ท่านเทพ ละเว้นข้าเถอะ – ตอนที่ 528 หลี่ว์เสี่ยวอวี๋ คนขายกุยช่าย

เป็นธรรมดาที่จะรู้สึกสิ้นหวังเมื่อผ่านการเข่นฆ่าผู้คนหรือเมื่อได้เห็นสหายร่วมเป็นร่วมตายสิ้นใจไปต่อหน้า พวกเขาเหนื่อยล้ามากเหลือเกินกับสังหารและการต่อสู้ มีตัวอย่างให้เห็นมากมายในเครือข่ายฟ้าดิน ยิ่งในช่วงพลังจิตวิญญาณฟื้นคืนแบบนี้ด้วยแล้ว

 

 

ปกติแล้วเครือข่ายฟ้าดินจะบำบัดด้วยการปรึกษากับนักจิตวิทยา แต่สำหรับเคสที่อาการสาหัสมาก พวกเขาเหล่านั้นจะถูกย้ายไปทำงานขนส่งแทนโดยไม่ต้องทนทำงานแบบเก่าในสภาพแวดล้อมเดิม

 

 

แต่จริงๆ แล้วการจะส่งพวกเขาเหล่านี้กลับไปในสนามรบก็ย่อมทำได้ โดยใช้จิตวิทยาย้อนกลับ แต่เนี่ยถิงกับสือเสวจิ้นไม่อยากบังคับให้ใครทำแบบนั้น คนเราก็ต่างมีทางเลือกของตัวเองโดยไม่ต้องไปบังคับกัน

 

 

ทว่าเนี่ยถิงเองก็ไม่คาดคิดมาก่อนว่าหลี่ว์ซู่จะมาลงเอยกับสถานการณ์แบบนี้เหมือนกัน เขารู้ว่าการใช้ชีวิตบนโลกใบนี้ไม่ง่ายเลยกับหลี่ว์ซู่ แต่เขาก็ยังยืนหยัดได้ เรียกได้ว่าแข็งแกร่งกว่าผู้ใหญ่บางคนด้วยซ้ำ

 

 

นอกจากนี้ เขายังรู้ด้วยว่าหลี่ว์เสี่ยวอวี๋มุ่งหน้าไปทางเหนือเรียบร้อยแล้ว

 

 

ตอนวางสายจากหลี่ว์ซู่ เสี่ยวอวี๋ก็รับรู้ได้ทันทีว่ามีอะไรผิดปกติไป เธอรู้ว่าการได้พูดคุยแบบเห็นหน้ากันคงดีกว่า ถึงแม้เธอจะต้องเดินทางไกลเพื่อไปหาเขาก็ตาม

 

 

เธอไม่เคยคิดว่าหลี่ว์ซู่เป็นคนแข็งแกร่งขนาดที่ว่าไม่ต้องการปรึกษาอะไรกับใครเลย เขามีบางเวลาที่อ่อนแอบ้างเหมือนกัน อย่างเช่นตอนที่เขาเริ่มขายไข่ต้มตอนแรกๆ แล้วขายไม่ออกสักฟอง เขาต้องกินไข่ต้มที่เหลือไว้ทั้งสามมื้อ ไข่แดงแห้งจนกินแล้วติดคอ ขณะที่กินก็ร้องไห้ไปด้วย

 

 

หลี่ว์ซู่เองก็เป็นแค่เด็กผู้ชายธรรมดาๆ คนหนึ่ง

 

 

ถ้าหากเขาถูกเรียกให้เข้าร่วมเครือข่ายฟ้าดินในตอนนั้นโดยเอาเกณฑ์ในปัจจุบันมาวัดแล้ว เขาไม่ได้เข้าร่วมกลุ่มแน่นอน

 

 

แต่ถึงอย่างไรหลี่ว์ซู่ก็เติบโตขึ้นทุกวัน และเสี่ยวอวี๋ก็เป็นเพียงคนเดียวที่รู้ว่าเวลาไหนที่เธอต้องไปหาเขาเพราะเขาต้องการเธอ

 

 

ราวกับว่าหลี่ว์ซู่นั้นได้เป็นส่วนหนึ่งในชีวิตเธอตลอดกาล

 

 

“มาได้ไงเนี่ย” หลี่ว์ซู่หยุดเถียงกับหวังหยาง เสี่ยวอวี๋เดินมาหาเขาช้าๆ

 

 

“ไปกัน เดี๋ยวพาไปเลี้ยงหม้อไฟ!”

