ท่านเทพ ละเว้นข้าเถอะ – ตอนที่ 567 วิญญาณกระบี่เฉิงอิ่ง

มีบันทึกของกระบี่เฉิงอิ่งในประวัติศาสตร์ กล่าวว่ากระบี่นี้ถูกค้นพบในช่วงสมัยราชวงศ์ซางและต่อมาได้ถูกเก็บรักษาไว้โดยข่งโจ้ว แล้วจากนั้นก็มีคนธรรมดาๆ พบกระบี่เฉิงอิ่งนี้โดยบังเอิญที่ลำต้นของต้นไม้ต้นหนึ่ง โดยต้นไม้นี้ไม่ได้มีอะไรที่แปลกประหลาดหรือผิดปกติแต่อย่างใด ทว่าพอคนคนนั้นเดินผ่านต้นไม้นั้นออกไปไกล อยู่ๆ ต้นไม้นั้นก็โค่นล้มลงมาเสียงดัง

 

 

ถึงหลี่ว์ซู่จะได้ยินตำนานหลายๆ อย่างนี้มาผ่านการเล่าปากต่อปาก แต่เขาก็ยังอยากค้นหาความจริงด้วยตัวเองอยู่

 

 

เขาจำคำโยวหมิงอวี่ได้ว่ากระบี่จะจดจำเจ้าของของมันโดยเลือด และตอนที่หลี่ว์ซู่ออกมา เขาก็นึกขึ้นได้ว่าเขาจะทำแบบนั้นได้ในช่วงที่กลางวันเปลี่ยนเป็นกลางคืนเช่นเดียวกับตอนที่กลางคืนเปลี่ยนเป็นกลางวันเท่านั้น ซึ่งก็แปลว่าเขามีโอกาสเพียงสองครั้งในหนึ่งวัน เพราะฉะนั้นสิ่งแรกที่เขาทำเมื่อถึงบ้านก็คือการสำรวจกระบี่นี้

 

 

หลี่ว์ซู่นั่งอยู่ในสวนหลังบ้านของอพาร์ตเมนต์ของเขา กระบี่เฉิงอิ่งนอนนิ่งอยู่ในกล่องไม้ หลี่ว์ซู่รอจนกระทั่งกลางคืนเข้ามาถึง เขาไม่กลัวหรอกว่าจะพลาดโอกาสไป ที่กล่าวกันก็คือกระบี่เฉิงอิ่งจะปรากฏตัวจริงออกมาให้เห็นตอนกลางวันเปลี่ยนเป็นกลางคืนและตอนที่กลางคืนเปลี่ยนเป็นกลางวัน

 

 

แสงพระอาทิตย์ตกส่องสว่างมาราวกับว่าเป็นอัญมณีที่งดงาม ในตอนที่พระอาทิตย์ลับขอบฟ้านั้นเอง กระบี่เรียวยาวที่ตอนแรกล่องหนก็ปรากฏต่อหน้าหลี่ว์ซู่ กระบี่นั้นกึ่งล่องหนกึ่งชัดเจนเหมือนกับถูกเคลือบเอาไว้ โครงร่างของกระบี่ช่างสวยงามนัก หลี่ว์ซู่อยากสัมผัสกระบี่มาก

 

 

กระทั่งคมกระบี่เฉิงอิ่งเองก็ถูกยึดติดกับส่วนอื่นๆ ของกระบี่ พอมองภายนอกของกระบี่แล้วหลี่ว์ซู่ก็รู้สึกว่าเงินที่เนี่ยถิงยึดไปนั้นช่างคุ้มค่ากับการได้กระบี่นี้มาแทนนัก เครือข่ายฟ้าดินเองก็สมเหตุสมผลดีนะเนี่ย!

 

 

หลี่ว์ซู่วางนิ้วชี้ลงบนส่วนคมของกระบี่ ถึงแม้ร่างกายของเขาจะแข็งแกร่งเทียบเท่ากับผู้บำเพ็ญระดับ B แต่กระบี่ก็ยังบาดนิ้วของเขาได้

 

 

เลือดของเขาไหลลงไปในกระบี่ล่องหนเฉิงอิ่งที่มีพลังแห่งดวงดาวอันยิ่งใหญ่ เหมือนกับว่าเลือดไหลหยดลงไปในน้ำอย่างไรอย่างนั้น เสียงหยดติ๋งๆ ดังขึ้นก่อนควันจะพวยพุ่งออกมา

