ท่านเทพ ละเว้นข้าเถอะ – ตอนที่ 921 บทเรียนวัฒนธรรม

เมื่อหลิวอี้เจาถูกจางเว่ยอวี่และคนอื่นๆ ดึงตัวออกไป หลี่ว์ซู่คิดว่าจางเว่ยอวี่น่าจะอธิบายเรื่องทุกอย่าง แต่หลังจากมองไปที่หลิวอี้เจาผู้ซึ่งมีสีหน้ามุ่งมั่น เขาก็เข้าใจได้ในทันทีว่าเป็นไปไม่ได้เลยที่จะอธิบายเรื่องนี้…

หลิวอี้เจาเป็นคนที่ฉลาดมาก และด้วยความฉลาดของเขา เขาจึงสามารถเชื่อมโยงรายละเอียดและความบังเอิญทั้งหมดเข้าด้วยกันได้ หากเป็นหลี่เฮยทั่น เขาคงจะไม่คิดถึงเรื่องนั้นเลย

ยิ่งไปกว่านั้น เนื่องจากความฉลาดและความมั่นใจของเขา เขาจึงเชื่อในวิจารณญาณและการอนุมานของตนเอง รวมทั้งไม่เชื่อในสิ่งที่คนอื่นพูด

ประเด็นหลักก็คือ ประการแรก จางเว่ยอวี่และคนที่เหลือเคยหลอกหลิวอี้เจามาแล้วครั้งหนึ่ง ประการที่สอง จางเว่ยอวี่และคนที่เหลือพบว่ามันยากที่จะอธิบายความบังเอิญนั้น

นั่นไม่ใช่เรื่องบังเอิญเหรอ จางเว่ยอวี่กำลังคิดว่าเขาบังเอิญพบกับหลี่ว์ซู่ที่ภูเขาราชาหลี่ว์ได้อย่างไร

หลิวอี้เจาพูดกับหลี่ว์ซู่อย่างใจเย็น “ได้โปรดตอบรับคำขอของผมที่จะเป็นทาสของคุณ มีเพียงสิ่งนี้ที่จะทำให้ทุกคนเชื่อว่าผมภักดีต่อคุณมาตลอด”

หลี่ว์ซู่พูดด้วยท่าทางรำคาญ “เอาล่ะ ฟังคำอธิบายของฉันให้ดีนะ จะต้องมีความเข้าใจผิดบางอย่างระหว่างพวกเราทั้งคู่ ยิ่งไปกว่านั้น ฉันจะไม่ยอมรับนายมาเป็นทาสอย่างแน่นอน ฉันไม่คิดว่านั่นจะเป็นความคิดที่ดีหรอกนะ”

หลิวอี้เจาตาเป็นประกาย ย้อนกลับไปในสมัยนั้น ราชาแห่งทวยเทพ ก็ไม่ยอมรับทาสเช่นกัน และไม่มีทหารมังกรจักรพรรดิคนใดที่เคยเป็นทาส นี่ไม่ใช่ประวัติศาสตร์ซ้ำรอยหรือ เขาถามว่า “แล้วคุณจะควบคุมทัพอู่เว่ยได้อย่างไร”

หลี่ว์ซู่ตอบว่า “ตามสัญญาพันธมิตร ไม่มีใครเป็นทาสของฉันทั้งนั้น”

ในอดีต ทหารมังกรจักรพรรดิก็ได้ลงนามในสัญญาพันธมิตรเช่นกัน

“ไม่นะ พวกเรามีปัญหาแล้ว” จางเว่ยอวี่และคนที่เหลือเริ่มสิ้นหวังขึ้นเรื่อยๆ เมื่อพวกเขาได้ยินหลี่ว์ซู่จากที่ไกลๆ เรื่องยิ่งโคตรจะอธิบายยากขึ้นเรื่อยๆ

หลิวอี้เจาเปิดใช้งานคาถาของสัญญาพันธมิตรโดยการคุกเข่าลง “ได้โปรดยอมรับสัญญาพันธมิตรของผมด้วย”

หลี่ว์ซู่คิดถึงว่าหลิวอี้เจาจะผิดหวังแค่ไหน เมื่อนั่นเป็นการเข้าใจผิด หลังจากที่หลี่ว์ซู่รับหลิวอี้เจามาเป็นคนของเขา เชาควรจะทำอย่างไรดี

“ยอมๆ ไปเถอะ” จางเว่ยอวี่พูดอย่างหมดหนทาง “สัญญาณพันธมิตรทำให้เป็นโมฆะได้”

