ท่านเทพ ละเว้นข้าเถอะ – ตอนที่ 930 ผู้ส่งสารจากนรก

หลังจากการโจมตีครั้งแรก ทัพเฮยอวี่พยายามแกะรอยพวกเขา พวกเขาต้องการรู้ว่าทหารลึกลับเหล่านี้ปรากฏตัวมาจากไหน  

 

 

เมื่อทัพเฮยอวี่จริงจัง แม้ว่าทางเข้าสู่ถ้ำหินปูนจะถูกซ่อนไว้อย่างดี แต่นั่นก็ไม่อาจรอดพ้นสายตาของพวกเขาไปได้  

 

 

เมื่อผู้บัญชาการทัพเฮยอวี่เห็นทางเข้าถ้ำ พวกเขาก็อ้าปากค้างด้วยความตกใจ ทหารเหล่านั้นปรากฏตัวจากที่นี่จริงหรือ ข้างในนั้นมีอะไรอยู่กันแน่  

 

 

เขาส่งทหารสองหน่วย หน่วยละห้าคนเข้าไปในถ้ำ แต่อู่เว่ยไม่ได้จากไปไหน พวกเขารอให้ทัพเฮยอวี่เข้าไปในถ้ำ ดังนั้นทหารเหล่านี้จากทัพเฮยอวี่จึงถูกกำจัดเช่นกัน…  

 

 

สีหน้าของผู้บัญชาการมืดครึ้มลง เขาสูญเสียคนเกือบสี่ร้อยคนจากการโจมตีครั้งเดียว แต่ไม่มีทหารจากกองทัพศัตรูแม้แต่คนเดียวที่ถูกทิ้งไว้เบื้องหลัง ช่างน่าอับอายเสียจริง!  

 

 

ในครั้งนี้ เขาพากลุ่มของเขาเข้าไปในถ้ำด้วยตัวเอง ทัพอู่เว่ยได้รับข่าวจากใครบางคนและแยกย้ายกันไป พวกเขาหลบหนีไปในเส้นทางต่างๆ กว่าสิบเส้นทาง…พวกเขาแยกย้ายกันไปไกล ไม่มีทางที่จะไล่ตามพวกเขาได้เลย!  

 

 

ผู้บัญชาการสังเกตถ้ำอย่างระมัดระวัง พูดตามตรง นี่เป็นครั้งแรกของเขาที่ได้เห็นสถานที่แบบนี้ หินงอกหินย้อยที่แปลกและขรุขระทำให้ที่นี่ดูเหมือนเป็นนรก ทหารจากทัพเฮยอวี่คนหนึ่งพูดขึ้นด้วยน้ำเสียงแผ่วเบา “นี่ใช่นรกหรือเปล่า…ดูสิ พวกเขาสวมชุดเกราะจากของทัพเฮยอวี่ พวกเขายังมีอาวุธของทัพเฮยอวี่ เพียงแต่พวกเขามีรอยสีขาวบนใบหน้าเท่านั้น สหายของเราที่หายตัวไปไม่ใช่ว่าถูกกลืนหายไปในนรกนี้หรอกเหรอ หลังจากนรกได้รับพลังของพวกนั้น ก็จะออกมาคร่าชีวิตมากขึ้นอีกใช่ไหม”  

 

 

การวิเคราะห์นี้สมเหตุสมผล นอกจากนี้ อีกสี่ทีมที่เหลือของทัพเฮยอวี่ก็หายตัวไปอย่างลึกลับ มีการกล่าวถึงเรื่องนี้ในแง่ร้าย ในตอนนั้น มีคนพูดติดตลกว่าทั้งสี่ทีมที่หายตัวไปอาจถูกภูเขากินเข้าไป เพราะไม่มีใครรู้ว่าพวกเขาหายไปไหน  

 

 

ดังนั้นความคิดเห็นเหล่านี้ จึงทำให้ภูเขากลายเป็นสถานที่ลี้ลับ  

 

 

ทันใดนั้น พวกเขาก็เห็นคนที่แข็งแกร่งกว่าสวมชุดเกราะของทัพเฮยอวี่…  

 

 

ตามหลักเหตุผลแล้ว ถ้าพวกเขาแข็งแกร่งมาก พวกเขาก็จะมีชุดเกราะและอาวุธเป็นของตัวเองอย่างแน่นอน แล้วทำไมพวกเขาถึงต้องการชุดเกราะของทัพเฮยอวี่ หรือสหายของพวกเขาที่ถูกกลืนกินจะมาที่นี่เพื่อเรียกร้องขอชีวิต นั่นดูจะเป็นความคิดที่เข้าท่า…  

 

 

ผู้บัญชาการหันกลับมามองทหาร และตบเข้าที่หน้า “ถ้านรกมีอยู่จริง เราก็ต้องเหยียบย่ำมัน! หาให้เจอว่าใครอยู่ที่นี่ และจัดการมันทั้งเป็น!”  

