ท่านเทพ ละเว้นข้าเถอะ – ตอนที่ 938 ร่วมมือกันเป็นเจ้ามือ

หลี่ว์ซู่เลิกคิ้วขึ้นเมื่อได้ยินสิ่งที่จ้าวซ่วยพูดออกมา คาดเดาผลที่ตามมาไม่ได้ หมายความว่าอย่างไร?  

 

 

เขาหันศีรษะไปยิ้มให้หลี่เฮยทั่นและหลิวอี้เจา “เขากำลังขู่ฉันจริงๆ”  

 

 

และทันทีที่หลี่ว์ซู่กล่าวจบ หลิวอี้เจาและหลี่เฮยทั่นก็เข้าล้อมจ้าวซ่วยเอาไว้ ในขณะที่จอห์นสัน หัวหน้าบาทหลวง และแอนโทนี่ยังคงรออยู่ใต้ดินอย่างเงียบๆ โดยที่จ้าวซ่วยไม่กล้าเคลื่อนไหว…  

 

 

“พวกเราพูดคุยกันดีๆ เถอะ!” จ้าวซ่วยกล่าว เดิมทีเขาต้องการหลอกกองทัพอู่เว่ยให้หวาดกลัว เพราะพวกกองทัพธรรมดาๆ หากรู้ว่าพวกเขามาจากราชสำนักย่อมไม่กล้ามีเรื่อง  

 

 

แต่จ้าวซ่วยพบว่ากองทัพอู่เว่ยนั้นแตกต่างไป พวกเขาร้ายกาจจริงๆ!  

 

 

เพียงแต่จ้าวซ่วยไม่เข้าใจว่าทำไมกองทัพอู่เว่ยจึงมียอดฝีมือระดับหนึ่งอยู่มากมาย!  

 

 

หลี่ว์ซู่ยิ้มและพูดว่า “คุณรู้ว่าจะพูดคุยกันดีๆ ในตอนนี้อย่างไรใช่ไหม?”  

 

 

จ้าวซ่วยพยักหน้า “ใช่!”  

 

 

“คุณมาจากเมืองหลวงเหรอ?” หลี่ว์ซู่ถาม  

 

 

“ใช่ ผมเป็นหัวหน้าเจ้าหน้าที่ของบ่อนพนันตระกูลซ่ง” จ้าวซ่วยชี้แจง “เนื่องจากบรรดาบ่อนพนันในเมืองหลวงเปิดเดิมพันเกี่ยวกับพวกคุณเอาไว้ ผมจึงได้รับมอบหมายให้มาตรวจสอบรายละเอียดและติดตามสถานการณ์เพื่อจะได้เปลี่ยนอัตราต่อรองใหม่ได้ทันเวลาเมื่อมีเหตุการณ์เปลี่ยนแปลง”  

 

 

หลี่ว์ซู่ตะลึงงันไปชั่วขณะก่อนจะกล่าวว่า “เดิมพันเกี่ยวกับพวกเราหรือ? ทำไมบ่อนพนันในเมืองหลวงถึงสนใจกองทัพอู่เว่ยของพวกเรา?”  

 

 

“ใช่ ผมเองก็อยากรู้เหมือนกันว่าทำไม…เดี๋ยว อย่าเพิ่งทำร้ายผมนะ!” จ้าวซ่วยร้อง “ตอนนี้กองทัพอู่เว่ยของคุณมีชื่อเสียงโด่งดังแล้ว ผู้คนมากมายในเมืองหลวงต่างก็พากันสนใจพวกคุณ และแน่นอนว่าบ่อนพนันย่อมจะสนใจ เพราะทุกคนสนใจเรื่องเงินใช่ไหมล่ะ?”   

 

 

และทันใดนั้นจ้าวซ่วยก็พูดขึ้นทันทีว่า “เมื่อผมถูกจับ คุณก็คุยเรื่องค่าไถ่ตัวกับบ่อนพนันตระกูลซ่งได้ พวกเขาจะยินดีจ่ายเงินก้อนใหญ่เพื่อไถ่ตัวผม”  

 

 

ดวงตาของหลี่ว์ซู่เป็นประกาย “เท่าไหร่ล่ะ?”  

