ท่านเทพ ละเว้นข้าเถอะ – ตอนที่ 849 พลังเปลี่ยนบรรยากาศของหลี่ว์เสี่ยวซู่

ในจังหวะที่หัวหน้าบาทหลวงตายนั้น หลี่ว์เสี่ยวอวี๋ได้ตัดดวงวิญญาณที่สามออกและจับวิญญาณของหัวหน้าบาทหลวงไว้

 

 

ในระหว่างที่จับวิญญาณอยู่หลี่วืเสี่ยอวี๋สัมผัสได้ถึงการดิ้นรนอย่างบ้าคลั่งของดวงวิญญาณระดับ A แต่หลี่ว์เสี่ยวอวี๋ก็เป็นเสมือนศัตรูทางธรรมชาติของอีกฝ่ายที่ทำให้การขัดขืนของหัวหน้าบาทหลวงไม่มีผลอะไรเลย

 

 

ดวงวิญญาณนั้นคำรามอย่างเกรี้ยวกราดในความเงียบ แต่ในที่สุดก็ถูกจับเข้าสู่หลุมดำอันที่สาม

 

 

ที่จริงจอห์นสันที่อ่อนแอที่สุดในบรรดาวิญญาณทั้งสาม เขาอยู่เพียงแค่ระดับ B ตอนต้น แม้กระทั่งวิญญาณผู้มีพลังธาตุดินที่จับมาใหม่ก็ยังอยู่ที่ระดับ B ขั้นกลาง ตามหลักแล้วธาตุดินมีประโยชน์มากกว่าผู้มีพลังการเสกสรร หลี่ว์เสี่ยวอวี๋มีพลังระดับ A จึงสามารถควบคุมดวงวิญญาณผู้มีพลังระดับ B สองดวงได้สบาย หากอยู่ในช่วงที่พลังเธอสูงสุดก็แทบไม่ต้องกลัวการต่อสู้กับระดับ A เลย

 

 

แต่หลี่ว์เสี่ยวอวี๋รู้สึกว่าตนเองจะปล่อยดวงวิญญาณของผู้มีพลังการเสกสรรไปไม่ได้ เพราะหลี่ว์ซู่ดูเท่มากในตอนที่เขาให้กระบี่สายฝนตกลงมาจากฟ้า

 

 

ในความคิดของหลี่ว์เสี่ยวอวี๋ ไม่มีใครเทียบเทียมหลี่ว์ซู่ได้ และเธอควรจะเป็นคนที่เทียบเทียมเขาได้มากที่สุด

 

 

หลี่ว์เสี่ยวอวี๋ไม่ได้สนใจว่าตนเองจะแข็งแกร่งมากน้อยขนาดไหน แต่เธอพบว่าตนเองมีความสุขที่ได้ช่วยหลี่ว์ซู่สร้างกระบี่สายฝนได้

 

 

เธอแอบมีความปรารถนาเล็กๆ ในใจ ถึงเธอจะรู้ว่าหลี่ว์ซู่จะขโมยกระบี่เวทมนตร์ห้าหมื่นเล่มมาได้แต่ด้วยนิสัยขี้เหนียวของเขา เขาจึงไม่มีทางยอมใช้มัน

 

 

ดังนั้นเธอควรเข้ามาช่วย ตอนที่เขาร้องตะโกนว่า “หากฟ้ามิให้ข้าหลี่ว์ซู่เกิดมา วิถีกระบี่คงมืดมิดค่ำคืนที่ยาวนาน” ใช่ไหม คำตอบก็คือใช่!

 

 

ในขณะเดียวกันฟรางซิสโกไม่อยากจะต่อกรกับฮุ่นตุ้นแล้ว เขารู้ว่าเมื่อหัวหน้าบาทหลวงตายไป ความได้เปรียบก็หมดไปด้วย แต่ทุกคนกลับคาดไม่ถึงว่าเขาจะไม่หลบหนีไปในทันทีแต่กลับเพิ่มความเร็วสลัดหุ้นตุ้นทิ้งไปและบินไปยังศพของหัวหน้าบาทหลวงที่อยู่ที่พื้นและนำกลับไปด้วย!