 

 

หลี่ว์ซู่รู้สึกถึงการเชื่อมต่อกับกระบี่เฉิงอิ่งในทันที และพอยามโพล้เพล้นั้นผ่านพ้นไป กระบี่เฉิงอิ่งก็กลับไปสภาพล่องหนดังเดิม ทว่าหลี่ว์ซู่ก็ยังรู้สึกถึงตัวตนของกระบี่นั้นอย่างชัดเจน

 

 

ก่อนหน้านี้หลี่ว์ซู่กังวลว่ากระบี่ของเขาจะโปร่งใสไปหรือเปล่า ถ้าเขาเกิดเอาไปวางไว้ผิดที่ขึ้นมาล่ะ เขารู้ว่ากระบี่นี้หายไปในสมัยชุนชิวเพราะมีคนเอาไปวางผิดที่ผิดทาง แล้วก็หากระบี่ไม่เจออีกเลย…

 

 

ตอนนี้หลี่ว์ซู่เข้าใจแล้วว่าพิธีกรรมหยดเลือดลงบนกระบี่นั้นก็เพื่อให้กระบี่จดจำเจ้าของ และเจ้าของจะได้รู้สึกที่การมีตัวตนของกระบี่

 

 

เขาไม่กังวลใจเลยด้วยซ้ำที่ทำตัวเองเจ็บแบบนั้น เขารู้สึกตื่นตาตื่นใจที่ตัวเองกังวลสุดๆ ไปแบบนี้ต่างหาก

 

 

เลือดของเขานั้นไหลเวียนอยู่ในกระบี่เฉิงอิ่งเหมือนกับสายน้ำทะเลที่ไหลวน พอเลือดกระจายไปจนทั่วทุกส่วนของกระบี่แล้ว อยู่ๆ ก็มีอะไรบางอย่างแปลกๆ เกิดขึ้น มีร่างร่างหนึ่งในชุดสีขาวลอยออกมาจากกระบี่เฉิงอิ่ง

 

 

จิตวิญญาณแห่งกระบี่นั่นเอง! หลี่ว์ซู่รู้สึกประหลาดใจอย่างยินดี กระบี่นี้เป็นอาวุธวิเศษในตำนานที่มีวิญญาณแห่งกระบี่ปกปักรักษาอยู่

 

 

เขามั่นใจแล้วจริงๆ ว่ากระบี่นี้คุ้มค่ากับเงินที่เสียไป แต่เขายังไม่รู้ว่ากระบี่นี้สามารถทำอะไรได้บ้าง

 

 

หลี่ว์ซู่พยายามเพ่งมองวิญญาณแห่งกระบี่นี้ให้ชัดๆ วิญญาณตนนี้เป็นผู้ชายและเสื้อผ้าที่เขาใส่ก็ดูไม่เหมือนกับคนในยุคสมัยนี้เลย สิ่งที่ทำให้หลี่ว์ซู่ประหลาดใจมากคือวิญญาณกระบี่นี้ออกมาในร่างของมนุษย์เต็มตัว ก่อนหน้านี้เขาเจอมังกรดำในหอกมังกรทมิฬไปจนถึงงูสีทอง แต่คราวนี้ก็เป็นครั้งแรกที่เขาเจอวิญญาณกระบี่ในร่างมนุษย์นอกเสียจากจิตวิญญาณกระบี่จากภูเขาหิมะจุดชี่ไห่

 

 

วิญญาณตนนี้ดูหล่อเหลาและอิ่มเอมความสุข มีดอกบัวสีม่วงอยู่ที่หว่างคิ้วของเขา เขาดูสง่างามมาก

 

 

“ในที่สุดฉันก็ได้เจอแสงแรกแห่งวัน” ชายคนนั้นพูดและมองดูโลกเบื้องหน้าเขา

 

 

“คุณพูดได้ด้วยเหรอ คุณชื่ออะไร” หลี่ว์ซู่ถามออกไปในทันที

 

 

เขาเคยเห็นวิญญาณกระบี่ในรูปร่างมนุษย์แล้ว แต่มีแค่วิญญาณตรงหน้านี้เท่านั้นที่พูดได้ กระบี่นี่เจ๋งชะมัด หลี่ว์ซู่ดีใจจนตัวลอย!

