ท่านเทพ ละเว้นข้าเถอะ – ตอนที่ 840 ภาพมาโครในสงคราม

ฟรานเชสโกที่ออกไปไล่ล่าเพื่อฆ่าหลี่ว์ซู่นั้นกลับมาแล้ว แต่หลี่ว์ซู่ยังไม่กลับมา แม้แต่หลี่ว์เสี่ยวอวี๋ก็หายตัวไปหลังจากพูดคุยกับโยวหมิงอวี่

 

 

เฉินจู่อานหันไปหาเฉิงชิวเฉี่ยว “ฉันขอยืมโทรศัพท์นายหน่อย”

 

 

เฉิงชิวเฉี่ยวตั้งท่าระแวดระวัง “เมื่อวานนายยืมโทรศัพท์ฉันไปห้านาที แล้วก็เอาเครดิตของฉันไปเล่นพนันจนหมด อย่าคิดว่าวันนี้ฉันจะให้ยืม!”

 

 

“ขี้งก!” เฉินจู่อานตะโกนอย่างโกรธเคือง

 

 

ทันใดนั้นเสียงที่ทั้งดังและชัดก็ดังมาจากพื้น เฉินจู่อานและเฉิงชิวเฉี่ยวมองตรงไปที่หลี่อีเสี้ยวด้วยความตกใจ พวกเขาเพิ่งจะพูดล้อเล่นกับหลี่อีเสี้ยว ไม่นึกว่าเขาจะโยนแก้วลงบนพื้นจริงๆ

 

 

สำเร็จแล้ว สามคำนี้ผุดขึ้นในใจพวกเขาพร้อมกัน แต่น่าหลานเชวี่ยไม่ได้ดูยอมจำนนแต่อย่างใด และสิ่งต่อไปที่เธอทำก็คือ…

 

 

น่าหลานเชวี่ยมองไปที่หลี่อีเสี้ยว “ทนไม่ได่แล้วเหรอ ตอนนี้นายสามารถโยนแก้วลงบนพื้นได้แล้วสิ?”

 

 

ขณะที่หลี่อีเสี้ยวกำลังจะคุกเข่าลงบนเศษแก้วที่แตกเป็นเสี่ยงๆ เสียงอันน่าเกรงขามก็ดังก้องอยู่ภายในป้อมปราการ เฉินจู่อานและคนที่เหลือเดินออกจากเต็นท์และมองไปที่เวทีที่อยู่ตรงกลางป้อม ห่าวจื้อเชากำลังสั่งให้คนตีระฆังซึ่งตั้งขึ้นเมื่อนานมาแล้ว เสียงยาวสามครั้ง นั่นหมายความว่า…สงครามเริ่มแล้ว!

 

 

ในที่สุด!

 

 

เวลาผ่านไปหนึ่งเดือนแล้ว นับตั้งแต่เหล่าองค์กรขนาดใหญ่แทรกซึมเข้ามาในเทือกเขาจั่งไป๋ การต่อสู้ครั้งก่อนเป็นเหมือนการเรียกน้ำย่อย นั่นเป็นเพียงส่วนปลายของภูเขาน้ำแข็งเท่านั้น

 

 

แต่เครือข่ายฟ้าดินไม่ได้ตั้งใจที่จะเสียเวลากับองค์กรเหล่านั้น เมื่อเหรียญทองได้ไหลบ่าผ่านเทือกเขาจั่งไป๋ คนพวกนั้นก็จะเข้าใจว่าในที่สุดการต่อสู้แบบกลุ่มก็ได้เริ่มต้นขึ้นแล้ว องค์กรเหล่านั้นมีจำนวนคนมากกว่าเครือข่ายฟ้าดินถึงสามเท่า แต่ในทางกลับกัน เครือข่ายฟ้าดินอาศัยความสามารถของตนเองในการสร้างป้อมปราการหลังพยัคฆ์ขึ้นอย่างรวดเร็ว จากนั้นพวกเขาก็แค่รอคอยศัตรูที่เหนื่อยล้าอย่างสบายใจ

 

 

ใครจะเป็นผู้ชนะ? ไม่มีใครรู้คำตอบที่แน่ชัด สงครามระหว่างเครือข่ายฟ้าดินและพวกที่เหลือในโลกกำลังจะเริ่มขึ้นในที่สุด

 

 

ผู้บำเพ็ญของเครือข่ายฟ้าดินสวมชุดเกราะทองแดงและเข้าแถวเรียงกันอย่างเป็นระเบียบรอบๆ ป้อมปราการ พวกเขาตั้งรูปขบวนรออย่างเข้มงวด

