ท่านเทพ ละเว้นข้าเถอะ – ตอนที่ 577 เจ้าของของกระบี่เฉิงอิ่ง

ตอนที่ 577 เจ้าของของกระบี่เฉิงอิ่ง

 

 

“ข้าไม่เคยพบเจ้าของกระบี่เฉิงอิ่งคนไหนที่หน้าด้านได้เท่าเจ้าแล้ว” ไห่กงจื่อกัดฟันพูดขณะที่นั่งเก็บถั่วแขก

 

 

“ฮ่าๆ” หลี่ว์ซู่พูดตอบขณะที่ออกกระบี่ช้าๆ “คุณยังไม่ได้ชดใช้เก้าอี้ที่ตกทอดมาจากบรรพบุรุษของผมที่คุณทำมันพังไปเมื่อวานเลยนะ ผมเองก็ไม่เคยพบเคยเห็นวิญญาณกระบี่เฉิงอิ่งที่หน้าด้านขนาดนี้มาก่อนเลย!”

 

 

การยั่วยุพวกนี้เริ่มไปกันใหญ่แล้ว เมื่อดวงอาทิตย์ขึ้น หลี่ว์ซู่ก็เก็บกระบี่ ไห่กงจื่อที่เพิ่งเก็บถั่วแขกจากพื้นเสร็จเรียบร้อยพอดีก็รีบกลับเข้าไปในกระบี่เฉิงอิ่ง

 

 

เป็นข้อตกลงที่รู้กันเองระหว่างทั้งคู่ว่าการทะเลาะของหลี่ว์ซู่และไห่กงจื่อจะหยุดลงเมื่อหลี่ว์ซู่หยุดซ้อม และจะเริ่มต้นอีกครั้งหนึ่งเมื่อหลี่ว์ซู่เริ่มซ้อมในวันถัดไป

 

 

วันต่อมาก่อนรุ่งสาง หลี่ว์ซู่ร้องเพลงดาวดวงน้อยจนถึงตีสามเพื่อรักษาความแข็งแกร่งของตนเองไว้ หลังจากนั้นเขาก็ดึงกระบี่เฉิงอิ่งออกมาจากตราแผ่นดินแล้วตรงไปบริเวณสวนหลังบ้าน เขามีสีหน้าของความเคารพอยู่เหมือนกับว่าเขากำลังจะออกรบอย่างไรอย่างนั้น

 

 

เมื่อเขาก้าวเข้ามาในสวนแล้ว ไห่กงจื่อยังไม่ได้ออกมาจากกระบี่เฉิงอิ่ง หลี่ว์ซู่จึงเลยปาถั่วแขกลงพื้นและรอให้ไห่กงจื่อมาปรากฏตัวเงียบๆ …

 

 

[ได้แต้มอารมณ์จากเอ๋าไห่ +999!]

 

 

พอไห่กงจื่อปรากฎตัวออกมา เขาก็สังเกตเห็นว่าบนพื้นเต็มไปด้วยถั่วแขกอีกแล้ว หน้าอกของเขากระเพื่อมขึ้นลงเหมือนกับจะระเบิดออกมา ไห่กงจื่อพยายามอย่างมากที่จะไม่สนใจถั่วแขกบนพื้น แต่เขาก็ทนไม่ได้อีกต่อไป

 

 

หลี่ว์ซู่เดินไปตรงกลางสวน โดยเหยียบถั่วแขกไปด้วยระหว่างทาง

 

 

[ได้แต้มอารมณ์จากเอ๋าไห่ +999!]

 

 

หลี่ว์ซู่ยิ้มและเริ่มการฝึกฝน ฮ่าๆ การทำแบบนี้เป็นการช่วยให้คนที่เป็นโรคย้ำคิดย้ำทำนี้หายได้เลยนะเนี่ย ไม่มีประโยชน์อะไรถ้าจะหยุดทำแบบนี้นี่นา!

