ท่านเทพ ละเว้นข้าเถอะ – ตอนที่ 527 ยาต้านพิษ

หลี่ว์ซู่หันไปมองเจ้าตุ้ยนุ้ย “แต่ฉันไม่เคยเล่นเกมนี้มาก่อนนะ”

 

 

หลี่ว์ซู่ตอบตามความจริง เขาไม่มีคอมพิวเตอร์ที่บ้านด้วยซ้ำ แล้วจะเคยเล่นเกมในนั้นได้อย่างไร แถมตอนนั้นเขาไม่ค่อยอยากไปร้านเกมเท่าไหร่ด้วย ก็เลยไม่เคยเล่นเกมมาก่อนเลย

 

 

“ล้อเล่นรึเปล่าพี่ชาย ไม่เคยเล่นครอสไฟร์มาก่อนจริงดิ แต่แค่เข้ามาให้ครบทีมก็พอแล้วแหละ ขาดแค่อีกคนเดียวในโหมดแปดต่อแปด”

 

 

“เล่นไม่เป็นจริงๆ” หลี่ว์ซู่ย้ำ

 

 

“ไม่ต้องห่วงน่า พวกเราเก่งมากเลยนะ แค่เข้ามาเล่นกับเราเฉยๆ เดี๋ยวก็ชนะ ที่ต้องทำก็แค่ตะโกนว่า 666” เจ้าตุ้ยนุ้ยพูดอย่างเริงร่า

 

 

“อ้อ” ไหนๆ หลี่ว์ซู่ก็ไม่มีอะไรให้ทำอยู่แล้ว เล่นกับพวกเขาหน่อยก็ไม่เห็นเป็นไร

 

 

โชคดีหน่อยที่ผู้เล่นสามารถใช้เลขจากโปรแกรมแชตของตัวเองเพื่อล็อกอินเข้าไปในเกมนี้ได้ เขาเลยไม่ต้องสมัครไอดีใหม่ หลังจากที่เพิ่มเจ้าตุ้ยนุ้ยเป็นเพื่อนแล้ว พวกเขาก็เตรียมตัวเล่นเกมได้

 

 

เจ้าตุ้ยนุ้ยเพิ่งมารู้ว่าหลี่ว์ซู่เล่นเกมไม่เป็นเลย เขาไม่รู้แม้กระทั่งว่าจะควบคุมตัวละครให้เดินอย่างไร เจ้าตุ้ยนุ้ยเริ่มเหงื่อแตก “ใช้แป้น W A S D บนคีย์บอร์ดไว้เดิน ใช้เมาส์เพื่อเปลี่ยนมุมมอง เห็นปืนบนหน้าจอนี่หรือเปล่า เล็งมันไปที่คนแล้วยิง ถ้ายิงที่หัวได้ ฝ่ายนั้นจะตายทันที ถ้าอยากเปลี่ยนกระสุนกดตรงนี้…”

 

 

หลังจากที่หลี่ว์ซู่ได้ฟังคำอธิบายแล้ว ตัวละครเขาก็เริ่มขยับได้สักที หลี่ว์ซู่รู้สึกว่าเกมนี้ดูไปดูมาก็เล่นไม่ยากเท่าไหร่ เพราะเขามีทั้งการตอบสนองที่รวดเร็วและสามารถควบคุมมัดกล้ามเนื้อได้ดี แค่เล็งปืนไปที่ใครสักคนนั้นง่ายมาก

 

 

แต่แล้วหลี่ว์ซู่ก็ขมวดคิ้ว เขาไม่คุ้นกับแรงดีดของปืน คงต้องเล่นไปสักพักถึงจะคุ้น

 

 

“เฮ้ย เจ้าตุ้ยนุ้ย ขยับตัวเป็นหรือเปล่าเนี่ย” นักศึกษาที่อยู่ข้างๆ เจ้าตุ้ยนุ้ยหัวเราะใส่

 

 

เจ้าตุ้ยนุ้ยไม่ได้พูดอะไรออกไป คงไม่ดีนักถ้าจะไปกวนคนที่เขาเพิ่งชวนมา เขาคิดว่าคงจะยอมเล่นไปก่อน แล้วค่อยหาทางเตะเจ้าหน้าใหม่นี่ออกไป

 

 