 

 

ทุกคนได้รับกระบี่มาตรฐานเล่มใหม่ กระบี่เหล่านี้แตกต่างจากอาวุธขององค์กรอื่นๆ ที่มีคุณภาพด้อยกว่า เพราะนี่คือสินค้าคุณภาพจากเครือข่ายฟ้าดิน

 

 

เนี่ยถิงยังคงอยู่ในห้องที่เงียบสงบ แต่เขาก็ได้ยินเสียงระฆังเช่นกัน เนี่ยถิงลืมตาขึ้นอย่างสงบ ในขณะที่เครือข่ายฟ้าดินรอคอยอย่างเรียบร้อย ขบวนผู้บำเพ็ญลับอันยิ่งใหญ่ก็กำลังมุ่งหน้าเข้ามาจากที่ไกลๆ พวกเขาดูเหมือนผู้ลี้ภัยมากกว่า บางคนถึงกลับมามือเปล่า แต่อย่างไรพวกเขาก็มีจำนวนเยอะมาก ขบวนทอดยาวไปทั่วป่า แค่มองดูขนาดของขบวนก็ชวนให้รู้สึกกลัวแล้ว ต่อให้พวกเขาหยุดยืนนิ่งๆ เครือข่ายฟ้าดินก็ยังต้องใช้เวลาสักพักในการฆ่าพวกเขาทั้งหมด

 

 

ราวกับว่าพวกองค์กรอื่นๆ ไม่สนใจที่จะเสียเวลาในการจัดระเบียบพวกผู้บำเพ็ญลับ เมื่อห่าวจื้อเชาและคนที่เหลือเห็นสิ่งที่เกิดขึ้น พวกเขาก็เข้าใจเรื่องราวทั้งหมด “คนเหล่านี้ถูกส่งมาตาย เมื่อพวกเขาถูกฆ่าไปเป็นจำนวนมาก ชื่อเสียงของพวกเราก็จะถูกทำลาย เหล่าทหารของพวกเราก็จะเหนื่อยเช่นกัน”

 

 

“ชื่อเสียงของพวกเราน่ะเหรอ ลืมชื่อเสียงของพวกเราในดินแดนผู้บำเพ็ญไปเสียเถอะ” ใครบางคนพูดขึ้นพร้อมกับเสียงหัวเราะ จากนั้นน้ำเสียงของเขาก็เปลี่ยนเป็นเย็นชา “ถ้าพวกนั้นเข้ามา พวกเราก็แค่ต้องฆ่าให้หมด”

 

 

กำแพงสูงของป้อมปราการข่มขวัญผู้บำเพ็ญลับได้อย่างดี พวกเขาไม่รู้เลยว่าจะเอาชนะกำแพงตระหง่านตรงหน้านี้ได้อย่างไร พวกเขาหลายคนต้องการที่จะหนี แต่เมื่อพวกเขาหันหลังกลับ หัวของพวกเขาก็จะถูกพวกทหารที่อยู่ด้านหลังฟันหลุดจากบ่าทันที

 

 

พวกองค์กรขนาดใหญ่ได้รับความลำบากอย่างมากในการควบคุมการสู้รบในครั้งนี้ พวกเขามีทหารเพียงไม่กี่พันนาย และทหารเหล่านั้นก็ไม่ได้มีไว้เพื่อสู้รบ แต่มีไว้เพื่อควบคุมเหล่าผู้บำเพ็ญลับ! ใครบางคนหัวเราะอย่างเย็นชา “ถ้านายเดินต่อไปข้างหน้า นายอาจจะมีชีวิตรอด แต่ถ้านายหันหลังกลับ นายจะต้องตายทันที ชีวิตนาย นายเลือกเอง!”

