ท่านเทพ ละเว้นข้าเถอะ – ตอนที่ 909 จัดระเบียบความคิด

ดึกคืนนั้น ภูเขาราชาหลี่ว์หวังเงียบสงบ ยกเว้นหน่วยลาดตระเวนของกองทัพ ทหารที่เหลือต่างพักผ่อน ตอนนี้เป็นเวลาเข้านอนแล้ว  

 

 

ในเมื่อหลี่ว์ซู่วางใจจางเว่ยอวี่และคนอื่นๆ และขอให้พวกเขาฝึกทหาร หลี่ว์ซู่จึงมอบสำเนาแผนที่เส้นทางและถ้ำที่เสี่ยวอวี๋ทำให้แก่พวกเขา แง่หนึ่งเป็นการแสดงความเชื่อใจ อีกแง่หนึ่งก็ให้พวกเขาไม่ต้องห่วงเมื่อถูกเลิกจ้าง ต่อให้ทัพเฮยอวี่บุกเข้ามา พวกเขาจะมีทางหนีที่ไล่  

 

 

พวกจางเว่ยอวี่ก็มีท่าทีกระตือรือร้น มากแม้กระทั่งจัดระเบียบเส้นทางลาดตระเวนและที่ตั้งป้อมยามของกองทัพอู่เว่ยใหม่  

 

 

เดิมทีทัพอู่เว่ย หลิวเชียนจือและหลี่เฮยทั่นรู้ว่าคนธรรมดากลุ่มนี้จะกลายเป็นครูฝึกก็รู้สึกไม่ยอม คนธรรมดาๆ ไม่ใช่เหรอ หลี่เฮยทั่นคนนี้ต่อยหมัดเดียวก็ตายแล้ว…  

 

 

แต่แล้วในระหว่างขั้นตอนการจัดเตรียมการป้องกันใหม่ หลิวเชียนจือจึงตระหนักว่าความรู้ทางการทหารของอีกฝ่ายนั้นเหนือชั้นกว่าของเขาเองที่อยู่ในกองทัพมานานนับสิบปี  

 

 

ส่วนจางเว่ยอวี่ก็ประหลาดใจมากเช่นกันเมื่อเห็นแผนที่เส้นทางและถ้ำ เขาพบว่าใต้ดินนั้นมีเส้นทางที่เชื่อมต่อกันสะดวกมาก ถ้าทัพเฮยอวี่บุกมา ถ้ารู้ก่อนเพียงไม่นาน กองทัพก็สามารถมุดเข้าถ้ำใต้ดินที่แบ่งแยกทางเข้าเอาไว้สิบกว่าเส้นทาง  

 

 

ยังไม่จบเท่านี้ จางเว่ยอวี่ประหลาดใจกับทางเข้าที่มากมายและเส้นทางภายในถ้ำก็ยาวมาก เขาถามหลี่ว์ซู่ด้วยความสงสัย “นายวางแผนที่จะตั้งค่ายที่นี่ไว้ตั้งแต่แรกแล้วใช่ไหม”  

 

 

“บังเอิญทั้งนั้น” หลี่ว์ซู่พูดพร้อมรอยยิ้ม “คนหน้าตาดี สวรรค์มักคอยช่วยเหลือ…”  

 

 

[ได้แต้มจากจางเว่ยอวี่ +481!]  

 

 

ไปตายไป วันๆ เอาแต่แอบชมตัวเอง  

 

 

หลี่ว์เสี่ยวอวี๋ที่อยู่ข้างๆ รู้สึกเศร้าเล็กน้อย หลี่ว์ซู่…ตัวพองใหญ่แล้ว…  

 

 

จางเว่ยอวี่ดูแผนที่ต่อ เขาพบว่าทางเข้าถ้ำบังเอิญไปอยู่ตรงถนนสายหลักที่เดินทางสะดวก แล้วอยู่ในจุดที่เร้นลับมาก  

 

 

บังเอิญด้วยอีกหรือเปล่า จางเว่ยอวี่รู้ว่าหลี่ว์ซู่มาที่นี่ตั้งครึ่งค่อนเดือน ไม่ได้นั่งอยู่เฉยๆ ไม่ทำอะไร  

