ท่านเทพ ละเว้นข้าเถอะ – ตอนที่ 563 หลี่ว์ซู่คนชั้นต่ำ

ตอนที่ 563 หลี่ว์ซู่คนชั้นต่ำ

 

 

“สงครามการหั่นราคางั้นเหรอ ฉันไม่คิดว่าจะมีใครในประเทศนี้อยากกระโดดลงมาร่วมสงครามนี้กับเราหรอกนะ! ถ้าพวกเขาขายเม็ดละสามแสนเก้า งั้นเราก็ขายเม็ดละสามแสนแปด! พวกเราจะไม่เสียอะไรหรอก เมื่อคืนเรายังซื้อศิลาวิญญาณในตลาดมืดกันมาเม็ดละสามแสนสองเท่านั้น อยากรู้นักว่าฝ่ายนั้นจะยอมเสียเงินเข้าเนื้อกันไหม!” หลี่อวิ๋นฉู่พูดอย่างเกรี้ยวกราด “ทุกคนก็รู้ประโยชน์ของการผูกขาดในตลาดแล้วนี่ คิดว่าไงกัน เริ่มกันเลยไหม!”

 

 

“ฉันเห็นด้วยนะ” น่าหลานเชวี่ยพูดเสียงเย็น เธออยากอัดหลี่อีเสี้ยวจริงๆ แต่ก่อนทำอย่างนั้นเธอต้องหาโรงงานนั่นให้เจอก่อน ไม่อย่างนั้นเธอจะเผชิญหน้ากับหลี่อีเสี้ยวได้อย่างไร

 

 

จำนวนศิลาวิญญาณในตลาดเริ่มลดน้อยลงแล้ว ช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมานั้นตลาดเงียบไปมาก การที่จะกระตุ้นให้กลับมาคึกคักขึ้นคงต้องใช้เวลาเสียหน่อย

 

 

แต่หลังจากผ่านไปอีกหนึ่งสัปดาห์ ศิลาวิญญาณก็ไม่หลงเหลืออยู่ในตลาดอีกเลย พวกผู้บำเพ็ญงุนงงกันใหญ่ ประเทศนี้ไม่มีศิลาวิญญาณเหลืออยู่แล้วงั้นเหรอ

 

 

มีหลายตระกูลที่เป็นเหมือนหลิวลี่ พวกเขาต้องการศิลาวิญญาณกันไปทำไมนะ พอมีคนต้องการซื้อศิลาวิญญาณ ศิลาวิญญาณก็ไม่มีให้ซื้อ!

 

 

มีใครบางคนปล่อยข่าวว่า “ถนนหมายเลข 301 ในเมืองลั่วมีศิลาวิญญาณขาย ซื้อได้ไม่จำกัด ราคาเม็ดละสามแสนเจ็ดหมื่นหยวนเท่านั้น!”

 

 

“ตลาดมืดในเมืองลั่วตรงเหวินหวานขายศิลาไม่จำกัดจำนวน ราคาเม็ดละสามแสนหกหมื่นหยวน!”

 

 

“ตลาดมืดบนถนนหมายเลข 301 ลดราคาศิลาเหลือสามแสนห้า!”

 

 

โลกนี้วุ่นอยู่กับการหากำไร!

 

 

ในเมืองลั่วมีผู้บำเพ็ญลับอยู่มาก เมื่อเกิเหตุการณ์แบบนี้ขึ้น ผู้บำเพ็ญลับทั้งหมดในประเทศที่ซื้อขายของกันในตลาดมืดจึงมารวมตัวกันที่นี่

 

 

มาทำไมน่ะเหรอ ก็มาเพื่อเติมสต็อกของให้เต็มน่ะสิ!