 

 

ผู้บำเพ็ญลับคนหนึ่งคำรามอย่างสิ้นหวัง “ป้อมปราการนี้แข็งแกร่งมาก พวกเราต้องเอาซากศพของพวกเรามากองรวมกันก่อนถึงจะเข้าไปได้หรือเปล่า”

 

 

“ทำไมไม่ลองดูล่ะ”

 

 

แต่ถึงอย่างนั้น เหล่าผู้บำเพ็ญลับก็ยังคงเป็นเพียงผู้รับเคราะห์ให้กับพวกองค์กรใหญ่ๆ พวกเขายังคงถูกสั่งให้ทำนู่นทำนี่ มีหลายครั้งที่มนุษยชาติเปล่งประกายเช่นเดียวกับผู้บุกเบิก ราวกับว่าทุกคนมีจิตวิญญาณที่ไม่ยอมแพ้ แต่ก็มีบางครั้งที่เหล่ามนุษยชาติก็เปรียบเสมือนตัวหนอนที่บิดเบี้ยวอย่างมาก

 

 

ยิ่งองค์กรขนาดใหญ่โหดร้ายกับพวกเขามากเท่าใด พวกเขาก็ยิ่งไม่กล้าต่อสู้กลับ

 

 

ทันใดนั้นพื้นดินที่อยู่ใกล้กำแพงก็ผุดสูงขึ้น ราวกับว่ามีใครบางคนอยู่ใต้ดินและกำลังใช้ความสามารถธาตุดินของเขา!

 

 

พวกผู้บำเพ็ญลับรู้สึกมีความหวังขึ้นมา พวกเขาพุ่งตรงไปที่ป้อมปราการตามคำสั่งของพวกองค์กรใหญ่ ตราบใดที่พื้นดินยกขึ้นสูงพอ พวกเขาก็จะสามารถเอาชนะกำแพงตรงหน้านี้ได้!

 

 

เป็นความจริงที่ว่ากำแพงนี้สูงมาก ดังนั้นเราก็แค่ต้องทำให้พื้นดินยกสูงขึ้นกว่านั้น!

 

 

แต่ก่อนที่พวกเขาจะไปถึงขอบกำแพง พื้นดินก็พลังทลายลง จากนั้นมันก็ระเบิดออก เผยให้เห็นชาวต่างชาติผู้มีพลังธาตุดินสิบสี่ที่ได้รับบาดเจ็บสาหัส!

 

 

เหนือกำแพง ทหารในชุดเกราะทองแดงเห็นหลี่ว์เสี่ยวอวี๋ยืนอยู่ในหลุม เธอกำลังมองไปที่ซากศพอย่างเย็นชา จากนั้นพื้นก็กลายเป็นราบเรียบอย่างรวดเร็ว

 

 

เฉินจู่อานตกใจมาก เขาเพิ่งจะรู้ตอนนี้เองว่าหลี่ว์เสี่ยวอวี๋ไม่ได้ออกไปตามหาหลี่ว์ซู่ แต่เธอกลับซ่อนตัวอยู่ใต้ดินเพื่อรอจัดการผู้มีพลังธาตุดินจากเหล่าองค์กรใหญ่!

 

 

และไม่ได้มีเพียงแค่หลี่ว์เสี่ยวอวี๋ที่กำลังตรวจตราอยู่ที่ใต้ดิน แต่ยังมีผู้มีพลังธาตุดินของเครือข่ายฟ้าดินอีกหลายร้อยคนที่กำลังต่อสู้อยู่ที่นั่น พวกผู้บำเพ็ญระดับทั่วไป ยกเว้นระดับ A ไม่สามารถจับคู่กับแอนโทนี ผู้ซึ่งอยู่ในระดับ B ขั้นสูงได้อีกต่อไป!

 

 

เมื่อหลี่ว์เสี่ยวอวี๋มาถึงป้อมปราการ ผู้บำเพ็ญหลายคนของเครือข่ายฟ้าดินก็รู้สึกว่านี่เป็นเรื่องแปลกใหม่ เธอเป็นแค่เด็กสาวคนหนึ่ง แต่เธอก็เป็นถึงผู้มีพลังระดับ B และเธอถึงขั้นมีพลังธาตุดินและพลังเสกสรร

 

 

ย้อนกลับไปในอดีต พวกเขาไม่ต้องการให้หลี่ว์เสี่ยวอวี๋เข้าร่วมสงคราม นอกจากนั้นคือเธอน่ารักเสียขนาดนั้น ใครกันจะทนเห็นเธอในสงครามที่เต็มไปด้วยการนองเลือดก่อนเวลาอันควรได้?

 

 

แต่ตอนนี้เธอกำลังเป็นผู้นำในแนวป้องกันภายใต้กำแพง

 

 

พวกเขาอดไม่ได้ที่จะกังวล เธอจะได้รับอันตรายหรือไม่ นอกจากนี้คือพื้นดินใต้ฐานถูกผสมด้วยคอนกรีตและโลหะชนิดพิเศษ เช่นนี้แล้วเธอคงกลับเข้ามาทางนั้นไม่ได้แน่!