 

 

เขาสามารถบินได้ในฐานะยอดฝีมือระดับหนึ่ง แน่นอนว่าเขาจะไม่เชื่อว่ามีผีและวิญญาณอยู่ที่นี่ มีพระเจ้าเพียงองค์เดียวในโลกใบนี้  

 

 

เขาไม่เชื่อเรื่องนี้เพราะเขาแข็งแกร่งมาก แต่ผู้ใต้บังคับบัญชาของเขาไม่สามารถสงบลงได้  

 

 

ผู้บัญชาการนำกลุ่มของเขาออกมาและครุ่นคิดถึงสิ่งที่พวกเขาจะทำต่อไป บางคนเริ่มแพร่กระจายข่าวลือว่าทหารลึกลับเหล่านี้มาจากนรก คำบอกเล่าที่สมจริงเริ่มแพร่กระจายไปทั่วในหมู่ทหาร ในตอนแรกทุกคนคิดว่านี่เป็นเรื่องไร้สาระและถือเป็นเรื่องตลก แต่ต่อมาบางคนก็ค้นพบทางเข้า และเมื่อพวกเขามองเข้าไปข้างใน พวกเขาก็เริ่มเชื่อข่าวลือเหล่านี้  

 

 

คงไม่ต้องบอกว่าสถานที่เช่นถ้ำหินปูนนี้เหมาะกับสภาพแวดล้อมเช่นนรกมากแค่ไหน นี่คือก่อนที่จะมีคำอธิบายทางวิทยาศาสตร์และตอนที่ยังไม่มีคนติดตั้งไฟหลากสีในถ้ำ หลี่ว์ซู่ครุ่นคิดถึงเรื่องนี้ คนแรกที่บอกว่านรกมีอยู่จริงอาจเผลอสะดุดเข้าไปในถ้ำหินปูน…  

 

 

เมื่อผู้บัญชาการได้ยินเรื่องนี้ เขาจึงอยากจะฆ่าคนที่เริ่มข่าวลือนี้ทิ้งซะ แต่เขาไม่แน่ใจว่าสิ่งนี้จะสามารถหยุดการแพร่กระจายของข่าวลือได้หรือไม่  

 

 

แต้มอารมณ์ที่เกิดขึ้นทั้งหมดถูกส่งไปให้หลี่ว์ซู่  

 

 

เป็นเรื่องยากสำหรับทัพเฮยอวี่ที่จะตัดสินใจ ก่อนที่พวกเขาจะมาที่นี่ พวกเขาคิดว่าว่าต่อให้มีกองทัพอยู่ที่นี่ แต่พวกเขาก็เคยยึดช่องเขาหลีหยางและช่องเขาเว่ยเป่ยไปแล้ว ยังจะมีกองทัพไหนอีกที่พวกเขาไม่สามารถรับมือได้  

 

 

วลี ‘ซ่อนตัวอยู่ในภูเขา’ มีความหมายโดยทั่วไป นั่นหมายความว่าแม้ว่าพวกเขาจะซ่อนตัวอยู่ในแนวเทือกเขา แต่ผู้คนก็ยังคงอยู่บนพื้นดิน  

 

 

แต่สุดท้ายแล้ว พวกเขาก็ซ่อนตัวอยู่ในภูเขา…  

 

 

จากหน่วยสอดแนวหลิวอี้เจาไปจนถึงทหารระดับสามทั้งหมดไปจนถึงหลุมลึกลับเหล่านี้ กองทัพที่ซ่อนตัวอยู่บนภูเขาถูกปกคลุมไปด้วยความลึกลับ  

 

 

แต่ปัญหาที่สำคัญที่สุดก็คือพวกเขาจะล้อมกองทัพได้อย่างไร พวกเขาควรเข้าไปในถ้ำหรือไม่  

 

 

ผู้บัญชาการทัพเฮยอวี่มีสีหน้าครึ้ม “จุดไฟเผาถ้ำ ใช้ควันไล่พวกมันออกมา!”  

