ท่านเทพ ละเว้นข้าเถอะ – ตอนที่ 956 จัดการตามตกลง

 

 

 

เจ้าหัวขโมยรู้สึกสิ้นหวัง หลังจากที่ถูกซุนจ้งหยางและพวกของเขาจับได้ เขาต้องถูกทุบตีที่ถนนอย่างแน่นอน หัวขโมยคิดไม่ออกว่าการกระทำของเขาไปเกี่ยวข้องกับพวกเขาได้อย่างไร?  

 

 

หลี่ว์ซู่มองเจ้าหัวขโมย และทันใดนั้นเขาก็รู้สึกว่าราวกับว่าเจ้าขโมยได้ขโมยรถยนต์ไฟฟ้า แต่กลับถูกเฮลิคอปเตอร์สี่ลำไล่ล่า แล้วเฮลิคอปเตอร์เหล่านั้นยังติดอาวุธซึ่งสามารถยิงออกมาได้ทุกเมื่อ…  

 

 

แต่เรื่องนี้จุดประกายความคิดให้หลี่ว์ซู่อีกอย่างหนึ่งว่า ซุนจ้งหยางและพวกของเขาไม่รู้จักเขาเลย แต่ก็ไม่พอใจเขาอย่างมากเพราะเรื่องการเดิมพันในเมืองหลวง…   

 

 

ซึ่งหลี่ว์ซู่ก็ได้บอกพวกเขาไปก่อนหน้านี้แล้วว่าผู้บัญชาการกองทัพอู่เว่ยได้ไปที่เมืองหลวงแล้ว  

 

 

และจากนั้นหลี่ว์ซู่ก็พาซุนจ้งหยางไปที่เมืองหลวง… เพื่อจัดการตามตกลงน่ะสิ!  

 

 

หลังจากที่พวกของซุนจ้งหยางทุบตีเจ้าหัวขโมย พวกเขาก็หันกลับไปมองหลี่ว์ซู่ “เล่ออี๋หลี่ว์ เขาคือ ผู้บัญชาการกองทัพอู่เว่ยใช่หรือไม่?”  

 

 

หลี่ว์ซู่อึ้งจนพูดไม่ออก “พวกนายเข้าใจผิดแล้ว เขาคือหัวขโมยที่พยายามจะขโมยของจากฉันเท่านั้น… “  

 

 

ซุนจ้งหยางก็พูดไม่ออกเช่นกัน พวกเขา… ลงมือผิดคนแล้ว…   

 

 

แต่ซุนจ้งหยางก็ไม่ได้ใส่ใจอะไรนอกจากโบกมือแล้วกล่าวอย่างเย็นชาว่า “เขาเป็นหัวขโมย พวกเราต้องลงโทษเขา!”  

 

 

แม้ว่าซุนจ้งหยางและพวกของเขาจะเข้าใจผิดเกี่ยวกับเรื่องนี้ แต่พวกเขาก็รู้ดีว่าไม่สามารถไปกล่าวโทษหลี่ว์ซู่ได้ เพราะท้ายที่สุดแล้ว หลี่ว์ซู่เพียงตะโกนบอกให้เขาหยุดเท่านั้น และไม่ได้บอกเลยว่านี่คือผู้บัญชาการกองทัพอู่เว่ย  

 

 

ดังนั้นซุนจ้งหยาง โม่เสี่ยวหยาและพรรคพวกจึงไม่คิดเรื่องนี้มากนัก เมื่อพวกเขาจัดการเจ้าหัวขโมยได้ มันก็ไม่สำคัญ แล้วพวกเขาก็ไม่ได้สร้างแต้มอารมณ์ให้หลี่ว์ซู่  

 

 

ในเวลานี้ซุนจ้งหยางมองดูหลี่ว์ซู่แล้วกล่าวว่า “นายมาที่นี่เพื่อเยี่ยมชมตลาดค้าทาสด้วยหรือ?”  