 

 

แต่ตอนนี้หลี่ว์ซู่รู้สึกได้ถึงคลื่นพลังงานจากไห่กงจื่อ เขาตกใจแล้วหันกลับไปมอง พบว่าดอกบัวสีม่วงตรงหว่างคิ้วของไห่กงจื่อส่องสว่างขึ้นมา โห! เหมือนโซ่ขาดผึงเลย อย่างกับเปิดประตู

 

 

ดอกบัวสีม่วงนั้นค่อยๆ หม่นแสงลง แล้วจู่ๆ มังกรสีขาวในตำนานจีนที่มีกรงเล็บห้าเล็บก็พุ่งตัวออกมา

 

 

มังกรขาวตัวนั้นปรากฏขึ้นด้านหลังที่ที่ไห่กงจื่อเคยอยู่ มันดูงามสง่ามาก และขนาดตัวของมันก็ใหญ่ไม่น้อยเลย

 

 

หลี่ว์ซู่สังหรณ์ใจไม่ดี เขาหมุนตัวเตรียมหนีในทันใด เด็กหนุ่มวิ่งไปตามทางเดินมุ่งหน้าไปยังภูเขาเป่ยหมังที่ไม่มีใครอยู่ แต่แล้วเขาก็ตระหนักได้ว่าต่อให้วิ่งหนีไปก็ไม่มีประโยชน์ เพราะไห่กงจื่อตามความเร็วสูงสุดของเขาทัน เขามาถึงตัวหลี่ว์ซู่ก่อนที่หลี่ว์ซู่จะวิ่งได้ถึงหนึ่งร้อยเมตรเสียอีก!

 

 

“เดี๋ยว ฉันมีอะไรจะพูด” หลี่ว์ซู่คำรามขึ้นมา

 

 

ทว่าไห่กงจื่อไม่รอฟังหลี่ว์ซู่ แล้วทันใดนั้นเด็กหนุ่มก็สัมผัสได้ว่าความกดอากาศรอบตัวเขาตกฮวบไป หลี่ว์ซู่ขยับตัวไม่ได้

 

 

แล้ววินาทีต่อจากนั้น ครอบครัวของผู้ที่อาศัยอยู่ในละแวกนั้นก็สะดุ้งตื่นเพราะแสงสีขาวสว่างจ้า เสียงเดียวที่ลอยเข้ามาในโสตประสาทของพวกเขาคือเสียงเด็กหนุ่มตะโกนร้องสุดเสียงอย่างน่าสงสาร “เอ๋าไห่ รอเดี๋ยว!”

 

 

“นี่เป็นความผิดของเนี่ยถิง!”

 

 

เช้าวันต่อมาเป็นวันหยุดฤดูหนาว หลี่ว์ซู่นอนอยู่บนเตียงในสภาพยับเยิน

 

 

หากพยายามพูดให้กำลังตัวเองว่า “ขนาดเอ๋าไห่ฟิวส์ขาดแต่ก็ยังเทียบฉันไม่ได้” อาจพอช่วยเรียกความภาคภูมิใจในตัวเองกลับคืนมาได้บ้าง แต่หลี่ว์ซู่ไม่เห็นความจำเป็นที่จะต้องทำเช่นนั้น…

 

 

ไห่กงจื่อเป็นวิญญาณกระบี่ที่ไม่เหมือนใครจริงๆ หลี่ว์ซู่ไม่คิดเลยว่าตัวตนที่แท้จริงของเขาจะเป็นมังกรขาวในตำนานจีน เขาคิดว่าสัตว์ในตำนานจะมีตัวตนอยู่แค่ในเทพนิยายเสียอีก

 

 

พูดตามตรง หลังถูกไห่กงจื่อจู่โจม จนตอนนี้หลี่ว์ซู่ก็ยังไม่แน่ใจแล้วว่าความแข็งแกร่งของเจ้าวิญญาณนั่นจะไปสุดที่ตรงไหน ขนาดพลังของปู่เสียนอียังเทียบกับพลังที่ไห่กงจื่อระเบิดออกมาเพียงชั่วครู่ไม่ได้

 

 

เขาจะแก้เผ็ดคืนยังไง ใช้เลือดตัวเองเรียกไห่กงจื่อออกมาดูจะไม่ใช่ความคิดที่ดีอีกต่อไปแล้ว ไห่กงจื่ออาจไม่กลับเข้าไปในกระบี่เฉิงอิ่งอีกเลยก็ได้ และถึงแม้เขาจะออกมาอยู่ข้างนอกถาวร เขาก็ยังดึงเอาพลังจิตวิญญาณจากบริเวณรอบๆ ไปใช้รักษาสภาพตัวเองได้อยู่ดี

 

 

หลี่ว์ซู่ลุกขึ้นแล้วเดินไปที่ซูเปอร์มาร์เก็ตใหญ่ที่อยู่ถัดจากที่พัก เขาซื้อถั่วแขกมาห้าสิบกิโลกรัม พนักงานแคชเชียร์ไม่รู้จะว่าอะไร ทำได้แค่มองหน้าหลี่ว์ซู่…