 

 

เหล่าทหารตาเป็นประกาย นี่เป็นความคิดที่ดี! ตามคาดจากผู้บัญชาการของพวกเขา!  

 

 

ในวันนั้น ทัพเฮยอวี่ได้จุดไฟเผาทางเข้ากว่าสิบทาง และพ่นควันเข้าไปในถ้ำ พวกเขาทำเช่นนี้ตลอดทั้งวัน แต่ไม่มีทหารแม้แต่คนเดียวจากทัพอู่เว่ยโผล่ออกมาเลย  

 

 

ผู้บัญชาการรู้สึกว่ามีบางอย่างผิดปกติ นี่ไม่ควรเป็นเช่นนี้ แม้ว่าถ้ำจะใหญ่มาก แต่พวกเขาก็ไม่น่าจะทนต่อการสัมผัสกับควันได้เป็นวันๆ  

 

 

เขาเข้าไปดูและเห็นว่าทางเข้าถูกปิดกั้นโดยหลี่ว์เสี่ยวอวี๋ ไม่มีควันเล็ดลอดเข้าไปได้แม้แต่นิดเดียว  

 

 

ที่พวกเขาทำไปล้วนเปล่าประโยชน์  

 

 

จากนั้นพวกเขาก็ได้รับข่าวว่าทัพเฮยอวี่ที่อยู่ทางตะวันออกถูกซุ่มโจมตี คราวนี้ผู้บัญชาการเป็นยอดฝีมือระดับสอง ดังนั้นพวกเขาจึงสูญเสียอย่างหนัก หน่วยทั้งหมดถูกกำจัดในหนึ่งชั่วโมง!  

 

 

ในวันแรกที่พวกเขาได้สัมผัสกับทัพอู่เว่ย ทัพเฮยอวี่สูญเสียไปหนึ่งหน่วยแล้ว พวกเขาประหลาดใจอย่างมาก  

 

 

ผู้บัญชาการคนอื่นๆ ของทัพเฮยอวี่รู้ดีว่าถ้ำหินปูนใต้ดินขยายออกไปทุกทิศทาง ดังนั้นทหารจากทัพอู่เว่ยจึงเป็นเหมือนภูตผี ทัพเฮยอวี่ไม่มีทางรู้เลยว่าพวกเขาอยู่ที่ไหน  

 

 

หลี่เฮยทั่นถือหอกของเขาและปกป้องคอยปกป้องหลี่ว์ซู่ขณะร้องเพลงแองเตอร์นาซิอองนาล หลี่ว์ซู่ ไม่อาจทนต่อจังหวะของเขาได้ “เฮยทั่น ลองฟังเสียงของตัวเองดูนะ ฉันรู้สึกเหมือนกำลังเดินทางไปในทุ่งขณะนั่งอยู่บนรถม้า”  

 

 

หลี่เฮยทั่นตาเป็นประกาย นี่ท่านเทพกำลังชมเขาอยู่หรือเปล่า กำลังเดินทางไปในทุ่งขณะนั่งอยู่บนรถม้า นี่ฟังดูอบอุ่นดีจัง  

 

 

แต่หลี่ว์ซู๋พูดต่อ “น่าเสียดายที่ล้อของรถม้าเป็นสี่เหลี่ยม…”  

 

 

[ได้แต้มจากหลี่เฮยทั่น +9…]  

 

 

หลี่ว์ซุ่ไม่มีความสุข แค่เก้าแต้มเองเหรอ นี่ล้อเล่นหรือเปล่า  

 

 

หลี่ว์ซู่พบว่าการได้รับแต้มอารมณ์จากหลิวอี้เจาและหลี่เฮยทั่นเป็นเรื่องยากที่สุด พวกเขาภักดีต่อเขามาก พวกเขาเชื่อทุกอย่างที่หลี่ว์ซู่บอกพวกเขา ดังนั้นพวกเขาจะไม่ก่อให้เกิดแต้มอารมณ์มากมายขนาดนั้น…  

 

 

แต่ไม่เป็นไร หลี่เฮยทั่นสร้างแต้มอารมณ์มากมายเมื่อเขาทำการบ้าน…เห็นได้ชัดว่าการทำการบ้านนั้นเจ็บปวดมาก…  

