ท่านเทพ ละเว้นข้าเถอะ – ตอนที่ 582 ยังเร็วไปหน่อยที่จะดีใจ

ตอนที่ 582 ยังเร็วไปหน่อยที่จะดีใจ

 

 

หลี่ว์ซู่เห็นว่าสือเสวจิ้นและเนี่ยถิงไม่เชื่อเขา อ้อ จริงสิ เขาใช้คมของกระบี่เฉิงอิ่งบาดนิ้วตัวเองเพื่อเรียกไห่กงจื่อออกมา ดูเหมือนว่าแผลที่นิ้วนี่คงไม่มีวันหายดีแน่ๆ …

 

 

พอไห่กงจื่อออกมาเห็นเนี่ยถิงแล้วก็หัวเราะ “ไม่คิดเลยนะว่าเจ้าจะโตไวขนาดนี้ ดีจริงๆ แต่ข้าไม่เข้าใจว่าทำไมกระบี่เฉิงอิ่งถึงมาตกอยู่ในมือของเจ้าเด็กนี่ เด็กสมัยนี้น่ะตื้นเขิน! สมัยข้านะ…”

 

 

ทว่าหลี่ว์ซู่ส่งไห่กงจื่อกลับไปในกระบี่ก่อนที่เขาจะพูดจบ “จะพูดไปทำไมเนี่ย สมัยก่อนนะงั้นเหรอ อย่ามาล้อเล่นกันหน่อยเลย”

 

 

เนี่ยถิงถึงกับเงียบ

 

 

สือเสวจิ้นเองก็พูดไม่ออก

 

 

[ได้แต้มอารมณ์จากเอาไห่ +999!]

 

 

[ได้แต้มอารมณ์จากเนี่ยถิง +…]

 

 

[ได้แต้มอารมณ์จากสือเสวจิ้น +…]

 

 

เนี่ยถิงพูดอย่างใจเย็น “ฉันว่าฉันเข้าใจแล้วล่ะว่าทำไมนายถึงถูกไห่กงจื่อไล่บี้”

 

 

หลี่ว์ซู่นึกสงสัย “คุณเอาชนะไห่กงจื่อได้ไหม”

 

 

เนี่ยถิงเงียบแล้วตอบ “ไม่รู้สิ”

 

 

“เดี๋ยวนะ ผมว่ามีอะไรแปลกๆ ผมรู้สึกว่าเขาคงไล่บี้คุณตอนคุณยังเด็กใช่ไหม” หลี่ว์ซู่รู้สึกว่าเขาเข้าใกล้ความจริงเข้าไปเรื่อยๆ

 

 

“รีบๆ เอาหนังสือรับเข้าเรียนไปให้จงอวี้ถังไป” เนี่ยถิงหมุนตัวแล้วเดินจากไป “เดี๋ยวฉันจะไปตรอกหลิงจิงหน่อย จะไปกินข้าวเย็นที่โรงอาหาร”

 

 

“ครับ” สือเสวจิ้นตอบเห็นด้วย เขากำลังนั่งอ่านหนังสืออยู่บนเก้าอี้พับได้ ทั้งสองคนทำเหมือนกับว่าหลี่ว์ซู่ไม่ได้อยู่ตรงนี้ด้วย แปลว่าทั้งสองคนคิดจะไล่เขากลับไปสินะ

 

 

หลี่ว์ซู่เหลือบไปที่สือเสวจิ้น “ผมได้ยินว่าคุณอยากจะเป็นคนรอบรู้ในคำสอนสามอย่างนั้นใช่ไหม แล้วหนังสือแต่ละเล่มก็มีคำสอนหลายอย่างเหลือเกิน คนธรรมดาๆ แบบคุณจะอ่านหนังสือทั้งหมดจบด้วยเหรอ”

 

 

สือเสวจิ้นยิ้มสบายๆ “ความจริงไม่มีขีดจำกัดหรอก แต่ก็ไม่เห็นต้องกลัวเลยนี่ สนุกกับมันขณะเรียนรู้ไปสิ”

 

 

หลี่ว์ซู่ตะลึง “ล้ำลึกมาก คุณเป็นคนฉลาดจริงๆ ”

 

 

“ก็ไม่ได้คิดเองหรอกนะ” สือเสวจิ้นเอนหลังลงบนเก้าอี้พับ พริบตาเดียวเขาก็จมไปกับหนังสือที่อ่านเสียแล้ว

 

 