 

 

หนึ่งสัปดาห์ผ่านไป พวกเขาขายศิลาวิญญาณกันได้ไม่มากนัก มีเพียงไม่กี่คนเท่านั้นที่กลับมาที่ตลาดมืด พวกผู้บำเพ็ญรู้ว่าถ้าตลาดที่เหวินหวานลดราคา ตลาดอีกที่ตรงถนนหมายเลข 301 ก็จะทำแบบนั้นด้วยเหมือนกัน พวกผู้บำเพ็ญก็เลยเหนื่อยจะกลับมาที่ตลาดเหวินหวาน พวกเขารอตลาดมืดตรงถนนหมายเลข 301 ลดราคาเอาก็ได้ ถ้าพวกเขาขาดทุนกับการซื้อศิลาที่เมืองเหวินหวานจะทำอย่างไรล่ะ

 

 

หลายๆ คนหยุดซื้อศิลาวิญญาณไปแล้วขอดูสถานการณ์ห่างๆ แทน พวกเขากลัวว่าราคาจะตกไปจนถึงราคาที่นำเข้ามาจากต่างประเทศ ถ้าเป็นอย่างนั้นพวกเขาคงขาดทุนในการซื้อศิลาครั้งนี้กันมาก

 

 

หลี่อวิ๋นฉู่ต้องเรียกประชุมภายในคืนนั้น ราคาศิลาเม็ดละสามแสนห้านี่ชักจะใกล้เคียงกับราคาตอนที่พวกเขาซื้อมากันครั้งแรกแล้วนะ ขายราคาสามแสนเก้าหมื่นหยวนนี่ก็เสียกำไรไปมากแล้ว หากลดราคาขายเหลือสามแสนห้าหมื่นหยวนไม่ยิ่งเสียยิ่งกว่าเดิมเหรอ!

 

 

“เราจะทำไงกันดี” ตระกูลหวังถาม

 

 

“ถึงราคานี้จะไม่ใช่ราคาทั่วไปแล้ว แต่ถ้าเราหยุดลดราคา เราก็แพ้ ไม่มีวิธีแก้เกมแล้ว” หลี่อวิ๋นฉู่ตอบ “ทุกคนยังใจสู้กันอยู่ใช่ไหม”

 

 

พวกเขาเคยมีประสบการณ์ในเรื่องสงครามหั่นราคาเพื่อตัดขาคู่แข่งในธุรกิจกันมาแล้ว ถ้าพวกเขายังคิดจะทำธุรกิจที่เสียไปสามร้อยล้านหยวนต่อวันแล้วยังจะมีอะไรที่พวกเขายังไม่กล้าทำอยู่อีกล่ะ

 

 

“หลี่อีเสี้ยวกล้ามากนะ หมอนั่นอยากผูกขาดตลาดมืดไว้คนเดียวงั้นเหรอ” มีใครคนหนึ่งหัวเราะอย่างเย็นชา “ถ้างั้นเราก็จะเอาให้ถึงที่สุด ตระกูลหลิวจะขายศิลาทั้งหมดหมื่นเม็ดเลย!”

 

 

“ตระกูลหวังก็จะเอาด้วย!”

 

 

ในขณะที่ผู้บำเพ็ญลับกำลังเดินทางไปที่เมืองลั่ว จู่ๆ ราคาศิลก็เกิดผันผวนขึ้นใหม่ “ตลาดมืดเหวินหวานขายศิลาไม่จำกัดอยู่ที่สามแสนสี่หมื่นต่อเม็ดแล้ว!”

 

 

วันต่อมา สมาชิกตระกูลใหญ่สังเกตตลาดมืดกันอย่างสนใจใคร่รู้ แล้วพวกเขาก็โล่งใจเมื่อเห็นพวกผู้บำเพ็ญลับกลับมาต่อแถวกันตั้งแต่คืนก่อนเพื่อรอตลาดมืดเปิด

 

 

แม้แต่เครือข่ายฟ้าดินเองก็จับตามองพวกเขาอย่างใกล้ชิด หนึ่งในสามของผู้บำเพ็ญลับอาจทำตามเป้าไม่สำเร็จเสียแล้วเพราะเครือข่ายฟ้าดินได้เปลี่ยนกลยุทธ์ใหม่

 

 

เป็นที่ประจักษ์กับตระกูลใหญ่แล้วว่าผู้บำเพ็ญลับจากทั่วประเทศกำลังมารวมตัวกันที่นี่ พวกเขาได้ข้อมูลมาจากตระกูลเหล่านี้ โดยตระกูลใญ่แจ้งกับพวกผู้บำเพ็ญลับว่าจะมีกลุ่มคนจำนวนมากมุ่งหน้ามาที่นี่และมีผู้บำเพ็ญลับจำนวนหนึ่งก็อยู่ที่นี่แล้วเช่นกัน

