ท่านเทพ ละเว้นข้าเถอะ – ตอนที่ 879 ลูกศิษย์สำนักกระท่อมกระบี่

สำนักกระท่อมกระบี่อยู่ที่ไหน  

 

 

จางเว่ยอวี่มองหลี่ว์ซู่ “พวกเธอคงไม่ไปจริงๆ ใช่ไหม มีเรื่องอะไรต้องไปดูตำราพวกนั้น พวกเธอถามฉัน ฉันอาจจะรู้ก็ได้”  

 

 

หลี่ว์ซู่และหลี่ว์เสี่ยวอวี๋มองหน้ากัน พวกเขาจะถามได้อย่างไร บอกว่าพวกเรามาจากโลกอื่นและต้องการหาทางกลับไป  

 

 

คำพวกนี้ดูคุ้นๆ ประโยคแบบนี้ยังมีวิธีใช้อย่างอื่นอีกไหม “สวัสดี ผมชื่ออัลตร้าแมน แจ็ค ผมอยากกลับดาวเนบิวลา M78 แต่ผมไม่มีค่าเดินทาง… “  

 

 

ใครมันจะไปเชื่อ!  

 

 

ไม่เพียงแค่คนอื่นจะไม่เชื่อยังเกี่ยวพันกับความลับของพวกเขาทั้งสองคนอีก!  

 

 

ที่จริงพลังของคนในโลกนี้แข็งแกร่งมากจริงๆ หลี่ว์ซู่แทบนึกไม่ออกว่าถ้าคนในจักรวาลนี้รู้ว่ามีโลกอยู่ จะถูกบุกรุกหรือเปล่า ถ้ารู้ว่าความปรารถนาของมนุษย์นั้นไม่มีที่สิ้นสุดและพลังบนโลกนั้นช่างเปราะบางเมื่อเทียบกับจักรวาลหลี่ว์  

 

 

เมื่อเห็นทั้งสองคนลังเล จางเว่ยอวี่จึงพูดว่า “ไม่ต้องห่วง ฉันจะบอกอะไรให้ ในรัศมีพันลี้นี้คนที่รู้มากกว่าฉันคงมีไม่มากหรอก บางทีฉันอาจบอกเรื่องที่พวกเธออยากรู้ก็ได้”  

 

 

หลี่ว์ซู่ครุ่นคิดอยู่ไม่นาน “ถ้าอย่างนั้นคุณบอกฉันหน่อยว่าความเร็วลมแบบป้อนสองทางของความถี่คงที่ ความเร็วเปลี่ยนแปลงแบบไม่เป็นเชิงเส้น…… “  

 

 

“สำนักกระท่อมกระบี่อยู่ในเมืองหลวง” จางเว่ยอวี่พูดอย่างใจเย็นตัดบทหลี่ว์ซู่  

 

 

[ได้แต้มจากจางเว่ยอวี่ +666]  

 

 

ฟังไม่รู้เรื่อง! ฟังไม่รู้เรื่องเลย! จางเว่ยอวี่เกิดสงสัยในความรู้ของตนเอง เขาเคยคิดว่าหลี่ว์ซู่พูดไร้สาระหรือเปล่าแต่เขาไม่เคยเห็นฝีมือกระบี่ของหลี่ว์ซู่เขาจึงรับประกันได้อย่างไรว่าการคาดเดาของเขาถูกต้อง  

 

 

จู่ๆ จางเว่ยอวี๋ก็รู้สึกไร้เรี่ยวแรง … แต่ตอนนี้เขาค่อนข้างแน่ใจว่าหลี่ว์ซู่ไม่ใช่ศิษย์ของกระท่อมกระบี่ เพราะการแสดงออกของหลี่ว์ซู่ไม่ใช่การเสแสร้ง ยิ่งกว่านั้นต่อให้ลูกศิษย์สำนักกระท่อมกระบี่ต้องการเคลียร์ความสัมพันธ์กับสำนักกระท่อมกระบี่ก็ไม่จำเป็นต้องแสร้งไม่รู้ที่ตั้งของสำนักกระท่อมกระบี่  

 

 