 

 

หลี่ว์เสี่ยวอวี๋เองก็ไม่ได้นิ่งดูดาย เธอปลูกผักกุยช่ายแล้วเอาไปขาย เงินเก็บเธอเองก็มีไม่น้อย พอค่อยๆ เก็บหอมรอมริบขึ้นเรื่อยๆ ก็เริ่มเยอะขึ้น

 

 

ตอนที่เธอเริ่มขายกุยช่าย ก็มีแต่คนหัวเราะเยาะเธอ พอลุงแก่ๆ หลายคนที่ตลาดเห็นเธอตั้งแผงขายผักก็ชอบถามเธอว่า ‘หนูเอ๊ย พ่อแม่ทิ้งไปไหนเสียแล้วล่ะ’

 

 

แล้วจะให้เธอตอบกลับไปว่าอะไรล่ะ เธอไม่อยากสนทนาเรื่องไร้สาระกับคนพวกนี้อยู่แล้ว ไม่ได้มีบุญคุณอะไรต่อกันนี่

 

 

วันต่อมา เสี่ยวอวี๋เลยพากระรอกน้อยเสี่ยวซยงสวี่ติดตัวไปด้วย พวกคนเหล่านั้นไม่มีใครกล้าพูดไม่ดีกับเธออีกหลังจากเสี่ยวซยงสวี่อัดพวกนั้นไปยกใหญ่

 

 

ตอนที่เธอถูกชักชวนให้เข้าร่วมกลุ่มเครือข่ายฟ้าดิน เสี่ยวซยงสวี่หายตัวไป อาจารย์ซีเฟ่ยได้รับแจ้งมาว่ามีใครบางคนในเมืองเหวินหวานปล่อยสัตว์วิเศษออกมาทำร้ายผู้คน และพวกเขาก็ไม่สามารถเพิกเฉยต่อสถานการณ์นี้ได้อีกต่อไป ฝ่ายความมั่นคงความปลอดภัยควรจะดูแลเหตุการณ์นี้ไม่ใช่เหรอ

 

 

เครือข่ายฟ้าดินก็เลี้ยงสัตว์วิเศษนี้ไว้บ้างเหมือนกัน พวกเขารู้ว่าผู้คนคงจะอกสั่นขวัญแขวน ถึงแม้ว่าจะเป็นแค่สัตว์วิเศษระดับ F ก็ตามที

 

 

พอฝ่ายรักษาความปลอดภัยสาธารณะของผู้บำเพ็ญได้ถูกก่อตั้งขึ้นมาแล้ว ผู้คนก็เลือกที่จะรายงานความผิดปกติต่อเครือข่ายฟ้าดินโดยตรง เช่นจู่ๆ สุนัขของพวกเขาร้องเหมียวขึ้นมา หรือสุนัขพันธุ์ฮัสกี้หอนออกมาเหมือนหมาป่า พวกเขายืนยันว่ามีลางสังหรณ์แปลกๆ ต้องมีอะไรเกิดขึ้นกับสุนัขฮัสกี้นี้จริงๆ

 

 

แต่พอกลุ่มของอาจารย์ซีเฟ่ยมาที่เมืองเหวินหวานแล้วเจอเสี่ยวอวี๋ ทุกคนต่างก็ตกตะลึง

 

 

“เสี่ยวอวี๋ สรุปแล้วกระรอกที่ออกไปทำร้ายผู้คน… เอ่อ…”

 

 

บ้าอะไรเนี่ย!

 

 

ไม่ใช่ว่าอาจารย์ซีเฟ่ยกลัวที่จะเจรจากับเสี่ยวอวี๋หรอก แต่สำหรับพวกเขา หลี่ว์ซู่นั้นถือเป็นผู้สละชีวิตเพื่อชาติ เขาถูกลอบสังหารโดยกลุ่มทวยเทพ ตอนนี้พวกเขาต่างก็มีศัตรูตัวฉกาจคนเดียวกัน

 

 

ดังนั้นเลยไม่มีใครอยากสร้างปัญหากับเสี่ยวอวี๋ ยิ่งไปกว่านั้นยังไม่มีใครรู้ด้วยว่าหลี่ว์เสี่ยวอวี๋แค่มาที่ฐานทัพบริเวณภูเขาเป่ยหมังในฐานะนักท่องเที่ยวธรรมดาๆ เท่านั้น กระนั้นเธอก็ได้รับการต้อนรับอย่างดี

 

 

“เสี่ยวอวี๋ เกิดอะไรขึ้นน่ะ” อาจารย์ซีเฟ่ยถามด้วยความสงสัย

 

 

คนที่มาล้อเสี่ยวอวี๋โดนเสี่ยวซยงสวี่เล่นงานไปหมด คนอื่นๆ คิดว่าคงผู้ที่มาคงมาช่วยพวกเขา แต่พวกเขาเข้าใจผิด คนที่มาช่วยพวกเขากลับรู้จักกับเสี่ยวอวี๋เสียงั้น!

