ท่านเทพ ละเว้นข้าเถอะ – ตอนที่ 546

การปรากฏตัวของหลี่อีเสี้ยวนี่นช่างเป็นอะไรที่เฉพาะตัวมาก เกาชังและน่าหลานเชวี่ยคิดว่าหลี่อีเสี้ยวจะอ้างว่าไม่สบายเพื่อหลบหนีออกไป แต่เขากลับมาปรากฏตัวขณะดึงกางเกงขึ้นไปด้วยแบบนี้เนี่ยนะ 

 

 

หลี่ว์ซู่เองพยายามคิดว่าสมาชิกคนไหนในเครือข่ายฟ้าดินกันนะที่องค์ท่านคนนี้รู้จัก แต่ไม่ใช่ใครที่เขาคิดเลยสักนิดเดียว องค์ท่านคนนี้ดันเป็นราชันฟ้าเสียเอง! 

 

 

หลี่ว์ซู่กำลังคิดว่าที่หลี่อีเสี้ยวมาคุมตลาดมืดในเมืองลั่วนี้มีความเกี่ยวข้องอะไรกับเครือข่ายฟ้าดินหรือเปล่า หรือเป็นการตัดสินใจลับๆ ของหลี่อีเสี้ยวเอง 

 

 

ถ้าเกี่ยวกับเครือข่ายฟ้าดินจริง เนี่ยถิงก็ต้องรู้เรื่องนี่แน่ แต่หลี่ว์ซู่คิดว่าสถานการณ์มันไม่น่าจะซับซ้อนถึงขนาดนั้น… 

 

 

หลี่อีเสี้ยวคิดว่าไม่มีใครจำเขาได้ตอนที่เขาใส่แว่นกันแดดอันใหญ่นี่หรอก แต่ความเป็นจริงแล้วทั้งหน้าและหุ่นของหลี่อีเสี้ยวนั้นเป็นเอกลักษณ์ที่โดดเด่นของเขามาก ใครที่รู้จักเขายังไงก็ต้องจำได้ภายในทันที 

 

 

แถมไอ้เจ้าแว่นกันแดดนั่นก็ไม่สามารถปกปิดใบหน้าใหญ่ๆ อ้วนๆ นี่ได้หรอก แต่หลี่ว์ซู่ไม่มีแรงจะไปล้อเขาตอนนี้ เขาไม่คิดว่าเนี่ยถิงจะแนะนำให้หลี่อีเสี้ยวทำแบบนี้ เพราะเนี่ยถิงคงไม่ยอมให้หลี่อีเสี้ยวหลอกลวงตัวเองหรอก 

 

 

ยิ่งกว่านั้นพวกผู้บำเพ็ญที่หลบซ่อนตัวอย่างหวังเจ๋อ หรือตระกูลผู้บำเพ็ญที่ไหนบ้างที่จะไม่มีข้อมูลของหลี่อีเสี้ยว 

 

 

หลี่อีเสี้ยวหัวเราะแล้วเอ่ยถาม “ว่าไงล่ะ มีของอะไรที่สนใจบ้างไหม” 

 

 

เกาชังสูดลมหายใจเข้าลึกก่อนตอบ “ราชันฟ้าหลี่ ไม่ได้เจอกันนานเลย…” 

 

 

“ราชันฟ้า? ราชันฟ้าอะไรกัน” หลี่อีเสี้ยวเลิ่กลั่ก “อย่าล้อกันเล่นให้ใจหายแบบนี้สิ!” 

 

 

จากใจสหายร่วมรบกับหลี่อีเสี้ยวที่โบราณสถานเกาะช้างมา หลี่ว์ซู่อายเสียจนอยากจะเอาปี๊บคลุมหัว 

 

 

เกาชังหน้าตึง “ราชันฟ้าหลี่ ไม่เห็นจะต้องทำแบบนี้เลย…” 

 

 

“บ้าบอน่า!” หลี่อีเสี้ยวลนลานใหญ่ “ฉันคือองค์ท่านต่างหาก ฉันไม่รู้จักราชันฟ้าหลี่ราชันฟ้าหม่าอะไรทั้งนั้น” 

 

 

เกาชังและน่าหลานเชวี่ยพูดไม่ออก มั่นใจในทักษะการปลอมตัวของตัวเองอะไรขนาดนั้น! 

