ท่านเทพ ละเว้นข้าเถอะ – ตอนที่ 917 การเพิ่มขึ้นของทัพอู่เว่ย

เมื่อทัพอู่เว่ยวิ่งหนีไปหลังจากที่พวกเขาร้องเพลงจบททัพชิงไซจึงถอนหายใจด้วยความโล่งอก นี่ไม่ใช่เพราะพวกถูกทำให้เขากลัว แต่เป็นเพราะสิ่งที่พวกเขาเพิ่งจะได้เห็นนั้นออกจากลึกลับซับซ้อนเกินไป  

 

 

ใครจะไปคิดว่าอยู่ดีๆ พวกเขาจะร้องเพลงในสถานการณ์ที่จริงจังที่ทุกคนเตรียมตัวมาเพื่อการต่อสู้เช่นนี้  

 

 

ไม่มีใครสู้แบบนี้หรอกนะ!  

 

 

แต่ก่อนที่ทัพชิงไซจะได้ถอนหายใจด้วยความโล่งอก คนอีกกลุ่มหนึ่งก็ปรากฏตัวขึ้นที่ภูเขาอีกลูก “หนุ่มน้อยและสาวน้อยตกหลุมรักซึ่งกันและกัน หญิงสาวอยากจะทำให้ชายหนุ่มกลายมาเป็นยอดดวงใจของเธอ…”  

 

 

ทัพชิงไซยืนอยู่ที่เนินเขา พวกเขารู้สึกเจ็บปวดที่ต้องมาเห็นอะไรแบบนี้! ต้องมีสิ่งผิดปกติเกิดขึ้นกับทัพอู่เว่ยอย่างแน่นอน!  

 

 

มันเป็นเรื่องยากที่จะจินตนาการว่าทัพอู่เว่ยทำอะไรกันเป็นปกติที่ๆ ตั้งค่ายของพวกเขา!  

 

 

ครั้งนี้หลิวอี้เจาลงมือ เขาพาคนจำนวนหนึ่งไปด้วยเพื่อฟังและไปดูว่าสถานการณ์จริงๆ แล้วเป็นเช่นไร แต่ก่อนที่เขาจะไปถึงภูเขา เสียงนั้นก็เงียบสงบลงอีกครั้ง  

 

 

เขารู้สึกถึงภัยคุกคามขนาดใหญ่ที่ใต้ดิน ภัยคุกคามกำลังเคลื่อนที่ไปรอบๆ และหยุดชะงักเป็นบางครั้ง พวกเขาไม่ได้เริ่มการสังหารหมู่ พวกเขาแค่พุ่งเป้าไปที่หลิวอี้เจา ราวกับว่า…พวกเขากำลังเตือนไม่ให้หลิวอี้เจาเคลื่อนไหวอย่างผลีผลาม  

 

 

หลิวอี้เจารู้ได้อย่างชัดเจนว่ายอดฝีมือที่อยู่ใต้ดินนั้น อย่างน้อยก็อยู่ที่ระดับหนึ่ง และดูเหมือนว่ายอดฝีมือคนนั้นก็ยังได้นำยอดฝีมืออีกจำนวนหนึ่งมาด้วย พวกเขาเตรียมพร้อมมาเพื่อส่งมอบการโจมตีที่รวดเร็วและรุนแรงแก่หลิวอี้เจาหรือทัพชิงไซ  

 

 

ตั้งแต่เมื่อไหร่กันที่ทัพอู่เว่ยมียอดฝีมือระดับนี้ หลิวอี้เจาขมวดคิ้ว  

 

 

ต่อให้เป็นทัพเฮยอวี่ ผู้บัญชาการของพวกเขาก็อยู่แค่ระดับสอง นี่คือก่อนที่พวกเขาจะเข้าสู่เขตเหนือ แต่ตอนนี้ ทัพอู่เว่ยกลับมียอดฝีมือระดับหนึ่ง  

 

 

ตอนนี้หลิวอี้เจารู้สึกว่าทัพอู่เว่ยช่างเต็มไปด้วยปริศนา โดยเฉพาะหลังจากที่พวกเขาเริ่มร้องเพลง…  

 

 

หลิวอี้เจาที่ต่อแรกต้องการที่จะโจมตี ไม่สามารถเคลื่อนไหวได้อีกต่อไป เขาติดกับเข้าแล้ว เขาต้องเตรียมตัวเองให้พร้อมสำหรับการจู่โจมและการสังหารหมู่ทัพชิงไซอย่างทันทีทันใดของศัตรู  

 

 

