ท่านเทพ ละเว้นข้าเถอะ – ตอนที่ 526 ผู้โดดเดี่ยว

ราชันฟ้า ความหมายของคำคำนี้คืออำนาจ

 

 

ทำไมผู้บำเพ็ญต่างชาติที่จิตใจไม่ปกติถึงมองว่าการฆ่าราชันฟ้าเป็นความสำเร็จระดับสูงสุดกันนะ คงเพราะเป็นการยากที่จะลงมือทำแบบนั้นล่ะมั้ง

 

 

ทุกวันนี้ก็ยังไม่มีใครตอบรับประกาศว่าจ้างฆ่าราชันฟ้าในอาณาจักรแห่งความมืดเลยสักที เพราะการที่จะทำแบบนั้นต้องแลกกับอะไรหลายอย่าง ถ้าทำไม่สำเร็จขึ้นมา ชื่อเสียงก็คงจะป่นปี้ไป แล้วก็คงจะถูกตราหน้าเป็นไอ้ขี้แพ้ไม่เจียมตัวอีกด้วย

 

 

ยิ่งกว่านั้นราชันฟ้าทั้งหมดก็อยู่ในประเทศจีน ทำให้พวกนักฆ่ากระหายเลือดพวกนั้นแทบจะไม่มีโอกาสเลย แต่อย่างไรก็ตาม ยังคงมีคนรอคอยโอกาสในมุมมืดอยู่แน่

 

 

แค่ได้ชื่อว่าเป็นราชันฟ้า คนคนนั้นก็จะถูกคนทั่วทั้งโลกจับตามอง ใช้คำว่า ‘โด่งดัง’ อย่างเดียวยังน้อยไปด้วยซ้ำ

 

 

ตอนที่หลี่ว์ซู่ได้รับข้อเสนอเรื่องนี้ เขาตกใจมาก ใครจะไปคาดคิดล่ะว่าเด็กผู้ชายธรรมดาที่เคยขายเต้าหู้เหม็นประทังชีวิตจะขึ้นมาเป็นราชันฟ้าได้แบบนี้!

 

 

ถึงอย่างนั้นเขาก็ยังเลือกที่จะปฏิเสธไปแม้ว่าข้อเสนอจะล่อใจมากก็ตาม เขาไม่อยากเห็นใครต้องยอมสละชีวิตตนเองอย่างหลิวซิวอีกแล้ว

 

 

จากนั้นสือเสวจิ้นก็ยิ้มอย่างใจเย็นแล้วพูดว่า “ในสมัยนี้น่ะ คนที่ถูกเลือกก็ยังเป็นเรื่องจริงอยู่นะ ฉันเองก็เสียใจเรื่องที่หลิวซิวตายเหมือนกัน แต่ถึงยังไงฉันก็คงทำแบบเดียวกัน คือสละชีวิตให้ถ้าจำเป็น ฉันจะไม่บังคับเธอให้เลือกหรอก แต่ตัดสินใจให้ดีนะ”

 

 

ทั้งเนี่ยถิงและสือเสวจิ้นไม่มีใครคาดคิดว่าภารกิจที่ญี่ปุ่นจะทำให้ความคิดที่หลี่ว์ซู่มีต่อตัวเองเปลี่ยนไปขนาดนี้ เขาดูลังเลสับสนในตัวเองมาก

 

 

ก็เหมือนตอนที่ปฏิญาณความจงรักภักดีนั่นล่ะ บางคนก็ไม่แน่ใจ บางคนก็ฮึกเหิม ทุกคนล้วนแต่มีความคิดที่เรียบง่ายตอนยังเป็นเด็กวัยรุ่นที่ยังไม่เคยเจอเรื่องเลวร้ายในโลกแห่งความเป็นจริง ยังอยู่ในอ้อมกอดของพ่อแม่อยู่

 

 

