หลี่ว์เสี่ยวอวี๋ใช้เวลาสามชั่วโมงเต็มในการสร้างผู้มีพลังธาตุดินระดับ B ลำดับที่สาม จากนั้นเธอจึงดำเนินแผนที่วางไว้อย่างราบรื่น
เธอไม่ได้บอกเครือข่ายฟ้าดินว่าเธอต้องการจะทำอะไร คนที่เธอยอมรับมีเพียงหลี่ว์ซู่เท่านั้น แต่ตอนนี้เขาไม่อยู่ที่นี่ เธอจึงทำได้เพียงแค่ทำตามแผนของตัวเอง
เธอจะค้นหาพวกผู้มีพลังธาตุดินระดับ B คนอื่นๆ และฆ่าพวกนั้นทิ้งเพื่อเป็นการเตือนคนอื่นๆ ที่เหลือ
เธอกำจัดพวกกองกำลังที่อยู่ใต้ดินไปจนหมด และรออย่างอดทนให้วิญญาณดวงที่สามปรากฏ
หลังจากวิญญาณดวงที่สามปรากฏ หลี่ว์เสี่ยวอวี๋จึงสร้างเส้นทางหลบหนีและส่งพวกผู้บำเพ็ญลับออกไปตามทางนั้น
เธอวางแผนทั้งหมดนี้ โดยที่ก็ไม่รู้ทำไมเหมือนกัน เธอแค่ทำไปเพราะรู้สึกว่านี่คือสิ่งที่ถูกต้อง
เครือข่ายฟ้าดินเป็นกังวลว่าผู้มีพลังธาตุดินของพวกเขาจะมีจำนวนไม่มากพอที่จะต่อสู้กับพวกองค์กรใหญ่อื่นๆ ถ้าพื้นดินด้านนอกสูงขึ้น นั่นจะยิ่งทำให้การต่อสู้ยิ่งยากขึ้นไปอีก ถึงแม้ว่าทหารในชุดเกราะทองแดงอาจจะดูได้เปรียบเพราะอยู่บนพื้นที่สูงกว่า แต่ปัญหาก็คือพวกเขาไม่มีสิทธิ์ตัดสินใจว่าจะทำอย่างไรต่อไปในสงครามนี้
หากพวกเขาพุ่งออกไป และฝ่ายตรงข้ามก็ลดระดับพื้นดินลงอย่างกะทันหัน คนที่พุ่งออกไปก่อนก็จะตาย ดังนั้นพวกเขาจึงทำได้เพียงป้องกันตัวเองจากการถูกปิดล้อมเท่านั้น
แต่ตอนนี้สถานการณ์เปลี่ยนไปแล้ว หลี่ว์เสี่ยวอวี๋ช่วยทำให้พวกเขาได้เปรียบขึ้นมา เธอคือผู้ควบคุมพื้นที่ใต้ดิน
ก่อนหน้านี้ที่หลี่ว์เสี่ยวอวี๋เป็นผู้นำทีม เธอไม่เพียงแต่ขัดขวางพวกผู้มีพลังเท่านั้น แต่ยังสร้างปัญหาให้พวกที่อยู่บนผิวดินเป็นครั้งคราว จากการที่มีระดับ B สามคนซ่อนตัวอยู่ใต้ดิน เป็นคุณจะไม่กลัวหรือ? สำหรับพวกผู้บำเพ็ญลับแล้ว พวกเขาก็เป็นเพียงผู้ที่ถูกกดขี่เท่านั้น
ขณะนี้พวกผู้บำเพ็ญลับกำลังวิ่งตรงไปยังเส้นทางหลบหนี ทหารในชุดเกราะทองแดงบนป้อมปราการสามารถผ่อนคลายได้แล้วตอนนี้ พวกเขามองดูกลุ่มคนที่กำลังวิ่งหนี และถึงขั้นอยากจะตะโกนบอกคนเหล่านั้นว่าขอให้โชคดี
เหล่าองค์กรใหญ่ไม่คาดคิดเลยว่าจะมีสิ่งให้ต้องรำคาญใจเกิดขึ้นที่ใต้ดิน แต่จากการคำนวณของพวกเขาแล้ว ดูเหมือนเครือข่ายฟ้าดินจะมีผู้มีพลังธาตุดินระดับ B เพียงคนเดียว นั่นก็คือหลี่ว์เสี่ยวอวี๋ แต่เธอก็ไม่ได้เข้าร่วมสงคราม ดังนั้นผู้มีพลังระดับ B สามคนของพวกเขาก็คงเพียงพอ