 

 

“ท่านเทพ พวกเราควรทำยังไงต่อไป” หลิวอี้เจาพูดว่า “พลังของพวกเขาลดน้อยลงแล้ว ผมขอแนะนำให้เราจัดการหน่วยที่ไม่มีผู้บัญชาการระดับหนึ่งก่อน”  

 

 

หลี่ว์ซู่ครุ่นคิดเกี่ยวกับเรื่องนี้ “อย่าให้พวกเขาเข้าใจกฎ นั่นคือกลยุทธ์ของเรา เพราะฉะนั้นอย่าจงใจเลี่ยงหน่วยที่มีผู้บัญชาการระดับหนึ่ง เพราะถ้าทำแบบนั้น พวกเขาก็จะไปซุ่มรอเราอยู่”  

 

 

มีคำกล่าวในประวัติศาสตร์ของการก่ออาชญากรรมว่า คนที่ฆ่าคนที่ดูเหมือนไม่เกี่ยวข้อง ในยามจำเป็นคือคนที่มีข้อบกพร่องน้อยที่สุด  

 

 

ยิ่งพวกเขาคิดมากเท่าไหร่ ก็จะยิ่งทิ้งร่องรอยไว้มากเท่านั้น  

 

 

สิ่งที่ทัพอู่เว่ยต้องทำตอนนี้ก็คือการไม่ทำตามแบบแผนในยุทธวิธีทางทหารของพวกเขา  

 

 

จางเว่ยอวี่ทนต่อสิ่งนี้มาเป็นเวลานาน แต่เขาไม่สามารถทนได้อีกต่อไป “ไม่ใช่ว่านายคือคนที่ไม่มีความสามารถในยุทธวิธีทางทหารหรอกเหรอ…พวกนายสองคนปล่อยฉันเดี๋ยวนี้! อะไรของมันวะ! หลิวอี้เจา! นี่นายกำลังต่อต้านฉันเหรอ ฉันคือที่ปรึกษาทางทหารนะ! พวกนายสองคน ปล่อยฉันไปเดี๋ยวนี้!”  

 

 

จางเว่ยอวี่ถูกลากออกไปทั้งอย่างนั้น  

 

 

[ได้แต้มจากจางเว่ยอวี่ +666!]

ท่านเทพ ละเว้นข้าเถอะ

ท่านเทพ ละเว้นข้าเถอะ

Status: Ongoing
หลี่ว์ซู่ เป็นเด็กกำพร้าที่หาเลี้ยงตัวเองมาโดยตลอด และก็คงจะหาเลี้ยงตัวเองเช่นนี้ต่อไปเรื่อยๆ ถ้าเขาไม่ได้ประสบอุบัติเหตุรถชนเข้าเสียก่อน… แต่เฮ้ย! เขาไม่เป็นอะไรเลยนี่ ไม่เจ็บ ไม่ปวด และไม่ตาย แถมวิญญาณไม่ได้หลุดออกจากร่างด้วย! จะมีก็แต่สัญลักษณ์รูปต้นไม้ที่จู่ๆ ก็ปรากฏขึ้นมาบนฝ่ามือและพลังพิเศษในตัวที่ตื่นขึ้นมาเท่านั้น! ทว่าเขาไม่ได้เป็นเพียงคนเดียวที่ได้รับพลังพิเศษนี้มา เพราะคนอื่นๆ เองก็เริ่มกลายเป็นผู้มีพลังแล้วเหมือนกัน นี่มันเรื่องบ้าอะไร เกิดอะไรขึ้นกับโลกใบนี้กันแน่ นี่เรากำลังจะก้าวเข้าสู่ยุคของผู้มีพลังพิเศษกันแล้วงั้นเหรอ หลี่ว์ซู่ได้แต่คิดแล้วก็สงสัย ว่าแต่พลังที่ได้มานี่มันฝึกยังไงกันล่ะ เอ๊ะ ต้องสะสมแต้มอารมณ์ด้านลบงั้นเหรอ แค่กวนโมโหคนอื่นก็เพิ่มพลังได้แล้วงั้นเหรอ แบบนี้ก็เข้าทางหลี่ว์ซู่สุดๆ ไปเลยน่ะสิ!

Comment

Options

not work with dark mode
Reset