ท่านเทพ ละเว้นข้าเถอะ – ตอนที่ 943 ตระกูลหลี่ว์ของหลี่ว์หลี่เซียง

เดิมทีเมืองหลวงไม่เคยสนใจกองทัพห้าพันคนมาก่อน คนที่อยู่ในเมืองนี้ล้วนมีฐานะสูงส่ง และบรรดาขุนนางผู้ยิ่งยงก็ดูเหมือนจะห่างเหินจากสงครามมานานมากแล้ว และยังมีเหล่าอัจฉริยะปรากฏขึ้นมาเป็นจำนวนมาก จึงทำให้เมืองหลวงดูเหมือนเมืองสวรรค์ที่เป็นอิสระจากดินแดนทั้งสี่  

 

 

อย่างไรก็ตาม ตอนนี้ไม่เพียงแต่ทุกคนจะให้ความสนใจกองทัพอู่เว่ยเท่านั้น แต่ยังรวมไปถึงผู้บัญชาการคนใหม่ของกองทัพอู่เว่ยนาม หลี่ว์ซู่ อีกด้วย  

 

 

หลี่ว์เป็นแซ่สามัญทั่วไป และในจักรวาลหลี่ว์นี้ก็มีหลายแซ่เช่นกัน แซ่ที่ใช้กันทั่วไปมากที่สุดก็มี หลี่ว์ เฉียน ซุน หลี่…  

 

 

เมื่อหลี่ว์ซู่และกองทัพอู่เว่ยมีชื่อเสียงแผ่ขยายออกไปไกลมากขึ้นเรื่อยๆ ขุนนางทั้งหลายที่มีแซ่หลี่ว์ก็เริ่มตรวจสอบลำดับวงศ์ตระกูลของตนอย่างละเอียดเพื่อต้องการดูว่าชายหนุ่มคนนี้เป็นส่วนหนึ่งของตระกูลสาขาของพวกเขาหรือไม่  

 

 

พวกตระกูลขุนนางที่ร่ำรวยและทรงอิทธิพลสูงล้วนยืนหยัดฝังรากมั่นคงอยู่ในจักรวาลหลี่ว์มาเป็นเวลาหลายพันปีและแผ่อำนาจอิทธิพลออกไปอย่างกว้างไกลแล้ว  

 

 

ยกเว้นทายาทสายตรงแล้ว ก็ไม่มีใครสนใจตระกูลสาขาของตนเป็นพิเศษ เพราะนี่เป็นแค่ชนชั้นที่เกือบจะแข็งแกร่งเท่านั้น และในช่วงพันปีที่ผ่านมาก็มีน้อยมากที่ไพร่จากบ้านนอกคอกนาจะกลายมาเป็นขุนนางได้  

 

 

อย่างไรก็ตาม คราวนี้กองทัพอู่เว่ยนั้นต่างออกไป ขุนนางทั้งหลายถึงกับคิดว่าผู้บัญชาการกองทัพอู่เว่ยอาจปรากฏขึ้นมาท่ามกลางความสับสนวุ่นวายและก็เป็นไปไม่ได้ที่เขาจะเข้าร่วมกับขุนนาง!   

 

 

ดังนั้นทุกคนจึงรีบตรวจสอบลำดับวงศ์ตระกูลเพื่อดูว่ามีคนเช่นนี้อยู่หรือไม่ ทุกๆ ปี ตระกูลสาขาจะต้องรายงานเรื่องต่างๆ เช่น ลำดับวงศ์ตระกูลไปยังตระกูลหลักเพื่อที่พวกเขาจะเลี้ยงดูลูกหลานของตน หรือสร้างชื่อเสียงให้แก่ตนเองได้ แต่ถึงกระนั้นก็มักจะมีตระกูลสาขาที่ค่อยๆ กระจัดกระจายออกไปเรื่อยๆ และค่อยๆ ถูกลืมเลือนจนหายไป  

 

 

แต่ตระกูลหลักจะไม่สนใจเรื่องนี้ เพราะพวกเขาจะมีสถานะสูงส่งอยู่ตลอดเวลา  

 

 

แต่ตอนนี้มันต่างออกไป หากพวกเขาได้รับการยืนยันว่าหลี่ว์ซู่เป็นคนของตระกูลสาขาของพวกเขาเอง พวกเขาก็ย่อมจะได้ประโยชน์! เพราะเขาจะช่วยตระกูลหลักได้!  