 

 

หลี่ว์ซู่ชะงักไปครู่หนึ่ง จากนั้นเขาก็มองไปที่สภาพแวดล้อมโดยรอบอย่างละเอียด มีประตูเปิดแง้มเอาไว้ซึ่งนำไปสู่ลานกว้างด้านใน เขาเห็นเวทีที่ทำด้วยไม้ และมีคนที่มีตราทาสยืนอยู่บนเวทีและมีบรรดาผู้ที่มาประมูลซื้อหลายรายที่อยู่ด้านล่างนอกเวทีกำลังดูทาสที่อยู่บนเวทีนั้น  

 

 

“พวกเราอยากเข้าไปดู เข้าไปข้างในกันเถอะ” หลี่ว์เสี่ยวอวี๋กล่าวด้วยดวงตาสดใสเจิดจ้า  

 

 

หลี่ว์ซู่มองเข้าไปด้านในอย่างกังวลแล้วกล่าวว่า “พวกทาสชายที่อยู่ข้างในนั้นสวมกางเกงในแค่ตัวเดียวนะ”  

 

 

“แล้วชุดว่ายน้ำชายดีกว่านี้แค่ไหนล่ะ?” หลี่ว์เสี่ยวอวี๋กลอกตาแล้วดึงหลี่ว์ซู่เข้าไป เธอไม่ได้คิดจะซื้อทาสเลยด้วยซ้ำ แต่เพียงแค่อยากรู้อยากเห็นมากเท่านั้น  

 

 

เนื่องจากตลาดประเภทนี้มีอยู่น้อยมากในโลก เพราะเมื่อพวกมันถูกค้นพบ ก็จะต้องเผชิญกับความกดดันอย่างรุนแรงจากความรู้สึกของผู้คน ดังนั้นพวกมันจึงไม่ได้มาอยู่ในย่านใจกลางเมืองอย่างที่เป็นอยู่ในโลกใบนี้  

 

 

ซุนจ้งหยางและพวกของเขามองดูเหล่าทาสบนเวทีและดูเหมือนจะหมดความสนใจไปทันที มีการระบุระดับความแข็งแกร่งหรือความเชี่ยวชาญพิเศษห้อยอยู่ที่คอของทาสเหล่านั้น บางคนเก่งในเรื่องการสร้างบ้าน ขณะที่คนอื่นๆ มีฐานพลังระดับห้า อย่างไรก็ตาม ทาสเหล่านี้ไม่ดึงดูดให้ซุนจ้งหยางและพวกของเขารู้สึกสนใจได้เลย  

 

 

ในสายตาของซุนจ้งหยางนั้น ทาสระดับห้าไม่จำเป็นสำหรับพวกเขา บรรดาขุนนางในเมืองหลวงได้เปรียบเทียบทาสที่แข็งแกร่งของพวกเขาว่าเทียบเท่ากับทาสระดับห้าถึงจำนวนหนึ่งพันคน  

 

 

หลี่ว์ซู่เหลือบไปมองที่ป้ายราคาของทาสระดับห้าซึ่งบอกไว้อย่างชัดเจนด้วยราคาที่แปดพันหยวน  

 

 

ราคานี้ทำให้หลี่ว์ซู่เข้าใจราคาสินค้าโภคภัณฑ์ของจักรวาลหลี่ว์อีกครั้ง ทันใดนั้นเขาก็รู้สึกว่าตอนนี้เขามีเงินสิบล้านหยวนอยู่ในมือ ก็ย่อมต้องถือว่าเขาเป็นคนรวยอย่างแน่นอน  

 

 

ซุนจ้งหยางขมวดคิ้วแล้วถามว่า “ใครรับผิดชอบที่นี่?”  

 

 

แล้วชายชราคนหนึ่งก็รีบปรี่เข้ามาแล้วถามว่า “พ่อหนุ่มน้อย กำลังตามหาฉันอยู่หรือ?”  

 

 

ทันใดนั้นซุนจ้งหยางก็หยิบป้ายหยกขาวออกมาจากแขนเสื้อแล้วกล่าวว่า “เข้าใจสิ่งนี้หรือไม่?”  

 

 

ผู้จัดการตลาดค้าทาสยิ้มอย่างมีความสุขทันทีแล้วกล่าวตอบว่า “เป็นคุณชายแห่งตระกูลซุนนี่เอง ท่านอย่าไปสนใจพวกทาสด้านนอกเลย ตามกระผมเข้าไปด้านในเถอะ”  

 

 

ในคราแรกนั้น หลี่ว์ซู่รู้สึกว่าทาสในตลาดค้าทาสนั้นมีคุณภาพต่ำเกินไป แต่กลับกลายเป็นว่าทาสที่มีคุณภาพดีที่สุดนั้นอยู่ด้านในตลาด  

 

 

ผู้จัดการตลาดค้าทาสพาซุนจ้งหยางและพวกของเขาไปที่ด้านหลังลานค้าทาส หลี่ว์ซู่ก็ทะลึ่งติดตามพวกเขาไปด้วยอย่างหน้าทน แต่คราวนี้ เมื่อผู้จัดการตลาดค้าทาสเห็นหลี่ว์ซู่ เขาก็ถามว่า “พ่อหนุ่มนี่เป็นใครหรือ?”  