 

 

นักบุญถอนหายใจแล้วเตรียมที่จะพาคนของกลุ่มฟินิกซ์หนีไปแต่เนี่ยถิงและคนของเครือข่ายฟ้าดินจะปล่อยพวกเขาไปได้อย่างง่ายดายงั้นหรือ

 

 

ในเวลานี้นักบุญและฟรางซิสโกไม่ใช่คู่ต่อสู้ของเครือข่ายฟ้าดินอีกแล้วสิ่งที่ต้องระวังตอนนี้คือองค์กรใหญ่ต่างๆ ที่ยังมีจำนวนมากกว่าเครือข่ายฟ้าดินถึงสองเท่า

 

 

หลี่ว์ซู่ก็ไม่ไล่ตามไป เขามีสำคัญกว่านั้นที่ต้องทำ!

 

 

เนี่ยถิงเดิมคิดจะไล่ฆ่านักบุญแต่ยังไม่ทันได้ขยับตัวก็ถูกหลี่ว์ซู่ลากกลับมา

 

 

หลี่ว์ซู่ส่งฝนดวงดาวสีแดงให้เนี่ยถิงสองเม็ด “ท่านลองกินดู”

 

 

หลี่ว์ซู่สัมผัสได้ว่าปราณพลังของเนี่ยถิงค่อยๆ ลดลง เขาไม่รู้ว่าถ้าให้เนี่ยถิงกินช้ากว่านี้เขาจะตายหรือไม่

 

 

การไล่ล่านักบุญนั้นเป็นเรื่องสำคัญ แต่สิ่งที่สำคัญกว่านั้นคือชีวิตของเนี่ยถิง!

 

 

เนี่ยถิงขมวดคิ้วแล้วมองหลี่ว์ซู่แต่ไม่ได้เอ่ยถามอะไรและหยิบสองเม็ดนั้นขึ้นมากินเหมือนกับไม่เกรงกลัวว่าจะเป็นยาพิษหรือไม่

 

 

แต่แล้วในพริบตาที่เนี่ยถิงกลืนลงไปก็สัมผัสอะไรได้บางอย่าง นั่นคือรากฐานพลังที่ถูกตัดขาดไปของตนเองกำลังเริ่มสมานตัว!

 

 

นักรบเกราะทองแดงทุกคนต่างตกใจที่เห็นเส้นเลือดสีดำบนใบหน้าของเนี่ยถิงค่อยๆ หายไป และกลับสู่สภาพปกติของเขา!

 

 

ก่อนหน้านี้นักรบเกราะทองแดงยังเป็นห่วงเนี่ยถิง แต่ตอนนี้ราชันฟ้าที่เก้ากลับยื่นมือเข้าช่วยรักษาพลังของเนี่ยถิงเอาไว้!

 

 

เนี่ยถิงมองหลี่ว์ซู่ด้วยความประหลาดใจ เขาคาดไม่ถึงเลยว่าหลี่ว์ซู่จะมอบผลดวงดาวที่สำคัญขนาดนี้ให้แก่ตน มันช่างเป็นของวิเศษที่ใช่เพิ่มพูนพลังและเริ่มชำระล้างกระดูก

 

 

ของขวัญอันชิ้นใหญ่ขนาดนี้ทำเอาเนี่ยถิงพูดไม่ออก แต่เขาเองก็รู้ว่าเขาเองต้องตอบแทนน้ำใจครั้งสำคัญครั้งนี้!

 

 

แต่เขายังไม่ทันได้พูดอะไรกับหลี่ว์ซู่ หลี่ว์ซูก็สังเกตเห็นพลังของเนี่ยถิงที่กำลังเพิ่มมากขึ้นเรื่อยๆ ขณะเดียวกันบนท้องฟ้าก็ปรากฏพายุเมฆฝนขนาดใหญ่บดบังท้องฟ้าจนมืดมิดไปทั่ว…

 

 

หลี่ว์ซู่มองเนี่ยถิงแล้วนิ่งไปครู่หนึ่ง “ท่าน…จะถูกฟ้าผ่าอีกแล้วหรือ”

 

 

[ได้แต้มจากเนี่ยถิง +666!]

