ท่านเทพ ละเว้นข้าเถอะ – ตอนที่ 670 แล้วฉันจะไปอธิบายยังไงละเนี่ย!

หลี่ว์ซู่ไม่อยากจะเชื่อเลยว่าในคลังเก็บของขององค์กรใหญ่แบบนี้จะมียาหม่องมากมายขนาดนี้ เขาอาจจะคิดแบบเด็กๆ ไปหน่อย ตอนแรกเขาคิดว่ามันน่าจะเป็นยาหม่องปลอมก็เลยลองดมเข้าไป แต่กลับกลายเป็นว่ามันเป็นของจริงซะงั้น

 

 

เขาพอรู้มาบ้างว่ายาหม่องนั้นเป็นที่ต้องการอย่างมากในแอฟริกา แต่พวกเขาก็ไม่น่าจะใช้ยาหม่องเป็นทรัพยากรนี่นา

 

 

หลี่ว์ซู่สงสัยว่าเบ็นเนตต์อาจจะเป็นผู้ร้ายในครั้งนี้ เขาอาจจะเก็บทรัพยากรสำคัญไว้ในแหวนมิติแล้วก็ได้ จากนั้นก็ปล่อยให้คลังสินค้าโล่งๆ ไว้ ตอนนี้หลี่ว์ซู่ไม่รู้ว่าจะหัวเราะหรือจะร้องไห้ดี

 

 

แล้วองค์กรทหารรับจ้างใหญ่ๆ ที่มีความทะเยอทะยานสูงและอยากจะควบคุมโลกขนาดนี้จะปล่อยให้ทรัพยากรไปอยู่ในมือของคนอื่นได้เหรอ

 

 

ปัญหาก็คือเขาจะไปบอกหลี่อีเสี้ยวอย่างไรดีเนี่ย!

 

 

แล้วหลี่ว์ซู่ก็หยิบโทรศัพท์ออกมาถ่ายวีดิโอไว้ ขณะเดียวกันเขาก็เอาหอกสามง่ามจ่อไปที่พวกทหารด้วย เขาเตะกำแพงให้เป็นรูไปหนึ่งทีเพื่อขู่พวกทหารพวกนั้น “ตอบมาดีๆ ว่าของในคลังมีแต่ยาหม่องอย่างเดียวใช่ไหม”

 

 

พอพวกทหารเห็นหลี่ว์ซู่เตะกำแพงเป็นรู พวกเขาก็รู้สึกประหม่าขึ้นมาจนต้องถ่มน้ำลายออก พวกเขาเพิ่งเห็นว่าชายหนุ่มที่อยู่ตรงหน้านั้นไม่ได้มาจาก EO!

 

 

“ใช่ครับ มีแต่ยาหม่องอย่างเดียว ของมีค่าอื่นๆ อยู่ในแหวนมิติของท่านเบ็นเนตต์หมดแล้ว” ทหารคนหนึ่งพูด

 

 

หลี่ว์ซู่พยักหน้าด้วยความพอใจ เขาฆ่าทหาร EO ทั้งสามคนทันทีโดยไม่พูดอะไร พวก EO นี่ใช้อำนาจข่มในแอฟริกามานานแล้ว อีกอย่างพวกทหารพวกนั้นก็บอกเองว่าถ้าหลี่ว์ซู่ไม่ยอม พวกมันจะฆ่าเขาทิ้ง ถ้าคิดจะฆ่าเขาได้ก็ต้องเตรียมใจหน่อยล่ะ

 

 

หลี่ว์ซู่เก็บยาหม่องทั้งหลายเข้าไปในตราแผ่นดินแล้วก็รู้สึกอารมณ์เสียขึ้นมา ถ้าขายยาหม่องพวกนี้ในแอฟริกาก็คงจะได้เงินเยอะเลยนะเนี่ย แต่เขาไม่มีเวลามาเปิดธุรกิจขายยาหม่องตอนนี้น่ะสิ เอากลับไปก็คงไม่ได้กำไรมากเท่าไหร่ด้วย!