 

 

แต่สิ่งที่จางเว่ยอวี่ไม่รู้คือเส้นทางในถ้ำใต้ดินนั้นมีไม่น้อยกว่าสิบเส้นทางที่หลี่ว์เสี่ยวอวี๋ไม่ได้ทำเครื่องหมายไว้บนแผนที่ เอาไว้เป็นทางหนีสุดท้ายของหลี่ว์ซู่  

 

 

ไม่ใช่ว่าเขาสงสัยว่าจางเว่ยอวี่จะทรยศพวกเขาแต่หลี่ว์ซู่ระมัดระวังตัวมาตลอด อยู่ข้างนอกต้องเว้นทางหนีที่ไล่ให้ตัวเองเสมอถึงจะอยู่ในโลกนี้ได้  

 

 

เดิมทีจางเว่ยอวี่รู้สึกกังวลว่าถ้าพวกเขาฝึกทหารยังไม่สมบูรณ์ดีแล้วทหารเฮยอวี่บุกเข้ามาจะทำอย่างไร  

 

 

แต่ตอนนี้ไม่ต้องกังวลแล้ว มาตอนนี้ก็ไม่กลัว!  

 

 

หลังจากพวกจางเว่ยอวี่และตงเยี่ยกลับมาที่ที่พักตนเองก็กระซิบคุยกันว่า “พวกนายคิดว่าแผนที่นี้เสร็จสมบูรณ์ไหม”  

 

 

มีคนหัวเราะและพูดว่า “ด้วยนิสัยของเด็กคนนั้น แผนที่นี้ไม่มีทางสมบูรณ์แน่นอน เขาจะเหลือทางหนีของตัวเองเอาไว้ด้วย”  

 

 

จางเว่ยอวี่พยักหน้า “น่าจะเป็นเช่นนั้น ถ้าเขาจริงใจและเปิดเผยกับใครๆ ที่เจอ คนคนนี้ไม่มีทางไว้ใจได้ พวกเราไม่ต้องไปสนใจเรื่องนี้หรอก แค่ฝึกทหารอู่เว่ยให้ออกมาดีก็พอ ทุกคนค่อยตรวจแผนงานกันอีกที แต่ละคนแบ่งดูแลกองไหน ถ่ายทอดวิชาไหน อย่าทำผิดพลาดเด็ดขาด”  

 

 

ตอนนี้ เมื่อพูดถึงการฝึกกองทัพอู่เว่ย พวกจางเว่ยอวี่มีความกังวลมากกว่าหลี่ว์ซู่…  

 

 

แต่สิ่งที่หลี่ว์ซู่สนใจมากกว่านั้นค่อนข้างไม่ค่อยสำคัญในสายตาของจางเว่ยอวี่ การสอนทัพอู่เว่ยให้รู้จักตัวหนังสือ  

 

 

ในโลกแห่งชนชั้นแบ่งกันชัดเจน ทาสส่วนใหญ่ไม่มีสิทธิ์เข้าถึงความรู้และวัฒนธรรม นายทาสเองอยากให้พวกเขาโง่สักหน่อย ไม่ว่านายทาสหรือขุนนางต่างคิดว่ายิ่งทาสเหล่านี้เห็นมากเท่าไหร่ พวกเขาก็จะมีความคิดมากขึ้นเท่านั้น นานวันเข้าจะควบคุมลำบาก  

 

 

แต่หลี่ว์ซู่ไม่คิดเช่นนั้น เขารู้สึกจริงๆ ว่าสื่อสารลำบากกับคนที่ไร้การศึกษาเหล่านี้ …  

 

 

การฝึกต้องมีการผ่อนหนักผ่อนเบาคลาย การปลูกฝังวัฒนธรรมไม่ใช่สิ่งที่จะสำเร็จได้ในชั่วข้ามคืน ต้องเริ่มต้นด้วยการอ่านออกเขียนได้ก่อน  

 

 

ทุกคืนจะใช้หนึ่งชั่วโมงในการเรียนรู้คำศัพท์ หลี่ว์ซู่คิดว่าไอคิวของผู้ใหญ่น่าจะจำคำศัพท์ได้หมดภายในครึ่งปี ถึงแม้ว่าจะเป็นแค่การรับรู้เท่านั้น  