พอเล่นไปสักพัก ไม่ถึงห้านาทีด้วยซ้ำ เขาเพิ่งสังเกตว่าคะแนนฆ่าติดต่อกันของหลี่ว์ซู่เริ่มเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ มีหลายครั้งที่คู่ต่อสู้ต้องคุกเข่าลงเมื่อเห็นเจ้าตุ้ยนุ้ย

 

 

เจ้าตุ้ยนุ้ยมองไปที่หลี่ว์ซู่แล้วก็ขนลุกขึ้นมา “เมื่อกี้ยิงหัวเฮดช็อตไปหมดทุกคนเลยเหรอ”

 

 

“จะโกงกันแม้กระทั่งในเกมเลยงั้นเหรอ! ไม่อายบ้างรึไง” คู่ต่อสู้เริ่มโมโหขึ้นมา

 

 

“เราไม่ได้โกงจริงๆ นะ…” เจ้าตุ้ยนุ้ยตอบอึ้งๆ

 

 

หลี่ว์ซู่เล่นอย่างสนุกสนานมาก หลังจากที่เขาคุ้นกับแรงดีดกลับของปืนแล้ว เขาก็ยิงเฮดช็อตได้เหมือนปอกกล้วย อย่างที่เจ้าตุ้ยนุ้ยบอก ถ้ายิงหัวแล้วคู่ต่อสู้จะตายทันที พอทำตามนั้นก็ช่วยได้เยอะ

 

 

“พี่ชาย นี่เล่นครั้งแรกจริงๆ เหรอ” เจ้าตุ้ยนุ้ยถามอย่างตะลึง

 

 

หลี่ว์ซู่มองเจ้าตุ้ยนุ้ยอย่างแปลกใจ “ครั้งแรกจริงๆ แต่ก็อย่างที่นายบอกนะ เกมนี่ง๊ายง่าย”

 

 

[ได้แต้มจากหวังหยาง +666!]

 

 

จู่ๆ หลี่ว์ซู่ก็นึกอะไรออก หลังจากที่เขาฆ่าคู่ต่อสู้ได้ใน เขาจะได้แต้มอารมณ์จากพวกเขาด้วย…

 

 

สำหรับเขาแล้วเล่นเกมก็ไม่ได้สนุกมากอะไรขนาดนั้น แต่ถ้าได้ค่าอารมณ์จากการฆ่าใครสักคนแล้วละก็ อย่างนี้ก็ค่อยมีความหมายขึ้นมาหน่อย!

 

 

แต่เจ้าตุ้ยนุ้ยที่ชื่อหวังหยางไม่รู้ว่าหลี่ว์ซู่นั้นฝึกฝนต่อสู้มาตลอด การเล่มเกมนี่ก็เหมือนฝึกต่อสู้ด้วยเหมือนกัน หฃี่ว์ซู่เหมือนได้ค้นพบโลกใหม่…

 

 

“ท่านอาจารย์! ผมขอติดตามท่าน ท่านไปไหนผมไปด้วย!” หวังหยางไม่ไว้หน้าตัวเองอีกต่อไป

 

 

 

 

บ้านบนถนนหลิวไห่ เวลาหกโมง

 

 

สือเสวจิ้นกำลังนั่งอ่านหนังสือเย็บกี่อย่างช้าๆ เขาตักข้าวต้มใส่ผักกาดเขียวปรุงรสด้วยเกลือเข้าปากไปด้วย กินข้าวต้มใส่ผักตอนเช้าแบบนี้นี่ช่างดีจริงๆ

 

 

เขาหันไปมองเนี่ยถิงแล้วเอ่ยถาม “เขาอยู่ร้านเกมมาวันครึ่งแล้วนะ ตั้งแต่สองคืนที่แล้วจนถึงตอนนี้ จะไม่พูดอะไรหน่อยเหรอครับ”

 

 

เนี่ยถิงเหลือบไปอ่านเอกสารในมือตัวเอง เขาอ่านมันเรียบร้อยแล้ว แถมยังจำทุกตัวอักษรในความยาวสองแสนคำนี่ได้ด้วยในเวลาไม่กี่นาที

 

 

หลังอ่านเสร็จ เขาก็เซ็นอนุมัติบนเอกสาร จากนั้นเขาก็อ่านเอกสารฉบับใหม่ต่อไป คนหนึ่งพลิกหน้าหนังสือไปช้าๆ ส่วนอีกคนกลับกวาดสายตาอ่านเอกสารอย่างรวดเร็ว ช่างแตกต่างกันอะไรอย่างนี้