แต่พวกเขาหารู้ไม่ว่า ถ้าเพียงแค่หลี่ว์เสี่ยวอวี๋เข้าร่วมสงคราม เธอก็จะกลายเป็นตัวชี้ขาดผลของสงครามทันที…
เฉินจู่อานถอดหมวกเกราะและมองไปยังที่ไกลๆ เฉินไป่หลี่เองก็มองไปที่ความวุ่นวายตรงหน้าป้อมปราการ ตอนนี้เขารู้สึกเสียใจเล็กน้อย เขาน่าจะบังคับให้หลี่ว์เสี่ยวอวี๋เป็นศิษย์ เพราะเธอจะนำเกียรติยศมาสู่บรรพบุรุษของเขาได้อย่างแน่นอน…
ทหารในชุดเกราะทองแดงต่อสู้มาเป็นเวลาต่อเนื่องกว่าสามชั่วโมงแล้ว แม้ว่าพวกผู้บำเพ็ญลับจะล้มลงตั้งแต่การโจมตีครั้งแรก แต่พวกเขาก็ยังรู้สึกเหนื่อยล้า เนื้อตัวของทหารทุกคนเต็มไปด้วยเลือดซึ่งไหลไปตามชุดเกราะของพวกเขา แต่เลือดส่วนมากเหล่านี้เป็นของพวกผู้บำเพ็ญลับ คนพวกนี้เพียงแค่ทำให้เหล่าทหารเหนื่อยล้า แต่มันยากมากสำหรับพวกเขาที่จะสร้างการโจมตีที่เกิดผล
เหล่าทหารในชุดเกราะทองแดงมองดูพวกองค์กรใหญ่ที่พยายามจะสกัดกั้นการหนีของพวกผู้บำเพ็ญลับ แต่ตอนนี้มีช่องว่างขนาดใหญ่จากตอนเริ่มต้น และนอกจากนี้สมาชิกของเหล่าองค์กรใหญ่หลายคนก็เพิ่งจะตายไปจากภัยธรรมชาติที่หลี่ว์เสี่ยวอวี๋สร้างขึ้น ดังนั้นจึงเกิดความวุ่นวายชั่วคราวขึ้นในหมู่พวกเขา
หลี่ว์เสี่ยวอวี๋ซ่อนตัวอยู่ใต้ดินและสร้างหนามแหลมเพื่อโจมตีสมาชิกขององค์กรใหญ่ เธอไม่มีพลังเหลือมากพอจะสร้างภัยพิบัติอีกครั้ง แต่ก็ยังสามารถทำอะไรๆ เพื่อก่อความวุ่นวายให้คนพวกนี้ได้
ในขณะที่พวกผู้บำเพ็ญลับกำลังวิ่งหนีเอาชีวิตรอด เหล่าทหารบนป้อมปราการมองไปยังที่ไกลๆ และก็ต้องตกใจ… จนลืมแสดงสีหน้า ตอนนี้มีลูกศรมากมายนูนอยู่บนพื้นคอยชี้บอกเส้นทาง
ไม่เพียงแค่มีลูกศรที่อยู่บนพื้น แต่ยังมีตัวอักษรกะพริบผ่านไปมา บางครั้งกำแพงบางๆ ก็ปรากฏขึ้นข้างๆ พวกผู้บำเพ็ญลับ หลังจากมีข้อความขึ้นมา กำแพงก็จะหายไป
‘ทางนี้ๆ’
‘คุณเดินไปผิดทางแล้ว’
‘ระวังหน่อย พวกองค์กรใหญ่กำลังพุ่งตรงมาจากทิศเหนือ’
‘คุณวิ่งช้าเกินไปแล้ว’
‘คุณเคยดื่มแอลกอฮอล์ปลอมหรือเปล่า!’
‘อย่าเบียดกัน พวกคุณจะวิ่งได้ช้าลง’
เหล่าทหารในชุดเกราะทองแดงประหลาดใจมาก “นี่มันอะไรกัน?”
