ท่านเทพ ละเว้นข้าเถอะ – ตอนที่ 562 พวกเราถูกหลอก

ตอนที่ 562 พวกเราถูกหลอก

 

 

การที่ตระกูลใหญ่จะร่วมมือกันในผลประโยชน์อันมหาศาลแบบนี้เป็นเรื่องที่ยากมาก พวกเขาโต้เถียงกันไปมา ใครยอมแพ้ก่อนถือว่าเป็นคนโง่เง่า

 

 

แต่ในขณะเดียวกันพวกตระกูลทั้งหกเองก็สืบเรื่องของหลี่อีเสี้ยวและหลี่ว์ซู่ไว้ด้วยเหมือนกัน ที่สุดแล้วหลี่ว์ซู่นั้นไม่ใช่เป็นคนธรรมดา พวกเขาหาข้อมูลของเขาได้ไม่ยากเท่าไหร่

 

 

แต่ข้อมูลที่ได้มาเนี่ยสิที่ทำให้พวกเขาไม่แน่ใจ ทางหลี่อีเสี้ยวนั้นไม่ได้ผิดปกติอะไรหลังจากกลับมาจากโบราณสถานเกาะช้าง เขายังยากจนและขี้บ่นในเรื่องเดิมๆ น่าหลานเชวี่ยรู้สึกปวดหัวมากทุกครั้งที่เธอได้ยินคำว่า ‘หลี่อีเสี้ยว’ …

 

 

“หืม เขาจนนี่ ทำไมเขาไปเซ็นสัญญากับโรงงานเล็กๆ ใกล้ๆ หมู่บ้านของตระกูลหลิวล่ะ เขาถึงกับซื้อบ้านที่เป็นกรรมสิทธิ์ของเขาเองด้วย!” หลี่อวิ๋นฉู่ประหลาดใจและไม่เข้าใจมาก “เมื่อสองวันที่แล้วนี่เอง!”

 

 

เรื่องการซื้อบ้านซื้อที่ดินนั้นไม่ได้มีอะไรน่าประหลาดใจหรอก มีเด็กคนไหนในตระกูลที่ไม่มีบ้านเป็นของตัวเองบ้างล่ะ แต่เขาเป็นถึงราชันฟ้าหลี่อีเสี้ยว อยู่ๆ ก็ไปซื้อบ้านในหมู่บ้านนั้นแบบนี้เนี่ยนะ เขาถึงกับเซ็นสัญญาซื้อโรงงานตัดเย็บเสื้อผ้า ซึ่งโรงงานนี้เป็นของลูกชายคนดูแลหมู่บ้าน เมื่อก่อนมันเป็นธุรกิจที่รายได้ดีมาก แต่เกิดปัญหาที่คนแห่กันไปถอนเงินออกจากธนาคารเพราะกลัวว่าธนาคารจะล้ม โรงงานก็เลยหยุดทำการไป

 

 

โรงงานไม่ได้มีประสิทธิภาพอะไรขนาดนั้นหรอก แต่ว่ามันกินพื้นที่กว้างและอยู่ใกล้ถนนหมายเลข 301

 

 

เรื่องนี้ดูจะไม่เกี่ยวกับการตกลงซื้อขายตลาดมืดเท่าไหร่ แต่ประเด็นก็คือเรื่องพวกนี้มันเพิ่งเกิดขึ้นเมื่อสองวันก่อนเท่านั้น! มันก็เลยเป็นปัญหาใหญ่ยังไงล่ะ!

 

 

ก่อนที่ตระกูลใหญ่พวกนี้จะได้ไปตรวจสอบที่โรงงาน พวกเขาก็ได้รับสายเรียกเข้าสายหนึ่งเสียก่อน

 

 

“เกิดเรื่องใหญ่ที่ตลาดมืดแล้วครับ รีบมาด่วนเลยนะครับ”

 

 

พวกตระกูลใหญ่ต่างมองหน้ากันโดยไม่รู้ว่าจะทำอย่างไรดี พอพวกเขาไปถึงที่หน้าประตูก็แทบต้องกระอักเลือด เพราะมีตัวหนังสือสีแดงที่เพิ่งถูกเขียนสดๆ ใหม่ๆ อยู่บนประตูเหล็กว่า ‘ที่นี่เปลี่ยนเจ้าของแล้ว เราย้ายไปที่โรงงานตัดเย็บเสื้อผ้าในหมู่บ้านหลิวใกล้ถนนหมายเลข 301 ลูกค้าทุกคนจะได้รับกุยช่ายฟรี แผงขายของจะขายผักกุยช่ายในราคาขายส่งแบบถูกๆ’

 

 

นี่มันชักจะมากเกินไปแล้ว ตลาดมืดที่นี่ก็กลายเป็นตลาดร้าง หลี่อีเสี้ยวเอาคนและของย้ายไปกับด้วยทั้งหมด!