 

 

“การตายของหลิวซิวคงกระทบกระเทือนจิตใจเขามาก” เนี่ยถิงตอบอย่างใจเย็น

 

 

“คุณไม่กลัวว่าเขาจะรับมือความกดดันนี้ไม่ได้เหรอ”

 

 

“มีใครบ้างไม่เคยเจอเรื่องลำบากมาก่อน” เนี่ยถิงตอบเรียบๆ “เขามาจากสถานรับเลี้ยงเด็กกำพร้านะ ถึงไม่มีครอบครัวแต่เขาก็เอาตัวรอดได้ แถมรอดมาได้อย่างดีเชียวล่ะ ไม่ต้องห่วงหรอก”

 

 

“ก็จริง” สือเสวจิ้นตอบกลับพลางเคี้ยวอาหาร

 

 

“ดูนี่สิ” เนี่ยถิงยื่นเอกสารฉบับหนึ่งให้สือเสวจิ้น

 

 

สือเสวจิ้นรับเอกสารมาดู ยิ่งดูคิ้วก็ยิ่งขมวดมากขึ้นเรื่อยๆ “พวกเขายังสืบเรื่องตัวจริงของปรมาจารย์หุ่นเชิดไม่ได้อีกเหรอ เขาซ่อนอยู่ในโลกมนุษย์อย่างแนบเนียนขนาดนั้นได้ยังไง”

 

 

 

 

“ฉันเองก็ไม่รู้” เนี่ยถิงส่ายหัว “ใครๆ ก็บอกว่ากลุ่มมูลนิธิปล่อยข่าวออกมาให้ทุกคนแตกตื่น แต่ฉันเชื่อพวกเขานะ ไม่ใช่เพราะคิดว่าปณิธานและความเชื่อของกลุ่มสูงส่งอะไรหรอก แต่พวกเขาสู้กับปรมาจารย์หุ่นเชิดมาแล้วตัวต่อตัวตอนที่แทบจะไม่มีพลังเหลืออยู่เลยด้วยซ้ำ ฉันรู้ว่าเขาไม่ใช่คนธรรมดาแน่นอน”

 

 

“แล้วพวกเขากำลังวางแผนจะทำอะไรกันล่ะ” สือเสวจิ้นถอนหายใจ

 

 

“ถอยกลับ” เนี่ยถิงตอบ

 

 

“แต่ก็คงจะดีถ้าผู้คนไม่กระโดดพรวดลงไปที่หุบเหวแห่งความทุกข์ทรมาน” สือเสวจิ้นเปลี่ยนเรื่อง “คุณจะให้ห่าวจื้อเชาไปคุยกับหลี่ว์ซู่ดูดีไหม เผื่อเขาจะช่วยพูดกับหลี่ว์ซู่ให้หลุดออกมาจากความรู้สึกแบบนั้น”

 

 

“ไม่จำเป็นหรอก บางสิ่งบางอย่างก็ไม่ต้องเข้าใจก็ได้ คนเรามันก็ต้องมีพักผ่อนกันบ้าง เดี๋ยวก็มีคนไปพูดกับเขาเอง” เนี่ยถิงเหลือบมองนาฬิกาดิจิทัล “คนคนนั้นป่านนี้ก็คงอยู่กับเขาแล้วล่ะ”

 

 

 

 

เด็กสาวที่เฝ้าร้านเกมเพิ่งงีบเอาแรงไปสักพักหลังต้องถ่างตาตื่นทั้งคืน คอมพิวเตอร์ของลูกค้าจะดับไปเองอัตโนมัติตอนเจ็ดโมงเช้า หลังจากนั้นเธอถึงจะกลับบ้านไปนอนได้แล้วให้คนอื่นที่มาเปลี่ยนกะเฝ้าแทน

 

 

แต่เธอก็รู้สึกรำคาญเล็กน้อยขณะที่กำลังงีบหลับ ลูกค้าเสียงดังกันชะมัด

 

 

ปัง! ประตูหน้าของร้านเกมอยู่ๆ ก็เปิดกว้าง เกล็ดหิมะเกล็ดใหญ่ปลิวเข้ามาในร้านด้วยแรงลม เด็กสาวออกปากบ่นทันทีราวกับว่าเธอกำลังดุใครอยู่

 

 

แต่เธอก็ยังไม่ทันพูดอะไรออกไป เธอไม่รู้ว่าทำไมอยู่ๆ ลูกค้ากก็กลัวจนตัวแข็งกันไปหมด