แต่กรณีชองหลี่ว์ซู่ต่างออกไป เขาได้สัมผัสโลกในด้านดีมา ยกตัวอย่างเช่นการได้พบลุงหลี่และหลี่เสียนอี และเขาก็ได้สัมผัสโลกในด้านร้ายๆ อย่างความเย็นชาและความเฉยเมยของโลกใบนี้ด้วยเหมือนกัน แต่ถึงอย่างนั้นก็ตามเขาก็ยังลังเล

 

 

หลี่ว์ซู่ไม่เห็นว่าความเห็นแก่ตัวของตัวเองจะมีปัญหาอะไรเพราะมันก็เป็นทัศนคติส่วนตัวในการใช้ชีวิตของเขา

 

 

แต่ตอนนี้ความคิดนั้นได้ถูกสั่นคลอนจากความตายของหลิวซิวและของคนอื่นอีกมากมาย

 

 

ตอนนี้เขาไม่รู้ว่าจะทำอย่างไรดี หลิวซิวสละชีวิตตนเองให้เขา แต่เขาไม่สามารถให้ชีวิตเขาตอบแทนคืนได้

 

 

เขายังพอจะมีปัญญาจ่ายคืนลุงหลี่และปู่เสียนอีที่ดูแลเขาและเสี่ยวอวี๋ได้ แต่เขาไม่มีทางจะทำแบบนั้นกลับไปให้หลิวซิวได้แน่นอน การที่เขาฆ่าทาคาชิมะ ทาอิรัตสึได้นั่นจะถือว่านับหรือเปล่านะ

 

 

แต่อย่างไรชีวิตที่เสียไปแล้วไม่มีทางเอาคืนกลับได้!

 

 

สำหรับหลี่ว์ซู่ การไม่เห็นแก่ตัวเลยนั้นก็เป็นไปไม่ได้ อย่างน้อยก็สำหรับชีวิตที่ผ่านมาทั้งหมดของเขา

 

 

แต่ตอนนี้มุมมองของเขาเปลี่ยนไปแล้ว การตายของหลิวซิวได้กลายเป็นปมในใจของหลี่ว์ซู่ไปตลอดกาล

 

 

หลี่ว์ซู่ไม่สามารถกลับไปที่เมืองลั่วเฉิงได้ตอนนี้เพราะติดงานศพของหลิวซิว เขาจะต้องอยู่ทำความเคารพฮีโร่ผู้เสียสละของเขาก่อน

 

 

หลังจากที่ปฏิเสธข้อเสนอใจดีของสือเสวจิ้น เขาก็เดินออกไปที่สวนกลางบ้าน ตอนนี้หิมะเริ่มตกหนัก ผู้คนบนถนนต่างก็เดินอย่างระมัดระวังไม่ให้ลื่นหกล้ม

 

 

เด็กผู้ชายคนหนึ่งสวมผ้าพันคอให้กับเด็กหญิง ส่วนเด็กหญิงคนนั้นก็เอามือซุกเข้าไปในเสื้อโค้ตตัวยาวของเด็กชายอย่างเริงร่า

 

 

มีชายแก่กำลังรอรถบัสอยู่ ในมือสองข้างของเขากำลังถือตะกร้าผักไว้ แล้วก็มีชายวัยกลางคนกดปุ่มรีโมตรถจากนั้นไฟหน้ารถก็กะพริบตอบ

 

 

พอมองดูผู้คนในเมืองใหญ่แบบนี้ ความรู้สึกของการสูญเสียก็ก่อตัวภายในใจของหลี่ว์ซู่ขึ้นมาอย่างช่วยไม่ได้

 

 

ในที่สุดหลี่ว์ซู่ก็ตัดสินใจโทรหาเสี่ยวอวี๋ขณะยืนอยู่ท่ามกลางอากาศหนาว เธอรับสายภายในเวลาไม่นาน แต่เธอเอ่ยขัดด้วยน้ำเสียงโกรธๆ ก่อนที่หลี่ว์ซู่จะทันได้พูดอะไร “อย่ามาพูดกับฉันนะ ตอนนี้โกรธอยู่ แล้วเธอก็ทำให้หายโกรธไม่ได้ด้วย”