 

 

วิญญาณหล่อๆ ตนนั้นมองกลับมาที่หลี่ว์ซู่แล้วพูดอย่างใจเย็น “เรียกข้าว่าไห่กงจื่อ”

 

 

ไห่กงจื่องั้นเหรอ ชื่อแปลกดีจัง หลี่ว์ซู่ถามต่อ “คุณทำอะไรได้บ้างครับ”

 

 

หลี่ว์ซู่ไม่รู้สึกถึงคลื่นพลังใดๆ จากตัวไห่กงจื่อ แต่เขารู้ว่าไห่กงจื่อคงใช้วิธีป้องกันการจับคลื่นพลังที่ปล่อยออกมาได้เหมือนกับน่าหลานเชวี่ย

 

 

“ตอนนี้เจ้าเป็นเจ้าของคนปัจจุบันของกระบี่เฉิงอิ่งงั้นหรือ” ไห่กงจื่อเลิกคิ้วถาม

 

 

“ใช่ๆๆ ผมเอง!” หลี่ว์ซู่รีบพยักหน้าตอบ

 

 

“เจ้าไม่คู่ควร” พอไห่กงจื่อพูดเสร็จเขาก็คืนกลับเข้าสู่กระบี่ไปราวกับหมอกควัน

 

 

หลี่ว์ซู่ “???”

 

 

อะไรเนี่ย!

 

 

วิญญาณกระบี่อะไรงี่เง่าชะมัด แสดงกิริยาแบบนี้กับเจ้าของได้ไง!

 

 

“ออกมานะ” หลี่ว์ซู่ร้องแทบบ้า “ได้ยินรึเปล่า ออกมาเดี๋ยวนี้นะ!”

 

 

เสียงของหลี่ว์ซู่ดังจนทำเพื่อนบ้านตกใจออกมาดู พอเพื่อนบ้านออกมา หลี่ว์ซู่ก็หันหน้าไปบอกปัด “ไม่ใช่นาย กลับไปซะ!”

 

 

เพื่อนบ้านคนนั้นงงไปเลย

 

 

[ได้แต้มอารมณ์จากหวังเสี่ยว +199…]

 

 

หลี่ว์ซู่หันกลับไปมองกระบี่เฉิงอิ่งอีกครั้ง ความเชื่อมต่อกันระหว่างเขาและกระบี่ยังไม่ถูกทำลายไปเพราะไห่กงจื่อไม่ชอบหน้าเขาหรอก หลี่ว์ซู่แน่ใจว่าเขาเป็นเจ้าของกระบี่เล่มนี้แล้วจริงๆ กระบี่เฉิงอิ่งเป็นของเขาแล้ว

 

 

งั้นก็หมายความว่าไม่มีผลกระทบอะไรกับความสามารถอื่นๆ ของกระบี่ มีแค่วิญญาณกระบี่เท่านั้นที่ทำตัวมีปัญหา

 

 

ก็ไม่ใช่เรื่องใหญ่อะไรหรอก อย่างมากวิญญาณกระบี่ก็คงไม่ฟังคำสั่งเขา แต่หลี่ว์ซู่ทนอับอายขายหน้าแบบนี้ไม่ได้หรอก แกไม่ชอบหน้าใครนะเจ้าวิญญาณกระบี่

 

 

ตอนแรกเขาก็อุตส่าห์คิดวว่าเนี่ยถิงใจดีจังที่ให้อาวุธวิเศษในตำนานกับเขา แต่ดูเหมือนว่าเขาจะหลงกลเนี่ยถิงเข้าให้แล้ว ฮ่าๆ

 

 

ถึงว่าล่ะเนี่ยถิงถึงบอกให้โยวหมิงอวี่กำชับเขาให้ดีว่าให้ใจเย็นมากๆ ขณะฝึกกระบี่ แต่ทำไมเขาต้องโน้มน้าวไห่กงจื่อให้เชื่อฟังเขาอย่างใจเย็นด้วยล่ะ

 

 

ฝันไปเถอะ!

