ท่านเทพ ละเว้นข้าเถอะ – ตอนที่ 958 หนุ่มน้อยหน้าขาวๆ ไม่มีอะไรดีเลย

ในโลกนี้ไม่มีความเกลียดชังใดที่มีอยู่โดยปราศจากเหตุผล ไม่มีความรักใดที่ไร้เหตุผล และไม่มีแต้มอารมณ์ใดที่ไม่มีเหตุผล  

 

 

ดังนั้นหลี่ว์ซู่ยังคงสงสัยว่าสวีมู่จวินพยายามจะเข้าหาเขาเพราะความหล่อของเขาหรือไม่? แต่เมื่อเขาเห็นแต้มอารมณ์จากเหวินไจ้เฝ่ย +666 เข้ามา แล้วทันใดนั้นหลี่ว์ซู่ก็เข้าใจสิ่งที่เกิดขึ้นทันที  

 

 

เหวินไจ้เฝ่ยเป็นคนส่งสวีมู่จวินผู้นี้มาใช่ไหม? แต่ทำไมเหวินไจ้เฝ่ยถึงอยากวางคนไว้เป็นสายลับที่ตัวเขาล่ะ ทำไมจอมทัพสวรรค์ผู้ยิ่งใหญ่ถึงอยากต่อสู้กับเขาที่เป็นเพียงด้วยผู้บัญชาการกองทัพอู่เว่ยตัวเล็กๆ ล่ะ?   

 

 

มันเป็นเรื่องที่แปลกมากเหมือนกันนะ  

 

 

เป็นไปได้ไหมว่าแม้เหวินไจ้เฝ่ยจะบอกว่าเขาเชื่อว่าหลี่ว์ซู่ไม่ได้เกี่ยวข้องกับจางเว่ยอวี่และพวกคนอื่นๆ ของเขามากนัก แต่เหวินไจ้เฝ่ยก็ยังสงสัยเขาอยู่ในใจ?   

 

 

ในขณะนี้หลี่ว์ซู่รู้สึกเขินอายเล็กน้อย แล้วเขาต้องการรับเงินของสวีมู่จวินหรือไม่…   

 

 

ไม่ เพราะนั่นจะเป็นการยอมรับให้สวีมู่จวินเป็นทาสของเขา…  

 

 

หลี่ว์ซู่รู้สึกว่าแทนที่จะแสร้งทำเป็นยอมรับเธอให้เป็นทาสของเขาอย่างไม่จริงใจ จะเป็นการดีกว่าหากเขาจะเพียงแค่ปฏิเสธเธอในตอนนี้ ภายใต้สถานการณ์ปกติที่หลี่ว์ซู่ทำเป็นไม่รู้ว่าใครส่งสวีมู่จวินมาที่นี่ แล้วเหวินไจ้เฝ่ยก็จะไม่อับอายจนกลายเป็นโกรธเช่นกัน  

 

 

หลี่ว์ซู่จึงกล่าวว่า “มู่จวิน ฉันไม่สามารถรับทาสได้จริงๆ ดังนั้นอย่าขายตัวเองให้ฉันเลย”  

 

 

สวีมู่จวินตกตะลึงและไม่รู้ว่าจะตอบโต้อย่างไรในตอนนั้น มันราวกับว่านางไม่ได้คาดหวังให้หลี่ว์ซู่กล่าวตอบเช่นนี้  

 

 

โม่เสี่ยวหยาและคนอื่นๆ ต่างก็ตกใจเช่นกันเมื่อได้ยินสิ่งที่หลี่ว์ซู่กล่าวออกมา ต้องรู้ว่าสวีมู่จวินนั้นงดงามมาก และเหตุที่เหล่าอัจฉริยะจากเมืองหลวงตื่นเต้นกันมากนั้นก็ไม่ใช่เพราะทาสชาย…  

 

 