 

 

ซึ่งก็มีคนเป็นร้อยๆ กำลังต่อแถวเพื่อจะได้มาซื้อให้ได้เร็วที่สุด

 

 

หลี่อวิ๋นฉู่ถอนหายใจด้วยความโล่งอก “ถึงเราจะเสียกำไรกันไปบ้างแต่ก็พอประมาณการได้แล้วว่าธุรกิจจะไปได้สวย หลังจากวันนี้เป็นต้นไป เราส่งคนไปเอาศิลาจากต่างประเทศและส่งกลับมาที่ประเทศเราได้แล้ว ตลาดนี้จะถูกผูกขาดเป็นของเราแต่เพียงผู้เดียว”

 

 

ถึงพวกเขาจะสูญเสียไปบ้างแต่ก็เอาตัวรอดกันมาได้ พวกเขาจะเก็บศิลาล็อตนี้ไว้เพื่อสร้างฐานตลาด แล้วในอนาคตพวกเขาค่อยให้คนนำเข้าศิลาเข้ามาจากต่างประเทศ

 

 

ถึงตอนนั้นพวกเขาค่อยขึ้นราคาศิลาทีหลัง แล้วเขาจะขายให้ได้กำไรมากกว่านี้เลยคอยดู!

 

 

“แล้วจะป้องกันไม่ให้ตระกูลอื่นขโมยเอาธุรกิจไปเองได้ยังไงล่ะ…” มีใครบางคนพยายามเตือนขึ้นมา

 

 

“ไม่ต้องเป็นห่วงหรอก คนที่ได้ก่อนก็คือคนที่จะได้กำไรสูงสุด” หลี่อวิ๋นฉู่ไม่สนใจคนคนนั้น เขาหันไปถามคนที่อยู่ข้างๆ “ธุรกิจของฝ่ายนั้นเป็นยังไงบ้างล่ะ”

 

 

ใครสักคนที่ยืนอยู่ข้างหลี่อวิ๋นฉู่หัวเราะ “ลูกค้าส่วนใหญ่เทกันมาที่ตลาดของเรา พวกนั้นไม่กล้าลดราคาแข่ง ก็เลยไม่มีใครไปที่ตลาดพวกนั้นเลย”

 

 

หลี่อวิ๋นฉู่หัวเราะ “ฮ่าๆๆ พวกนั้นคงคิดว่าตัวเองเก่งนักน่ะสิ “หลี่อวิ๋นฉู่หัวเราะ

 

 

พวกเขาขายศิลากันออกไปอย่างรวดเร็ว ก่อนหน้านี้ไม่เคยมีคนหลั่งไหลมาตลาดมืดเหวินหวานเยอะขนาดนี้เลย พอตระกูลใหญ่เห็นคนเยอะขนาดนี้แล้วก็อดยิ้มกันไม่ได้ ชัยชนะนี่ช่างหอมหวานจริงๆ

 

 

แต่แล้วก็มีเสียงโทรศัพท์ดังขึ้น ทุกคนมองหน้ากันและเริ่มรู้สึกแปลกๆ ขึ้นมา…

 

 

หลี่อวิ๋นฉู่สูดหายใจเข้าลึกและกดรับโทรศัพท์ จากนั้นผู้ที่โทรมาก็พูดขึ้น [ตลาดมืดที่ถนนหมายเลข 301 เสนอซื้อศิลาวิญญาณกันในราคาสามแสนห้าหมื่นหยวนต่อเม็ดคืน พวกพ่อค้าแม่ค้าก็เลยไปขายศิลากัน มีบางคนบอกว่าพวกเขาจะมาซื้อศิลาที่นี่เพิ่มเพื่อเอาไปขายต่อด้วยนะครับ ดูเหมือนว่าฝ่ายนั้นจะจัดแจงคนมาเพื่อซื้อศิลาจากเราไป แถมยังซื้อไปหลายร้อยเม็ดในทีเดียวเลยล่ะครับ!]