ความคิดของจางเว่ยอวี่คือให้หลี่ว์ซู่ยอมรับไปก่อน หรือไม่เรื่องนี้ก็คงไม่จบไม่สิ้น ตอนนี้ทัพอู่เว่ยสามารถหายอดฝีมือระดับหนึ่งอย่างหลิวอี้เจามาเข้าร่วมได้แล้ว พวกเขาคงสามารถพัฒนาความแข็งแกร่งได้อย่างมากเมื่อพวกเขาเข้าร่วมกองกำลังกับทัพชิงไซ

แม้ว่าเรื่องนี้จะฟังดูท้อแท้ แต่จางเว่ยอวี่คิดว่าความจริงจะถูกเปิดเผยออกมาในที่สุด เพราะหลี่ว์ซู่ไม่ใช่คนเลวร้าย ดังนั้นทุกอย่างจะไม่เป็นไรเมื่อหลี่ว์ซู่ทำให้สัญญาพันธมิตรเป็นโมฆะ

จากนั้น ทัพชิงไซและทัพอู่เว่ย ก็จะประนีประนอมกันในทันที หลิวอี้เจาบินกลับไปที่เทือกเขาทุนอวิ๋นที่ๆ ทัพชิงไซอยู่ และนำทหารกว่าพันคนกลับมาที่ภูเขาราชาหลี่ว์เพื่อให้แต่ละคนได้ลงนามในสัญญาพันธมิตรกับหลี่ว์ซู่

หลี่ว์ซู่ตกตะลึง “นี่พวกเราสบายๆ กับเรื่องนี้เหรอ”

เขารู้สึกว่าหลิวอี้เจากำลังเร่งส่งทัพชิงไซมาให้เขา ในความเป็นจริง นั่นคือสิ่งที่หลิวอี้เจาต้องการจะทำจริงๆ เขาอดทนรอที่เมืองหนานเกิงด้วยความอุตสาหะสำหรับวันที่จะได้ใช้ประโยชน์จากกองทัพเมื่อเขาประสบความสำเร็จและมีเกียรติ แต่โชคไม่ดีที่ทัพชิงไซมีคนเหลืออยู่เพียงหนึ่งพันกว่าคน

ทหารของทัพชิงไซเองก็ตกตะลึงเช่นกัน หลิวอี้เจาไม่เคยพูดถึงความรับผิดชอบของเขามาก่อน แต่ตอนนี้ หลิวอี้เจากำลังบอกพวกเขาว่า หลี่ว์ซู่จะกลายมาเป็นราชาของทุกคนนับแต่นี้ไป และใครก็ห้ามไม่เชื่อฟังหลี่ว์ซู่…

หลิวอี้เจากำลังอธิบายให้ทหารของทัพชิงไซฟังอย่างจริงจัง และเหล่าทหารจึงได้รู้ว่าผู้บัญชาการของพวกเขาไม่ได้กำลังล้อเล่น หลิวอี้เจาดูจะนับถือหลี่ว์ซู่มาก…

ในขณะนี้ หลิวอี้เจายังคงบอกกับเหล่าทหารว่า “ในท้ายที่สุด พวกนายจะขอบคุณฉันที่ตัดสินใจแบบนี้ และจะเข้าใจว่าพวกนายจะได้รับเกียรติมากมายแค่ไหนในอนาคต…”

ประโยคนี้ทำให้เหล่าทหารของทัพชิงไซสับสน ทำไมวันนี้ผู้บัญชาการของพวกเขาถึงพูดมากจัง

จางเว่ยอวี่ถอนหายใจขณะมองมา “หมอนี่ก็ยังพูดมากเหมือนเมื่อก่อน”

หลิวอี้เจามองไปที่จางเว่ยอวี่ในทันที “คุณจาง อย่าขี้เหนียวไปหน่อยเลยน่า ทัพชิงไซเองก็ต้องการกลยุทธ์เช่นกัน ทหารหลายคนหยุดชะงักมาเจ็ดหรือแปดปีแล้ว คุณจะช่วยพวกเขาหน่อยได้ไหม”

“สอน สอน สอน…” จางเว่ยอวี่โบกมือไปมาอย่างช่วยไม่ได้ จริงๆ แล้ว เขารู้ว่าถ้าหลิวอี้เจาเป็นคนของเขา ทัพชิงไซก็จะเป็นทัพสายตรงของพวกเขา…ตอนนี้ทุกคนกลายเป็น ‘สายตรง’ ของหลี่ว์ซู่ เขาทำได้เพียงภาวนาให้หลี่ว์ซู่ช้วยทุกคนได้ในอนาคต