 

 

“หลายล้าน!” จ้าวซ่วยกล่าว  

 

 

และทันใดนั้นหลี่ว์ซู่ก็เข้าใจประเด็นสำคัญได้ทันที “นอกจากบ่อนพนันตระกูลซ่งแล้ว ต้องมีบ่อนพนันมากกว่าหนึ่งแห่งในเมืองหลวงแน่ บ่อนพนันอื่นๆ ก็ส่งคนมาด้วยใช่ไหม?”  

 

 

ชั่วขณะนั้นจ้าวซ่วยพลันตกตะลึงงัน หลี่ว์ซู่คนนี้ต้องการอะไร? เขาจริงจังใช่ไหม เขาต้องการจะจับคนอื่นๆ เพื่อมาเรียกค่าไถ่อีกใช่หรือไม่?  

 

 

หลี่ว์ซู่ให้จ้าวซ่วยติดต่อบ่อนพนันตระกูลซ่งในเมืองหลวงเพื่อเรียกเงินค่าไถ่ของจ้าวซ่วยก่อน และหลังจากจ้าวซ่วยและบ่อนพนันตระกูลซ่งพูดคุยกันเป็นเวลานาน พวกเขาก็ตกลงจ่ายค่าไถ่ภายในสามวัน  

 

 

ต้องรู้ว่าบ่อนพนันนั้นไม่ได้โดดเดี่ยว บ่อนพนันตระกูลซ่งก็เป็นของขุนนางชั้นสูงตระกูลซ่ง และขุนนางใหญ่ผู้นี้ยังมีกิจการอื่นๆ อีกทั่วทั้งจักรวาลหลี่ว์  

 

 

และนี่คือเบื้องหลังของเหล่าขุนนางในราชสำนักที่มั่งคั่งอย่างแท้จริง  

 

 

ทันทีที่บ่อนพนันตระกูลซ่งได้รับข่าว เจ้านายแห่งตระกูลซ่งในเมืองใกล้เคียงทางตอนเหนือก็ให้คนส่งเงินไปหลายล้านหยวน  

 

 

ในเวลานี้ผู้รับผิดชอบในบ่อนพนันก็ค่อนข้างแตกแยกกัน ธุรกิจดีๆ ยังไม่ทันเริ่มก็กลับต้องมาเสียเงินไปก้อนใหญ่เสียก่อนแล้ว เขาไม่เข้าใจว่าทำไมถึงต้องจับคนในบ่อนพนันของพวกเขา! ขณะที่พวกเขาเฝ้าดูสิ่งที่เกิดขึ้นทางฝั่งของหลี่ว์ซู่  

 

 

หลี่ว์ซู่กล่าวอย่างเบิกบานว่า “จ้าวซ่วย คุณคงไม่ชอบที่จะถูกจับเพียงคนเดียวใช่ไหม? คุณคงไม่พอใจที่บ่อนพนันตระกูลซ่งจะต้องเสียเงินจำนวนมากใช่ไหม?”  

 

 

จ้าวซ่วยมองไปที่หลี่ว์ซู่อย่างเงียบๆ เป็นเวลานานแล้วกล่าวว่า “ผมจะได้ประโยชน์อะไร”  

 

 

“คุณจะได้รับส่วนแบ่ง!” หลี่ว์ซู่เสนอให้อย่างยินดี  

 

 

เวลานี้มียอดฝีมือระดับหนึ่งทั้งหมดสี่คนในกองทัพอู่เว่ย แต่ตามคำพูดของจ้าวซ่วยที่บอกมานั้น มียอดฝีมือระดับหนึ่งห้าคนมาถึงแล้ว ดังนั้นหลี่ว์ซู่จึงคิดเล่นกับไฟ เพราะหากคนทั้งห้าที่ถูกส่งมาเป็นหน่วยสอดแนมรวมกำลังกันต่อสู้กับเขา เขาย่อมจัดการรับมือไม่ได้   