แต่เพราะพวกเขาไม่คิดว่าจะได้เห็นทาสสาวแสนสะคราญเช่นนี้ที่นี่! ไม่เช่นนั้น ซุนจ้งหยางจะยอมรับคำพูดของสวีมู่จวินและเลือกที่จะพิสูจน์ว่าเขารู้บทกวีด้วยเช่นกันได้อย่างไร? ยิ่งพวกเขาโดดเด่นมากเท่าใด ก็ยิ่งซื้อตัวได้ยากมากขึ้นเท่านั้น นี่เป็นสิ่งที่ยากสำหรับซุนจ้งหยางและพวกของเขาที่จะยอมรับได้ หรือพูดง่ายๆ ก็คือ มันเป็นการดูถูกพวกเขา…  

 

 

ความจริงแล้วการเคลื่อนไหวของเหวินไจ้เฝ่ยนั้นไร้ช่องโหว่ใดๆ สวีมู่จวินเป็นสาวพรหมจารีที่เขาคัดเลือกมาอย่างดีในบรรดาสายลับทั้งหมด และนางยังเป็นผู้เก่งกาจรอบด้านอีกด้วย!  

 

 

แต่เหวินไจ้เฝ่ยก็ไม่รู้ว่า ทำไมหลี่ว์ซู่ถึงปฏิเสธนาง…  

 

 

ดวงตาของโมเสี่ยวหยาเปลี่ยนไปเล็กน้อยเมื่อเห็นหลี่ว์ซู่กระทำเช่นนี้ โดยปกติแล้ว เมื่อพวกนางฟังเหล่าบัณฑิตเล่าเรื่อง หรือเชิญพวกคณะละครมาที่คฤหาสน์ของพวกนาง พวกนางจะชอบฟังเรื่องราวของคนที่โดดเด่นซึ่งโมเสี่ยวหยาจะชอบคนที่มีคุณธรรมเป็นพิเศษ  

 

 

ทุกวันนี้คนในเมืองหลวงมักจะเปรียบเทียบทาสของตนอยู่เสมอ นอกจากนี้ ทาสทั้งหมดของพวกเขายังเป็นสตรี ซึ่งเดาได้ไม่ยากว่าชายเหล่านี้จะมีเล่นสนุกกับทาสของพวกเขามากมายเพียงใด  

 

 

คิดแล้วมันช่างน่าขยะแขยงนัก!  

 

 

ดังนั้นโมเสี่ยวหยาจึงมองไปที่ใบหน้าของหลี่ว์ซู่ และทันใดนั้นก็ยิ่งรู้สึกวุ่นวายใจ …  

 

 

แต่ชั่วขณะนั้นหลี่ว์ซู่ก็มองไปที่ใบหน้าอาบน้ำตาของสวีมู่จวินและไม่สามารถทนได้ เขาชะงักและครุ่นคิดอยู่สองวินาทีก่อนจะกล่าวว่า “หากเธอยินดี เธอก็สามารถให้เงินของเธอกับฉันได้ ฉันจะเอาเงินของเธอไป มันจะทำให้รู้สึกเหมือนเธอได้อยู่เคียงข้างฉัน เห็นเงินแล้วก็เหมือนเห็นหน้าเธอ… “  

 

 

แล้วจู่ๆ โม่เสี่ยวหยาก็รู้สึกราวกับว่ามีกระจกใสสะอาดในหัวใจของเธอได้แตกสลาย…   

 

 

มันแตกออกเป็นชิ้นๆ มากมาย…  

 

 

“ได้รับแต้มอารมณ์จากสวีมู่จวิน +666!”  

 

 

“ได้รับแต้มอารมณ์จากโมเสี่ยวหยา… “  

 

 

ซุนจ้งหยางมองไปที่หลี่ว์ซู่แล้วก็รู้สึกไม่พอใจขึ้นมาฉับพลัน ทาสหญิงที่เขาไม่สามารถได้รับมานั้น กลับมอบตัวเองให้ชายหนุ่มคนนี้โดยที่เขาไม่ต้องจ่ายอะไรเลย แต่ชายหนุ่มคนนี้กลับปฏิเสธนาง! เขาต้องการแค่เงิน ไม่ใช่ตัวนาง!   