 

 

แต่หลังจากที่ตระกูลหลี่ว์ทั้งหมดเริ่มดำเนินการ พวกเขาก็ไม่พบคนที่มีนามว่าหลี่ว์ซู่… เขามาจากที่ใดก็ไม่อาจรู้ได้!  

 

 

อย่างไรก็ตาม ในขณะนี้ ตระกูลหลี่ว์ของหลี่ว์หลี่เซียงในเมืองหลวงก็ประกาศออกมาอย่างกระทันหันว่า หลี่ว์ซู่คนนี้เป็นคนของตระกูลสาขาของเขา  

 

 

เมื่อข่าวนี้เริ่มแพร่สะพัดออกไป กองทัพอู่เว่ย และหลี่ว์ซู่ซึ่งไม่เป็นที่นิยมนักในแง่ของการเดิมพันก็กลับกลายเป็นหัวข้อสนทนาหลังอาหารมื้อค่ำทันที  

 

 

“แน่ใจหรือ? ตระกูลหลี่ว์ของหลี่ว์หลี่เซียงพูดอย่างนั้นจริงๆ หรือ?”  

 

 

“พวกเขาไม่ได้โกหก! ฉันคาดไม่ถึงว่าผู้บัญชาการกองทัพอู่เว่ยคนใหม่จะมาจากตระกูลนั้น!”  

 

 

“ตระกูลหลี่ว์ของหลี่ว์หลี่เซียงมีรากฐานมั่นคงมานานแล้ว เป็นเรื่องปกติที่สมาชิกจากตระกูลสาขาจะได้ขึ้นสู่อำนาจอย่างกะทันหัน เหอะๆ ไม่น่าแปลกใจเลยที่ผู้บัญชาการหลี่ว์ซู่จะเผยให้เห็นความกล้าหาญเช่นนี้ นี่เป็นเพราะเขามั่นใจด้วยมีผู้สนับสนุนอยู่เบื้องหลัง!”  

 

 

ในขณะนี้ ดูเหมือนจะไม่มีใครคิดว่าตระกูลหลี่ว์ของหลี่ว์หลี่เซียงกำลังสร้างประเด็นร้อนให้ยิ่งเป็นที่สนใจมากขึ้น แต่พวกเขาเพียงแค่ชื่นชมหลี่ว์ซู่จริงๆ!  

 

 

แม้แต่จ้าวซ่วยก็ยังตกตะลึงเมื่อได้ยินเรื่องนี้ “ไม่แปลกใจเลยที่เด็กคนนั้นจะไม่ยอมรับข้อเสนอผูกมิตรจากพวกเรา ที่แท้แล้วก็เพราะเขามีฐานสนับสนุนที่แข็งแกร่งถึงได้กล้าเช่นนี้”   

 

 

เมื่อจ้าวซ่วยส่งจดหมายให้หลี่ว์ซู่ เขาก็ถูกหลี่ว์ซู่ปฏิเสธ อันที่จริงแล้ว ในเวลานั้น จ้าวซ่วยนั้นมีเจตนาดีจริงๆ เพราะเมื่อเร็วๆ นี้ ทุกคนต่างก็รู้ว่า กองทัพอู่เว่ยเคลื่อนไหวอย่างกล้าหาญครั้งใหญ่มาก และเมื่อสงครามสิ้นสุดลง บรรดาขุนนางใหญ่ทางเหนือย่อมจะรวมกำลังกันโจมตีพวกเขา จากนั้นพวกเขาก็จะทำนิ่งเฉยไม่สนใจใดๆ  

 

 