 

 

แม้แต่กองทัพเฮยอวี่ก็ยังไม่กล้าโกรธคนที่ถูกส่งมาเป็นหน่วยสอดแนมเหล่านี้ แต่กองทัพอู่เว่ยกลับกล้ากับพวกเขา…  

 

 

จ้าวซ่วยและคนอื่นๆ แค่คิดว่าจะไม่มีกองทัพใดกล้าลงมือกับพวกเขา แต่ผลกลับกลายเป็นว่า กองทัพอู่เว่ยทำตัวเหมือนโจรและจับผู้คนโดยไม่สนใจว่าตัวตนของพวกเขาจะเป็นใคร…  

 

 

แต่หลี่ว์ซู่คิดว่าบ่อนพนันทั้งห้านี้ไม่ได้เป็นหนึ่งเดียวกันอย่างแน่นอน ดังนั้นหัวหน้าเจ้าหน้าที่ทั้งห้าคนย่อมจะไม่ร่วมมือกันด้วย เพราะหากร่วมมือันก็ย่อมส่งคนมาเพียงคนเดียว ไม่ใช่ส่งมาห้าคนให้เปลืองค่าจ้างราคาสูงลิบเช่นนี้  

 

 

ดังนั้น ตราบใดที่เขาไม่ได้เผชิญกับผู้คนจำนวนมากเกินไปพร้อมๆ กันในคราวเดียว เขาก็น่าจะปลอดภัย  

 

 

ในกรณีที่เลวร้ายที่สุดจริงๆ เขาก็จะทำลายข้อตกลงและเอาผลประโยชน์ไว้เสียเอง หลี่ว์ซู่รู้ช่องทางหลบหลีกดี  

 

 

ในเวลานี้ บรรดาหัวหน้าเจ้าหน้าที่อื่นๆ ก็ได้ยินข่าวว่าจ้าวซ่วยปลอดภัยสบายดีเพราะบ่อนพนันตระกูลซ่งได้จ่ายค่าไถ่แล้ว  

 

 

เรื่องนี้กลายเป็นเรื่องตลกในแวดวงเล็กๆ ของบ่อนพนันไปพักหนึ่ง เพราะจ้าวซ่วยซึ่งเป็นหัวหน้าเจ้าหน้าที่ของบ่อนพนันในเมืองหลวงก็ถูกกองทัพอู่เว่ยจับตัวได้ มันช่างเป็นเรื่องตลกครั้งใหญ่จริงๆ!  

 

 

อย่างไรก็ตาม จ้าวซ่วยก็ไม่ได้กลับไปยังเมืองหลวงหลังจากที่ได้รับการปล่อยตัวแล้ว แต่กลับพบเขาที่กำลังพักผ่อนและรอคอยอย่างอดทนในเมืองใกล้เคียง  

 

 

และภายในเวลาไม่กี่วันหลังจากนั้น ก็มีข่าวจากวงในว่าหัวหน้าเจ้าหน้าที่ของบ่อนพนันตระกูลหลินก็ถูกจับกุมเช่นกัน…  

 

 

แล้วจากนั้นก็มีเหตุการณ์เรียกค่าไถ่และปล่อยตัวคนตามลำดับขั้นตอนต่อเนื่อง  

 

 

 

 

 

หลังจากนั้นอีกไม่กี่วัน หัวหน้าเจ้าหน้าที่ของบ่อนพนันตระกูลอวิ๋นก็พลาดท่าถูกจับตัวเช่นกัน…  

 

 

ลือกันว่าหัวหน้าเจ้าหน้าที่ของบ่อนพนันตระกูลอวิ๋นเมื่อเห็นว่ามีเจ้าหน้าที่สองคนถูกจับก็เตรียมจะออกไปจากที่นั่นแล้ว ทำให้เขาอยู่ห่างจากภูเขาไปมากกว่าสามร้อยกิโลเมตร แต่อย่างไรก็ตาม สุดท้ายแล้ว เขาก็ถูกจับกุมได้อย่างกะทันหัน  

 

 

ในเวลานั้น หัวหน้าเจ้าหน้าที่ของบ่อนพนันตระกูลอวิ๋นแทบจะทรุดลงไปเลย เพราะถึงแม้เขาจะหนีมาไกลนานแล้วแต่ก็ยังหนีไม่พ้น!? กองทัพอู่เว่ยน่าทึ่งจริงๆ!   