จากนั้น จางเว่ยอวี่ได้เสนอให้รวมทัพชิงไซและทัพอู่เว่ยเข้าด้วยกัน จากนี้ต่อไป ทัพชิงไซจะหายไป เหลือเพียงทัพอู่เว่ยเท่านั้นที่ยังคงอยู่

หลี่ว์ซู่รู้สึกว่าการรวมสองกองทัพเข้าด้วยกันคงเป็นกระบวนการที่ยาวนาน เนื่องจากทัพชิงไซมีจิตวิญญาณของตนเอง และคนแปลกหน้ามักจะขาดความไว้วางใจเสมอ

เหมือนกับนักเรียนเข้าเรียนในชั้นใหม่ หรือพนักงานใหม่ที่เข้าทำงานในที่ทำงานใหม่ คงเป็นเรื่องที่น่าอึดอัดอย่างแน่นอนที่จะเริ่มทำ

ดังนั้น หลี่ว์ซู่จึงเรียกจางเว่ยอวี่ หลี่เฮยทั่น หลิวเชียนจือ และหลิวอี้เจา มาหารือเกี่ยวกับกลยุทธ์ และตอนนี้เองที่เขารู้สึกเหมือนได้เป็นผู้บัญชาการ

อย่างไรก็ตาม จางเว่ยอวี่ไม่ได้พูดถึงการรวมทัพชิงไซ แต่เขาวิเคราะห์กับหลี่ว์ซู่ “ในเมื่อทัพเฮยอวี่คอยสอดแนมทัพชิงไซมาโดยตลอด พวกเขาก็น่าจะรู้อย่างแน่นอนว่าทัพชิงไซเขามาในภูเขานี้ ลำดับความสำคัญของทัพเฮยอวี่คือการโจมตีในช่องเขาหลีหยางและช่องเขาเว่ยเป่ย ดังนั้นจึงอาจจะยังไม่ได้พุ่งเป้ามาที่พวกเรา อย่างไรก็ตาม หลังการโจมตีของพวกเขา พวกเขาจะต้องพุ่งเป้าไปที่ทัพชิงไซและมุ่งหน้าไปยังจุดที่พวกเขาซ่อนตัวอยู่ ดังนั้น ช่วงเวลา ‘หกเดือน’ ที่เคยพูดถึงก่อนหน้านี้ อาจจะต้องเดินหน้าต่อไป”

หลี่ว์ซู่ตกตะลึงไปชั่วขณะหนึ่ง ก่อนจะหันไปหาหลิวอี้เจาและถามว่า “นายคิดว่าทัพเฮยอวี่จะสามารถโจมตีช่องเขาหลีหยางและเว่ยเป่ยได้สำเร็จไหม”

“ได้” หลิวอี้เจายืนยัน “ทัพเฮยอวี่เตรียมตัวมาพร้อม แต่คนของช่องเขาหลีหยางกับช่องเขาเป่ยเว่ยไม่ได้เป็นอันหนึ่งอันเดียวกัน ถึงจะมีอันตรายจากกับดัก แต่ยอดฝีมือระดับหนึ่งยังคงอยู่ในเมืองหลวงเหนือ และไม่ได้เข้าร่วมในการสู้รบครั้งนี้ แต่ในทางตรงกันข้าม ทัพเฮยอวี่ มียอดฝีมือระดับหนึ่งอยู่ในกองทัพ และพวกเขาถึงขั้นกลายเป็นผู้บัญชาการทัพด้วยซ้ำ ผมคิดว่าคุณสามารถส่งจดหมายไปถึงผู้บัญชาการช่องเขาเว่ยเป่ยเพื่อบอกเขาว่าคุณจะทำให้ทัพเฮยอวี่เสียสมาธิเอง แต่อย่างไรก็ตาม ผู้บัญชาการของทัพอู่เว่ยตายไปแล้ว และคุณจำเป็นต้องมีผู้บัญชาการคนใหม่ที่ได้รับการแต่งตั้งอย่างเป็นทางการ ในขณะนี้ ช่องเขาเว่ยเป่ยจะทำทุกอย่างให้ใครบางคนเพื่อดึงความสนใจของทัพเฮยอวี่ และจะช่วยคุณแก้ปัญหานี้อย่างแน่นอน”