 

 

ตอนแรกทุกคนก็คิดว่าถึงจะเสียอะไรไปบ้างแต่พวกเขาก็ยังมีตลาดมืดเป็นของปลอบใจอยู่ พวกเขาจะได้เม็ดเงินกว่าร้อยๆ ล้านที่เสียไปคืน แต่แล้วทุกคนก็หนีหายไปจากตลาดมืด

 

 

ถ้าตลาดมืดไม่มีผู้บำเพ็ญลับแล้วจะเรียกว่าตลาดมืดอยู่ได้ยังไง พวกเขาใช้ประโยชน์อะไรจากหลุมหลบระเบิดไม่ได้หรอก!

 

 

“หลี่อีเสี้ยว… หลี่ว์ซู่… หลี่อีเสี้ยวไม่น่าคิดแผนการอะไรแบบนี้ออกหรอก ตัวการต้องเป็นหลี่ว์ซู่แน่ๆ!” น่าหลานเชวี่ยกัดฟันพูด

 

 

“พังประตูออกให้หมดแล้วเอาไปทิ้ง” หลี่อวิ๋นฉู่สั่งลูกน้องอย่างใจเย็น

 

 

เขาหันไปคุยกับคนตระกูลอื่น “ทุกคนครับ ตอนนี้ไม่ใช่เวลามานั่งลังเล ผมขอแนะนำว่าให้ทุกหกตระกูลแบ่งผลประโยชน์ร่วมกัน เราต้องเร่งมือแล้ว ต้องพยายามดึงผู้บำเพ็ญลับกลับมาให้ได้ ถ้าไม่สำเร็จละก็ ที่เราทำไปทั้งหมดจะสูญเปล่า”

 

 

พวกตระกูลใหญ่อาจทะเลาะกันเรื่องผลประโยชน์ก็จริง แต่พวกเขาก็รวมเป็นหนึ่งได้ด้วยผลประโยชน์เหมือนกัน

 

 

“พวกมันจะหนีไปยังไงก็ได้ แต่พวกเราจะต้องดึงพวกมันกลับมาให้หมด” ตระกูลหวังหัวเราะอย่างน่ากลัว “บางทีหลี่อีเสี้ยวอาจลืมไปแล้วว่าสินค้าที่มีค่าที่สุดในตลาดมืดก็คือศิลาวิญญาณ ถึงแม้ตอนนี้ศิลาจะยังไม่ใช่สกุลเงินแลกเปลี่ยนก็เถอะ แต่ใครจะรู้ว่าในอนาคตจะมีอะไรเปลี่ยนแปลง ถึงตอนนั้นพวกเราจะเป็นคนขายศิลาที่มีของมากที่สุด!”

 

 

“แต่ราคาของศิลาพวกนี้น่ะสูงกว่าราคาในตลาดทั่วไป เราจะขายในราคาถูกๆ ไม่ได้ใช่ไหม”

 

 

ตระกูลหวังส่ายหัวตอบ “เราจะไม่ลดราคาขายถูกๆ หรอก เราจะขายเม็ดละสี่แสน และเราจะต้องดึงพวกผู้บำเพ็ญลับกลับมาให้ได้”

 

 

“แต่ราคาเราเป็นรองนะ จะดึงพวกนั้นกลับมาได้ยังไงล่ะ”

 

 

“ศิลาวิญญาณเป็นสินค้าอุปโภคบริโภค ผู้บำเพ็ญหลายคนต้องใช้ศิลานั้นหลังจากตั้งใจหามาได้ แต่อย่างไรก็ตามจำนวนศิลาในประเทศนี้กำลังจะหมดลง มันคงมีสักวันแหละที่พวกผู้บำเพ็ญใช้ศิลากันจนหมด ทีนี้แหละเราจะได้ช่องทางการส่งขายศิลาวิญญาณกันขึ้นมา ว่าแต่ทุกคนรู้กันหรือเปล่าวันศิลาวิญญาณมาจากที่ไหน” คนจากตระกูลหวังเอ่ย

 

 

“จะมาจากไหนได้อีกล่ะ ก็นำเข้ามาจากต่างประเทศไง”

 

 