 

 

ชายแก่เริ่มมีลางสังหรณ์ไม่ดีเสียแล้ว

 

 

“เสี่ยวอวี๋ อธิบายเหตุการณ์มาสิ ถ้าหนูไม่ผิดละก็เราจะช่วยสู้กลับเอง!” คนในทีมที่มากับซีเฟ่ยสี่คนพวกนั้นเข้ามาถามคำถามเสี่ยวอวี๋

 

 

“เดี๋ยวนะ แต่พวกเราเป็นคนรายงานพวกคุณไปนะ” ลุงแก่ๆ พวกนั้นทำหน้างง

 

 

“พวกเขาบอกว่าพ่อแม่หนูทิ้งหนูไป” หลี่ว์เสี่ยวอวี๋ตอบกลับด้วยความรู้สึกไม่ยุติธรรม

 

 

ซีเฟ่ยกับคนในทีมขมวดคิ้ว แต่พวกเขายังไม่ได้ฟังความให้ครบทั้งสองฝ่าย

 

 

“เด็กคนนี้พูดจริงหรือเปล่า” เขาถาม

 

 

“พวกเราแค่ล้อเล่นกันเฉยๆ! จะมาอัดกันเพราะเรื่องล้อเล่นไม่ได้หรอก” ชายแก่ตอบออกมาแบบไม่คิด

 

 

“จัดการพวกมัน!” ซีเฟ่ยสั่งการเสียงเ**้ยม

 

 

คนในเครือข่ายฟ้าดินทั้งเมืองลั่วต่างโศกเศร้าต่อการจากไปของหลี่ว์ซู่ แล้วยังจะมีคนมีหน้ามาล้อเล่นกับเสี่ยวอวี๋อีก เด็กกำพร้าคนนี้เป็นฮีโร่ของชาติเชียวนะ พวกเขาทนเรื่องแบบนี้ได้หรอก!

 

 

พอลุงแก่ๆ พวกนั้นนั่นโดนอัดเรียงหนึ่งแล้ว ซีเฟ่ยก็จัดปกเสื้อให้เข้าที่ “ไปกันพวกเรา ไปรับการลงโทษกัน”

 

 

จริงๆ แล้วเครือข่ายฟ้าดินไม่สามารถเล่นงานผู้คนแบบนี้ได้ พวกเขาเลยเตรียมตัวเตรียมใจรับการลงโทษตั้งแต่แรกแล้ว

 

 

ถึงแม้จะโดนลงโทษแต่ก็คุ้มค่าที่ได้ยืนหยัดอยู่ข้างเสี่ยวอวี๋ ต่อให้โดนขังในห้องมืดก็ยอม

 

 

ซีเฟ่ยยิ้มแล้วโบกมือลาเสี่ยวอวี๋ “เสี่ยวอวี๋ เรากลับกันก่อนนะ”

 

 

ลุงแก่พวกนั้นถึงกับอึ้ง พวกเขาไม่มีแรงแม้แต่จะร้องไห้ออกมาด้วยความเจ็บ คนพวกนี้เป็นใครกันนะ!

 

 

“ขอบคุณมากค่ะพี่ชาย พี่สาว ลาก่อนนะคะ” หลี่ว์เสี่ยวอวี๋พูดอย่างนอบน้อม

 

 

เธอรอจนกระทั่งกลุ่มเจ้าหน้าที่ของเครือข่ายฟ้าดินกลับไป จากนั้นก็หันมามองพวกลุงแก่ด้วยสายตาเ**้ยมเกรียมและระเบิดหัวเราะออกมา “ฮ่าๆๆ!”

 

 

หลังจากวันนั้นเป็นต้นมา คนทั้งตลาดเมืองเหวินหวานก็รู้ว่ามีคนย้ายมาใหม่ แถมยังเป็นสาวน้อยคนสวยเสียด้วย!