“คุณแค่ต้องใส่ชื่อทหารของทัพชิงไซลงไปในสมุดรายชื่อ และส่งมันไป” หลิวอี้เจาเสริม” นี่เป็นโอกาสทอง ถ้าคุณอยากจะรักษาตำแหน่งผู้บัญชาการของทัพอู่เว่ยไว้หลังจากที่สงครามจบลง คุณก็ต้องจ่ายด้วยราคาที่มากกว่านี้”

หลี่ว์ซู่พยักหน้า หลิวอี้เจาเป็นคนฉลาด และสามารถคิดแก้ปัญหาให้หลี่ว์ซู่เพื่อแก้ไขปัญหาตัวตนที่น่าอึดอัดของเขา ในขณะที่เขาซ่อนตัวอยู่ในเทือกเขา ตำแหน่งผู้บัญชาการของทัพอู่เว่ยมักจะประกาศตัวเองอยู่เสมอ และไม่ได้รับการยอมรับจากเจ้าหน้าที่

ยิ่งไปกว่านั้น พวกเขาเพียงแค่สร้างข้ออ้างในการทำให้ทัพเฮยอวี่เสียสมาธิ เมื่ออยู่ในภูเขาราชาหลี่ว์ ใครจะทำร้ายเขาได้

“ทัพเฮยอวี่ต้องใช้เวลานานแค่ไหนในการโจมตีช่องเขาเว่ยเป่ย” หลี่ว์ซู่ถาม

“สามเดือน!” หลิวอี้เจาพูดอย่างมั่นใจ

ในตอนนี้ จางเว่ยอวี่พูดว่า “ราชา ในเมื่อเวลากระชั้นชิดขนาดนี้ พวกเราควรหยุดบทเรียนวัฒนธรรมและให้ความสำคัญกับการฝึกการต่อสู้ดีไหม”

หลี่ว์ซู่พูดอย่างร้อนใจ “ไม่! ไม่มีทาง!”

เมื่อทุกคนเริ่มพูดคุยเกี่ยวกับรวมทัพชิงไซเข้ากับทัพอู่เว่ย หลี่ว์ซู่พูดกับเสี่ยวอวี๋เบาๆ ว่า “จางเว่ยอวี่บ้าหรือเปล่า ตั้งแต่เมื่อไหร่กันที่ครูพละเข้ามาควบคุมบทเรียนวัฒนธรรม…!”

หลี่ว์เสี่ยวอวี๋พูดไม่ออก

Related

ท่านเทพ ละเว้นข้าเถอะ

ท่านเทพ ละเว้นข้าเถอะ

Status: Ongoing
หลี่ว์ซู่ เป็นเด็กกำพร้าที่หาเลี้ยงตัวเองมาโดยตลอด และก็คงจะหาเลี้ยงตัวเองเช่นนี้ต่อไปเรื่อยๆ ถ้าเขาไม่ได้ประสบอุบัติเหตุรถชนเข้าเสียก่อน… แต่เฮ้ย! เขาไม่เป็นอะไรเลยนี่ ไม่เจ็บ ไม่ปวด และไม่ตาย แถมวิญญาณไม่ได้หลุดออกจากร่างด้วย! จะมีก็แต่สัญลักษณ์รูปต้นไม้ที่จู่ๆ ก็ปรากฏขึ้นมาบนฝ่ามือและพลังพิเศษในตัวที่ตื่นขึ้นมาเท่านั้น! ทว่าเขาไม่ได้เป็นเพียงคนเดียวที่ได้รับพลังพิเศษนี้มา เพราะคนอื่นๆ เองก็เริ่มกลายเป็นผู้มีพลังแล้วเหมือนกัน นี่มันเรื่องบ้าอะไร เกิดอะไรขึ้นกับโลกใบนี้กันแน่ นี่เรากำลังจะก้าวเข้าสู่ยุคของผู้มีพลังพิเศษกันแล้วงั้นเหรอ หลี่ว์ซู่ได้แต่คิดแล้วก็สงสัย ว่าแต่พลังที่ได้มานี่มันฝึกยังไงกันล่ะ เอ๊ะ ต้องสะสมแต้มอารมณ์ด้านลบงั้นเหรอ แค่กวนโมโหคนอื่นก็เพิ่มพลังได้แล้วงั้นเหรอ แบบนี้ก็เข้าทางหลี่ว์ซู่สุดๆ ไปเลยน่ะสิ!

Comment

Options

not work with dark mode
Reset