ถ้าเขายังคงมีไพ่ตายอยู่ในมือ หลิวอี้เจาก็จะสามารถส่งคนออกไปสู้ได้ แต่ตอนนี้ไม่เพียงแต่เขาต้องดูแลผู้ใต้บังคับบัญชา แต่เขายังต้องปกป้องตัวเองจากทัพอู่เว่ยสุดลี้ลับ…หลิวอี้เจาถอนหายใจ เขารู้แล้วว่าเขาประเมินทัพอู่เว่ยต่ำเกินไป  

 

 

ราวกับว่าทัพอู่เว่ยอยู่ดีๆ ก็ไม่ใช่ทัพอู่เว่ยในอดีตอีกต่อไป แต่เวลาเพิ่งจะผ่านไปได้ไม่นาน พวกเขาพัฒนาไปไกลขนาดนี้ได้อย่างไรกัน  

 

 

แต่หลิวอี้เจามีความภาคภูมิใจของตัวเอง ในฐานะทหารมังกรจักรพรรดิ ยอดฝีมือระดับหนึ่งทั่วๆ ไปไม่นับเป็นคู่ต่อสู้ของเขา สำหรับเขาแล้ว ศัตรูที่อยู่ใต้ดินไม่กล้าที่จะโจมตี ถ้าพวกเขาทำ พวกเขาอาจจะไม่สามารถเอาชีวิตรอดกลับไปได้  

 

 

เมื่อทัพชิงไซกลับไป พวกเขาพูดด้วยน้ำเสียงจริงจังว่า “ผู้บัญชาการ จากทหารทั้งหมดที่เคยปรากฏตัว ไม่มีพวกระดับห้าเลย ขนาดพวกระดับสามก็ยังแข็งแกร่งมาก พวกเราต้องระมัดระวัง ผมไม่คิดว่านี่จะเป็นทัพอู่เว่ย เพราะทัพอู่เว่ยไม่ได้มีพลังที่น่ากลัวเหมือนที่คนเหล่านั้นมี”  

 

 

หลิวอี้เจาพยักหน้า “ถ่ายทอดคำสั่ง ทุกคนต้องเตรียมพร้อม!”  

 

 

ขณะที่ทัพชิงไซเดินทางต่อไปในเทือกเขา เสียงเพลงพื้นบ้านก็ดังมาให้ได้ยินเป็นระยะๆ ราวกับว่าทัพอู่เว่ยช่างเต็มไปด้วยชีวิตชีวาในขณะที่กำลังร้องเพลง และพวกนั้นก็ยังคุ้นเคยกับถ้ำนี้อีกด้วย หากทัพชิงไซไล่ตามพวกเขาไป คนพวกนั้นก็อาจจะหายไปอยู่ดี ดังนั้นพวกเขาจึงสามารถร้องเพลงได้โดยไร้กังวล!  

 

 

ทัพชิงไซได้ยินเสียงร้องเพลงพื้นบ้านดังมาจากเทือกเขา จู่ๆ ก็รู้สึกว่ามันช่างไร้สาระ ดูไม่เหมือนจริงแม้แต่น้อย…  

 

 

แต่ครู่ต่อมา ทันใดนั้นทหารจากกองทัพอู่เว่ยก็ปรากฏตัวออกมาจากป่า และเริ่มการสังหาร พวกเขาไปได้สู้เพียงลำพัง แต่พวกเขาร่วมมือกัน ราวกับว่าทุกคนที่เคยซ่อนตัวอยู่ในถ้ำปรากฏตัวออกมาในเวลาเดียวกัน ทัพชิงไซถูกล้อมในทันที และพวกเขาก็ไม่สามารถตอบสนองได้ทัน  

 

 

แต่ทหารจางทัพอู่เว่ยไม่ได้ตั้งใจที่จะสู้นานนัก หลังจากพวกเขาเอาชนะทหารจำนวนหนึ่งที่อยู่ชายขอบของทัพชิงไซได้แล้ว พวกเขาก็วิ่งหนีไป ทหารจากทัพชิงไซบางคนวิ่งตามพวกเขาไป แต่ทหารจากทัพอู่เว่ยสู้อยู่สักพักก่อนจะหายไปในรู หนึ่งในพวกนั้นถึงขั้นขโมยหอกของพวกทหารชิงไซไปด้วย…  

 

 

ทัพชิงไซรู้ว่าทัพอู่เว่ยจะต้องทำอะไรบางอย่างแน่ แต่สุดท้ายแล้วพวกเขาก็ต้องตกใจ เพราะท้ายที่สุดแล้ว คนพวกนั้นก็ใช้ความคุ้นเคยกับพื้นที่ให้เป็นประโยชน์!  

 

 

นอกจากนี้ พวกเขายังรู้สึกแปลกใจที่ทัพอู่เว่ยแข็งแกร่งมาก!  