แต่ในขณะที่พวกเขากำลังประหลาดใจ เหล่าผู้บำเพ็ญลับก็วิ่งไปตามทางที่ลูกศรเหล่านั้นชี้บอก ต่อให้มันจะไม่ได้ชี้ไปยังทางออก แต่ในเวลาเช่นนี้ใครกันจะสนใจ!
ถ้ามีผู้ช่วยชีวิตปรากฏตัวขึ้นในความวุ่นวายเช่นนี้ พวกเขาก็จะเชื่อฟังอย่างหมดใจ!
“ฉันไม่เคยคิดมาก่อนเลยว่าจะได้เห็นข้อความแบบนี้อยู่ในสนามรบ…”
“ตลอดชีวิตของนาย นี่จะเป็นเพียงครั้งเดียวที่นายจะได้เห็นอะไรแบบนี้…”
เฉินจู่อานรู้สึกรำคาญเล็กน้อย “ทำไมนี่ถึงให้ความรู้สึกเหมือนกำลังอพยพหนีไฟ…”
ทำไมพี่น้องคู่นี้ถึงมีความสามารถในการเปลี่ยนแปลงสถานการณ์ได้รวดเร็วขนาดนี้!
พวกผู้ฝึกในลับหลบหนีท่ามกลางการต่อสู้และความกลัว ในตอนแรกพวกเขารู้สึกเหมือนตนเองเป็นแกะที่ถูกต้อน แต่เมื่อมีความหวังในการที่จะมีชีวิตรอด พวกเขาก็เริ่มบ้าคลั่ง
เหล่าองค์กรใหญ่พยายามที่จะเติมเต็มช่องว่าง แต่ถ้าพวกเขาทุ่มกำลังคนไปที่ส่วนนั้น ส่วนอื่นๆ ก็จะขาดแคลนกำลัง
มันก็เหมือนกับถังน้ำ หลี่ว์เสี่ยวอวี๋เพียงแค่สร้างรู้ขึ้นมารูหนึ่ง แต่พวกองค์กรใหญ่ขาดความเป็นเอกภาพที่จะควบคุมเหตุการณ์ทั้งหมด ทำให้จำนวนรูในถังน้ำเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ
ใครคนหนึ่งถามขึ้นมาว่า “พวกเราควรจะลงไปข้างล่าง แล้วโจมตีพวกองค์กรใหญ่ท่ามกลางความวุ่นวายนี้ดีหรือไม่”
นี่ถือเป็นโอกาสที่ดีมาก พวกผู้บำเพ็ญลับได้ก่อความยากลำบากอันใหญ่หลวงให้กับเหล่าองค์กรใหญ่ ถึงขั้นทำให้รูปขบวนเละเทะไปหมด ถ้าเหล่าระลอกทองแดงโถมตามพวกผู้บำเพ็ญลับไปและทำการโจมตี พวกเขาจะสามารถขยายขอบเขตความสำเร็จในการต่อสู้ของพวกเขาได้!