 

 

พอได้ยินแบบนั้นหลี่ว์ซู่ก็วางสายลง พอไม่รู้ว่าจะต้องทำอย่างไรแล้วเขาก็รู้สึกเหงาขึ้นมาจับใจ เหมือนมีก้อนอะไรมาจุกที่คอทำให้เขาหายใจไม่ออก

 

 

เขาไม่ได้โทรกลับหาเสี่ยวอวี๋ แต่เดินไปข้างหน้าช้าๆ เขาไม่รู้ว่าจะไปไหนหรือจะทำอะไรต่อไป

 

 

เขาบังเอิญเดินผ่านไปเจอร้านเกมที่มีเสียงดังออกมา คนที่กำลังเหงาที่สุดมักจะดึงดูดให้ไปเจออะไรที่เสียงอื้ออึงแบบนี้แหละ เขาคิดแล้วก็ผลักประตูเดินเข้าไป พอสายตาปรับสภาพกับสิ่งแวดล้อมข้างในได้แล้วก็สังเกตว่ามีเด็กผู้หญิงหลังเคาน์เตอร์ตะโกนมา “นายคนนั้นที่กำลังเดินเข้ามาตรงประตูน่ะ! ปิดประตูเดี๋ยวนี้เลย!”

 

 

“ได้สิ” หลี่ว์ซู่ตอบแล้วปิดประตู เขาเดินไปลงทะเบียนใช้บริการโดยยื่นบัตรประชาชนออกไป “ชั่วโมงละเท่าไหร่ล่ะ”

 

 

“สิบสองหยวนสำหรับในห้องโถง” พนักงานต้อนรับตอบอย่างเป็นกันเอง

 

 

“บ้าแล้ว นี่ปล้นกันเหรอ” มหาเศรษฐีอย่างหลี่ว์ซู่ถึงกับช็อก

 

 

ปกติแล้วค่าชั่วโมงร้านเกมในเมืองลั่วเฉิงแค่สองหยวนเท่านั้น ถึงแม้ว่าค่ากินอยู่ในเมืองหลวงจะแพงมากก็เถอะแต่ราคาที่นี่สูงเกินไปแล้ว

 

 

“แล้วจะเล่นหรือเปล่าล่ะ ถ้าไม่อยากก็กลับไปซะ” เธอกลอกตาตอบ

 

 

“เออ เล่น!” หลี่ว์ซู่กัดฟันตอบ

 

 

พอเขาหาที่นั่งได้แล้ว เขาก็เพิ่งรู้ว่าร้านเกมนี่แหละเหมาะกับเขาในตอนนี้ที่สุด อย่างน้อยๆ ที่นี่ก็เสียงจอแจดี จะได้ไม่มีใครมาพูดกับเขาเรื่องชีวิตหรือโตไปอยากทำอะไร

 

 

ในขณะนั้นเขาก็ได้รับข้อความจากใครสักคน เขาคิดว่าน่าจะมาจากเสี่ยวอวี๋ แต่พอเขาเอาโทรศัพท์ขึ้นมาดู กลับกลายเป็นว่าข้อความนี้มากจากเบอร์ 10086… [1]

 

 

เขายังไม่ทันเก็บโทรศัพท์ก็ได้รับข้อความอีกรอบ คราวนี้หัวใจเขาพองโตด้วยความหวัง แต่ก็ไม่ได้มาจากหลี่ว์เสี่ยวอวี๋อีกนั่นแหละ!

 

 

เขาใจฟีบ ข้อความนี้ถูกส่งมาจากใครไม่รู้

 

 

[เราเลิกกันเถอะ ไม่ต้องติดต่อมาอีกแล้วนะ]

 

 

หลี่ว์ซู่เลยตอบกลับด้วยความสงสัย [ใครเนี่ย ไม่ได้รู้จักกันเสียหน่อย!]

 

 

[ไอ้บ้า! ก็ได้ นายชนะ!]