 

 

หลี่ว์ซู่ใช้มือถูแขนของคนที่นั่งข้างๆ แล้วเถียงอะไรบางอย่าง “ฮ่าๆๆ นายนี่น่าสนใจจริงๆ มันก็อย่างเดียวกันนั่นแหละน่า ทำไมถึงไม่ทำแบบเดียวกันกับอวัยวะแต่ละอันล่ะ ตอนฉันบอกว่านายเจ๋ง นายก็ชอบใจ แต่พอฉันบอกว่านายเล่นเหมือนคนญี่ปุ่น ทำไมต้องโมโหด้วย ใช่เรื่องมั้ย”

 

 

[ได้แต้มจากหวังหยาง +666!]

 

 

ทันใดนั้นหลี่ว์ซู่ก็รู้สึกได้ถึงความผิดปกติ เขามองกลับไป พบว่าเสี่ยวอวี๋กำลังยืนอยู่ที่ประตูหน้าและมองมาอย่างน่ากลัว เธอสวมเสื้อกันหนาวขนเป็ดที่มีปอมปอมห้อย หลี่ว์ซู่ซื้อมันให้เธอเป็นของขวัญวันเกิดปีที่แล้ว

 

 

“หลี่ว์ซู่ เธอเปลี่ยนไป!”

 

 

หลี่ว์ซู่นั่งนิ่งเงียบ เขาไม่คิดว่าเสี่ยวอวี๋จะตรงดิ่งมาหาเขาที่เมืองหลวงหลังจากที่เขาวางสายเธอไป ตาของเขาเบิกโพลง เขาค่อยยิ้มออกมาจนหัวเราะในที่สุด

 

 

“เสี่ยวอวี๋ มาได้ไงเนี่ย!”

 

 

เนี่ยถิงเข้าใจหลี่ว์เสี่ยวอวี๋อย่างแท้จริง เขาเข้าใจเรื่องนี้มากกว่าสือเสวจิ้นว่าไม่ว่าใครจะพูดอะไร หลี่ว์ซู่ก็คงไม่ฟังหรอก แต่ถ้าเป็นหลี่ว์เสี่ยวอวี๋ละก็ ไม่ต้องพูดอะไรทั้งนั้น เธอเป็นยาต้านพิษขนานพิเศษของหลี่ว์ซู่อยู่แล้ว

ท่านเทพ ละเว้นข้าเถอะ

ท่านเทพ ละเว้นข้าเถอะ

หลี่ว์ซู่ เป็นเด็กกำพร้าที่หาเลี้ยงตัวเองมาโดยตลอด และก็คงจะหาเลี้ยงตัวเองเช่นนี้ต่อไปเรื่อยๆ ถ้าเขาไม่ได้ประสบอุบัติเหตุรถชนเข้าเสียก่อน… แต่เฮ้ย! เขาไม่เป็นอะไรเลยนี่ ไม่เจ็บ ไม่ปวด และไม่ตาย แถมวิญญาณไม่ได้หลุดออกจากร่างด้วย! จะมีก็แต่สัญลักษณ์รูปต้นไม้ที่จู่ๆ ก็ปรากฏขึ้นมาบนฝ่ามือและพลังพิเศษในตัวที่ตื่นขึ้นมาเท่านั้น! ทว่าเขาไม่ได้เป็นเพียงคนเดียวที่ได้รับพลังพิเศษนี้มา เพราะคนอื่นๆ เองก็เริ่มกลายเป็นผู้มีพลังแล้วเหมือนกัน นี่มันเรื่องบ้าอะไร เกิดอะไรขึ้นกับโลกใบนี้กันแน่ นี่เรากำลังจะก้าวเข้าสู่ยุคของผู้มีพลังพิเศษกันแล้วงั้นเหรอ หลี่ว์ซู่ได้แต่คิดแล้วก็สงสัย ว่าแต่พลังที่ได้มานี่มันฝึกยังไงกันล่ะ เอ๊ะ ต้องสะสมแต้มอารมณ์ด้านลบงั้นเหรอ แค่กวนโมโหคนอื่นก็เพิ่มพลังได้แล้วงั้นเหรอ แบบนี้ก็เข้าทางหลี่ว์ซู่สุดๆ ไปเลยน่ะสิ!

Comment

Options

not work with dark mode
Reset