 

 

ทัพชิงไซไม่ได้อ่อนแอกว่าทัพเฮยอวี่ กองทหารม้าของพวกเขาสามารถเอาชนะได้แม้กระทั่งพวกทัพเฮยอวี่ ถึงแม้ทัพอู่เว่ยจะหลบหนีไปหลังจากซุ่มโจมตีทัพชิงไซ แต่พวกเขาก็ยังขโมยหอกไปด้วย! ไร้สาระเสียจริง! พวกนั้นกำลังทำอะไร ขโมยหอกของคนอื่นอย่างนั้นเหรอ!  

 

 

ทหารของทัพชิงไซยอมรับผลนี้ไม่ได้ พวกเขากำลังเผชิญหน้ากับทัพอู่เว่ย!  

 

 

หากเรื่องนี้เกิดขึ้นบนโลกมนุษย์ ก็จะเป็นเหมือนกับการที่หลี่ว์ซู่ไปตลาดและซื้อของบางอย่างที่ราคายี่สิบหยวนจากโรงงานผลิตหนังเจียงหนานเพื่อเอามาขายต่อในราคาสองหมื่นหยวน…  

 

 

ผู้ใต้บังคับบัญชารายงานต่อหลิวอี้เจาว่า “เป็นทัพอู่เว่ยไม่ผิดแน่ ผมเห็นผู้ช่วยผู้บัญชาการหลิวเชียนจือผมเคยสู้กับเขามาก่อน แต่ด้วยเหตุผลบางอย่าง ตอนนี้เขาพัฒนาไปถึงระดับสองแล้ว ถึงแม้เขาจะเคยหยุดชะงักอยู่ที่ระดับสามมาเจ็ดปีเพราะขาดวิธีการก็ตาม นอกจากนี้ ในทหารที่มาลอบซุ่มโจมตีพวกเรา มีอย่างน้อยห้าคนที่อยู่ระดับสอง และยังมีระดับสามอีกนับไม่ถ้วน”  

 

 

ในตอนแรก พวกเขาทุกคนคิดว่าพวกระดับสี่ที่ร้องเพลงอยู่บนภูเขานั้นคือกลุ่มคนที่แข็งแกร่งที่สุดแล้ว แต่ตอนนี้ พวกเขาได้รู้แล้วว่าพวกเขาประเมินทัพอู่เว่ยต่ำเกินไป!  

 

 

นี่คือทัพอู่เว่ย! ผู้ใต้บังคับบัญชารู้สึกไร้ซึ่งพลัง ราวกับโลกได้พลิกกลับตาลปัตรไปเสียหมด!  

 

 

แต่หลิวอี้เจากลับหัวเราะ “พวกเราหนีจากทัพเฮยอวี่ แต่ตอนนี้พวกเรากลับติดอยู่ในเงื้อมมือของพวกทัพอู่เว่ยอย่างนั้นเหรอ”  

 

 

“ผู้บัญชาการ…” ผู้ใต้บังคับบัญชามองไปที่หลิวอี้เจาอย่างสิ้นหวัง เขากังวลว่าหลิวอี้เจาอาจจะไม่สามารถทนรับเรื่องนี้ได้  

 

 

ผู้ใต้บังคับบัญชารู้สึกว่าคงไม่มีใครที่จะยอมรับได้ว่ากองทัพที่แข็งแกร่งจะต้องพ่ายแพ้ให้กับคนกลุ่มหนึ่งที่ไร้ประโยชน์  

 

 

แต่หลิวอี้เจาไม่ได้ดูเศร้าสลดแต่อย่างใด “จะต้องมีผู้นำที่แข็งแกร่งอยู่เบื้องหลังทัพอู่เว่ยอย่างแน่นอน พวกเราคงไม่ขาดทุนสักเท่าไรถ้าหากว่าพวกเราแพ้ ผ่อนคลายหน่อย ฉันไม่คิดว่าจะเกิดอะไรขึ้นกับคนที่ถูกจับตัวไปหรอกนะ”  

 

 

ตอนนี้คงจะเร็วเกินไปที่จะยอมรับความพ่ายแพ้ แต่หลิวอี้เจาเป็นคนฉลาด เมื่อเขารู้ว่ามียอดฝีมือระดับหนึ่งอยู่ใต้ดิน และที่จู่ๆ ทัพอู่เว่ยก็แข็งแกร่งขึ้นอย่างมาก เขาก็คาดเดาผลลัพธ์ของสงครามนี้ได้แล้ว  

 

 

แต่หลิวอี้เจาไม่กังวล เขารู้ว่าศัตรูไม่ได้มีความคิดที่จะสังหารพวกเขา ทุกสิ่งที่เกิดขึ้นดูเหมือน…การฝึกฝน?  