 

 

ชื่อเสียงของเธอค่อยๆ ตามมา ตอนแรกก็ไม่มีใครเชื่อว่าเธอจะขายกุยช่ายจริงๆ แต่ตอนนี้ทุกคนเชื่อเธอหมดแล้ว

 

 

ตั้งแต่เครือข่ายฟ้าดินเข้ามาช่วยเธอก็ราวกับว่าเธอได้ขายกุยช่ายพวกนี้ให้กับเครือข่ายฟ้าดินเสียเอง การค้าขายไปได้สวยเลยทีเดียว!

 

 

และนั่นก็อธิบายว่าทำไมหลี่ว์เสี่ยวอวี๋ถึงรวยแล้วในตอนนี้

 

 

เสี่ยวอวี๋มองหลี่ว์ซู่ขึ้นๆ ลงๆ เธอเห็นความเหนื่อยล้าและความขัดแย้งในนัยน์ตาของหลี่ว์ซู่ แต่เสี่ยวอวี๋ก็ไม่ได้พูดปลอบใจอะไรออกไป เธอยื่นมือเล็กๆ ออกไปแล้วพูดว่า

 

 

“ไปกัน ฉันจะพาไปเลี้ยงหม้อไฟ”

 

 

“งั้นวันนี้เรากินร้านดีๆ กันเนอะ” หลี่ว์ซู่ยิ้มตอบ

 

 

เมื่อก่อนหลี่เสี่ยวอวี๋ก็แค่อยากจะมีเสื้อผ้าอุ่นๆ ใส่ แล้วตอนนี้เธอก็ได้ใส่ทั้งหมวกทั้งผ้าพันคอแบบที่เธอชอบ เธอเดินเคียงข้างหลี่ว์ซู่ไปในหิมะ เสี่ยวอวี๋หายใจไปอย่างเริงร่าขณะกำลังเดินไปกินหม้อไฟกับหลี่ว์ซู่

 

 

“เธอเข้าไปเกี่ยวข้องกับเรื่องนี้ได้ไงน่ะ” หลี่ว์เสี่ยวอวี๋ถามขณะเดินด้วยกัน

 

 

“พวกเขาอยากให้ฉันเป็นราชันฟ้า” เขานิ่งไปก่อนตอบเสียงเบา

 

 

“แล้วอยากเป็นไหมล่ะ”

 

 

“ฉันว่า…”

 

 

“ไม่ว่าจะเลือกทางไหน ฉันก็สนับสนุนเธอนะ” เสี่ยวอวี๋พูดอย่างใจเย็น

 

 

หลี่ว์ซู่โล่งใจ โลกของหลี่ว์เสี่ยวอวี๋นี่ช่างเรียบง่ายดีจริงๆ

ท่านเทพ ละเว้นข้าเถอะ

ท่านเทพ ละเว้นข้าเถอะ

หลี่ว์ซู่ เป็นเด็กกำพร้าที่หาเลี้ยงตัวเองมาโดยตลอด และก็คงจะหาเลี้ยงตัวเองเช่นนี้ต่อไปเรื่อยๆ ถ้าเขาไม่ได้ประสบอุบัติเหตุรถชนเข้าเสียก่อน… แต่เฮ้ย! เขาไม่เป็นอะไรเลยนี่ ไม่เจ็บ ไม่ปวด และไม่ตาย แถมวิญญาณไม่ได้หลุดออกจากร่างด้วย! จะมีก็แต่สัญลักษณ์รูปต้นไม้ที่จู่ๆ ก็ปรากฏขึ้นมาบนฝ่ามือและพลังพิเศษในตัวที่ตื่นขึ้นมาเท่านั้น! ทว่าเขาไม่ได้เป็นเพียงคนเดียวที่ได้รับพลังพิเศษนี้มา เพราะคนอื่นๆ เองก็เริ่มกลายเป็นผู้มีพลังแล้วเหมือนกัน นี่มันเรื่องบ้าอะไร เกิดอะไรขึ้นกับโลกใบนี้กันแน่ นี่เรากำลังจะก้าวเข้าสู่ยุคของผู้มีพลังพิเศษกันแล้วงั้นเหรอ หลี่ว์ซู่ได้แต่คิดแล้วก็สงสัย ว่าแต่พลังที่ได้มานี่มันฝึกยังไงกันล่ะ เอ๊ะ ต้องสะสมแต้มอารมณ์ด้านลบงั้นเหรอ แค่กวนโมโหคนอื่นก็เพิ่มพลังได้แล้วงั้นเหรอ แบบนี้ก็เข้าทางหลี่ว์ซู่สุดๆ ไปเลยน่ะสิ!

Comment

Options

not work with dark mode
Reset