 

 

การต่อสู้ข้างบนนั่นเกือบจะมาถึงจุดจบแล้ว เมื่อหลี่อีเสี้ยวและน่าหลานเชวี่ยร่วมมือกันก็ทำให้พวกศัตรูปวดหัวไปตามๆ กัน

 

 

ทั้งสองคนนั้นเป็นนักสู้ที่ช่ำชอง พวกเขามีผิวหนังที่หนาเป็นยางแถมยังมีพลังโจมตีที่น่ากลัวอีกด้วย ถึงน่าหลานเชวี่ยจะเป็นผู้หญิงและดูไม่น่ากลัวนัก แต่เธอก็มีความสามารถที่สวนทางกับรูปร่างหน้าตาของเธอ

 

 

พวกเบ็นเนตต์และคนระดับ B คนอื่นๆ บาดเจ็บหนัก ถึงพวกเขาจะร่วมต่อสู้ด้วยกันมาหลายสนามแต่เคมีก็ยังไม่เข้ากันสุดๆ เหมือนของหลี่อีเสี้ยวและน่าหลานเชวี่ยอยู่ดี

 

 

พอผ่านไปแค่ครึ่งชั่วโมงเท่านั้น เบ็นเนตต์ก็ตะโกนขึ้นมา “มาร่วมมือกันฆ่าผู้หญิงคนนั้นดีกว่า!”

 

 

พวกระดับ B มุ่งหน้าเข้าไป แต่ก็เห็นว่าเบ็นเนตต์ไม่ได้ตามพวกเขามา แต่เขากลับกระโดดออกไปที่อื่นแล้ววิ่งหนี!

 

 

แต่ก่อนที่พวกคนระดับ B จะได้พูดอะไร หลี่อีเสี้ยวและน่าหลานเชวี่ยก็เข้าไปล้อมเบ็นเนตต์เสียแล้ว พวกเขาโกรธมากจนอยากจะให้เบ็นเนตต์ตายไปด้วยกัน แต่พวกเขารู้ว่าสู้เบ็นเนตต์ไม่ไหว

 

 

เบ็นเนตต์เป็นทหารรับจ้างที่มีชีวิตอยู่มานานด้วยเหตุผลนี้แหละ เขาใช้ความโหดร้ายเป็นหลักที่ยึดประจำใจ เขาขว้างลูกโลหะกลมๆ สองลูกก่อนที่จะกระโดดหนีจากคฤหาสน์พังๆ นี่ไป

 

 

ลูกโลหะกลมๆ สองลูกปล่อยคลื่นพลังงานออกมาอย่างมาก น่าหลานเชวี่ยรีบรุดออกไปคว้ามันมาก่อนจะขว้างมันออกไปอีกรอบ

 

 

ตู้ม! ลูกโลหะกลมสองลูกนั้นทำให้พื้นเป็นรูใหญ่ ขนาดน่าหลานเชวี่ยเองยังได้รับบาดเจ็บเล็กน้อย เธอไม่รู้ว่าลูกกลมๆ นั่นทำมาจากอะไร ถ้ามันระเบิดในมือเธอแล้วเธอคงเสียแขนไปได้เลย

 

 

แต่ทั้งหลี่อีเสี้ยวและน่าหลานเชวี่ยกลับมีความคิดเหมือนกัน พวกเขาจะเชื่อในสัญชาตญาณและดูสถานการณ์ในระหว่างการต่อสู้ เรื่องเสี่ยงอันตรายนี่เอาไว้คิดทีหลัง

 

 

ทันใดนั้นหลี่อีเสี้ยวก็มือสั่นขึ้นมา อยู่ๆ ก็มีหอกมังกรดำปรากฏขึ้นมากลางอากาศด้วยเสียงดังหึ่งๆ หอกนั้นพุ่งเข้าไปหาเบ็นเนตต์เหมือนลูกกระสุน เบ็นเนตต์หันมาเตะหอกมังกรดำออกไป แต่ทันใดนั้นมังกรดำก็กระโดดออกมาจากหอกและกดร่างเบ็นเนตต์ลงไปกับพื้น!