ดังนั้น ตระกูลซ่งจึงหยิบยื่นไมตรีให้ด้วยข้อเสนอที่น่าดึงดูดใจ ในอีกด้านหนึ่งนั้น พวกเขาก็ต้องการใช้กองทัพอู่เว่ยในอนาคต ในเมื่อพวกเขาทำงานร่วมกัน พวกเขาจึงอยากให้หลี่ว์ซู่ได้รับการปกป้องบ้าง และขุนนางตระกูลซ่งก็อยากเก็บเขาเอาไว้ใช้  

 

 

และนั่นเป็นผลให้หลี่ว์ซู่ไม่ยอมรับข้อเสนอนั้น  

 

 

เดิมทีตระกูลซ่งไม่เข้าใจเหตุผล แต่ตอนนี้เขาเข้าใจแล้วว่า หลี่ว์ซู่ทำหน้าที่ตามที่เขาต้องการให้กับตระกูลหลี่ว์ของหลี่ว์หลี่เซียงที่อยู่เบื้องหลังเขาได้…  

 

 

ดังนั้น สาเหตุที่กองทัพอู่เว่ยกล้าหาญ ยโสโอหัง และโดดเด่นขึ้นมาได้นั้น ทั้งหมดก็ล้วนเป็นเพราะตระกูลหลี่ว์ซึ่งราวกับว่ามันเป็นเรื่องที่เกิดขึ้นตามธรรมชาติ  

 

 

แต่สิ่งที่พวกเขาไม่รู้ก็คือ หลี่ว์ซู่ไม่รู้จักตระกูลหลี่ว์ของหลี่ว์หลี่เซียงด้วยซ้ำ เหตุที่หลี่ว์ซู่กล้าทำเช่นนี้กับกองทัพอู่เว่ยก็เพราะตัวเขาเองเป็นคนเก่งกาจมาก!  

 

 

ทว่าข่าวของตระกูลหลี่ว์นี้ไม่ได้แพร่กระจายออกไปภายนอกอย่างรวดเร็ว อย่างน้อยๆ ก็ไม่ได้มีผลกระทบต่อสมรภูมิรบ  

 

 

หลี่ว์ซู่ยังคงคิดหาวิธีช่วยกองทัพอู่เว่ยเพื่อหลีกเลี่ยงการจ่ายเงินสำหรับการกระทำทั้งหมดของกองทัพเฮยอวี่เมื่อเร็วๆ นี้ เขาได้ตัดสินใจที่จะเฝ้าจับตารอดูการต่อสู้ในสนามรบ ตราบใดที่กองทัพเฮยอวี่ลากยาวการต่อสู้ได้นานพอจนถึงเวลาที่การคัดเลือกของกระท่อมกระบี่ได้เริ่มต้นขึ้น และเพียงหลี่ว์ซู่สามารถเข้าไปในกระท่อมกระบี่ได้ หลังจากนั้นก็ย่อมจะไม่มีใครกล้ามาตอแยกองทัพอู่เว่ยอีกต่อไป  

 

 

ดังนั้นเขาจึงหวังว่า กองทัพเฮยอวี่จะยังคงทนอยู่ได้นานขึ้นอีกเล็กน้อย ซึ่งจะเป็นการดีสำหรับเขาเช่นกัน  

 

 

จากนั้น หลี่ว์ซู่จึงจัดประชุมภายในเพื่อหารือว่าจะโจมตีกองทัพขุนนางในนามกลุ่ม ‘กำจัดความยากจนและสร้างสมความร่ำรวย’ หรือไม่ ในตอนนั้น จางเว่ยอวี่แทบคลั่ง นี่นับเป็นครั้งแรกที่เขาเห็นกลุ่มโจรจัดประชุมเพื่อหารือเกี่ยวกับกิจกรรมทางทหารที่จะโจมตีกองทัพ  

 

 

พวกเขาจะมีความแข็งแกร่งเพียงพอหรือไม่นั้นไม่ใช่ปัญหา เพราะแม้ว่าโจรจะแข็งแกร่ง แต่ก็ยังต้องพิจารณาถึงผลที่จะตามมาจากการต่อสู้กับกองทัพด้วยใช่ไหมล่ะ?  