 

 

หลี่ว์ซู่ครุ่นคิดเรื่องนี้อยู่นานแล้วก็ตัดสินหยดเลือดอีกหยดลงไป ไห่กงจื่อปรากฎตัวขึ้นมาอีกรอบตามคาด เขาส่งสายตาเคร่งขรึมและเข้มงวดมาให้ “ต่อไปอย่าเรียกข้าออกมาโดยไม่มีเหตุผลอีก”

 

 

หลี่ว์ซู่ไม่ทันได้ตะโกนใส่ไห่กงจื่อด้วยซ้ำ เจ้าวิญญาณนี่หายกลับเข้ากระบี่ไปเสียก่อน

 

 

ฮ่าๆ…

 

 

หลี่ว์ซู่หยดเลือดลงไปอีกรอบและไห่กงจื่อก็ปรากฏตัวอีกรอบ รอบนี้เขาแสดงท่าทีโมโหอย่างชัดเจน แต่หลี่ว์ซู่เองก็ไม่สบอารมณ์เช่นกัน “คิดว่ากำลังล้อเล่นอยู่กับใครฮะ ไม่รู้เหรอว่าฉันเป็นเจ้าของกระบี่เฉิงอิ่งแล้ว เป็นวิญญาณกระบี่นี่ รู้เรื่องนี้หรือเปล่า”

 

 

“ข้าไม่ได้อยากจะทะเลาะกับเจ้า แต่เจ้าก็ไม่ควรมาพูดแหย่ข้า เราควรอยู่ด้วยกันอย่างสงบนะ เจ้าเองยังแข็งแกร่งไม่พอที่จะมาเป็นเจ้าของกระบี่เฉิงอิ่งเล่มนี้” ไห่กงจื่อตอบด้วยสีหน้าเคร่งเครียด

 

 

แล้วจากนั้นเขาก็เตรียมตัวที่จะกลับเข้าไปในกระบี่อีกครั้ง แต่หลี่ว์ซู่ก็บีบเลือดลงไปในกระบี่อีก ทำให้ไห่กงจื่อต้องออกมาปรากฏตัวทั้งๆ ที่เพิ่งกลับเข้าไป!

 

 

ไห่กงจื่อสับสนมาก

 

 

“ช่วยไม่ได้นะ” หลี่ว์ซู่หัวเราะเสียงเย็น

 

 

ไม่อยากจะทะเลาะด้วยงั้นเหรอ เป็นแค่วิญญาณกระบี่แต่คิดสู้กับเจ้าของ

 

 

ไห่กงจื่อรู้ได้โดยทันทีว่าไม่มีเหตุผลอะไรที่จะไปต่อกรหลี่ว์ซู่ เขาไม่พอใจกับเจ้าของที่อยู่ตรงหน้าเอามากๆ และก็เป็นอย่างที่หลี่ว์ซู่คิดไว้ ไห่กงจื่อไม่สามารถจู่โจมเจ้าของของกระบี่ได้ และนี่ก็เป็นข้อจำกัดของวิญญาณแห่งกระบี่เอง!

ท่านเทพ ละเว้นข้าเถอะ

ท่านเทพ ละเว้นข้าเถอะ

หลี่ว์ซู่ เป็นเด็กกำพร้าที่หาเลี้ยงตัวเองมาโดยตลอด และก็คงจะหาเลี้ยงตัวเองเช่นนี้ต่อไปเรื่อยๆ ถ้าเขาไม่ได้ประสบอุบัติเหตุรถชนเข้าเสียก่อน… แต่เฮ้ย! เขาไม่เป็นอะไรเลยนี่ ไม่เจ็บ ไม่ปวด และไม่ตาย แถมวิญญาณไม่ได้หลุดออกจากร่างด้วย! จะมีก็แต่สัญลักษณ์รูปต้นไม้ที่จู่ๆ ก็ปรากฏขึ้นมาบนฝ่ามือและพลังพิเศษในตัวที่ตื่นขึ้นมาเท่านั้น! ทว่าเขาไม่ได้เป็นเพียงคนเดียวที่ได้รับพลังพิเศษนี้มา เพราะคนอื่นๆ เองก็เริ่มกลายเป็นผู้มีพลังแล้วเหมือนกัน นี่มันเรื่องบ้าอะไร เกิดอะไรขึ้นกับโลกใบนี้กันแน่ นี่เรากำลังจะก้าวเข้าสู่ยุคของผู้มีพลังพิเศษกันแล้วงั้นเหรอ หลี่ว์ซู่ได้แต่คิดแล้วก็สงสัย ว่าแต่พลังที่ได้มานี่มันฝึกยังไงกันล่ะ เอ๊ะ ต้องสะสมแต้มอารมณ์ด้านลบงั้นเหรอ แค่กวนโมโหคนอื่นก็เพิ่มพลังได้แล้วงั้นเหรอ แบบนี้ก็เข้าทางหลี่ว์ซู่สุดๆ ไปเลยน่ะสิ!

Comment

Options

not work with dark mode
Reset