 

 

แต่สวีมู่จวินกล่าวว่า “ได้ สิ่งที่ท่านกล่าวมานั้นสมเหตุสมผลยิ่ง ดังนั้นโปรดนำเงินของข้าไปเถิด”  

 

 

ขณะกล่าว สวีมู่จวินก็เงินออกมาจากแขนเสื้อแล้วส่งให้หลี่ว์ซู่ จากนั้นนางก็กล่าวอย่างเศร้าใจใหญ่หลวงว่า “นี่คือ… นี่คือเงินที่ข้าเก็บไว้มาทั้งชีวิต…”  

 

 

หากหลี่ว์ซู่ไม่รู้ว่าเธอถูกเหวินไจ้เฝ่ยส่งมา เขาก็อาจจะทนไม่ได้และไม่เต็มใจรับเงินของเธอ เขายังเป็นคนที่หาเงินมาได้อย่างยากลำบาก เขารู้ว่ามันยากแค่ไหนที่จะหาเงินและประหยัดเงินเพื่อความอยู่รอด แต่ตอนนี้มันต่างออกไป เขาทำได้เพียงถอนหายใจว่า เหวินไจ้เฝ่ยช่างใจกว้างจริงๆ ในการอนุมัติเงินทุนเป็นค่าใช้จ่ายของเขา ไม่รู้ว่าเหวินไจ้เฝ่ยจะส่งคนมาหาเขาอีกในอนาคตไหม? เมื่อเขาคิดถึงเรื่องนี้ เขาก็มีความหวังตั้งตารอมัน…  

 

 

ซุนจ้งหยางมองดูหลี่ว์ซู่รับเงินแล้วหันหลังกลับและเดินจากไป หากเขาไม่จากไป แล้วเขาจะทำอะไรได้อีกเล่า? จะรอให้สวีมู่จวินเสียใจกับการตัดสินใจของนางหรือ?   

 

 

“สาวน้อย” โมเสี่ยวหยาตบไหล่ของสวีมู่จวิน “ผู้ชายหล่อไม่มีอะไรดีหรอก เอาเงินนี่ไป เงินของเจ้าที่ให้เขาไปแล้วนั่น ถือซะว่าเป็นบทเรียน!”  

 

 

ขณะกล่าว โมเสี่ยวหยาก็ยัดเงินก้อนหนึ่งให้สวีมู่จวินแล้วจากไป ในเวลานี้โมเสี่ยวหยาไม่มีความรู้สึกที่ดีต่อหลี่ว์ซู่อีกเลย หลี่ว์ซู่ที่ทรยศต่อผู้อื่นและเวลานี้พวกนางยังได้เห็นถึงความละโมบของหลี่ว์ซู่เพิ่มเติมอีก โมเสี่ยวหยาจึงมีแต่ความรู้สึกแย่ๆ ต่อเขา…  

 

 

หลี่ว์ซู่และหลี่ว์เสี่ยวอวี๋ต่างเดินไปข้างหน้า และหลี่ว์ซู่ก็ได้มอบเงินให้กับหลี่ว์เสี่ยวอวี๋โดยตรง “นางเป็นสายลับที่มีใครบางคนจงใจส่งมา ดังนั้นต่อไปนี้เราต้องระวังตัวให้มากขึ้น”  

 

 

หลี่ว์ซู่ครุ่นคิดถึงเรื่องนี้ เขากำลังคิดว่า แล้วพวกเหวินไจ้เฝ่ยจะแน่ใจได้อย่างไรว่าพวกเขาจะเข้าไปที่ตลาดค้าทาสแห่งนี้ และยังสามารถเข้าไปในลานด้านในได้อีกด้วย?   

 

 

เว้นเสียแต่ว่า…เว้นแต่พวกเขาจะสร้างสถานการณ์ทั้งหมดที่หน้าทางเข้าตลาดค้าทาสมาตั้งแต่แรก และทำให้เขาบังเอิญไปพบกับซุนจ้งหยางและพวกของเขาที่ประตูทางเข้าตลาดค้าทาส อย่างเช่น… เจ้าพวกโจรนั่นน่ะเหรอ?  