จากนั้นหลี่ว์ซู่ก็นั่งรถไฟไปที่อวี้โจว เขาจะต้องไปหาจงอวี้ถังเป็นอันดับแรก

 

 

เครือข่ายฟ้าดินสาขาอวี้โจวนั้นอยู่ที่หัวเมืองใหญ่ของจังหวัด ก่อนหน้าวันปีใหม่ก็ได้มีตลาดมืดที่ใหญ่ที่สุดที่เคยมีมาอยู่ในเมืองลั่ว แถมวิทยาลัยลั่วเฉิงที่เป็นหนึ่งในเจ็ดมหาวิทยาลัยฝึกฝนบำเพ็ญก็อยู่ที่นั่นด้วย เพราะฉะนั้นจงอวี้ถังเลยย้ายศูนย์ประจำการใหญ่มาที่วิทยาลัยลั่วเฉิงแทน

 

 

เมืองลั่วนั้นเป็นหนึ่งในที่ที่มีพลังจิตวิญญาณเข้มข้นมากที่สุด สำหรับเครือข่ายฟ้าดินแล้วมันเป็นเรื่องที่สำคัญมาก ตอนที่หลี่อีเสี้ยวเลือกที่จะมารับหน้าที่ดูแลเมืองลั่วนั้นก็เพราะมันเป็นเมืองที่สำคัญ และสือเสวจิ้นก็เดาถูกด้วยว่าจะต้องมีวัตถุเก่าแก่โบราณมากกว่าหนึ่งชิ้นในเมืองลั่วด้วยแน่นอน

 

 

มีโบราณสถานภูเขาเป่ยหมังปรากฏขึ้น แล้วมันก็ยังมีพลังจิตวิญญาณลึกลงไปมากๆ ที่ภูเขาหลงเหมินอีก

 

 

ถ้าตราแผ่นดินไม่ได้ถูกชิงไปเสียก่อน สือเสวจิ้นและเนี่ยถิงก็คงส่งคนไปหาวิธีเปิดโบราณสถานนี้แล้ว

 

 

แต่ตอนนี้ทั้งสองคนรู้แล้วว่าตราแผ่นดินอยู่ในมือหลี่ว์ซู่ พวกเขาจึงไม่ได้พูดอะไรออกไป พวกเขากังวลใจมากกว่าว่าหลี่ว์ซู่อาจจะเล่นอะไรพิเรนทร์ๆ แล้วก็ทิ้งของชิ้นนี้ไป…

 

 

หลี่ว์ซู่มาถึงที่วิทยาลัยลั่วเฉิงแล้ว เขาคุ้นเคยกับที่นี่น่าดู นักเรียนหลายๆ คนไม่เคยมาที่นี่มาก่อน แต่หลี่ว์ซู่ผ่านเข้ามาในวิทยาลัยนี่บ่อยๆ

 

 

เมื่อไหร่ก็ตามที่หลี่อีเสี้ยวจะไปต่างประเทศ เขามักจะชวนหลี่ว์ซู่มากินข้าวด้วย จากห้าครั้งที่หลี่ว์ซู่มาร่วมโต๊ะกินข้าวกับเขา หลี่ว์ซู่ได้ช่วยน่าหลานเชวี่ยหาที่ซ่อนเงินลับของหลี่อีเสี้ยวไปทั้งหมดสามครั้งด้วยกัน เพราะฉะนั้นน่าหลานเชวี่ยเลยต้อนรับหลี่ว์ซู่เป็นพิเศษ เธอทำเหมือนกับว่าหลี่ว์ซู่เป็นเพื่อนสนิทของเธอแล้ว…

 

 

หลี่ว์ซู่อยู่ในอาคารธุรการในวิทยาลัยลั่วเฉิง เขารู้สึกลังเลนิดหน่อย เขาไม่ได้เข้ามาทางประตูหลักแต่ปีนกำแพงข้างหลังอาคารขึ้นมาแทน พอมาถึงห้องทำงานของจงอวี้ถังแล้ว เขาก็ค่อยๆ มองผ่านเข้าไปในกระจก

 

 

เขาวางมือหนึ่งไว้บนธรณีหน้าต่าง ส่วนอีกมือหนึ่งล้วงเข้าไปหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาเพื่อโทรหาจงอวี้ถัง [ขอโทษค่ะ หมายเลขที่ท่านเรียกไม่สามารถติดต่อได้ในขณะนี้ โปรดลองใหม่อีกครั้ง…]