 

 

อย่างไรก็ตาม หลี่ว์ซู่ไม่สนใจมากนัก “ผมกังวลมากว่าหากพวกเราไม่ช่วยกองทัพเฮยอวี่ พวกเขาจะทนอยู่ได้ไม่นาน…”   

 

 

จางเว่ยอวี่เยาะเสียงเย็นว่า “นายประเมินกองทัพเฮยอวี่ต่ำเกินไป ฉันไม่ได้จะยกย่องพวกเขาเกินจริงไป แม้ว่าพวกขุนนางจะรอดูการต่อสู้สำหรับกองทัพเฮยอวี่ที่ต่อสู้ในสงครามอย่างเหนื่อยล้ามาสองสามเดือนแล้วอย่างสบายๆ แต่ชนชั้นสูงก็ยังคงเป็นชนชั้นสูง หากกองทัพขุนนางไม่ระดมเหล่าผู้ทรงพลังระดับสูง กองทัพเฮยอวี่ก็ย่อมจะเอาชนะกองทัพขุนนางได้อย่างง่ายดายมาก ดังนั้น แม้กองทัพเฮยอวี่ จะไม่สามารถมุ่งไปยังดินแดนทางเหนือได้ แต่ก็ยังไม่เป็นปัญหาสำหรับพวกเขาที่จะป้องกันช่องเขาเว่ยเป่ยไปได้อีกหกเดือน และนอกจากนี้ กองทัพขุนนางในช่องเขาหลีหยางก็ได้เริ่มสังหารศัตรูของพวกเขาแล้ว กองทัพเฮยอวี่ที่นี่ต้องปกป้องเส้นทางล่าถอยให้กับทหารทางตอนเหนือ! ดังนั้นฉันมั่นใจมากว่าก่อนที่จะถึงการคัดเลือกของกระท่อมกระบี่ สถานการณ์ในการต่อสู้ครั้งนี้จะไม่มีการเปลี่ยนแปลงมากนัก!”  

 

 

ทว่าในขณะนั้น หน่วยสอดแนมหลิวอี้เจาก็เดินเข้ามาแล้วกล่าวว่า “ท่านเทพ กองทัพเฮยอวี่กำลังจะล่าถอยแล้ว!”  

 

 

ทันใดนั้นหลี่ว์ซู่ก็มองจางเว่ยอวี่เงียบๆ จางเว่ยอวี่ตกตะลึงอยู่ครู่หนึ่งก่อนจะกล่าวว่า “ต้องมีบางอย่างผิดปกติแน่! พวกเขาจะล่าถอยออกมาอย่างนั้นหรือ?”   

 

 

จางเว่ยอวี่สับสนเล็กน้อย เขาวิเคราะห์สถานการณ์ด้วยเหตุผล หากเขาเป็นผู้บัญชาการกองทัพ เขาจะไม่ยอมเสียช่องเขาเว่ยเป่ยไปง่ายๆ อย่างแน่นอน เพราะนั่นก็จะทำให้กองทัพเฮยอวี่ที่ช่องเขาหลีหยางจบสิ้นเช่นกัน!  

 

 

อันที่จริง การวิเคราะห์ของจางเว่ยอวี่นั้นถูกต้องทั้งหมด หากเขาเป็นผู้บัญชาการกองทัพเฮยอวี่ เขาอาจจะต่อสู้ได้ดีกว่านี้  

 

 

อย่างไรก็ตาม ปฏิบัติการที่สับสนของกองทัพอู่เว่ยก็ทำให้การต่อสู้ครั้งนี้เกิดขึ้นในลักษณะที่ไม่อาจคาดเดาได้…  

 

 

คราวนี้ กองทัพเฮยอวี่ตั้งใจจะถอนทัพออกไปจริงๆ ผู้บัญชาการกองทัพเฮยอวี่ไม่คิดว่าเขาจะเอาชนะกองทัพขุนนางไม่ได้ อันที่จริงแล้ว การวิเคราะห์ของเขาก็เหมือนกับจางเว่ยอวี่ที่มั่นใจกว่าเก้าสิบเปอร์เซ็นต์ว่าจะเอาชนะคู่ต่อสู้ได้!  