และสถานที่อย่างสำนักกระท่อมกระบี่ … มีเพียงไม่กี่คนในจักรวาลหลี่ว์ที่อยากไปยุ่ง  

 

 

หลี่ว์ซู่และหลี่ว์เสี่ยวอวี๋มองหน้ากันและวิ่งไปพร้อมบ่นไป ขณะที่จางเว่ยอวี่ค่อยๆ เก็บอาหารบนโต๊ะ อะไรที่เอาไปได้ก็ใช้ผ้าคลุมเตียงห่อ พอตกเย็นค่อยแอบส่งออกไป  

 

 

หลี่ว์ซู่ถามหลี่ว์เสี่ยวอวี๋ด้วยเสียงเบาๆ “เราไปเมืองหลวงกันไหม”  

 

 

“ไม่” หลี่ว์เสี่ยวอวี๋ปฏิเสธ  

 

 

“เธอลังเลอะไร” เขาถามด้วยความอยากรู้  

 

 

“ไม่มี” หลี่ว์เสี่ยวอวี๋ปฏิเสธ  

 

 

จางเว่ยอวี่ที่อยู่ข้างๆ พูดกับทั้งสองคนว่า “พวกเธอคิดว่าสำนักกระท่อมกระบี่จะเข้าก็เข้าได้หรือ ต่อให้พวกเธอไปเมืองหลวงแล้วยังไงต่อ ถึงจะเป็นจอมทัพสวรรค์ก็ทำตนเสมอไม่ได้”  

 

 

หลี่ว์ซู่ชะงักไปครู่หนึ่ง “เข้าไปยากเหรอ พวกเราแอบเข้าไปได้ไหม”  

 

 

จากมุมมองของหลี่ว์ซู่ แค่เขาและหลี่ว์เสี่ยวอวี๋ไม่หาเรื่อง ด้วยพลังสายธาตุดินของหลี่ว์เสี่ยวอวี๋มีไม่กี่ที่ที่ไปไม่ได้  

 

 

“นายมองสำนักกระท่อมกระบี่ธรรมดาเกินไปแล้ว” จางเว่ยอวี่ยิ้มและส่ายหัว “บางคนในสำนักกระท่อมกระบี่ แม้แต่ราชาแห่งทวยเทพองค์ก่อนยังไม่ไว้หน้า อยากจะแอบเข้าไป? คงไม่ง่ายขนาดนั้น”  

 

 

“ไม่น่าใช่เหรอมั้ง ท่านนั้นในสำนักกระท่อมกระบี่ที่คุณบอกแข็งแกร่งกว่าราชาแห่งทวยเทพองค์เก่าอีกเหรอ” หลี่ว์ซู่ถามด้วยความประหลาดใจ  

 

 

“ไม่ใช่หรอก พลังของราชาแห่งทวยเทพองค์ก่อนมากล้นเหลือประมาณ” จางเว่ยอวี่ส่ายหัว “เพียงแต่ท่านนั้นเคยเป็นเด็กรับใช้ของราชาแห่งทวยเทพองค์ก่อน ต่อมาได้ออกรบพร้อมกับองค์ราชาและสำเร็จวิชากระบี่ ได้ยินมาว่าตอนนั้นราชาแห่งทวยเทพองค์ก่อนให้อีกฝ่ายเป็นเด็กรับใช้ด้วยวิธีที่ไม่ค่อยงดงามนัก เหมือนกับลักพาตัวกลับมาตอนที่อีกฝ่ายออกธุดงค์ ดังนั้นท่านั้นจึงไม่พอใจอยู่ลึกๆ … “  

 

 

หลี่ว์ซู่นึกสงสัย “ผมถามอะไรหน่อย คุณอยากตอบก็ตอบ ไม่อยากตอบก็ไม่ต้องตอบ 18 ปีก่อนเขาอยู่ในเมืองหลวงหรือเปล่า”  

 

 

จางเว่ยอวี่มองหลี่ว์ซู่ด้วยความประหลาดใจ “นายรู้ไหมว่านายถามคำถามนี้หมายความว่าอะไร”  

 

 

