ทัพชิงไซ่หลบหนีออกจากสนามรบได้อย่างยากลำบาก หลังจากพวกเค้าออกจากเมืองหนานเกิง หม้อถูกไล่ล่าประชิดด้วยทหารชั้นยอดของทัพเฮยอวี่หนึ่งกอง ในตอนนั้นหลิวอี้เจาจึงตระหนักว่าทัพเฮยอวี่หมายจะบุกยึดทั้งสิบเมืองของหนานโจว ดังนั้นจึงทุ่มแรงในการจัดการให้เรียบร้อยก่อนเดินทัพต่อ
ถ้านิยามปกติ ทัพเฮยอวี่จะไม่ไล่ฆ่าทหารแสบครับเพราะทัพชิงไซ่บอกชัดแล้วว่าจะไม่รบต่อ
แต่แม่ทัพใหญ่ของทัพเฮยอวี่ไม่วางใจ พวกเขามีแผนการใหญ่โตมากไม่ยอมให้เกิดปัญหาตามหลังมาเด็ดขาดจึงต้องจัดการให้หมดสิ้น
ดังนั้นทัพชิงไซ่จึงระหกระเหินไปตามหุบเขา และเสียเวลาไปครึ่งเดือนเต็มถึงจะสลัดทัพเฮยอวี่พ้นจากนั้นก็เร่งเดินทางขึ้นเหนือจนมาถึงภูเขาราชาหลี่ว์หวัง
หลิวอี้เจาไม่ได้มีเป้าหมายที่นี่ ต้องการขึ้นเหนือต่อให้ลำบากก็ต้องพาทหารที่เหลือไปยังพื้นที่ปลอดภัย
ตอนนี้เขาเป็นห่วงทหารที่ติดตามมาหลายปีพวกนี้ได้ ถ้ามีแค่ตัวเขาคนเดียว บนโลกอันกว้างใหญ่นี้ต้องมีที่ให้ผู้มีพลังระดับหนึ่งไปได้
ในตอนนี้เอง หลิวอี้เจาขมวดคิ้วขึ้นเพราะเขารู้สึกว่ามีคนแอบมองอยู่แต่ยังไม่ทันได้ลงมือ อีกฝ่ายก็หายเข้าไปในถ้ำแล้ว
“ใต้เท้า” องครักษ์ก็เห็นความเคลื่อนไหวทางนั้น “ให้ตามไปดีไหม”
“ไม่ต้อง” หลิวอี้เจาส่ายหน้า “ที่นี่ไม่มีร่องรอยผู้คน อาจจะเป็นชาวบ้านหรือคนเร่ร่อนที่หลบหนีสงครามมา ไม่ใช่ทัพเฮยอวี่ พวกเราไม่ต้องกังวลมากไป”
“ถ้าหาก…” ทหารองครักษ์พูดเสียงค่อย “หากอีกฝ่ายจู่โจมเราล่ะ”
หลิวอี้เจาหัวเราะ “ในเมื่อไม่ใช่ทัพเฮยอวี่จะมีอะไรน่ากลัว หรือว่าในที่แบบนี้จะมีกองทัพซ่อนอยู่หรือ กองทัพที่ไหนจะมาอยู่ที่นี่”
ผ่านไปครึ่งชั่วยาม หลิวอี้เจาก็เห็นทัพอู่เว่ยในหุบเขา รอยยิ้มบนใบหน้าจึงค่อยๆ หายไป…
[ได้แต้มจากหลิวอี้เจา +666!]