 

 

หลี่ว์ซู่งงไปหมด

 

 

ไม่ได้รู้จักกันเสียหน่อย บ้าหรือเปล่าเนี่ย

 

 

เขาหันไปสนใจคอมพิวเตอร์แทน แต่ก็ไม่รู้ว่าจะทำอะไรดี เขาก็เลยปล่อยตัวเองให้สนุกไปกับการดูหนัง

 

 

ก่อนหน้านี้เขาไม่มีเวลามานั่งดูหนังด้วยซ้ำ แต่ดูหนังเยอะๆ ในครั้งเดียว สุดท้ายก็เบื่ออยู่ดี

 

 

 

 

 

 

ในช่วงดึกดื่นของคืนนั้น หลี่ว์ซู่เห็นใครบางคนเดินกลับมานั่งที่เคาน์เตอร์พร้อมกับบะหมี่ถ้วย กลิ่นกะหล่ำปลีดองมันช่างหอมยั่วใจจริงๆ เขาก็เลยเดินไปซื้อหนึ่งถ้วยให้ตัวเองบ้าง…

 

 

แต่แล้วเขาก็หยุดชะงักเพราะราคาบะหมี่ถ้วยที่นี่แพงมาก บะหมี่ถ้วยรสกะหล่ำปลีดองราคาตั้งแปดหยวน บ้าไปแล้ว เจ้าของที่นี่ขี้ตืดชะมัด!

 

 

เขามองไปรอบๆ นี่ก็ใกล้จะตรุษจีนแล้วเลยไม่ค่อยมีใครนอนที่ร้านเกมกันมากเท่าไหร่ แล้วอยู่ๆ ก็มีมืออ้วนๆ มาตบไหล่หลี่ว์ซู่

 

 

“พี่ชาย เล่นเกมด้วยกันเปล่า พวกเราขาดไปอีกคนอะ”

 

 

 

 

——

 

 

[1] หมายเลขบริการของบริษัทโทรคมนาคมในประเทศจีน

ท่านเทพ ละเว้นข้าเถอะ

ท่านเทพ ละเว้นข้าเถอะ

หลี่ว์ซู่ เป็นเด็กกำพร้าที่หาเลี้ยงตัวเองมาโดยตลอด และก็คงจะหาเลี้ยงตัวเองเช่นนี้ต่อไปเรื่อยๆ ถ้าเขาไม่ได้ประสบอุบัติเหตุรถชนเข้าเสียก่อน… แต่เฮ้ย! เขาไม่เป็นอะไรเลยนี่ ไม่เจ็บ ไม่ปวด และไม่ตาย แถมวิญญาณไม่ได้หลุดออกจากร่างด้วย! จะมีก็แต่สัญลักษณ์รูปต้นไม้ที่จู่ๆ ก็ปรากฏขึ้นมาบนฝ่ามือและพลังพิเศษในตัวที่ตื่นขึ้นมาเท่านั้น! ทว่าเขาไม่ได้เป็นเพียงคนเดียวที่ได้รับพลังพิเศษนี้มา เพราะคนอื่นๆ เองก็เริ่มกลายเป็นผู้มีพลังแล้วเหมือนกัน นี่มันเรื่องบ้าอะไร เกิดอะไรขึ้นกับโลกใบนี้กันแน่ นี่เรากำลังจะก้าวเข้าสู่ยุคของผู้มีพลังพิเศษกันแล้วงั้นเหรอ หลี่ว์ซู่ได้แต่คิดแล้วก็สงสัย ว่าแต่พลังที่ได้มานี่มันฝึกยังไงกันล่ะ เอ๊ะ ต้องสะสมแต้มอารมณ์ด้านลบงั้นเหรอ แค่กวนโมโหคนอื่นก็เพิ่มพลังได้แล้วงั้นเหรอ แบบนี้ก็เข้าทางหลี่ว์ซู่สุดๆ ไปเลยน่ะสิ!

Comment

Options

not work with dark mode
Reset