 

 

แต่เขาเองจะไม่เสียเวลากับเรื่องนี้ คนที่สอนก็คือพวกจางเว่ยอวี่เช่นเคย  

 

 

จางเว่ยอวี่ถามหลี่ว์ซู่ด้วยความอึดอัดเล็กน้อย “จำเป็นต้องรู้หนังสือหรือ แค่ต่อสู้ได้ก็พอแล้วไม่ใช่หรือ”  

 

 

พวกเขาต้องการชี้แนะแนวทางการบำเพ็ญ ความร่วมมือและยุทธวิธีภายในกองทัพเพื่อให้กองทัพอู่เว่ยเข้มแข็งขึ้นแต่เรียนหนังสือจะแข็งแกร่งขึ้นจริงหรือ  

 

 

หลี่ว์ซู่หัวเราะร่า “คุณคิดว่ากองทัพที่มีพลังเท่าเทียมกัน อีกทัพหนึ่งมีความศรัทธา อีกทัพหนึ่งรู้แค่ศาสตร์การต่อสู้ กองทัพไหนจะร้ายกาจกว่ากัน”  

 

 

จางเว่ยอวี่ครุ่นคิดอยู่พักหนึ่ง “ควรจะเป็นทัพแรกที่เก่งกาจกว่า เมื่อมีความศรัทธาแม้แต่ความเป็นความตายก็ยอมสละไม่สนใจได้”  

 

 

“ฉันไม่ได้ขอให้พวกเขาตายแต่หวังว่าจะรวมความคิดของกองทัพอู่เว่ยให้เป็นหนึ่งเดียวในระหว่างการของการเรียนรู้หนังสือ” หลี่ว์ซู่พูด  

 

 

จางเว่ยอวี่ตะลึงไปชั่วขณะ ในจักรวาลหลี่ว์นี้ไม่เคยมีกองทัพใดในโลกที่ใส่ใจเรื่องพวกนี้ ทหารควรออกไปรบเพื่อฆ่าศัตรูได้ก็พอ ทหารที่สามารถสังหารศัตรูได้คือทหารที่ดี ใครจะสนว่าทหารเหล่านี้คิดอย่างไร  

 

 

แต่มาคิดดูดีๆ แล้ว แม่ทัพชื่อดังทั้งหลายต่างจัดการกองทัพของพวกเขาอย่างดี ไม่ว่าจะเป็นค่ายหรือความคิด  

 

 

เช่นเดียวกับหน่วยทหารมังกรหลวง นับตั้งแต่แรกที่พวกเขาเริ่มปฏิบัติภารกิจการปกป้องบัลลังก์ ความรู้สึกมีเกียรตินั้นเป็นความศรัทธาร่วมกันและยังทำให้พวกเขาคำนึงถึงความปลอดภัยของราชาแห่งทวพเทพมากกว่าชีวิตของพวกเขาเอง  

 

 

ตอนนี้ หลี่ว์ซู่ดูเหมือนจะปล่อยให้พวกเขาส่งต่อความคิดนี้ไปอย่างไม่ให้ตั้งใจในกระบวนการเรียนนี้ การเรียนหนังสือเป็นเรื่องรอง ความคิดต่างหากเป็นสิ่งสำคัญที่สุด  

 

 

จางเว่ยอวี่อยากรู้อยากเห็น หลี่ว์ซู่รู้เรื่องนี้ด้วยตัวเองหรือ หรือว่าเจ้าหนุ่มคนนี้จะเป็นผู้บัญชาการโดยกำเนิด? ในตอนนี้ จางเว่ยอวี่เริ่มชื่นชมพรสวรรค์ของเขา แล้วคิดว่าถ้าเขาผลักดันชายหนุ่มคนนี้ด้วยตัวเอง อีกฝ่ายจะกลายเป็นแม่ทัพที่มีอำนาจทั่วโลกด้วยหรือไม่  

 

 

ทันใดนั้นหลี่ว์ซู่ถามขึ้นว่า “คุณคำนวณเป็นไหม”  

 

 

“รู้เรื่องนิดหน่อย” จางเว่ยอวี่มองหลี่ว์ซู่อย่างระวังตัว  

 