จางเว่ยอวี่ไม่เพียงตกใจ เขาคิดว่าหลี่ว์ซู่อาจจะเพิ่งออกมาจากป่าในภูเขาลึกสักแห่ง แต่เขาคาดไม่ถึงว่าคำถามของอีกฝ่ายจะลึกขนาดนี้  

 

 

หลี่ว์ซู่พูดตลกกลบเกลื่อน “แค่ถามเฉยๆ แค่ถามเฉยๆ “  

 

 

อย่างไรก็ตามหลี่ว์ซู่กำลังคิดว่าถ้าสำนักกระท่อมกระบี่เป็นแบบนั้นจริงๆ ก็คงเข้าไปไม่ได้แล้วจะไม่มีที่อื่นสามารถค้นหาเรื่องวิธีข้ามกำแพงกาลเวลาได้แล้วหรือ  

 

 

เบาะแสที่ใหญ่ที่สุดในตอนนี้คือราชาแห่งทวยเทพองค์ก่อนของจักรวาลนี้ที่เปิดทางมาผ่านกำแพงของโลก ดังนั้นสถานที่ที่อาจจะมีการจดบันทึกก็คือวังหลวงของราชาแห่งทวยเทพ หลี่ว์ซู่ก็ไม่คาดหวังกับที่แห่งนั้น ตัวเลือกที่ดีที่สุดคือสำนักกระท่อมกระบี่ เพราะจางเว่ยอวี่บอกว่าบันทึกในวังหลวงราชาแห่งทวยเทพ ส่วนใหญ่มอบให้สำนักกระท่อมกระบี่พิมพ์  

 

 

“ว่าแต่…” หลี่ว์ซู่ลองถามดู “วังราชาแห่งทวยเทพมีตำราโบราณเล่มไหนที่ไม่ได้มอบให้สำนักกระท่อมกระบี่”  

 

 

“พวกบทกลอนขององค์ราชา … ” จางเว่ยอวี่ถอนหายใจ “ท่านนั้นในสำนักกระท่อมกระบี่มุ่งแต่พัฒนาพลังกระบี่ของตนเอง ไม่ได้สนใจเรื่องบทกวีพวกนั้น ว่ากันว่าคนหนุ่มในเมืองหลวงชื่นชอบศิลปะเหมือนค่านิยมเบื้องบนสั่งการ เบื้องล่างปฏิบัติตาม ส่วนลูกศิษย์ของสำนักกระท่อมกระบี่ก็ไม่สนใจทุกอย่างตั้งแต่แรก มุ่งเพียงบำเพ็ญพลังของตน”  

 

 

หลี่ว์ซู่ตกใจก็แสดงว่ามีหนังสือของชนิดอื่น ไม่มีเพียงบทกวีขององค์ราชา? เขานึกอยากรู้ “ทำไมท่านนั้นของสำนักกระท่อมกระบี่ถึงไม่สนใจสิ่งเหล่านี้”  

 

 

“ฉันไม่รู้ ว่ากันว่าตอนที่ราชาแห่งทวยเทพองค์ก่อนเกิดอารมณ์กวีได้เขียนบทกวี 800 เรื่องในชั่วข้ามคืน ต่อมาท่านนั้นของสำนักกระท่อมกระบี่ทะเลาะกับองค์ราชาที่วังหลวง ถึงสู้ไม่ชนะแต่วังหลวงก็เสียหายไปครึ่งหนึ่ง เรื่องนี้พูดไปมันก็น่าอายเพราะเรื่องนี้ น้ำเสียงของจางเว่ยอวี่กลืนไม่เข้าคายไม่ออก แต่ก็แฝงความหลงใหล เขาพูดต่อ “นและก็เพราะราชาองค์เก่าได้ตามเอาเรื่องหลังเหตุการณ์นั้น ทำให้สำนักกระท่อมกระบี่ยิ่งมีชื่อเสียงโด่งดัง ใครจะรู้ว่าราชาองค์เก่าทำใจสังหารเขาไม่ได้จึงไม่มีใครกล้าฆ่าเธอ แน่นอนว่ามีไม่กี่คนในโลกนี้ที่สามารถฆ่าเธอได้ ผู้หญิงในโลกนี้ต้องยกอันดับหนึ่งให้กับท่านนั้นของสำนักกระท่อมกระบี่”  