 

 

แล้วหลี่อวิ๋นฉู่ก็นึกออกว่ามีคนที่ซื้อไปหลายร้อยเม็ดอยู่เหมือนกัน เขาคิดว่าไปเจอพวกตระกูลรวยๆ เข้า เขาคิดไว้อยู่แล้วว่าจะมีปัญหาตามมาไหม แต่พอเช็กประวัติแล้วก็พบว่าพวกคนซื้อพวกนี้มาจากหลายๆ แห่ง แล้วก็ดูเหมือนจะเป็นพวกผู้บำเพ็ญลับกันหมด พวกเขาก็เลยตัดสินใจขายศิลากันอย่างสงบ

 

 

จริงๆ แล้วหลี่อีเสี้ยวส่งคนพวกนี้มางั้นเหรอ ชั้นต่ำเอ๊ย

 

 

เดี๋ยวนะ นี่มันแผนของหลี่อีเสี้ยวหรือแผนของหลี่ว์ซู่กัน

 

 

“หยุด!” อยู่ๆ หลี่อวิ๋นฉู่ก็ตะโกนใส่ผู้คนในตลาดมืด “หยุดซื้อขายกันเดี๋ยวนี้!”

 

 

แต่ว่านั่นก็สายไปแล้ว เพราะพวกเขาขายศิลาออกไปทั้งหมดสี่หมื่นเจ็ดพันเม็ดในวันเดียวเป็นที่เรียบร้อย!

 

 

 

 

“ไม่คิดเลยนะครับว่าคุณจะหาคนช่วยมาเพิ่ม ขอบคุณมากครับ เดี๋ยวคืนนี้มาดื่มฉลองกัน!” หลี่อีเสี้ยวที่ยืนอยู่ในตลาดมืดพูดกับชายแก่คนหนึ่ง

 

 

ชายแก่ค้อมหัวให้ “ก็ตอนแรกคุณก็มาช่วยเราโดยไม่หวังอะไรตอบแทนเลยนี่นะ เราก็เลยช่วยซื้อของมานิดหน่อยระหว่างทาง”

 

 

“ฮ่าๆ ครั้งนี้เราเล่นพวกตระกูลใหญ่เสียพินาศเลยนะครับ มาๆ มาดื่มกัน” หลี่อีเสี้ยวหันไปมองข้างหลังและเห็นหลี่ว์ซู่ เขากระแอม “ดูแลที่นี่ด้วยนะ เดี๋ยวฉันขอตัวก่อน”

 

 

“ได้ครับ เดี๋ยวผมคำนวณกำไรให้คุณพรุ่งนี้” หลี่ว์ซู่ยิ้มตอบ

 

 

ดูจากรายรับแล้วพวกเขาทำรายได้ไปถึงสองหมื่นสี่พันล้านหยวนจากศิลาวิญญาณหกหมื่นเม็ดเท่านั้น หลี่ว์ซู่บอกว่าจะแบ่งให้หลี่อีเสี้ยวศูนย์จุดหนึ่งเปอร์เซ็นต์ เท่ากับว่าหลี่อีเสี้ยวจะได้เงินไปสองร้อยสี่สิบล้านหยวน หลี่ว์ซู่เองก็ไม่ได้บอกจำนวนเงินที่แน่นอนกับหลี่อีเสี้ยวไป เขาแค่บอกไปว่าเขาจะแบ่งให้หลี่อีเสี้ยวมากกว่าสิบล้านแน่ๆ

 

 

เมื่อเขาตัดสินใจแล้วว่าจะเก็บศิลาไว้ในมืออีกครั้ง เขาเลยไม่อยากจะหยุดอยู่ที่สองหมื่นสี่พันล้านหยวน แตศิลานั้นมีราคาต่างกัน ทั้งสี่แสนหยวนต่อเม็ด และสามแสนห้าหมื่นหยวนต่อเม็ด เขาไม่สามารถซื้อศิลาวิญญาณทุกเม็ดกลับมาได้หรอก

 

 

เขาซื้อศิลากลับมาได้สองหมื่นเจ็ดพันเม็ดเท่านั้นในวันนี้ เพื่อนที่หลี่อีเสี้ยวเรียกมาช่วยนั้นช่วยได้มากจริงๆ