“ถูกต้อง แต่ฉันเชื่อว่าเราทุกคนจะควบคุมทุกตลาดมืดในประเทศได้ และเราก็ดึงพวกผู้บำเพ็ญกลับมาได้ด้วย จะดีแค่ไหนล่ะถ้าเราร่วมมือกันห้ามไม่ให้พวกนักเดินทางเอาศิลามาขายแข่งกับพวกเรา”

 

 

ทุกคนตาเป็นประกายขึ้นทันที ถ้าพวกเขาห้ามพวกนักเดินทางพเนจรที่ขนเอาศิลาเข้าประเทศมาขายพวกนั้นได้ การขายศิลาในประเทศก็จะถูกผูกขาดอยู่ที่พวกเขา!

 

 

ซึ่งตามความสามารถที่ตระกูลพวกนี้มีแล้ว ผลประโยชน์จะไม่ถูกจำกัดจากการขายศิลาอย่างเดียวแน่นอน

 

 

“ตระกูลน่าหลานจะเอาศิลาวิญญาณมาทอดขายห้าพันเม็ด!” น่าหลานเชวี่ยพูดอย่างเย็นชา

 

 

“ตระกูลหลี่ก็จะขายห้าพันเม็ดเช่นกัน” หลี่หยุ่นฉู่หัวเราะ

 

 

คืนนั้น ผู้บำเพ็ญลับกว่าสิบคนแวะเวียนมาที่เขตแดนของตระกูล พวกเขาโดนตระกูลเหล่านี้ไล่ล่าหลังก้าวเข้ามาในพื้นที่ของตระกูล พวกเขาไม่ได้ฆ่าผู้บำเพ็ญพวกนี้ทิ้งเพราะหากฆ่าทิ้งไป เครือข่ายฟ้าดินก็จะเข้ามายุ่งด้วยแน่ๆ พวกเขาก็แค่อยากซื้อศิลาวิญญาณในราคานำเข้าเท่านั้น และได้ออกปากเตือนพวกผู้บำเพ็ญลับว่าอย่าทำแบบนี้อีกถ้าอยากมีชีวิตอยู่ต่อ

 

 

แน่นอนล่ะว่าตระกูลเหล่านี้จะเลือกใช้วิธีการคุยดีๆ ก่อนที่จะใช้ไม้แข็ง แต่ถ้าเจอใครไม่ทำตามที่สั่งแล้วละก็ พวกเขาก็จะลงมือ คนพวกนี้มีจำนวนน้อยและเครือข่ายฟ้าดินก็จะไม่ได้สนใจอะไร

 

 

ในตอนนี้พวกเขาไม่มีศิลาวิญญาณที่นำเข้ามาจากต่างประเทศล็อตใหม่ๆ เลย มีแต่ใช้ของเดิมเรื่อยๆ เพิ่มขึ้นทุกวัน! ยิ่งไปกว่านั้นพวกตระกูลใหญ่หกตระกูลก็อยากเหมาซื้อศิลาวิญญาณจากตลาดมืดอื่นๆ ให้หมดด้วย ถึงแม้จะต้องใช้เงินมากหน่อยแต่ว่าชิ้นหนึ่งก็คงไม่เกินสี่แสนหรอก…

 

 

แล้วในชั่วข้ามคืน เหล่าผู้บำเพ็ญก็พบว่าศิลาวิญญาณในตลาดมืดได้หายไปหมดเกลี้ยงเพราะพวกหกตระกูลใหญ่กว้านซื้อไปหมด

 

 

นี่แหละคือพลังที่แท้จริงของตระกูลใหญ่!

 

 

พอตกเย็น หลี่อวิ๋นฉู่ก็นั่งอยู่ในห้องประชุม เขานวดขมับตัวเองแล้วยิ้มออกมา “พวกเรากำจัดปัญหาออกไปได้หมดแล้ว ฉันขออวยพรว่าให้พวกเราทำงานกันอย่างราบรื่นและมีกำไรไหลมาเทมา!”

 

 

“สั่งสอนหลี่อีเสี้ยวหน่อยว่าพวกเรามีอำนาจกันแค่ไหนกัน” ตระกูลอื่นๆ ยืนขึ้นสนับสนุน

 

 

แต่อยู่ๆ ก็มีใครคนหนึ่งวิ่งเข้ามาในห้องประชุม “โรงงานตัดเย็บเสื้อผ้าที่ถนนหมายเลข 301 เริ่มเปิดทำการแล้วครับ พวกเขาแจกกระเทียมต้นวิเศษแถมยังประกาศไปในหมู่ผู้บำเพ็ญด้วยว่าพวกเขาจะได้ซื้อศิลาวิญญาณกันได้แบบไม่จำกัดในราคาสามแสนเก้าหมื่นหยวนต่อเม็ดเท่านั้น!”