หลี่เฮียมั่นยืนอยู่หน้ากองทัพถือกระดาษอยู่แผ่นหนึ่งและตะโกนอ่าน “พวกเจ้าถูกล้อมไว้แล้วแต่ด้วยหลัก… ความร่วมมือที่พึ่งพากัน เสมอภาค จริงใจ ยินยอม หวังว่าพวกเจ้าจงอย่าเดินทางไปต่อไม่เช่นนั้นพวกเราจะโจมตี! “
หลิวอี้เจามองหาในกลุ่มนั้นด้วยสีหน้าเคร่งขรึม หรี่ดวงตาลง องครักษ์ข้างกายเขาพูดอย่างลังเลว่า “ดันมีทหารอยู่ที่นี่จริงๆ ด้วย มาจากไหนกัน…”
“ทัพอู่เซ่น” หลิวอี้เจาพูดด้วยสีหน้านิ่งเฉย “ตอนนี้ไม่ได้สวามิภักดิ์ทัพเฮยอวี่แต่มาอยู่ที่นี่ นอกจากทัพอู่เว่ยที่เสียเมืองไปเหมือนกับพวกเราแล้วจะเป็นใครได้อีก”
“พวกเราจะทำอย่างไรดี” ทหารองครักษ์พูด “ถ้าเป็นทัพอู่เว่ยละก็ พวกเราก็ไม่ต้องไปสนใจ พวกนั้นเละเทะเข้ากระดูกไปแล้ว”
หลิวอี้เขาเข้าใจความหมายของเขา นั่นคือสังหารทัพอู่เว่ยให้หมดสิ้นไปเพื่อเปิดทางไปต่อ
หลิวอี้เจาพยักหน้า “ถ่ายทอดคำสั่งไป ให้พวกนั้นได้ลิ้มรสความพ่ายแพ้อัปยศ ทัพอู่เว่ยกล้าขวางทางทัพชิงไซ่ตั้งแต่เมื่อไหร่ แต่ว่าไม่ต้องฆ่าล้างจนหมดเอาแค่ให้แตกพ่ายไปก็พอ”
ดูท่าหลิวอี้เจาไม่มีท่าทีเห็นใจทัพอู่เว่ยเลยและเขาไม่เคยมองทหารขยะพวกนี้ในสายตาอีกด้วยเพราะพวกมันไม่คู่ควร
ถ้าไม่ใช่เพราะทัพอู่เว่ยอวิ๋นอานไปง่ายๆ ทัพชิงไซ่ของเขาอาจจะมีกำลังพลสามพันกว่าคนในตอนนี้ก็ได้
ตอนนั้นเขาฝ่าวงล้อมออกจากเมืองหนานเกิงทัพเฮยอวี่ที่อ้อมทัพมา ทหารอู่เว่ยมีมากถึงสองหมื่นกว่าคนต้านทัพสามพันคนยังไม่ได้ ช่างเป็นขยะในขยะเสียจริง
เมื่อคิดเช่นนี้ หลิวอี้เขาจึงมีสีหน้าเย็นชาแต่ตอนนี้เขาไม่อยากฆ่าคนเพราะถ้ารบติดพัน ทหารของเขาอาจได้รับบาดเจ็บหรือล้มตายได้
ตอนนี้เขาไม่ยอมให้ทัพชิงไซ่เสียทหารไปแม้แต่คนเดียว
เมื่อทัพชิงไซ่เตรียมจัดโจมตีก็เห็นทัพอู่เว่ยเริ่มแตกทัพถอยหลังไป เมื่อทัพชิงไซ่ไล่ตามมาเห็นว่าทหารที่เต็มภูเขาหายไปต่อหน้าต่อตา…
หลิวอี้เจาถอนหญ้าขึ้นมากองหนึ่ง ก็เห็นทางเข้าถ้ำที่ซ่อนอยู่ ทหารองครักษ์พูดด้วยความตกใจ “คนพวกนี้มันเป็นกระต่ายหรือ แค่พริบตาเดียวก็หายไปจนหมด ใต้เท้าพวกเราจะตามเข้าไปในถ้ำไหม”
หลิวอี้เจาตามเข้าไปในถ้ำ เขาหยิบของวิเศษส่องสว่างภายในถ้ำนั้น ตอนแรกเขาคิดว่าทัพอู่เว่ยเส้นทางนี้แต่ดูแล้วไม่น่าใช่ ถ้ำพวกนี้เกิดขึ้นตามธรรมชาติ ทัพอู่เว่ยเพียงแค่ใช้ประโยชน์เท่านั้น