 

 

แต่ปัญหาก็คือ เขารอไม่ไหวแล้ว ตอนนี้ผู้บัญชาการกองทัพเฮยอวี่ทุ่มสุดตัวในการวางเดิมพันกับบ่อนพนัน ทีแรกเขาก็มั่นใจว่ากองทัพอู่เว่ยจะไม่ส่งกองกำลังของพวกเขา แต่พวกโจร‘กำจัดความยากจนและสร้างสมความร่ำรวย’ ก็ทำให้พวกเขาวิตกกังวล  

 

 

ดังนั้นผู้บัญชาการกองทัพเฮยอวี่จึงตัดสินใจที่จะไม่รออีกต่อไป เขาจะกวาดเดิมพันให้เรียบ หากไม่มีใครสามารถยั่วยุ เขาจะสามารถซ่อนตัวได้หรือไม่? เขาจากไปได้ไหม?   

 

 

เมื่อกองทัพเฮยอวี่ถอนตัวออกจากช่องเขาเว่ยเป่ย การวางเดิมพันก็จะสิ้นสุดลงก่อนกำหนด และนี่ก็เป็นการยอมรับกันอย่างเงียบๆ ว่ากองทัพอู่เว่ยไม่ได้ส่งกองกำลังของพวกเขา ส่วนกองทัพอู่เว่ยจะส่งทหารของพวกเขาไปในอนาคตหรือไม่ ก็ไม่มีอะไรเกี่ยวข้องกับการเดิมพันรอบนี้แล้ว!  

 

 

และขณะนี้ผู้บัญชาการกองทัพเฮยอวี่ก็กำลังตื่นตระหนก เขาต้องรีบจากไปโดยเร็วที่สุดแล้ว!  

 

 

นี่จึงเป็นครั้งแรกในประวัติศาสตร์ของจักรวาลหลี่ว์ที่สงครามได้รับผลกระทบจากการพนัน…  

ท่านเทพ ละเว้นข้าเถอะ

ท่านเทพ ละเว้นข้าเถอะ

Status: Ongoing
หลี่ว์ซู่ เป็นเด็กกำพร้าที่หาเลี้ยงตัวเองมาโดยตลอด และก็คงจะหาเลี้ยงตัวเองเช่นนี้ต่อไปเรื่อยๆ ถ้าเขาไม่ได้ประสบอุบัติเหตุรถชนเข้าเสียก่อน… แต่เฮ้ย! เขาไม่เป็นอะไรเลยนี่ ไม่เจ็บ ไม่ปวด และไม่ตาย แถมวิญญาณไม่ได้หลุดออกจากร่างด้วย! จะมีก็แต่สัญลักษณ์รูปต้นไม้ที่จู่ๆ ก็ปรากฏขึ้นมาบนฝ่ามือและพลังพิเศษในตัวที่ตื่นขึ้นมาเท่านั้น! ทว่าเขาไม่ได้เป็นเพียงคนเดียวที่ได้รับพลังพิเศษนี้มา เพราะคนอื่นๆ เองก็เริ่มกลายเป็นผู้มีพลังแล้วเหมือนกัน นี่มันเรื่องบ้าอะไร เกิดอะไรขึ้นกับโลกใบนี้กันแน่ นี่เรากำลังจะก้าวเข้าสู่ยุคของผู้มีพลังพิเศษกันแล้วงั้นเหรอ หลี่ว์ซู่ได้แต่คิดแล้วก็สงสัย ว่าแต่พลังที่ได้มานี่มันฝึกยังไงกันล่ะ เอ๊ะ ต้องสะสมแต้มอารมณ์ด้านลบงั้นเหรอ แค่กวนโมโหคนอื่นก็เพิ่มพลังได้แล้วงั้นเหรอ แบบนี้ก็เข้าทางหลี่ว์ซู่สุดๆ ไปเลยน่ะสิ!

Comment

Options

not work with dark mode
Reset