 

 

หลังจากเหตุการณ์นี้เกิดขึ้น หัวหน้าเจ้าหน้าที่คนอื่นๆ ของบ่อนพนันสองแห่งที่เหลือก็กลับไปที่เมืองหลวงทันทีโดยไม่พูดอะไรสักคำ แม้งานนี้ไม่สำเร็จ แต่ชื่อเสียงของพวกเขาก็สำคัญยิ่งกว่า!  

 

 

บรรดานักพนันตัวยงทั้งหลายในบ่อนพนันต่างมาเตรียมพร้อมและต้องการฉวยโอกาสนี้เพื่อดูดเอาเงิน แต่ผลก็คือกองทัพอู่เว่ยไม่สนใจแม้แต่จะต่อสู้กับกองทัพเฮยอวี่เพราะกำลังยุ่งอยู่กับการจับพวกหัวหน้าเจ้าหน้าที่ไปเรียกค่าไถ่จากบ่อนพนัน…  

 

 

ความจริงแล้วมีบ่อนพนันมากกว่าห้าแห่งในเมืองหลวง แต่มีเพียงห้าแห่งนี้เท่านั้นที่ส่งคนไปสอดแนม  

 

 

ดังนั้นหลังจากเกิดเหตุการณ์ใหญ่เหล่านี้ เมื่อหัวหน้าเจ้าหน้าที่มีปัญหา บ่อนพนันอื่นๆ ก็เริ่มเปิดเดิมพันว่าใครจะถูกจับเป็นรายต่อไป…  

 

 

ในขณะนี้ ผู้บัญชาการกองทัพเฮยอวี่ก็ได้รับแจ้งข่าวจากแหล่งข่าวเกี่ยวกับเรื่องนี้เช่นกัน เขาไม่อยากสนใจกองทัพอู่เว่ยที่จัดการควบคุมไม่ได้ แต่เขาก็ต้องสนใจ เพราะไม่เช่นนั้นเขาก็จะบุกต่อไปทางเหนือไม่ได้  

 

 

แต่กองทัพอู่เว่ยนี้มีความสามารถจับยอดฝีมือระดับหนึ่งได้ จึงทำให้เขาไม่อาจคาดเดา…  

 

 

ในขณะนี้ มีแขกที่ดูคุ้นเคยอีกคนหนึ่งมาถึงภูเขาราชันหลี่ว์ หลี่ว์ซู่ยิ้มขณะมองไปที่หัวหน้าเจ้าหน้าที่ของบ่อนพนันตระกูลซ่ง จ้าวซ่วย “คุณกลับมาอีกทำไม?”  

 

 

จ้าวซ่วยพูดอย่างใจเย็นว่า “ผมรู้ว่าคุณชอบทำเงิน แล้วทำไมเราไม่ร่วมมือกันแล้วเป็นเจ้ามือรับแทงเองล่ะ? ตอนนี้การเดิมพันในเมืองหลวงกำลังเพิ่มมากขึ้นเรื่อยๆ และผลประโยชน์ที่เราจะทำได้ย่อมจะมหาศาลเกินกว่าจะจินตนาการได้”  

 

 

“ผมต้องการส่วนแบ่งห้าสิบเปอร์เซ็นต์” หลี่ว์ซู่กล่าวด้วยรอยยิ้ม “ส่งชุดเกราะและอาวุธมาให้ผม!”  