 

 

“ฉันมากับพวกเขา” หลี่ว์ซู่กล่าวอย่างนิ่งสงบ  

 

 

ซุนจ้งหยางและพวกของเขาที่อยู่ข้างหน้าก็หันขวับกลับไปมองหลี่ว์ซู่ทันที ทำให้หลี่ว์ซู่รู้สึกราวกับว่าเขาเป็นผู้เข้าร่วมการแข่งขันในเดอะว้อยซ์ออฟไชน่ารอบแรกและถูกตัดสินให้กลับไปซะ…  

 

 

แต่ซุนจ้งหยางยิ้มแล้วกล่าวรับว่า “ใช่ เขามากับพวกเราด้วย”   

 

 

เมื่อบรรดาคนที่อยู่ฝ่ายซุนจ้งหยางเห็นเช่นนี้ พวกเขาก็รู้สึกอยู่ในใจว่าเจ้าหมอนี่ช่างหนังหนาหน้าทนจริงๆ เขาไม่แม้แต่จะคิดว่าตนเองเป็นคนนอก  

 

 

หลี่ว์ซู่คร้านจะใส่ใจพวกเขา เขาเองก็สามารถเข้าไปข้างในได้หากเขาต้องการเมื่อใช้ชื่อของเขาในฐานะผู้บัญชาการกองทัพอู่เว่ย ผู้บัญชาการกองทัพต้องมีสิทธิ์เข้าไปได้อย่างแน่นอน  

 

 

เวลานี้เขาติดตามซุนจ้งหยางและพวกของเขาไป ด้านหนึ่งเพื่อช่วยแก้ปัญหายุ่งยากให้เขา และอีกอย่างหนึ่ง เขาเองก็ยังกลัวที่จะสู้กับซุนจ้งหยางและพวกของเขาเช่นกัน…  

 

 

ลานด้านในนั้นวิจิตรงดงามกว่าด้านนอกมาก ในขณะที่พวกทาสด้านนอกจะยืนอยู่บนเวทีด้วยท่าทีน่าเวทนาราวกับว่าพวกเขาเป็นสัตว์ที่กำลังถูกเฝ้าดูอยู่ในขณะที่ด้านในเป็นศาลาที่ดูสง่างาม มันดูราวกับมีประตูแยกโลกสองใบที่ต่างกันมากออกไป  

 

 

ผู้จัดการเฒ่ายิ้มและแนะนำซุนจ้งหยางว่า “ครั้งนี้คุณชายอยากซื้อทาสแบบไหนหรือ? เราเพิ่งได้รับทาสใหม่ๆ มาซึ่งดูไม่เลวเลย”  

 

 

ซุนจ้งหยางยิ้มสบายๆ และกล่าวว่า “เอาออกมาดูให้หมด”   

 

 

ผู้จัดการเฒ่าขยิบตาให้ผู้ช่วยที่อยู่ข้างๆ เขา และผู้ช่วยคนนั้นก็วิ่งออกไป เมื่อซุนจ้งหยางและพวกของเขานั่งลง บรรดาคนรับใช้ก็รีบนำขนมและชาชั้นดีมาให้  

 

 

ดูเหมือนว่าซุนจ้งหยางจะไม่สนใจขนมเหล่านี้มากนัก เขาหยิบมาชิมชิ้นหนึ่ง แล้วจู่ๆ ดวงตาของเขาก็วาบสว่างขึ้น “ไม่เลว!”  

 

 

โมเสี่ยวหยาก็หยิบมาชิมชิ้นหนึ่งแล้วถอนหายใจหลังจากที่กินมัน “ฉันไม่นึกเลยว่าจะมีขนมอร่อยๆ แบบนี้อยู่ที่นี่ด้วย”  

 

 

หลี่ว์ซู่ก็ยังหยิบมาชิมชิ้นหนึ่งเช่นกัน แล้วจากนั้นก็ผลักจานทั้งหมดที่อยู่ข้างหน้าพวกเขาไปให้หลี่ว์เสี่ยวอวี๋ เขาอยากรู้เกี่ยวกับจักรวาลหลี่ว์ทั้งหมดรวมถึงอาหารว่าง  

 

 

หลี่ว์ซู่หยิบของว่างมาชิ้นหนึ่งมาบิออกครึ่งหนึ่งแล้วใส่อีกครึ่งหนึ่งที่เหลือกลับลงไปในถาดก่อนจะกล่าวกับหลี่ว์เสี่ยวอวี๋ว่า “ลองดูสิ แล้วอย่ากินมากเกินไป มันไม่ค่อยอร่อยหรอก”  