“ไม่ พวกเราโจมตีพวกนั้นไม่ได้ ถ้าพวกเขาร่วมมือกันอย่างมีประสิทธิภาพล่ะก็ กองกำลังของพวกเราจะถูกทำให้อ่อนกำลังลง แล้วผลเสียก็จะมีมากกว่าผลได้!” ห่าวจื้อเชายังคงอยู่ในอาการสงบ สมาชิกมากกว่าแปดหมื่นคนของพวกองค์กรใหญ่มารวมตัวกันอยู่ที่นี่ แต่เครือข่ายฟ้าดินมีคนเพียงสี่หมื่นเท่านั้น ซึ่งในจำนวนนี้ ครึ่งหนึ่งไม่มีชุดเกราะ
ทุกคนต่างนิ่งเงียบ จริงอยู่ว่าพวกผู้บำเพ็ญลับได้ทำให้เหล่าองค์กรใหญ่ต้องเสียรูปขบวน แต่นั่นก็ไม่ได้ช่วยให้เครือข่ายฟ้าดินได้เปรียบสักเท่าไหร่
ถึงแม้ว่าฝ่ายตรงข้ามอาจจะกำลังตกอยู่ในความสับสนวุ่นวาย แต่พวกเขาก็ฆ่าพวกผู้บำเพ็ญลับอย่างไร้ซึ่งความเมตตา พวกเขาไม่ยินยอมหากต้องพ่ายแพ้
ทันใดนั้นเอง ทุกคนก็เห็นนักบุญทะยานขึ้นฟ้า ชุดผ้าลินินที่เต็มไปด้วยฝุ่นของเขากระพืออยู่ในอากาศ
เขาหลับตาลงในขณะที่ลอยอยู่กลางอากาศ ราวกับว่าเขากำลังสัมผัสได้ถึงอะไรบางอย่าง เหล่าชนชั้นสูงจากกลุ่มฟีนิกซ์ตามเขาไปและฆ่าทุกคนที่ขวางทาง จนในที่สุดพวกเขาก็ไปถึงพวกผู้บำเพ็ญลับ
“แย่แล้ว! เขากำลังมองหาเสี่ยวอวี๋!” เฉินไป่หลี่รีบพุ่งตรงไปที่นักบุญ เขาแกว่งหางม้าของเขาเพื่อสร้างระเบิดไปยังทิศทางของนักบุญ กระบี่สีน้ำเงินปรากฏขึ้นพร้อมเสียงคำราม!
เมื่อนักบุญเห็นเฉินไป่หลี่ เขาก็ล้มเลิกการค้นหาเสี่ยวอวี๋ แต่เหล่าชนชั้นสูงของกลุ่มฟีนิกซ์ที่อยู่บนพื้นดินยังไม่ยอมหยุด ราวกับว่าพวกเขามีประสาทสัมผัสที่เฉียบคมมาก!
และทันใดนั้นพวกผู้มีพลังธาตุดินหลายร้อยคนในกลุ่มชนชั้นสูงก็ขุดลงไปในดิน ราวกับว่าพวกเขาหาตัวหลี่ว์เสี่ยวอวี๋พบแล้ว!
“พวกเราจะช่วยเธอไหม?” ใครบางคนถาม
ก่อนหน้านี้พวกเขาตัดสินใจว่าจะโจมตีหรือไม่ แต่ตอนนี้พวกเขากำลังตัดสินใจว่าจะโจมตีเพื่อช่วยหลี่ว์เสี่ยวอวี๋หรือไม่
“ช่วยเธอ! ฆ่าพวกมันให้หมด!” เฟิงเยี่ยหมิงและเฟิงอวิ๋นลู่สวมหมวกเกราะในเวลาพร้อมกัน “คนอื่นไม่ต้องตามมา แต่ทีมหนึ่งและสองของระลอกทองแดงตามพวกเรามา! ส่วนที่เหลือเตรียมพร้อมเป็นกำลังเสริม!”
นี่เป็นปัญหาสองเรื่องที่แตกต่างกัน มันอาจจะดูเป็นเรื่องเดียวกัน แต่คำตอบต่างกัน พวกเขาสามารถปฏิเสธที่จะไม่โจมตีได้ แต่หากว่าการโจมตีนี้จะทำเพื่อช่วยชีวิตใครสักคน นั่นก็ถือเป็นคนละเรื่องแล้ว ไม่ว่าสิ่งนี้จะเป็นผลดีต่อเครือข่ายฟ้าดินหรือไม่ แต่กลุ่มคุณลุงกลุ่มนี้คงทนไม่ได้ที่จะเห็นเด็กสาวอายุสิบสองปีต้องตกอยู่ในอันตราย!
เหล่าชนชั้นสูงหลายพันคนมุ่งหน้าต้านกระแสฝูงชนและเริ่มฆ่าคนเหล่านั้น พวกเขารู้ดีว่าหลี่ว์เสี่ยวอวี๋กำลังอ่อนแออย่างมาก หลังจากที่เธอสร้างภัยธรรมชาติ!
“พวกเราอาจจะตาย ถ้าพยายามฆ่าพวกนั้น!”
เฟิงเยี่ยหมิงหัวเราะออกมาเสียงดังและเสกหอกยาว เขากระโดดลงจากป้อมปราการโดยไร้ซึ่งความลังเลใดๆ “บุกฝ่าศัตรูด้วยความกล้า! และเผชิญความตายอย่างสงบ!”