 

 

“ผู้หญิง!” หลี่ว์ซู่ผงะ เขาคิดเสมอว่าท่านนั้นคือผู้ชายมาตลอด  

 

 

จางเว่ยอวี่จนปัญญา ตอนนี้เขาสงสัยว่าหลี่ว์ซู่เป็นคนในโลกนี้หรือเปล่า เขาไม่รู้เรื่องใหญ่ขนาดนี้เลยหรือ  

 

 

หลี่ว์ซู่รู้ว่าเขาถามคำถามผิดจนเปิดเผยเบาะแสในตัวเขาจึงรีบเปลี่ยนเรื่อง “สำนักกระท่อมกระบี่มีลูกศษย์มากไหม”  

 

 

“นายรู้ไหมว่าทุกๆ ปีมีเพียงสี่คนที่สามารถเข้าสำนักกระท่อมกระบี่ได้ พวกเขาถูกคัดเลือกจากกรมทหาร จากนั้นสำนักกระท่อมกระบี่คัดเลือกคนที่ชอบอีกที” จางเว่ยอวี่อธิบายต่อ “ตอนนี้ลูกศิษย์เหล่านี้กระจัดกระจายไปตามกองทัพต่างๆ และพวกเขาได้รับการนับถืออย่างกับเป็นเจ้าพระยา สำนักกระท่อมกระบี่จะจัดงานใหญ่ทุกๆ สี่ปี ลูกศิษย์สำนักกระท่อมกระบี่จากทุกสารทิศต่างมารวมงานร่วมแสดงความยินดีและมอบของขวัญให้สำนักกระท่อมกระบี่จนสูงเท่าภูเขาเลากา! ตอนนั้นเป็นเทศกาลที่ใหญ่ที่สุดในเมืองหลวง ทุกคนจะพากันออกมาเดินชมงาน ชื่นชมผู้ชายหน้าตาหล่อเหลาจากสำนักกระท่อมกระบี่ ในเมืองหลวงถ้ามีสาวคนไหนได้ของขวัญจากลูกศิษย์สำนักกระท่อมกระบี่ นั่นคือเรื่องที่เธอสามารถโอ้อวดไปได้นานเลย! “  

ท่านเทพ ละเว้นข้าเถอะ

ท่านเทพ ละเว้นข้าเถอะ

หลี่ว์ซู่ เป็นเด็กกำพร้าที่หาเลี้ยงตัวเองมาโดยตลอด และก็คงจะหาเลี้ยงตัวเองเช่นนี้ต่อไปเรื่อยๆ ถ้าเขาไม่ได้ประสบอุบัติเหตุรถชนเข้าเสียก่อน… แต่เฮ้ย! เขาไม่เป็นอะไรเลยนี่ ไม่เจ็บ ไม่ปวด และไม่ตาย แถมวิญญาณไม่ได้หลุดออกจากร่างด้วย! จะมีก็แต่สัญลักษณ์รูปต้นไม้ที่จู่ๆ ก็ปรากฏขึ้นมาบนฝ่ามือและพลังพิเศษในตัวที่ตื่นขึ้นมาเท่านั้น! ทว่าเขาไม่ได้เป็นเพียงคนเดียวที่ได้รับพลังพิเศษนี้มา เพราะคนอื่นๆ เองก็เริ่มกลายเป็นผู้มีพลังแล้วเหมือนกัน นี่มันเรื่องบ้าอะไร เกิดอะไรขึ้นกับโลกใบนี้กันแน่ นี่เรากำลังจะก้าวเข้าสู่ยุคของผู้มีพลังพิเศษกันแล้วงั้นเหรอ หลี่ว์ซู่ได้แต่คิดแล้วก็สงสัย ว่าแต่พลังที่ได้มานี่มันฝึกยังไงกันล่ะ เอ๊ะ ต้องสะสมแต้มอารมณ์ด้านลบงั้นเหรอ แค่กวนโมโหคนอื่นก็เพิ่มพลังได้แล้วงั้นเหรอ แบบนี้ก็เข้าทางหลี่ว์ซู่สุดๆ ไปเลยน่ะสิ!

Comment

Options

not work with dark mode
Reset