 

 

เดิมทีบรรยากาศที่น่าประทับใจ เนี่ยถิงขอบคุณ หลี่ว์ซู่พูดถ่อมตน นี่เป็นภาพที่นักรบทองแดงอยากจะเห็น

 

 

แต่แล้วราชันฟ้าที่เก้าสมกับที่ไม่ใช่คนธรรมดาจริงๆ แค่ประโยคเดียวก็เปลี่ยนบรรยากาศจนหมดสิ้นได้…

 

 

เนี่ยถิงหันหน้าแล้วบินขึ้นเหนือไปโดยไม่พูดอะไรเลย เขาต้องเจอการลงทัณฑ์จากสวรรค์อีกครั้งแล้ว!

 

 

แต่เขายังไม่ทันได้ลอยขึ้นก็ถูกหลี่ว์ซู่ดึงกลับมาอีก “ท่านจะไปไหน”

 

 

เนี่ยถิงตอบด้วยใบหน้าเรียบเฉย “ไปถูกฟ้าผ่า”

 

 

ครั้งนี้เห็นแก่ของวิเศานั่นฉันจะยอมทน!

 

 

[ได้แต้มจากเนี่ยถิง +666!]

 

 

“แล้วทำไมท่านถึงบินไปทางเหนือ” หลี่ว์ซู่ถามด้วยความสงสัย

 

 

“แล้วจะให้ไปทางไหนละ” เนี่ยถิงถามกลับด้วยน้ำเสียงราบเรียบ

 

 

หลี่ว์ซู่หันไปทางที่องค์กรใหญ่ต่างๆ ที่อยู่นอกป้อมปราการที่มีคนเรือนแสน…เขาหันกลับมาพูดกับเนี่ยถิงว่า “ไปทางกลุ่มคนนั่นสิ…”

 

 

หลี่ว์ซู่คิดขึ้นได้ว่าอันนี้เป็นความคิดของเขา แต้มอารมณ์ที่ได้ก็น่าจะเป็นของเขาน่ะสิ…

 

 

นักรบเกราะทองแดงคนอื่นๆ ต่างทยอยหายใจเข้ากันเฮือกใหญ่ ราชันฟ้าที่เก้าความคิดกว้างไกลจริงๆ ด้านล่างตรงนั้นมีแต่ผู้มีพลังระดับ C ลงไป ยังต้านเศษคลื่นพลังของการลงทัณฑ์จากสวรรค์ไม่ได้ ถ้าเนี่ยถิงบินไปทางนั้นรับรองต้องมีคนตายหลานหมื่นคน และยังสามารถปลดปล่อยแรงกดดันของการลงทัณฑ์จากสวรรค์ที่มีต่อเนี่ยถิงได้อีก

 

 

น่าประทับใจจริงๆ คงไม่มีใครเตือนละซิว่าในสงครามนี้จะเจอกับการลงทัณฑ์จากสวรรค์! ตอนนี้หนียังทันไหม ถ้าทันพวกเราหนีกันเถอะ!

 

 

องค์กรใหญ่ต่างๆ มีคนจำนวนมากก็จริงแต่ก็ไม่มีใครต้านการลงทัณฑ์จากสวรรค์ได้!

 

 

เรื่องนี้เกิดขึ้นอย่างกะทันหันต่อให้หลี่ว์ซู่และเนี่ยถิงก็ไม่มีใครคาดว่าผลชำระกระดูกสองเม็ดนี้จะทำให้เกิดการลงทัณฑ์จากสวรรค์ขึ้นได้!

 

 

เนี่ยถิงเองก็ไม่ได้เป็นคนใจอ่อน มีเมตตา เมื่อหลี่ว์ซู่เสนอไอเดียที่ทำได้นี้ เขาก็บินไปทางกลุ่มองค์กรใหญ่โดยทันทีและเห็นว่าเมฆสายฟ้าเริ่มหยามืดมากขึ้นเรื่อยๆ ทุกคนขององค์กรใหญ่ต่างๆ ก็เริ่มตระหนักแล้วว่าสถานการณ์เกิดการเปลี่ยนแปลงอย่างใหญ่หลวง!