 

“ถ้าอย่างนั้นก็สอนด้วยนะ การคำนวณง่ายๆ ก็ยังดี ไม่งั้นจะไม่สามารถชำระบัญชีได้หลังจากขายสบู่ ถ้าโดนโกงขึ้นมาคงแย่…”  

 

 

จางเว่ยอวี่ “…ไม่สอน! “  

 

 

จู่ๆ เขาก็รู้สึกว่าเขาไม่ควรคิดถึงเรื่องดีๆ จากเจ้าหนุ่มคนนี้ ไม่เช่นนั้นเขาจะกลายเป็นคนขี้โมโห นี่มันเวลาอะไรแล้วยังมาคิดเรื่องขายสบู่อีก  

 

 

ไม่รู้ว่าเพราะอะไร จางเว่ยอวี่รู้สึกว่าหลี่ว์ซู่ไม่ได้จะพูดเล่นกับเขาและเขาก็มีลางสังหรณ์ว่าในวันหลังทัพอู่เว่ยอาจจะไปขายสบู่ในอนาคต…  

 

 

เมื่อนึกถึงกองทัพที่มีชื่อเสียงสะเทือนใต้หล้ามาขายสบู่ จางเว่ยอวี่เริ่มรู้สึกอยากตาย  

 

 

ช้าก่อน… จางเว่ยอวี่อาจรู้แล้วว่า ก่อนหน้าที่หมู่บ้านชิงหลงขายสบู่ ใช้การขายแบบกึ่งขายกึ่งบังคับอย่างไม่มีความละอายแก่ใจแม้แต่น้อย…  

 

 

ดังนั้นหากกองทัพอู่เว่ยแข็งแกร่งเทียบเท่ากับหน่วยทหารมังกรหลวง ใครจะกล้าไม่ซื้อสบู่ของหลี่ว์ซู่…  

 

 

จู่ๆ จางเว่ยอวี่ก็รู้สึกปวดหัวเพราะเขาคิดว่าหลี่ว์ซู่อาจวางแผนไว้เช่นนี้!  

 

 

เด็กคนนี้ คงไม่ได้เลวร้ายขนาดนั้นหรอกนะ!  

Related

ท่านเทพ ละเว้นข้าเถอะ

ท่านเทพ ละเว้นข้าเถอะ

หลี่ว์ซู่ เป็นเด็กกำพร้าที่หาเลี้ยงตัวเองมาโดยตลอด และก็คงจะหาเลี้ยงตัวเองเช่นนี้ต่อไปเรื่อยๆ ถ้าเขาไม่ได้ประสบอุบัติเหตุรถชนเข้าเสียก่อน… แต่เฮ้ย! เขาไม่เป็นอะไรเลยนี่ ไม่เจ็บ ไม่ปวด และไม่ตาย แถมวิญญาณไม่ได้หลุดออกจากร่างด้วย! จะมีก็แต่สัญลักษณ์รูปต้นไม้ที่จู่ๆ ก็ปรากฏขึ้นมาบนฝ่ามือและพลังพิเศษในตัวที่ตื่นขึ้นมาเท่านั้น! ทว่าเขาไม่ได้เป็นเพียงคนเดียวที่ได้รับพลังพิเศษนี้มา เพราะคนอื่นๆ เองก็เริ่มกลายเป็นผู้มีพลังแล้วเหมือนกัน นี่มันเรื่องบ้าอะไร เกิดอะไรขึ้นกับโลกใบนี้กันแน่ นี่เรากำลังจะก้าวเข้าสู่ยุคของผู้มีพลังพิเศษกันแล้วงั้นเหรอ หลี่ว์ซู่ได้แต่คิดแล้วก็สงสัย ว่าแต่พลังที่ได้มานี่มันฝึกยังไงกันล่ะ เอ๊ะ ต้องสะสมแต้มอารมณ์ด้านลบงั้นเหรอ แค่กวนโมโหคนอื่นก็เพิ่มพลังได้แล้วงั้นเหรอ แบบนี้ก็เข้าทางหลี่ว์ซู่สุดๆ ไปเลยน่ะสิ!

Comment

Options

not work with dark mode
Reset