 

 

ตอนนี้ในมือหลี่ว์ซู่มีศิลาอยู่ห้าหมื่นห้าพันเม็ด เขาอยากเก็บศิลาพวกนี้ไว้เพื่อแลกเปลี่ยนในอาณาจักรแห่งความมืดในอนาคต

 

 

แม้จะเป็นไปได้ยากมากที่จะโอนทรัพย์สินที่มีค่ามากกว่าร้อยล้านหยวนแบบลับๆ แต่พอมีศิลาวิญญาณนี้แล้วทุกอย่างก็ต่างไป หลี่ว์ซู่ไม่สนใจอาวุธที่พวกตระกูลใหญ่เอามาให้ด้วยซ้ำ มีแค่หยกชิ้นเดียวเท่านั้นที่ควรค่าพอจะทิ้งไว้ได้ ไข่มุกนั่นก็ด้วยเหมือนกัน เอาไว้ทำให้คนกลัวเล่น

 

 

อย่างไรก็ตามหลี่ว์ซู่อยากจะเพิ่มความแข็งแกร่งของเขาและของเสี่ยวอวี๋ เขาคงต้องไปกว้านหาในอาณาจักรแห่งความมืดและจ่ายเงินซื้ออาวุธมาจริงๆ

 

 

หลี่ว์ซู่ตัดสินใจแล้วว่าเมื่อถึงเวลาเขาจะใช้ USB ของแอนโธนี่ไว้เพื่อเข้าไปดูอาณาจักรแห่งความมืด

 

 

คิดอย่างนั้นแล้วเขาก็มีความสุขขึ้นมา และบันทึกในระบบของหลี่ว์ซู่ก็มีแต้มอารมณ์เด้งขึ้นมา

 

 

[ได้แต้มอารมณ์จากหลี่อวิ๋นฉู่ +999…]

 

 

[ได้แต้มอารมณ์จากน่าหลานเชวี่ย…]

 

 

ได้ประโยชน์กันทั้งสองฝ่ายหมายความว่าไงน่ะเหรอ ก็หมายความว่าหลี่ว์ซู่จะได้ทั้งเงินได้ทั้งแต้มอารมณ์ในคราวเดียวยังไงล่ะ

ท่านเทพ ละเว้นข้าเถอะ

ท่านเทพ ละเว้นข้าเถอะ

หลี่ว์ซู่ เป็นเด็กกำพร้าที่หาเลี้ยงตัวเองมาโดยตลอด และก็คงจะหาเลี้ยงตัวเองเช่นนี้ต่อไปเรื่อยๆ ถ้าเขาไม่ได้ประสบอุบัติเหตุรถชนเข้าเสียก่อน… แต่เฮ้ย! เขาไม่เป็นอะไรเลยนี่ ไม่เจ็บ ไม่ปวด และไม่ตาย แถมวิญญาณไม่ได้หลุดออกจากร่างด้วย! จะมีก็แต่สัญลักษณ์รูปต้นไม้ที่จู่ๆ ก็ปรากฏขึ้นมาบนฝ่ามือและพลังพิเศษในตัวที่ตื่นขึ้นมาเท่านั้น! ทว่าเขาไม่ได้เป็นเพียงคนเดียวที่ได้รับพลังพิเศษนี้มา เพราะคนอื่นๆ เองก็เริ่มกลายเป็นผู้มีพลังแล้วเหมือนกัน นี่มันเรื่องบ้าอะไร เกิดอะไรขึ้นกับโลกใบนี้กันแน่ นี่เรากำลังจะก้าวเข้าสู่ยุคของผู้มีพลังพิเศษกันแล้วงั้นเหรอ หลี่ว์ซู่ได้แต่คิดแล้วก็สงสัย ว่าแต่พลังที่ได้มานี่มันฝึกยังไงกันล่ะ เอ๊ะ ต้องสะสมแต้มอารมณ์ด้านลบงั้นเหรอ แค่กวนโมโหคนอื่นก็เพิ่มพลังได้แล้วงั้นเหรอ แบบนี้ก็เข้าทางหลี่ว์ซู่สุดๆ ไปเลยน่ะสิ!

Comment

Options

not work with dark mode
Reset