 

 

หลี่ว์ซู่มองเข้าไปผ่านหน้าต่างและเห็นจงอวี้ถังกำลังจัดเรียงเอกสารอยู่ โทรศัพท์ที่อยู่ข้างตัวเขาดังขึ้นมา เห็นได้ชัดเลยว่าหลี่ว์ซู่โทรหาเขาติดแล้ว

 

 

ฮ่าๆ จะเล่นแบบนี้ใช่ไหม หลี่ว์ซู่หัวเราะเสียงเย็น

 

 

จงอวี้ถังไม่รู้อิโหน่อิเหน่เลยว่าเกิดอะไรขึ้น เขาหยิบมือถือขึ้นมาแล้วเห็นว่าหลี่ว์ซู่กำลังโทรหาเขา เขายิ้มแล้ววางโทรศัพท์ลงบนโต๊ะที่เดิม แต่ตอนนี้เขาเริ่มรู้แล้วว่ามีอะไรแปลกไป เขาหันไปมองที่หน้าต่าง แล้วก็พบว่าหลี่ว์ซู่กำลังหัวเราะอย่างเย็นชาให้เขา อะไรกันเนี่ย!

 

 

เขาแทบจะปาโทรศัพท์ไปที่หลี่ว์ซู่ “นายมาที่นี่ได้ไงเนี่ย!”

 

 

[ได้แต้มอารมณ์จากจงอวี้ถัง +666!]

 

 

หลี่ว์ซู่ดันหน้าต่างออกแล้วกระโดดเข้ามา “ฮ่าๆ เสียงเรียกเข้าเข้าท่าดีนะครับ!”

 

 

“อะไรนะ พูดอะไรไม่รู้เรื่อง” จงอวี้ถังมองออกไปข้างนอกหน้าต่าง

 

 

หลี่ว์ซู่จะไม่แกล้งรังควานจงอวี้ถังอีกต่อไปแล้ว เขาตบโต๊ะทำงานของจงอวี้ถังด้วยหนังสือรับเข้าเรียนดังปัง! “ช่วยทำงานของคุณด้วยนะครับ”

 

 

พอจงอวี้ถังเห็นกระดาษแผ่นนั้นเขาก็ดีใจขึ้นมา เหมือนกับว่าได้ยกภูเขาออกจากอก นักเรียนธรรมดาๆ หรือสมาชิกเครือข่ายฟ้าดินธรรมดาๆ คงไม่รู้สถานะของหลี่ว์ซู่หรอก แต่จงอวี้ถังเข้าใจแล้วว่าความสัมพันธ์ระหว่างเนี่ยถิงและหลี่ว์ซู่นั้นแน่นแฟ้นกันมาก เขาไม่กล้าไปแหย่สองคนนี้หรอก

 

 

“ฮ่าๆ ได้สิ เดี๋ยวจัดการให้” จงอวี้ถังรู้สึกเหมือนมีแสงส่องผ่านหมอกหนาในพายุ “เดี๋ยวพรุ่งนี้จะให้คนขับรถไปส่งที่ค่ายฝึกทหารนะ ว่าไงล่ะ”

 

 

หลี่ว์ซู่มองหน้าจงอวี้ถังอย่างใจเย็น “ผมจะไม่เข้าร่วมการฝึกทหาร ผมเคยบอกซีเฟ่ยไปแล้วนี่ ว่าผมเคยฝึกมาแล้ว”

 

 

“ขนาดหัวกะทิระดับ A ยังต้องไปฝึกหลังจากกลับมาจากภารกิจแล้วเลยนะ” จงอวี้ถังตะลึง เขาพูดต่อ “พวกเขาเองก็ไปฝึกมาแล้วเหมือนกัน นายเองก็ต้องไปเป็นครั้งที่สองด้วย”

 

 

“พวกเขาก็คือพวกเขา ส่วนผมก็คือผมครับ” หลี่ว์ซู่ตอบกลับเรียบๆ เขาไปตะลุยที่อันตรายๆ อย่างโบราณสถานเกาะช้างและฐานของทวยเทพมาแล้ว พูดตามตรงว่าค่ายทหารไม่มีอะไรสำคัญให้เขาเรียนรู้หรอก สำหรับกลยุทธ์ทางทหารน่ะ หลี่ว์ซู่คิดว่าต้องคิดเอาตอนนั้นจะดีกว่า กลยุทธ์อื่นๆ ใช้กับเขาไม่ได้หรอก เพราะทุกครั้งที่เขาวางแผนอะไรไป คนอื่นมักจะทำพังทุกครั้งเลย