 

 

ทั้งหลี่อีเสี้ยวและน่าหลานเชวี่ยจัดการพวกระดับ B จนหมอบ จากนั้นพวกเขาก็ละเป้าหมายพวกนั้นแล้วรีบมุ่งหน้าไปหาเบ็นเนตต์ในเวลาเดียวกัน!

 

 

ถ้าคนอื่นๆ มาเห็นแล้วคงชื่นชมการทำงานร่วมกันของสองคนนี้ ไม่ใช่แค่พลังโจมตีที่น่าทึ่งเท่านั้น แต่เคมีของทั้งคู่นั้นดูเป็นธรรมชาติมากๆ และเกิดขึ้นโดยไม่มีการเตรียมการมาก่อนด้วย

 

 

เบ็นเนตต์ล้มลงไปขณะพยายามจะขัดขืนมังกรดำนั่น หลี่อีเเสี้ยวยืนขึ้นตรงริมหลังคาแล้วขว้างน่าหลานเชวี่ยไปทางเบ็นเนตต์ เธอใช้เท้าทั้งสองยันหน้าอกของหลี่อีเสี้ยวเพื่อส่งแรงถีบออกไปขณะพุ่งเข้าหาเบ็นเนตต์ด้วย หลี่อีเสี้ยวถึงกับเซไปข้างหลังเล็กน้อยตอนที่น่าหลานเชวี่ยพุ่งตัวออกไป แต่เขาก็ไม่ได้โกรธอะไรเธอเลยสักนิด เพราะพวกเขาได้คุยเรื่องนี้มาก่อนหน้าแล้ว

 

 

น่าหลานเชวี่ยใช้ข้อศอกเป็นอาวุธตอนที่เธอทิ้งตัวลงบนตัวเบ็นเนตต์ พอเบ็นเนตต์มองขึ้นมาเห็นน่าหลานเชวี่ยก็สายไปเสียแล้วที่จะหลบ

 

 

จากนั้นก็มีเสียงระเบิดและตามมาด้วยพายุฝุ่นตรงนั้น เบ็นเนตต์บาดเจ็บหนักและหมอบอยู่บนพื้น และมีรอยแตกพื้นปูนอีกต่างหาก

 

 

หลี่อีเสี้ยวก็กระโดดตามลงมาอย่างมีความสุข “สวยงามมาก สวยจริงๆ ”

 

 

“นี่จะชมกันว่าฉันสวยหรือว่าฉันทำดีกันล่ะ” น่าหลานเชวี่ยมองเขา

 

 

“ก็พูดไปว่าสวยตั้งสองรอบนี่ รอบแรกน่ะให้เธอ ส่วนรอบสองชมว่าเธอโจมตีสวย” หลี่อีเสี้ยวอึ้ง แล้วน่าหลานเชวี่ยก็กลอกตาให้หลี่อีเสี้ยว เธอถอดแหวนมิติมาจากนิ้วของเบ็นเนตต์และพูดกับหลี่อีเสี้ยว

 

 

“อยากได้นี่หรือเปล่า”

 

 

“เดี๋ยวต้องเอาไปให้เครือข่ายฟ้าดินน่ะสิ” หลี่อีเสี้ยวพูดอย่างคนรักความยุติธรรม “เรามาทำภารกิจกัน แล้วจะเห็นแก่ตัวขโมยของได้ยังไง คิดว่าหลี่อีเสี้ยวคนนี้เป็นคนแบบนั้นเหรอ”

 

 

น่าหลานเชวี่ยได้ยินอย่างนั้นแล้วก็ตกใจไปเลย นี่หลี่อีเสี้ยวตัวจริงใช่ไหมเนี่ย

 

 