 

 

พอเขากลับมาที่บ้านแล้วก็สูดหายใจเข้าลึก จากนั้นก็นำไข่มุกดำออกมาจากตราแผ่นดินและปลดผนึกมัน

 

 

วินาทีต่อมา หลี่ว์ซู่ก็มาปรากฏตัวที่หุบเหวแห่งความโกลาหล เขาเห็นหมิงเย่ว์เยี่ยยืดตัวสุดสายโซ่ที่เหนี่ยวรั้งเขาไว้เพื่อจะยื่นมือไปคว้าจานไก่อบ…

 

 

หมิงเย่ว์เยี่ยไม่คาดว่าจู่ๆ หลี่ว์ซู่จะโผล่มาที่นี่ได้

 

 

เขาถอยหลังกลับไปที่เดิมช้าๆ แล้วนั่งลง “ต่อให้ไม่กินอะไร ข้าก็ยังมีชีวิตได้กว่าหมื่นปี”

 

 

[ได้แต้มอารมณ์จากหมิงเย่ว์เยี่ย +999!]

 

 

แต่หลี่ว์ซู่ไม่ได้สนใจอะไรนัก เขาเทกระจาดถั่วแขกทั้งห้าสิบกิโลกรัมลงกับพื้น แล้วทันใดนั้น เขาก็นำกระบี่เฉิงอิ่งออกมาก่อนใช้มันกรีดไปที่นิ้วมือ!

 

 

หมิงเย่ว์เยี่ยงุนงง นั่นเขากำลังทำอะไรน่ะ เข้ามาที่นี่เพื่อสาดถั่วแขกแล้วจากนั้นก็ทำร้ายตัวเองเล่น?

 

 

หลังจากนั้น เขาก็สังเกตเห็นร่างสีขาวปรากฏตัวออกมาจากกระบี่เฉิงอิ่ง ร่างสีขาวนั้นไม่ได้ทำอะไรอื่น เขาเพียงแค่นั่งยองๆ แล้วหยิบถั่วแขกขึ้นมา ไห่กงจื่อพูดเสียงเย็น “รอข้าก่อนเถอะ ข้าจะขยี้เจ้าให้แหลก”

 

 

พื้นที่เต็มไปด้วยถั่วแขกดูจะทำให้ผู้ป่วยโรคย้ำคิดย้ำทำอย่างเขาหงุดหงิดประหนึ่งคนอกแตก

 

 

หลี่ว์ซู่ที่สภาพไม่สู้ดีขำตัวโยน “เก็บถั่วก่อนเถอะ!”

 

 

เมื่อเขาพูดจบ หลี่ว์ซู่ก็เรียกไข่มุกดำออกมาแล้วพาตัวเองออกจากหุบเหวแห่งนี้กลับไปที่ห้อง

 

 

เมื่อก่อนเขาเห็นเพียงหมอกดำหนาหมุนวนในไข่มุกนี่ แต่ตอนนี้หมอกนั้นหายไปแล้วเพราะถูกเจ้างูแห่งความโกลาหลกินเข้าไป เพราะฉะนั้นเขาก็เลยมองเห็นทุกอย่างในนั้นได้อย่างชัดเจน!

 

 

เขาเห็นไห่กงจื่อและหมิงเย่ว์เยี่ยกำลังงุนงงอยู่ที่หุบเหวแห่งความโกลาหล ไห่กงจื่อไม่คิดว่าหลี่ว์ซู่จะเรียกเขาออกมาในสถานที่ที่ไม่รู้จักเช่นนี้ แถมยังสาดถั่วตั้งห้าสิบกิโลแล้วหนีหายไป

 

 

หมิงเย่ว์เยี่ยงงหนักยิ่งกว่า หลังจากหลี่ว์ซู่เข้ามาข้างใน เขาก็เรียกใครอีกคนออกมาจากกระบี่เพื่อไล่เก็บถั่วแขก… เก็บถั่วแขกไปทำไมกัน!

 

 

บรรยากาศภายในหุบเหวแห่งความโกลาหลตอนนี้พิลึกกึกกือมาก!

 

 

[ได้แต้มอารมณ์จากหมิงเย่ว์เยี่ย +999!]

 

 

[ได้แต้มอารมณ์จากเอ๋าไห่ +999!]