 

 

เป็นอย่างนี้เสมอแหละ แต่พอเขาคิดแก้ปัญหาเฉพาะหน้า มันมักจะออกมามีประสิทธิภาพเสมอ

 

 

“แบบนั้นไม่ได้หรอก การฝึกทหารครั้งนี้จะถูกคิดเป็นหนึ่งในการประเมินผลของนายด้วย” จงอวี้ถังเริ่มตระหนก “ในอนาคตก็จะมีการแข่งขันต่อสู้กันในวิทยาลัยทั้งเจ็ด ถ้านายไม่เข้าฝึกก็จะเข้าร่วมการแข่งขันนี้ไม่ได้นะ”

 

 

จงอวี้ถังเป็นอาจารย์ใหญ่ในวิทยาลัยลั่วเฉิงนี้ เนี่ยถิงไม่ยอมให้หลี่อีเสี้ยวเป็นด้วยซ้ำ มากไปกว่านั้นดูเหมือนจะมีการแข่งขันกันเองในหมู่วิทยาลัยเจ็ดแห่งด้วย จงอวี้ถังก็รู้สึกดีใจอยู่แล้วที่จะได้หลี่ว์ซู่มาเป็นนักเรียนที่แข็งแกร่งในโรงเรียนนี้ จะมีนักเรียนสักกี่คนในประเทศที่เอาชนะหลี่ว์ซู่ได้ล่ะ แต่พอมาตอนนี้หลี่ว์ซู่จะไม่ทำตามขั้นตอนตั้งแต่แรกเสียแล้ว

 

 

หลี่ว์ซู่หมุนตัวแล้วเดินออกไป “ลืมไปได้เลยครับ ผมไม่เข้าร่วมหรอก”

 

 

[ได้แต้มอารมณ์จากจงอวี้ถัง +666!]

 

 

เขาเข้าใจปัญหาแล้วล่ะ ถึงแม้ตอนนี้เขาจะไม่ได้ร่วมวงสงครามเย็นระหว่างหลี่ว์ซู่กับเนี่ยถิง แต่ในอนาคตเขาจะจัดการกับหลี่ว์ซู่ยังไงล่ะ ไม่ได้จัดการง่ายๆ เสียด้วย นี่เขาดีใจเร็วเกินไปหรือเปล่านะ!

ท่านเทพ ละเว้นข้าเถอะ

ท่านเทพ ละเว้นข้าเถอะ

หลี่ว์ซู่ เป็นเด็กกำพร้าที่หาเลี้ยงตัวเองมาโดยตลอด และก็คงจะหาเลี้ยงตัวเองเช่นนี้ต่อไปเรื่อยๆ ถ้าเขาไม่ได้ประสบอุบัติเหตุรถชนเข้าเสียก่อน… แต่เฮ้ย! เขาไม่เป็นอะไรเลยนี่ ไม่เจ็บ ไม่ปวด และไม่ตาย แถมวิญญาณไม่ได้หลุดออกจากร่างด้วย! จะมีก็แต่สัญลักษณ์รูปต้นไม้ที่จู่ๆ ก็ปรากฏขึ้นมาบนฝ่ามือและพลังพิเศษในตัวที่ตื่นขึ้นมาเท่านั้น! ทว่าเขาไม่ได้เป็นเพียงคนเดียวที่ได้รับพลังพิเศษนี้มา เพราะคนอื่นๆ เองก็เริ่มกลายเป็นผู้มีพลังแล้วเหมือนกัน นี่มันเรื่องบ้าอะไร เกิดอะไรขึ้นกับโลกใบนี้กันแน่ นี่เรากำลังจะก้าวเข้าสู่ยุคของผู้มีพลังพิเศษกันแล้วงั้นเหรอ หลี่ว์ซู่ได้แต่คิดแล้วก็สงสัย ว่าแต่พลังที่ได้มานี่มันฝึกยังไงกันล่ะ เอ๊ะ ต้องสะสมแต้มอารมณ์ด้านลบงั้นเหรอ แค่กวนโมโหคนอื่นก็เพิ่มพลังได้แล้วงั้นเหรอ แบบนี้ก็เข้าทางหลี่ว์ซู่สุดๆ ไปเลยน่ะสิ!

Comment

Options

not work with dark mode
Reset