 

 

บางทีอีกฝ่ายคงสร้างโอกาสเช่นนั้นขึ้นมาให้เขา ส่วนหลี่ว์ซู่จะตกเป็นเหยื่อหรือไม่นั้นก็ขึ้นอยู่กับโชคชะตา  

 

 

ซึ่งหากเป็นเช่นนี้จริงๆ หลี่ว์ซู่ก็อดที่จะปรบมือให้กับแผนการที่ยอดเยี่ยมมากเช่นนี้ไม่ได้ พวกเขาวางแผนไว้ครึ่งหนึ่งและปล่อยให้อีกครึ่งหนึ่งขึ้นอยู่กับโชคชะตา นี่เป็นแผนการที่ดูเป็นธรรมชาติมากที่สุด  

 

 

หากครั้งนี้ล้มเหลว ก็อาจจะมีครั้งต่อๆ ไป อีกฝ่ายมีเวลารอโอกาสที่จะทำให้สำเร็จ พวกเขาแค่ต้องทำให้สำเร็จเพียงครั้งเดียวเท่านั้นจึงจะสบายใจได้จริงๆ  

 

 

เมื่อกลับไปที่กองคาราวาน หลี่ว์ซู่ก็พบว่า ซุนจ้งหยางและพวกของเขาไม่แม้แต่จะเหลือบมองเขา ราวกับว่าพวกเขาดูถูกเหยียดหยามหลี่ว์ซู่มาก  

 

 

หลี่ว์ซู่มีความสุข แน่นอนว่าพวกเขาไม่เข้าใจในสิ่งที่เขาทำ เพราะพวกเขาไม่รู้สถานการณ์ แต่เขาจะสามารถอธิบายเรื่องนี้กับซุนจ้งหยางและพวกของเขาได้หรือ? หลี่ว์ซู่จำเป็นต้องอธิบายให้พวกเขาฟังหรือไม่ล่ะ? ไม่จำเป็น  

 

 

ในโลกนี้มีผู้คนมากมายที่ผ่านไปมา หลี่ว์ซู่และหลี่ว์เสี่ยวอวี๋ได้อยู่ด้วยกันและต่างพึ่งพากันมานานหลายปีแล้ว พวกเขาได้เรียนรู้วิธีที่จะไม่ใส่ใจต่อความคิดเห็นของคนอื่นมานานแล้ว เวลานี้ ตราบใดที่หลี่ว์เสี่ยวอวี๋ไม่รังเกียจเหยียดหยามเขา เขาก็ไม่สนใจอะไร  

 

 

ในยามค่ำคืน หลี่ว์เสี่ยวอวี๋ได้เตรียมขนมมากมายให้หลี่ว์ซู่บนรถม้า ราวกับจะเป็นรางวัลสำหรับเขา…  

 

 

หลี่ว์เสี่ยวอวี๋ผลักขนมทั้งหมดส่งให้หลี่ว์ซู่แล้วกล่าวว่า “นี่ กินซะ!”  

 

 

ก่อนออกเดินทางในวันรุ่งขึ้น หลี่ว์ซู่ก็สังเกตเห็นสิ่งผิดปกติในกองคาราวาน ซุนจ้งหยางและพวกของเขาต่างพากันมองมาที่เขาอย่างเย็นชา หลี่ว์ซู่มองไปที่เสื้อผ้าที่กำลังสวมใส่ของเขาและก็พบว่า เขาไม่ได้สวมใส่อะไรผิดปกติไปนี่นะ  

 

 

แต่ทันใดนั้น สวีมู่จวินก็ปรากฏตัวออกมาแล้วกล่าวว่า “ข้าจะตามท่านไปที่เมืองหลวงด้วย”  

 

 

หลี่ว์ซู่ตะลึงงันเป็นเวลานาน เกิดบ้าอะไรขึ้นเนี่ย? เขาคิดว่าจะมีสายลับใหม่มาพร้อมกับเงินก้อนใหม่ซะอีก แล้วทำไมมันถึงยังเป็นสวีมู่จวินล่ะ?  