 

 

มาตอนนี้ทุกคนในตลาดมืดก็เงียบเสียงลงและพยายามจะเข้ามาดูหน้าหลี่อีเสี้ยวกัน เหตุการณ์แบบนี้มันช่างหมิ่นเหม่เสียเหลือเกิน พวกเขาไม่อยากโดนเครือข่ายฟ้าดินจับได้หรอกนะ หลี่ว์ซู่รู้สึกว่าสาเหตุที่เครือข่ายฟ้าดินยอมผ่อนปรนกับผู้บำเพ็ญที่หลบซ่อนตัวนั้นคงเป็นเพราะเขาเป็นแค่คนนอกที่ยืนดูเฉยๆ เฝ้ามองการเปลี่ยนแปลงในเครือข่ายฟ้าดิน 

 

 

ทว่าผู้บำเพ็ญที่หลบซ่อนตัวที่อยู่ระดับต่ำมากเหล่านี้ไม่รับรู้ถึงจุดประสงค์นี้ พวกเขาเลยกลัวเครือข่ายฟ้ากันมาก 

 

 

พวกเขาวิ่งหาตลาดมืดกันอย่างเป็นระบบระเบียบ แต่สุดท้ายกลับมาเจอว่าผู้คุมตลาดมืดที่นี่เป็นราชันฟ้าเองเสียนี่ อย่างกับในหนังที่นักแสดงเดินกันอยู่ดีๆ แล้วไปเจอกับบอสตัวเอ้เข้าให้ 

 

 

คนตรงหน้านี้คือราชันฟ้าหลี่อีเสี้ยว หลายคนเคยได้ยินเกี่ยวกับเขา แต่ก็ได้รู้แค่วีรกรรมยิ่งใหญ่ที่เขาทำเท่านั้น ไม่เคยได้เจอตัวเป็นๆ สักที พอเปรียบเทียบลักษณะของเขากับองค์ท่านแล้ว ดูเหมือนว่าจะทั้งอ้วนทั้งแข็งแกร่งกว่าที่คิดไว้เยอะ… 

 

 

พวกหน้าใหม่ถึงกับลนลานกันใหญ่ 

 

 

แต่พวกที่คุ้นเคยกับแวดวงนี้กลับรู้สึกดีใจ พวกเขาเปลี่ยนความคิดด้วยรู้ว่ามีบางอย่างไม่ปกติ ทำไมต้องตื่นเต้นด้วย ราชันฟ้าเปิดตลาดมืดเพื่อหาเงินด้วยตัวเองเลยนะ ใครสนกันว่าราชันฟ้าจะทำไปก็เพราะว่าเขาจน ในเมื่อมีเครือข่ายฟ้าดินคุ้มกะลาหัวแบบนี้แล้วก็ไม่ต้องกลัวอะไรอีกแล้ว 

 

 

เกาชังไม่คาดคิดว่าเขาจะมาเจอราชันฟ้าที่นี่ จริงอยู่ที่ตระกูลของน่าหลานเชวี่ยมีอำนาจขึ้นทุกวันๆ ในอาณาจักรสีเทาของการฝึกฝนนี้ ไม่ว่าพวกเขาจะไปไหนทำอะไร ทุกอย่างก็ง่ายดายราวกับขยี้วัชพืชแห้งทิ้งหรือทุบทำลายไม้ที่ผุแล้ว ไม่มีตลาดมืดที่ไหนที่จะมาต่อกรกับครอครัวของน่าหลานเชวี่ยได้อยู่แล้ว 

 

 

ในสถานการณ์แบบนี้ แต่ละตระกูลย่อมมีข้อตกลงลับๆ ร่วมกัน สำหรับแต่ละตระกูลแล้ว ตลาดมืดแต่ละที่จะไม่มีใครครอบครอง พวกเขาจะต้องครอบครองตลาดว่างๆ ก่อนถึงจะย้ายไปต่อได้ ที่ทำแบบนี้ก็เพื่อลดความบาดหมางกันระหว่างตระกูลแต่ละตระกูล หากไม่ยอมทำตาม ตระกูลแต่ละตระกูลก็คงจะไม่ได้กำไรอะไรมากไปกว่าคนตกปลาแก่ๆ จะทำกำไรได้หรอก 

 

 

อย่างไรก็แล้วแต่ ตลาดมืดทั้งหมดนั้นมีตระกูลใหญ่ๆ เหล่านี้ควบคุมอยู่แล้ว เพราะฉะนั้นแต่ละตระกูลจะต้องมาตกลงกันเรื่องการแข่งขันทางการตลาดให้ชัดเจน ซึ่งนี่จะข้อตกลงกันลับๆ เท่านั้น 

 

 

แต่เกาชังเองไม่คิดว่าเขาจะมาเจอกับราชันฟ้าเข้าได้ในตำแหน่งยุทธศาสตร์มากที่สุดในเมืองลั่ว! 