 

 

ผู้จัดการเฒ่าเป็นคนฉลาดมาก เขาเห็นว่าหลี่ว์ซู่ดูไม่น่าจะคุ้นเคยกับซุนจ้งหยางและพวกของเขา นั่นก็แสดงว่าเขาจะต้องไม่มีภูมิหลังที่ยอดเยี่ยมอย่างซุนจ้งหยางแน่นอน ดังนั้นเมื่อหลี่ว์ซู่บอกว่ามันไม่อร่อย เขาก็ไม่พอใจ ใครให้สิทธิ์นายวิจารณ์กันล่ะ? ขนมหวานของพวกเขาอร่อยขึ้นชื่อไปทั่วดินแดนตะวันตกเลยนะ!  

 

 

แม้โมเสี่ยวหยาและคนอื่นๆ จะไม่ได้พูดอะไร แต่พวกเขาก็รู้สึกว่าเจ้าหมอนี่อวดดีเกินไป พวกเขามองไปที่เขาราวกับว่านายไม่เคยกินของดีๆ เลย แล้วยังจะมีหน้ามาบอกว่าขนมแสนอร่อยนี้ไม่อร่อยได้ด้วยเหรอ?  

 

 

แต่สำหรับหลี่ว์ซู่และหลี่ว์เสี่ยวอวี๋ที่เคยกินของอร่อยบนโลกแล้ว การกินขนมแบบนี้ก็เหมือนกินเค้กนมสดที่มีครีมเค้กแบบเก่าเมื่อย้อนเวลากลับไปในยุค 90’s มันแข็งจนยากที่จะกลืนลงไปได้…  

 

 

ในขณะนั้น ผู้ช่วยก็ได้กลับมาพร้อมกับนำทาสเจ็ดคนเข้ามาด้วย และผู้จัดการก็รีบพูดว่า “นี่คือทาสที่ดีที่สุดของเราที่นี่ พวกเขามีประสบการณ์การต่อสู้มานับไม่ถ้วน พวกเขาทั้งหมดล้วนอยู่ระดับสองขึ้นไป! และผู้ที่จะซื้อได้ต้องมีทักษะระดับหนึ่งขึ้นไป”  

 

 

แล้วหลี่ว์ซู่ตระหนักได้ในทันทีว่า มันกลับกลายเป็นว่าผู้คนเหล่านี้เต็มใจขายตัวเองมาเป็นทาสเพื่อจะได้รับการฝึกฝน  

ท่านเทพ ละเว้นข้าเถอะ

ท่านเทพ ละเว้นข้าเถอะ

Status: Ongoing
หลี่ว์ซู่ เป็นเด็กกำพร้าที่หาเลี้ยงตัวเองมาโดยตลอด และก็คงจะหาเลี้ยงตัวเองเช่นนี้ต่อไปเรื่อยๆ ถ้าเขาไม่ได้ประสบอุบัติเหตุรถชนเข้าเสียก่อน… แต่เฮ้ย! เขาไม่เป็นอะไรเลยนี่ ไม่เจ็บ ไม่ปวด และไม่ตาย แถมวิญญาณไม่ได้หลุดออกจากร่างด้วย! จะมีก็แต่สัญลักษณ์รูปต้นไม้ที่จู่ๆ ก็ปรากฏขึ้นมาบนฝ่ามือและพลังพิเศษในตัวที่ตื่นขึ้นมาเท่านั้น! ทว่าเขาไม่ได้เป็นเพียงคนเดียวที่ได้รับพลังพิเศษนี้มา เพราะคนอื่นๆ เองก็เริ่มกลายเป็นผู้มีพลังแล้วเหมือนกัน นี่มันเรื่องบ้าอะไร เกิดอะไรขึ้นกับโลกใบนี้กันแน่ นี่เรากำลังจะก้าวเข้าสู่ยุคของผู้มีพลังพิเศษกันแล้วงั้นเหรอ หลี่ว์ซู่ได้แต่คิดแล้วก็สงสัย ว่าแต่พลังที่ได้มานี่มันฝึกยังไงกันล่ะ เอ๊ะ ต้องสะสมแต้มอารมณ์ด้านลบงั้นเหรอ แค่กวนโมโหคนอื่นก็เพิ่มพลังได้แล้วงั้นเหรอ แบบนี้ก็เข้าทางหลี่ว์ซู่สุดๆ ไปเลยน่ะสิ!

Comment

Options

not work with dark mode
Reset