 

 

ไม่น่าแปลกใจเลยที่ซุนจ้งหยางและพวกของเขาจะมองดูเขาอย่างเกลียดชัง พวกเขาอิจฉาเขา…  

 

 

โม่เสี่ยวหยาเข้าไปในรถม้า และเสียงของนางก็ดังขึ้นยิ่งกว่าเสียงควบม้า “หนุ่มน้อยหน้าขาวๆ ไม่มีอะไรดี ในโลกนี้ช่างมีคนโง่งมมากมายเหลือเกิน”  

 

 

ในตอนนี้นางเสียใจที่ได้ให้เงินสวีมู่จวิน ไม่เช่นนั้น สวีมู่จวินย่อมจะไม่มีเงินพอที่จะมาเป็นลูกค้าของกองคาราวานการค้านี้ได้  

 

 

ชายหนุ่มข้างๆ ซุนจ้งหยางถอนหายใจด้วยอารมณ์หงุดหงิดแล้วกล่าวว่า “นี่คือรักแท้หรือ? นางยินดีที่จะตามเขาไปตลอดการเดินทางอันยาวนานถึงเมืองหลวง ช่างซาบซึ้งอะไรอย่างนี้!”  

 

 

ซุนจ้งหยางไม่พอใจและระเบิดอารมณ์ออกมาทันที “หุบปากซะ!”  

 

 

และหลี่ว์ซู่ก็รู้ได้ทันทีว่าหลังจากที่สวีมู่จวินปรากฏตัวออกมา เขาก็ได้รับแต้มอารมณ์จากซุนจ้งหยางและโม่เสี่ยวหยาอย่างมากมายไม่รู้จบตลอดระหว่างการเดินทาง…  

 

 

แล้วกองคาราวานการค้าก็เริ่มเดินทางอีกครั้ง!  

ท่านเทพ ละเว้นข้าเถอะ

ท่านเทพ ละเว้นข้าเถอะ

Status: Ongoing
หลี่ว์ซู่ เป็นเด็กกำพร้าที่หาเลี้ยงตัวเองมาโดยตลอด และก็คงจะหาเลี้ยงตัวเองเช่นนี้ต่อไปเรื่อยๆ ถ้าเขาไม่ได้ประสบอุบัติเหตุรถชนเข้าเสียก่อน… แต่เฮ้ย! เขาไม่เป็นอะไรเลยนี่ ไม่เจ็บ ไม่ปวด และไม่ตาย แถมวิญญาณไม่ได้หลุดออกจากร่างด้วย! จะมีก็แต่สัญลักษณ์รูปต้นไม้ที่จู่ๆ ก็ปรากฏขึ้นมาบนฝ่ามือและพลังพิเศษในตัวที่ตื่นขึ้นมาเท่านั้น! ทว่าเขาไม่ได้เป็นเพียงคนเดียวที่ได้รับพลังพิเศษนี้มา เพราะคนอื่นๆ เองก็เริ่มกลายเป็นผู้มีพลังแล้วเหมือนกัน นี่มันเรื่องบ้าอะไร เกิดอะไรขึ้นกับโลกใบนี้กันแน่ นี่เรากำลังจะก้าวเข้าสู่ยุคของผู้มีพลังพิเศษกันแล้วงั้นเหรอ หลี่ว์ซู่ได้แต่คิดแล้วก็สงสัย ว่าแต่พลังที่ได้มานี่มันฝึกยังไงกันล่ะ เอ๊ะ ต้องสะสมแต้มอารมณ์ด้านลบงั้นเหรอ แค่กวนโมโหคนอื่นก็เพิ่มพลังได้แล้วงั้นเหรอ แบบนี้ก็เข้าทางหลี่ว์ซู่สุดๆ ไปเลยน่ะสิ!

Comment

Options

not work with dark mode
Reset