 

 

พวกเขาอยากจะผสมคอนกรีตและโลหะที่พื้นดินด้านนอกเช่นกัน แต่ถึงแม้จะทำแบบนั้นกับพื้นที่ในรัศมีหนึ่งกิโลเมตร พวกผู้มีพลังธาตุดินก็สามารถที่จะสร้างบันไดจากดินในระยะห่างออกไปหนึ่งกิโลเมตรได้ ไม่มีป้อมปราการใดที่สมบูรณ์แบบ ทุกที่ย่อมมีรอยร้าวและเรื่องให้ต้องตัดสินใจเสมอ

 

 

ขณะที่ทุกคนกำลังกังวลเกี่ยวกับหลี่ว์เสี่ยวอวี๋ ผู้มีพลังธาตุดินจากฝ่ายตรงข้ามคนหนึ่งก็ถูกโยนออกมา ราวกับว่าเธอกำลังฆ่าเพื่อส่งสัญญาณเตือนพวกผู้บำเพ็ญลับคนอื่นๆ ผู้มีพลังธาตุดินหลายร้อยคนของเครือข่ายฟ้าดินกำลังต่อสู้กันอย่างบ้าคลั่ง ในขณะที่บางคนก็ถูกฆ่าตาย แต่เมื่อมีหลี่ว์เสี่ยวอวี๋อยู่ที่นั่น จำนวนผู้เสียชีวิตของฝ่ายตรงข้ามจึงมีมากกว่า

 

 

สงครามที่แท้จริงเริ่มขึ้นในที่ที่ไม่มีใครมองเห็น! และผู้ที่เปิดฉากสงครามครั้งนี้ก็คือหลี่ว์เสี่ยวอวี๋ เด็กสาวผู้มีอายุเพียงสิบสองปี!

 

 

ทันใดนั้นแผ่นดินก็เริ่มเลื่อนไหล พวกผู้บำเพ็ญลับมองไปและเห็นว่าบัดนี้พื้นดินได้กลายเป็นรูปใบหน้าของเด็กสาว เธอกำลังยิ้มอย่างเย็นชา ราวกับกำลังย้ำเตือนไม่ให้ใครลองทำอะไรที่ใต้ดินอีก เส้นทางนี้คือทางตัน!

 

 

เฉินจู่อานรู้สึกตกตะลึง “เสี่ยวอวี๋น่าจะเป็นเพียงคนเดียวที่นำภาพมาโครมาใช้ในสงครามตามแต่ที่เธอพอใจ!”

ท่านเทพ ละเว้นข้าเถอะ

ท่านเทพ ละเว้นข้าเถอะ

หลี่ว์ซู่ เป็นเด็กกำพร้าที่หาเลี้ยงตัวเองมาโดยตลอด และก็คงจะหาเลี้ยงตัวเองเช่นนี้ต่อไปเรื่อยๆ ถ้าเขาไม่ได้ประสบอุบัติเหตุรถชนเข้าเสียก่อน… แต่เฮ้ย! เขาไม่เป็นอะไรเลยนี่ ไม่เจ็บ ไม่ปวด และไม่ตาย แถมวิญญาณไม่ได้หลุดออกจากร่างด้วย! จะมีก็แต่สัญลักษณ์รูปต้นไม้ที่จู่ๆ ก็ปรากฏขึ้นมาบนฝ่ามือและพลังพิเศษในตัวที่ตื่นขึ้นมาเท่านั้น! ทว่าเขาไม่ได้เป็นเพียงคนเดียวที่ได้รับพลังพิเศษนี้มา เพราะคนอื่นๆ เองก็เริ่มกลายเป็นผู้มีพลังแล้วเหมือนกัน นี่มันเรื่องบ้าอะไร เกิดอะไรขึ้นกับโลกใบนี้กันแน่ นี่เรากำลังจะก้าวเข้าสู่ยุคของผู้มีพลังพิเศษกันแล้วงั้นเหรอ หลี่ว์ซู่ได้แต่คิดแล้วก็สงสัย ว่าแต่พลังที่ได้มานี่มันฝึกยังไงกันล่ะ เอ๊ะ ต้องสะสมแต้มอารมณ์ด้านลบงั้นเหรอ แค่กวนโมโหคนอื่นก็เพิ่มพลังได้แล้วงั้นเหรอ แบบนี้ก็เข้าทางหลี่ว์ซู่สุดๆ ไปเลยน่ะสิ!

Comment

Options

not work with dark mode
Reset