 

 

ตระกูลซ่งฉลาดมาก พอเห็นหลี่ว์ซู่จับหัวหน้าเจ้าหน้าที่มาแลกเปลี่ยนเป็นเงินได้อย่างไร พวกเขาก็รู้ว่ากองทัพอู่เว่ยจะแลกชีวิตของพวกเขาเป็นเงิน ดังนั้นหาเงินด้วยกันจะผิดอะไร? เหตุที่ขุนนางกลายเป็นขุนนางได้ก็เพราะพวกเขารู้วิธีบรรลุผลลัพธ์แบบได้ประโยชน์ร่วมกัน!   

 

 

ส่วนอีกด้านหนึ่งนั้น หลี่ว์ซู่ก็รอมาเป็นเวลานานเช่นกัน เขาต้องการดูว่าจะมีบ่อนพนันใดที่ยินดีจะร่วมมือกับเขา และหลังจากการร่วมมือกันแล้ว กองทัพอู่เว่ยก็จะมีแต้มต่อที่จะตัดสินใจขั้นสุดท้ายว่าใครเป็นผู้ชนะ?  

 

 

แต่เงินมากมายขนาดนี้ไร้ประโยชน์สำหรับเขา ดังนั้นเขาจึงขอเกราะและอาวุธเวทแทน!  

 

 

ต้องรู้ว่าถึงแม้เขาจะได้รับอาวุธของกองทัพเฮยอวี่มามากมายก่อนหน้านี้ แต่สิ่งเหล่านี้ไม่ใช่อาวุธเวทจึงทำให้หลี่ว์ซู่ผิดหวังอย่างมาก และความปรารถนาของผู้คนย่อมไร้ที่สิ้นสุด ด้วยชุดเกราะธรรมดา หลี่ว์ซู่ก็เริ่มคิดถึงอาวุธเวท…  

 

 

ท้ายที่สุด กองทัพอู่เว่ยยังคงแข็งแกร่งยิ่งขึ้น และหลี่ว์ซู่ก็เข้าใจหลักการของม้าที่ดีคู่กับอานที่ดี เขาจึงต้องการจับคู่พลังกับอาวุธของพวกเขา และเขาจะได้รับผลประโยชน์มากขึ้นเมื่อกองทัพอู่เว่ยแข็งแกร่งมากขึ้นเท่านั้น…  

ท่านเทพ ละเว้นข้าเถอะ

ท่านเทพ ละเว้นข้าเถอะ

Status: Ongoing
หลี่ว์ซู่ เป็นเด็กกำพร้าที่หาเลี้ยงตัวเองมาโดยตลอด และก็คงจะหาเลี้ยงตัวเองเช่นนี้ต่อไปเรื่อยๆ ถ้าเขาไม่ได้ประสบอุบัติเหตุรถชนเข้าเสียก่อน… แต่เฮ้ย! เขาไม่เป็นอะไรเลยนี่ ไม่เจ็บ ไม่ปวด และไม่ตาย แถมวิญญาณไม่ได้หลุดออกจากร่างด้วย! จะมีก็แต่สัญลักษณ์รูปต้นไม้ที่จู่ๆ ก็ปรากฏขึ้นมาบนฝ่ามือและพลังพิเศษในตัวที่ตื่นขึ้นมาเท่านั้น! ทว่าเขาไม่ได้เป็นเพียงคนเดียวที่ได้รับพลังพิเศษนี้มา เพราะคนอื่นๆ เองก็เริ่มกลายเป็นผู้มีพลังแล้วเหมือนกัน นี่มันเรื่องบ้าอะไร เกิดอะไรขึ้นกับโลกใบนี้กันแน่ นี่เรากำลังจะก้าวเข้าสู่ยุคของผู้มีพลังพิเศษกันแล้วงั้นเหรอ หลี่ว์ซู่ได้แต่คิดแล้วก็สงสัย ว่าแต่พลังที่ได้มานี่มันฝึกยังไงกันล่ะ เอ๊ะ ต้องสะสมแต้มอารมณ์ด้านลบงั้นเหรอ แค่กวนโมโหคนอื่นก็เพิ่มพลังได้แล้วงั้นเหรอ แบบนี้ก็เข้าทางหลี่ว์ซู่สุดๆ ไปเลยน่ะสิ!

Comment

Options

not work with dark mode
Reset