 

 

[ได้แต้มอารมณ์จากหลี่อวิ๋นฉู่ +999!]

 

 

[ได้แต้มอารมณ์จากน่าหลานเชวี่ย +999!]

 

 

[ได้แต้มอารมณ์จาก…]

 

 

ตั้งราคาอะไรแบบนี้เนี่ย นี่มันถูกกว่าที่พวกเขาขายไปกว่าหมื่นหยวนเลยนะ ถ้าตระกูลใหญ่ยังมุ่งมั่นจะขายสู้กับพวกเขาก็ต้องเสียเงินเข้าเนื้อกันไปอีกเหรอ!

 

 

“มันทำกันได้ลง…” หลี่อวิ๋นฉู่กัดฟันโกรธจนแทบจะทำฟันตัวเองแตก

 

 

ตั้งแต่ทีหลี่อีเสี้ยวชวนพวกเขามาที่นี่ พวกเขาก็ถูกหลอกกันเสียสนิท พวกตระกูลใหญ่ไม่คิดเลยว่าพวกเขาจะได้ศิลาวิญญาณกันมาแทนแค่เพื่อต้องการควบคุมตลาดมืดมากเสียขนาดนั้น

 

 

ถ้าพวกนั้นทำตามที่พูดว่าจะจัดหาศิลาจำนวนไม่จำกัดมาขาย แสดงว่าพวกนั้นมีศิลาวิญญาณมากกว่าหมื่นเม็ดอยู่ในมือ หลี่อวิ๋นฉู่และทุกคนไม่คิดว่าสองคนนั้นจะทำได้ถึงขนาดนี้เพื่อจะรักษาธุรกิจตลาดมืดไว้ และไม่ลังเลกันแม้แต่น้อยที่จะนำศิลาวิญญาณมาวางขาย!

 

 

ถ้าจะถามว่าราคาสามแสนเก้าหมื่นหยวนนั้นถูกหรือเปล่า ขอตอบเลยว่าไม่! มันแพงกว่าที่ขายในตลาดทั่วไปเสียอีก แค่ลดราคาศิลาลงมาโดยเฉลี่ยแล้วพวกเขาก็จะได้ส่วนแบ่งการตลาดไปมากขึ้นได้! พวกนี้จะไม่เสียอะไรเลยกันสักนิดเดียว!

ท่านเทพ ละเว้นข้าเถอะ

ท่านเทพ ละเว้นข้าเถอะ

หลี่ว์ซู่ เป็นเด็กกำพร้าที่หาเลี้ยงตัวเองมาโดยตลอด และก็คงจะหาเลี้ยงตัวเองเช่นนี้ต่อไปเรื่อยๆ ถ้าเขาไม่ได้ประสบอุบัติเหตุรถชนเข้าเสียก่อน… แต่เฮ้ย! เขาไม่เป็นอะไรเลยนี่ ไม่เจ็บ ไม่ปวด และไม่ตาย แถมวิญญาณไม่ได้หลุดออกจากร่างด้วย! จะมีก็แต่สัญลักษณ์รูปต้นไม้ที่จู่ๆ ก็ปรากฏขึ้นมาบนฝ่ามือและพลังพิเศษในตัวที่ตื่นขึ้นมาเท่านั้น! ทว่าเขาไม่ได้เป็นเพียงคนเดียวที่ได้รับพลังพิเศษนี้มา เพราะคนอื่นๆ เองก็เริ่มกลายเป็นผู้มีพลังแล้วเหมือนกัน นี่มันเรื่องบ้าอะไร เกิดอะไรขึ้นกับโลกใบนี้กันแน่ นี่เรากำลังจะก้าวเข้าสู่ยุคของผู้มีพลังพิเศษกันแล้วงั้นเหรอ หลี่ว์ซู่ได้แต่คิดแล้วก็สงสัย ว่าแต่พลังที่ได้มานี่มันฝึกยังไงกันล่ะ เอ๊ะ ต้องสะสมแต้มอารมณ์ด้านลบงั้นเหรอ แค่กวนโมโหคนอื่นก็เพิ่มพลังได้แล้วงั้นเหรอ แบบนี้ก็เข้าทางหลี่ว์ซู่สุดๆ ไปเลยน่ะสิ!

Comment

Options

not work with dark mode
Reset