อไม่กี่ชั่วโมงที่ผ่านมา ป้อมปราการของกลุ่มทวยเทพยังมีคนพลุกพล่าน แต่บัดนี้กลับเต็มไปด้วยศพกองมากมายและมีบรรยากาศของความหดหู่เจ็บปวดเข้ามาแทนที่ เลือดสดๆ สีแดงตอนนี้แห้งกรังบนพื้นและกลายเป็นสีม่วงเข้มเกือบดำ ดูน่าเกลียดน่ากลัว

 

คอรัลจะต้องระวังทุกฝีก้าวขณะก้าวข้ามศพเพื่อไม่ให้ปลุกหลี่ว์ซู่ตื่น

 

เธอเองก็เหนื่อยเหมือนกัน แต่อาการบาดเจ็บของเธอแทบจะเทียบไม่ได้เลยกับของหลี่ว์ซู่

 

เมื่อเธอออกไปถึงข้างนอกเธอก็พบว่าป้อมปราการถูกปกคลุมไปด้วยเงาดำมืด ดูตัดกับแสงแดดยามพระอาทิตย์ตกสีส้มแดง ท้องฟ้าและก้อนเมฆลอยดูงดงามราวกับภาพวาด

 

เธอรู้สึกประทับใจกับภาพที่เห็น สำหรับหลี่ว์ซู่แล้ว เขาคงได้อะไรหลายๆ อย่างจากการมาเยือนญี่ปุ่นครั้งนี้ แต่สำหรับคอรัล มีสิ่งเดียวเท่านั้นที่สำคัญ นั่นคือการที่หลี่ว์ซู่ยังมีชีวิตอยู่

 

แต่แล้วคอรัลก็นิ่งเป็นน้ำแข็ง คอรัลเห็นเงาของหญิงสาวคนหนึ่งจากไกลๆ หลังกองซากศพ

 

นี่ไม่ใช่เรื่องบังเอิญแน่ๆ เสื้อผ้าของผู้หญิงคนนั้นดูราวกับอาวุธวิญญาณ จิตสังหารแผ่รอบๆ ชุดกิโมโนสีชมพูลายซากุระของเธอ

 

ในมือของเธอมีดาบสั้นซ่อนอยู่ กิโมโนซากุระของเธอดูสวยจับตาท่ามกลางแสงอาทิตย์ตก ดูเหมือนว่าเธอจะยืนรออยู่ตรงนั้นมาสักพักแล้ว

 

คอรัลคิดจนหัวหมุนว่าเธอควรทำอย่างไรดี ในสายตาของหลี่ว์ซู่เธอคงเป็นเหมือนกับเด็กผู้หญิงตัวเล็กๆ ที่ต้องการการปกป้อง แต่ในสายตาของคนอื่นๆ แล้ว เธอเป็นถึงหัวหน้าของกลุ่มเทพเจ้า

 

 

——

 

[1] 同袍 (tóng páo) แปลว่า สหายรบ

ท่านเทพ ละเว้นข้าเถอะ

ท่านเทพ ละเว้นข้าเถอะ

หลี่ว์ซู่ เป็นเด็กกำพร้าที่หาเลี้ยงตัวเองมาโดยตลอด และก็คงจะหาเลี้ยงตัวเองเช่นนี้ต่อไปเรื่อยๆ ถ้าเขาไม่ได้ประสบอุบัติเหตุรถชนเข้าเสียก่อน… แต่เฮ้ย! เขาไม่เป็นอะไรเลยนี่ ไม่เจ็บ ไม่ปวด และไม่ตาย แถมวิญญาณไม่ได้หลุดออกจากร่างด้วย! จะมีก็แต่สัญลักษณ์รูปต้นไม้ที่จู่ๆ ก็ปรากฏขึ้นมาบนฝ่ามือและพลังพิเศษในตัวที่ตื่นขึ้นมาเท่านั้น! ทว่าเขาไม่ได้เป็นเพียงคนเดียวที่ได้รับพลังพิเศษนี้มา เพราะคนอื่นๆ เองก็เริ่มกลายเป็นผู้มีพลังแล้วเหมือนกัน นี่มันเรื่องบ้าอะไร เกิดอะไรขึ้นกับโลกใบนี้กันแน่ นี่เรากำลังจะก้าวเข้าสู่ยุคของผู้มีพลังพิเศษกันแล้วงั้นเหรอ หลี่ว์ซู่ได้แต่คิดแล้วก็สงสัย ว่าแต่พลังที่ได้มานี่มันฝึกยังไงกันล่ะ เอ๊ะ ต้องสะสมแต้มอารมณ์ด้านลบงั้นเหรอ แค่กวนโมโหคนอื่นก็เพิ่มพลังได้แล้วงั้นเหรอ แบบนี้ก็เข้าทางหลี่ว์ซู่สุดๆ ไปเลยน่ะสิ!

Comment

Options

not work with dark mode
Reset