 

 

ดังนั้นหลิวอี้เจาจึงค่อยๆ สงบลงและยังคงเงียบต่อไป  

 

 

ถ้าทัพอู่เว่ยและทัพชิงไซสู้กัน ก็เป็นเรื่องยากที่จะบอกว่าฝ่ายใดจะเป็นผู้ชนะ ทัพชิงไซสามารถเอาชนะทัพอู่เว่ยที่แข็งแกร่งแต่ขาดความกล้าได้ ตราบเท่าที่ทหารทั้งหมดของพวกเขายังไม่ตาย ทัพชิงไซก็จะไม่เป็นไร  

 

 

แต่การรบแบบกองโจรนี้สอดคล้องกับความคิดของทัพอู่เว่ย ถ้าพวกเขาเอาชนะศัตรูไม่ได้ เพื่อเขาก็แค่หนีไป…  

 

 

ในขณะที่พวกเขาต่อสู้อย่างช้าๆ ทหารของทัพอู่เว่ยก็ได้รู้ว่าจริงๆ แล้วทหารชั้นแนวหน้าขอทัพชิงไซนั้นไม่ได้แข็งแกร่งเท่าพวกเขา!  

 

 

ดังนั้น ขณะที่พวกเขาสู้ กลุ่มคนขี้ขลาดกลุ่มนี้จึงมีความมั่นใจมากขึ้น พวกเขาโหดร้ายขึ้นเรื่อยๆ เมื่อพวกเขาสู้  

 

 

ทัพอู่เว่ยเข้าใจแล้วว่าพวกเขาแค่จำเป็นต้องมียอดฝีมือระดับสองในการซุ่มโจมตี ทัพชิงไซมีจำนวนยอดฝีมือระดับสองน้อยกว่าพวกเขา ดังนั้น พวกเขาคงไม่สามารถตั้งรับได้อย่างมีประสิทธิภาพ  

 

 

นอกจากนี้ ทัพชิงไซยังไม่กล้าไล่ตามพวกเขาเข้ามาในถ้ำ…ถึงแม้บางคนจะพยายามตามเข้ามา แต่พวกเขาก็หาทัพอู่เว่ยไม่พบอยู่ดี พวกเขาเกือบจะหลงทางตอนขากลับออกไปอีกต่างหาก  

 

 

ทัพอู่เว่ยต่อสู้อย่างคนพาล! นอกจากนี้ ขณะที่พวกเขาซุ่มโจมตีแบบกองโจร ยังถึงขั้นมีคนร้องเพลงพื้นบ้านอยู่บนภูเขาอีก! พวกเขาเป็นบ้ากันไปหมดแล้วเหรอ!  

Related

ท่านเทพ ละเว้นข้าเถอะ

ท่านเทพ ละเว้นข้าเถอะ

Status: Ongoing
หลี่ว์ซู่ เป็นเด็กกำพร้าที่หาเลี้ยงตัวเองมาโดยตลอด และก็คงจะหาเลี้ยงตัวเองเช่นนี้ต่อไปเรื่อยๆ ถ้าเขาไม่ได้ประสบอุบัติเหตุรถชนเข้าเสียก่อน… แต่เฮ้ย! เขาไม่เป็นอะไรเลยนี่ ไม่เจ็บ ไม่ปวด และไม่ตาย แถมวิญญาณไม่ได้หลุดออกจากร่างด้วย! จะมีก็แต่สัญลักษณ์รูปต้นไม้ที่จู่ๆ ก็ปรากฏขึ้นมาบนฝ่ามือและพลังพิเศษในตัวที่ตื่นขึ้นมาเท่านั้น! ทว่าเขาไม่ได้เป็นเพียงคนเดียวที่ได้รับพลังพิเศษนี้มา เพราะคนอื่นๆ เองก็เริ่มกลายเป็นผู้มีพลังแล้วเหมือนกัน นี่มันเรื่องบ้าอะไร เกิดอะไรขึ้นกับโลกใบนี้กันแน่ นี่เรากำลังจะก้าวเข้าสู่ยุคของผู้มีพลังพิเศษกันแล้วงั้นเหรอ หลี่ว์ซู่ได้แต่คิดแล้วก็สงสัย ว่าแต่พลังที่ได้มานี่มันฝึกยังไงกันล่ะ เอ๊ะ ต้องสะสมแต้มอารมณ์ด้านลบงั้นเหรอ แค่กวนโมโหคนอื่นก็เพิ่มพลังได้แล้วงั้นเหรอ แบบนี้ก็เข้าทางหลี่ว์ซู่สุดๆ ไปเลยน่ะสิ!

Comment

Options

not work with dark mode
Reset