 

 

แล้วพวกเขาจะทำอะไรได้ล่ะ ตระกูลเขาทำอะไรราชันฟ้าไม่ได้อยู่แล้วถึงแม้จะมีอำนาจขนาดไหนก็ตาม หลี่ว์ซู่มองเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นตรงหน้าอย่างไม่หลบซ่อน เขาอยากรู้ว่าอะไรจะเกิดขึ้นระกว่างหลี่อีเสี้ยวกับตระกูลนี้ 

 

 

แต่แล้วทุกอย่างก็กลับตาลปัตรแบบไม่คาดคิด อยู่ๆ น่าหลานเชวี่ยที่ใช้คอเสื้อนอกปกปิดหน้าของตัวเองก็เปิดหน้าออกมาแล้วพูดเสียงเย็น “จำกันได้หรือเปล่าหลี่อีเสี้ยว!” 

 

 

“เธอนี่เอง!” หลี่อีเสี้ยวหน้าซีด หลี่ว์ซู่เพิ่งจะเคยเห็นหลี่อีเสี้ยวตกใจขนาดนี้เป็นครั้งแรก เขาประหลาดใจ น่าหลานเชวี่ยทำให้หลี่อีเสี้ยวเป็นเอามากขนาดนี้ได้ยังไง 

 

 

พอน่าหลานเชวี่ยพูดเสร็จ เธอก็พุ่งเข้าปะทะหลี่อีเสี้ยวทันที แต่เธอไม่ได้เข้าทำร้ายเขา เธอแค่ปล่อยพลังจำนวนมหาศาลไปในที่แคบๆ 

 

 

“จงเปิด!” 

 

 

หลังจากที่เธอเข้าปะทะแล้ว เธอก็ใช้โอกาสนั้นตอนที่หลี่อีเสี้ยวตกตะลึงอยู่ปล่อยพลังใส่หลี่อีเสี้ยวปะทะเข้ากำแพง ถ้าใช้ส่วนเอวของเธอเป็นจุดสำคัญ แล้วเอาไหล่เข้าโจมตีหลี่อีเสี้ยวเข้าไปติดกำแพงอีกรอบ! 

 

 

ตอนแรกที่หลี่ว์ซู่ได้ยินน่าหลานเชวี่ยตะโกน เขาก็ยังสนุกอยู่ เขายังใช้เวลาเอื่อยๆ ไปกับการเช็กวัดระดับพลังน้ำ แต่ตอนนี้เขาถึงกับตาโต การต่อสู้แบบวรยุทธ์มวยจีนปาจี๋ [1] ถึงกับทำให้หลี่อีเสี้ยวกระเด็นไปติดกำแพง เกิดเป็นหลุมใหญ่ปรากฏบนกำแพงเลยทีเดียว! 

 

 

มวยจีนปาจี๋ที่น่าหลานเชวี่ยใช้ย่อมแตกต่างกับสมัยที่ยังไม่มีการปะทุพลังอยู่แล้ว เขาแอบดูอยู่ห่างๆ เหมือนตอนที่เขาฝึกดาบกับปู่เสียนอี พลังของน่าหลานเชวี่ยมหาศาลอย่างกับภูเขาหนึ่งลูก น่าหลานเชวี่ยใช้พละกำลังของเธอด้วยการใช้มวยจีนปาจี๋เข้าไปถึงพลังเต๋า! มากไปกว่านั้นพลังของเธอยังอยู่ระดับ B อีกด้วย! 

 

 

ก่อนที่เธอจะเริ่มจู่โจม หลี่ว์ซู่ไม่สามารถบอกได้ว่าเธออยู่ระดับไหน แต่พอเธอเริ่มต่อสู้เท่านั้นแหละ เขาก็รู้ทันทีว่าพลังของเธออยู่ระดับ B บางทีเธออาจจะไม่ยอมรับอภัยโทษจากเครือข่ายฟ้าดิน ไม่เหมือนหลี่อีเสี้ยว! 

 

 

น่าหลานเชวี่ยไม่ได้โจมตีรุนแรงหรือออกพลังติดต่อกัน แต่เธอกำลังใช้ความได้เปรียบของสถานการณ์อยู่ ถ้าจะให้สู้กันจริงๆ เธอยังสู้หลี่อีเสี้ยวไม่ได้ 

 

 

น่าหลานเชวี่ยดูไม่กังวลเลยว่าหลี่อีเสี้ยวจะโจมตีกลับมาหรือไม่ เธอถามเสียงกร้าว “ทำไมถึงจากกันไปโดยไม่บอกลาสักคำ!” 