เขาเดินเข้าไปต่อ ตอนนี้ได้ยินเสียงสีเท้าจำนวนมากดังสะท้อนภายในถ้ำ แล้วมาเดินไปต่อไม่กี่ก้าวหลิวอี้เจาพบว่าเส้นทางภายในถ้ำเชื่อมโยงไปทั่ว กว้างขวางใหญ่โต
“ไม่ต้องตาม” หลิวอี้เจาเดินออกมาและส่ายหน้า “ทำข้างล่างกว้างใหญ่มาก พวกเราไม่คุ้นเส้นทางดีไม่ดีอาจหลงทางข้างใต้นั้นได้”
แต่ตอนนี้เอง หลี่เฮยทั่นวิ่งก้นขวิดกลับมาที่ภูเขาราชาหลี่ว์หวัง ไม่เห็นหลี่ว์ซู่ตะโกนขึ้นว่า “ใต้เท้า ทัพชิงไซ่พี่จะโจมตีพวกเรา! เราจะทำอย่างไรดี”
หลี่ว์ซู่อึ้งไปชั่วครู่ “พวกเขามีมาเท่าไหร่”
“ประมาณหนึ่งพันคน! “
“พวกเรามีเท่าไหร่”
“สามพันสองร้อยกว่าคน! “
“ยังจะพูดอะไรอีก ออกไปสู้สิ! ” หลี่ว์ซู่พูดอย่างโมโห ตอนนี้เขารู้สึกว่าทัพอู่เว่ยไม่ด้อยเรื่องพลังแล้ว ทัพในตอนนี้เพียงแค่ด้อยกว่าทัพเฮยอวี่เล็กน้อยเท่านั้น
นี่คือที่จางเว่ยอวี่บอกว่าเขาโชคดี ในตอนแรกๆ เลยที่ผู้บัญชาการทัพอู่เว่ยชอบเกณฑ์คนเร่ร่อนเป็นทหาร เพราะพลังของคนเร่ร่อนสูงกว่าคนทั่วไปนิดหน่อย โดยเฉพาะพวกที่เคยติดตามขุนนางใหญ่ ปรกติจะฝึกบําเพ็ญหนักกว่าทหารธรรมดา เพราะเป็นสมบัติของพวกขุนนางใหญ่ จึงมีสักเพียงก่อนการฝึกที่ต่างจากคนทั่วไป
แน่นอนด้วยความพยายามอย่างหนักของจางเว่ยอวี่วิชาอันใหม่ พลังของทัพอู่เว่ยที่พอใช้ได้ก็ต่างปะทุพลังเลื่อนระดับกัน…
ดังนั้นตอนนี้สิ่งที่ทัพอู่เว่ยขาดไม่ใช่พลังแต่เป็นความกล้า
หลี่เฮียมั่นเกาหัว “งั้นพวกเราจะลองไปสู้ละกัน”
“ไปเถอะๆ ” หลี่ว์ซู่โบกมือ จากนั้นก็กระซิบกับหลี่ว์เสี่ยวอวี๋ “ให้แอนโทนี่ จอห์นสันและหัวหน้าบาทหลวงคอยคุ้มกันด้วย แอบๆ นะ อย่าให้พวกเขารู้”
ว่ากันว่าถ้าเมตตาอย่าคุมทหาร หลี่ว์ซู่ก็กำลังเรียนรู้ที่จะปล่อยให้พวกเขาเติบโต แต่ปัญหาคือทหารที่อุตส่าห์ฝึกออกมาจะให้ไปตายง่ายๆ ได้อย่างไร
หลี่ว์เสี่ยวอวี๋พยักหน้าและมุดลงดินไป ขณะเดียวกันจางเว่ยอวี่และพรรคพวกที่ตั้งกองบัญชาการอยู่บนพื้นที่กว้างแห่งหนึ่งในถ้ำ ได้รับสัญญาณจากหลี่ว์ซู่ พวกเขาจึงเริ่มทำการลอบโจมตีทัพชิงไซ่
ในเมื่อเป็นการรบระหว่างสองทัพ จะปล่อยให้ออกไปสู้อย่างไร้ระเบียบไม่ได้
Related