“กินเยอะไปหรือเปล่าช่วงนี้” น่าหลานเชวี่ยมองหลี่อีเสี้ยวอย่างไม่เชื่อสายตา

 

 

“ทำไมมาเข้าใจผิดกันแบบนี้ล่ะ” หลี่อีเสี้ยวพูดเหมือนกับว่าไม่พอใจ แต่ใจจริงแล้วเขาดีใจลิงโลดอยู่ข้างในต่างหาก เขารู้ว่าเขาเชื่อใจหลี่ว์ซู่ได้ และไม่มีทางเลยที่แหวนมิตินี่จะตกมาอยู่ในมือของเขาได้หากน่าหลานเชวี่ยยังอยู่ใกล้ๆ แต่เขายังมีหลี่ว์ซู่!

 

 

ฮ่าๆ ผู้หญิงคนนีรังแกเขาเรื่องเงินมาเยอะแล้ว และหลี่ว์ซู่ก็มาอยู่ฝั่งเขาแล้ว

 

 

หลี่อีเสี้ยวเริ่มคิดจินตนาการแล้วว่าเงินเก็บของเขาจะมากขนาดไหน ถ้าเขากลับบ้านแล้วเขาจะกินแซนด์วิชเนื้อสไลด์ให้หมดเกลี้ยงเลย!

 

 

แต่น่าหลานเชวี่ยที่อยู่ข้างๆ ก็มองเขาอย่างไม่เชื่อสายตา หลี่อีเสี้ยวเปลี่ยนไปแล้วจริงๆ น่ะเหรอ!

 

 

จากนั้นหลี่อีเสี้ยวและน่าหลานเชวี่ยก็ไม่ได้อยู่ต่อในสนามต่อสู้อีกนานมากนัก พวกเขายังจะต้องไปถล่ม EO อยู่ ส่วนเรื่องอื่นๆ พวกเขาจะปล่อยให้คนท้องถิ่นจัดการ แล้วหลังจากนั้นค่อยหาทางสร้างพันธมิตรกันกับพวกเขา

ท่านเทพ ละเว้นข้าเถอะ

ท่านเทพ ละเว้นข้าเถอะ

หลี่ว์ซู่ เป็นเด็กกำพร้าที่หาเลี้ยงตัวเองมาโดยตลอด และก็คงจะหาเลี้ยงตัวเองเช่นนี้ต่อไปเรื่อยๆ ถ้าเขาไม่ได้ประสบอุบัติเหตุรถชนเข้าเสียก่อน… แต่เฮ้ย! เขาไม่เป็นอะไรเลยนี่ ไม่เจ็บ ไม่ปวด และไม่ตาย แถมวิญญาณไม่ได้หลุดออกจากร่างด้วย! จะมีก็แต่สัญลักษณ์รูปต้นไม้ที่จู่ๆ ก็ปรากฏขึ้นมาบนฝ่ามือและพลังพิเศษในตัวที่ตื่นขึ้นมาเท่านั้น! ทว่าเขาไม่ได้เป็นเพียงคนเดียวที่ได้รับพลังพิเศษนี้มา เพราะคนอื่นๆ เองก็เริ่มกลายเป็นผู้มีพลังแล้วเหมือนกัน นี่มันเรื่องบ้าอะไร เกิดอะไรขึ้นกับโลกใบนี้กันแน่ นี่เรากำลังจะก้าวเข้าสู่ยุคของผู้มีพลังพิเศษกันแล้วงั้นเหรอ หลี่ว์ซู่ได้แต่คิดแล้วก็สงสัย ว่าแต่พลังที่ได้มานี่มันฝึกยังไงกันล่ะ เอ๊ะ ต้องสะสมแต้มอารมณ์ด้านลบงั้นเหรอ แค่กวนโมโหคนอื่นก็เพิ่มพลังได้แล้วงั้นเหรอ แบบนี้ก็เข้าทางหลี่ว์ซู่สุดๆ ไปเลยน่ะสิ!

Comment

Options

not work with dark mode
Reset