 

 

หลี่ว์ซู่ได้ยินแล้วก็รู้สึกบันเทิง อย่างกับดูหนังแน่ะ ตอนแรกก็คิดว่าเป็นหนังแอ็กชันที่หลี่อีเสี้ยวเป็นไอ้บ้าขี้อวด แต่พอดูๆ ต่อไปอีกสักก็กลายเป็นหนังรักเฉยเลยแฮะ! 

 

 

ก่อนหน้านี้เขาไม่เคยคิดเลยว่าจะมีโมเมนต์ซึ้งๆ เกิดขึ้นกับหลี่อีเสี้ยว แต่ดูเหมือนสถานการณ์นี้จะต่างออกไป… เขาถอนหายใจออกมา ความจริงนี่มันเหนือความคาดหมายจริงๆ ฉยงเหยา [2] ยังไม่กล้าเขียนเรื่องแบบนี้เลยนะเนี่ย หลี่ว์ซู่สังเกตดูสีหน้าของเกาชัง เขายังตะลึงไม่หาย เขาคงไม่คิดว่าน่าหลานเชวี่ยจะมีเรื่องรักเหมือนในหนังหลังจากที่โสดมานาน 

 

 

แต่หลี่ว์ซู่รู้สึกว่าหลี่อีเสี้ยวนั้นน่าทึ่งยิ่งกว่า เขามัวแต่สนใจในการทำธุรกิจจนไม่รับรู้เลยว่าตระกูลที่เกาชังทำหน้าที่เป็นหน้านายให้นั้นคือตระกูลใด… 

 

 

แต่ก็เอาเถอะ ได้เวลาปูเสื่อชมข้างสนามแล้ว หลี่ว์ซู่นั่งหลังแผงลอยขายของกับพวกผู้บำเพ็ญที่กำลังกินเมล่อนกันอยู่ เขาเฝ้าดูฉากตรงหน้าอย่างมีความสุข… 

 

 

 

 

 

—— 

 

 

[1] ศิลปะการต่อสู้แบบจีนในลัทธิเต๋า ที่ใช้การระเบิดพลังในระยะสั้นๆ 

 

 

[2] นักเขียนและผู้ผลิตละครชาวไต้หวัน รู้จักกันว่าเป็นนักเขียนนวนิยายรักที่เป็นที่นิยมในประเทศที่ใช้ภาษาจีน เป็นผู้เขียนเรื่ององค์หญิงกำมะลอ 

ท่านเทพ ละเว้นข้าเถอะ

ท่านเทพ ละเว้นข้าเถอะ

หลี่ว์ซู่ เป็นเด็กกำพร้าที่หาเลี้ยงตัวเองมาโดยตลอด และก็คงจะหาเลี้ยงตัวเองเช่นนี้ต่อไปเรื่อยๆ ถ้าเขาไม่ได้ประสบอุบัติเหตุรถชนเข้าเสียก่อน… แต่เฮ้ย! เขาไม่เป็นอะไรเลยนี่ ไม่เจ็บ ไม่ปวด และไม่ตาย แถมวิญญาณไม่ได้หลุดออกจากร่างด้วย! จะมีก็แต่สัญลักษณ์รูปต้นไม้ที่จู่ๆ ก็ปรากฏขึ้นมาบนฝ่ามือและพลังพิเศษในตัวที่ตื่นขึ้นมาเท่านั้น! ทว่าเขาไม่ได้เป็นเพียงคนเดียวที่ได้รับพลังพิเศษนี้มา เพราะคนอื่นๆ เองก็เริ่มกลายเป็นผู้มีพลังแล้วเหมือนกัน นี่มันเรื่องบ้าอะไร เกิดอะไรขึ้นกับโลกใบนี้กันแน่ นี่เรากำลังจะก้าวเข้าสู่ยุคของผู้มีพลังพิเศษกันแล้วงั้นเหรอ หลี่ว์ซู่ได้แต่คิดแล้วก็สงสัย ว่าแต่พลังที่ได้มานี่มันฝึกยังไงกันล่ะ เอ๊ะ ต้องสะสมแต้มอารมณ์ด้านลบงั้นเหรอ แค่กวนโมโหคนอื่นก็เพิ่มพลังได้แล้วงั้นเหรอ แบบนี้ก็เข้าทางหลี่ว์ซู่สุดๆ ไปเลยน่ะสิ!

Comment

Options

not work with dark mode
Reset