 

 

เฉินจู่อานตกใจ “เดี๋ยวนะ ทำไมพี่ซู่กระโดดลงไปด้วยล่ะ! ”

 

 

“ราชันฟ้าที่เก้าช่างกล้าหาญจริงๆ เพราะเป็นห่วงความปลอดภัยของราชันฟ้าเนี่ย ถึงลงไปรับสายฟ้าด้วยตัวเอง! ” มีคนประทับใจ

 

 

“ใช่ ราชันฟ้าที่เก้าเป็นแบบอย่างในชีวิตฉันเลย ฉันจะเอาอย่างท่าน! ”

 

 

เฉินจู่อานได้ยินทุกคนกล่าวด้วยความประทับใจ เขาก็ถอดถอนใจว่า “ทำไมรู้สึกว่ามีอะไรผิดปกติ พี่ซู่ไม่ได้เป็นคนแบบนั้น”

 

 

มีเพียงหลี่ว์เสี่ยวอวี๋ที่รู้ ก่อนหน้านี้หลี่ว์ซู่เคยไปจับเต้าเสียบเพื่อเพิ่มกระแสไฟฟ้าให้กับครรภ์กระบี่มาแล้ว ตอนนี้ดูท่าได้เจอโอกาสเติมกระแสไฟฟ้าจริงๆ เสียที!”

 

 

ทัณฑสวรรค์ครั้งนี้ ภูเขาหิมะในจุดชี่ไห่ในตัวหลี่ว์ซู่ก็จะมีพลังกระบี่รัศมีสายฟ้าม่วงกว่าสองพันสายแล้ว!

 

 

ในช่วงเวลาที่เกิดการเปลี่ยนแปลงนี้เอง สนามศึกที่เฉินไป๋หลี่และนักบุญกำลังต่อสู้กันก็เกิดเสียงดังแคร็กขึ้น พวกหลี่ว์ซู่สังเกตเห็นว่าบนท้องฟ้าปรากฏรอยร้าวขึ้นเหมือนกับกระจกเกิดรอยร้าวขึ้น!

 

 

ทุกคนต่างตกใจ โลกนี้…เริ่มแตกสลายแล้วเหรอ!

 

 

ดีที่รอยร้าวนั้นปรากฏขึ้นแล้วไม่ได้ขยายวงต่อ ทุกคนจึงโล่งใจ แต่ยังไม่ทันได้หายใจคล่องคอทุกคนก็ตระหนักได้ว่า ตอนนี้เรื่องยังไม่หมด ทัณฑ์…การลงทัณฑ์จากสวรรค์กำลังจะเกิดขึ้นแล้ว

ท่านเทพ ละเว้นข้าเถอะ

ท่านเทพ ละเว้นข้าเถอะ

หลี่ว์ซู่ เป็นเด็กกำพร้าที่หาเลี้ยงตัวเองมาโดยตลอด และก็คงจะหาเลี้ยงตัวเองเช่นนี้ต่อไปเรื่อยๆ ถ้าเขาไม่ได้ประสบอุบัติเหตุรถชนเข้าเสียก่อน… แต่เฮ้ย! เขาไม่เป็นอะไรเลยนี่ ไม่เจ็บ ไม่ปวด และไม่ตาย แถมวิญญาณไม่ได้หลุดออกจากร่างด้วย! จะมีก็แต่สัญลักษณ์รูปต้นไม้ที่จู่ๆ ก็ปรากฏขึ้นมาบนฝ่ามือและพลังพิเศษในตัวที่ตื่นขึ้นมาเท่านั้น! ทว่าเขาไม่ได้เป็นเพียงคนเดียวที่ได้รับพลังพิเศษนี้มา เพราะคนอื่นๆ เองก็เริ่มกลายเป็นผู้มีพลังแล้วเหมือนกัน นี่มันเรื่องบ้าอะไร เกิดอะไรขึ้นกับโลกใบนี้กันแน่ นี่เรากำลังจะก้าวเข้าสู่ยุคของผู้มีพลังพิเศษกันแล้วงั้นเหรอ หลี่ว์ซู่ได้แต่คิดแล้วก็สงสัย ว่าแต่พลังที่ได้มานี่มันฝึกยังไงกันล่ะ เอ๊ะ ต้องสะสมแต้มอารมณ์ด้านลบงั้นเหรอ แค่กวนโมโหคนอื่นก็เพิ่มพลังได้แล้วงั้นเหรอ แบบนี้ก็เข้าทางหลี่ว์ซู่สุดๆ ไปเลยน่ะสิ!

Comment

Options

not work with dark mode
Reset