 

 

“เจ้าเป็นใครน่ะ” หมิงเย่ว์เยี่ยลังเลอยู่นานก่อนจะถามออกมา

 

 

“ข้าคือไห่กงจื่อ!” ไห่กงจื่อตอบด้วยความทรงเกียรติขณะที่ก้มลงไปเก็บถั่วแขก

 

 

หมิงเย่ว์เยี่ยตกตะลึง หลี่ว์ซู่เคยพูดถึง ‘ไห่กงจื่อ’ เจ้าสวรรค์แดนบูรพามาก่อนนี่ เขายังพูดอีกด้วยว่า ‘ถ้าคุณไม่รู้จักไห่กงจื่อ ผมก็ไม่มีอะไรจะพูดด้วยแล้ว’

 

 

แน่ล่ะเขาไม่คิดว่าไห่กงจื่อจะเป็นเจ้าสวรรค์แดนบูรพาจริงๆ หลี่ว์ซู่ไม่ได้บอกความจริงกับเขา

 

 

แต่หมิงเย่ว์เยี่ยก็ไม่เข้าใจอย่างหนึ่ง ทำใมถึงทำคนที่มีเกียรติขนาดนั้น ในขณะนี้ถึงลงไปนั่งยองๆ เก็บถั่วแขกจากพื้นอยู่เนี่ย

 

 

หมิงเย่ว์เยี่ยหยุดคิดแล้วเอ่ยออกไป “งั้น…ข้าขอรบกวนเจ้าช่วยเลื่อนจานไก่มาใกล้ข้าหน่อยได้หรือเปล่า”

 

 

ไห่กงจื่อมองที่ไปจานไก่อบที่หลี่ว์ซู่วางทิ้งไว้บนพื้น เขาเดินไปข้างหน้าอย่างกระฉับกระเฉงและจัดชิ้นไก่ให้เป็นระเบียบเรียบร้อยในจาน จากนั้นก็กลับไปเก็บถั่วแขกต่อ ไม่มีท่าทีว่าจะเลื่อนจานไก่ให้หมิงเย่ว์เยี่ยเลยแม้แต่น้อย

 

 

หมิงเย่ว์เยี่ยพูดไม่ออก

 

 

[ได้แต้มอารมณ์จากหมิงเย่ว์เยี่ย +666!]

 

 

อะไรเนี่ย! โรคย้ำคิดย้ำทำของเขามันอาการหนักขนาดนี้เลยรึไง นี่ถูกส่งมาเพื่อให้กวนประสาทกันหรือเปล่า!!

ท่านเทพ ละเว้นข้าเถอะ

ท่านเทพ ละเว้นข้าเถอะ

หลี่ว์ซู่ เป็นเด็กกำพร้าที่หาเลี้ยงตัวเองมาโดยตลอด และก็คงจะหาเลี้ยงตัวเองเช่นนี้ต่อไปเรื่อยๆ ถ้าเขาไม่ได้ประสบอุบัติเหตุรถชนเข้าเสียก่อน… แต่เฮ้ย! เขาไม่เป็นอะไรเลยนี่ ไม่เจ็บ ไม่ปวด และไม่ตาย แถมวิญญาณไม่ได้หลุดออกจากร่างด้วย! จะมีก็แต่สัญลักษณ์รูปต้นไม้ที่จู่ๆ ก็ปรากฏขึ้นมาบนฝ่ามือและพลังพิเศษในตัวที่ตื่นขึ้นมาเท่านั้น! ทว่าเขาไม่ได้เป็นเพียงคนเดียวที่ได้รับพลังพิเศษนี้มา เพราะคนอื่นๆ เองก็เริ่มกลายเป็นผู้มีพลังแล้วเหมือนกัน นี่มันเรื่องบ้าอะไร เกิดอะไรขึ้นกับโลกใบนี้กันแน่ นี่เรากำลังจะก้าวเข้าสู่ยุคของผู้มีพลังพิเศษกันแล้วงั้นเหรอ หลี่ว์ซู่ได้แต่คิดแล้วก็สงสัย ว่าแต่พลังที่ได้มานี่มันฝึกยังไงกันล่ะ เอ๊ะ ต้องสะสมแต้มอารมณ์ด้านลบงั้นเหรอ แค่กวนโมโหคนอื่นก็เพิ่มพลังได้แล้วงั้นเหรอ แบบนี้ก็เข้าทางหลี่ว์ซู่สุดๆ ไปเลยน่ะสิ!

Comment

Options

not work with dark mode
Reset