ท่านเทพ ละเว้นข้าเถอะ – ตอนที่ 581 แท่งหยกและวิธีลับ

ตอนที่ 581 แท่งหยกและวิธีลับ

 

 

พอหลี่ว์ซู่ได้รับหนังสือรับรองการสมัครเรียนมา เขาก็รู้สึกราวกับประสบความสำเร็จไปอย่างหนึ่งแล้ว ครั้งนี้หลี่ว์ซู่ชนะ ในขณะที่เนี่ยถิงไม่มีทางเลือกแต่ก็ต้องยอมถอยกลับไปเพื่อให้หลี่ว์ซู่ไปเรียนได้

 

 

ฮ่าๆ ถ้าเนี่ยถิงรู้ว่าเรื่องจะกลายมาเป็นแบบนี้ในท้ายที่สุด เขาก็คงไม่เมินสายเรียกเข้าของหลี่ว์ซู่และหลบหน้าหายไปหรอก ไม่มีประโยชน์อะไรที่จะต่อต้านไม่ให้หลี่ว์ซู่เข้าเรียนวิทยาลัยผู้บำเพ็ญ!

 

 

เนี่ยถิงเหลือบมองไปที่หลี่ว์ซู่ที่กำลังทำหน้าดีใจสุดขีด แล้วสีหน้าเขาก็มืดคล้ำ “ฉันอนุญาตให้ไปเรียนได้แล้ว หวังว่าจะตั้งใจเรียนแล้วก็ไม่ทิ้งขว้างโอกาสนี้ล่ะ”

 

 

เขาเริ่มรู้สึกแล้วว่าให้หลี่ว์ซู่ไปเรียนก็ดีเหมือนกัน ที่สุดแล้ววิทยาลัยลั่วเฉิงก็มีหลักสูตรตามความสามารถ ถ้าหลี่ว์ซู่เปลี่ยนใจจะไปต่างประทเศแล้วละก็ หลักสูตรการสอนพวกนี้ย่อมมีประโยชน์ในการไปต่างประเทศด้วย

 

 

หลี่ว์ซู่กำลังตกอยู่ภวังค์แห่งความปีติจนไม่ได้ยินที่เนี่ยถิงพูด “เมื่อกี้ว่าไงนะครับ”

 

 

เนี่ยถิงนิ่งเงียบ

 

 

[ได้แต้มอารมณ์จากเนี่ยถิง +666!]

 

 

“หลี่ว์ซู่ ไห่กงจื่อไปไหนแล้วล่ะ” สือเสวจิ้นที่นั่งอยู่ข้างๆ มองเนี่ยถิงด้วยความเห็นใจ เขาเปลี่ยนหัวข้อสนทนา

 

 

“เขาก็ไปอยู่ในที่ที่เขาไม่สามารถออกมาข้างนอกได้ในเร็วๆ นี้แหละครับ ไม่ต้องเป็นห่วงหรอก” หลี่ว์ซู่โบกมืออย่างไม่สนใจ “เขาต้องได้รับบทเรียนหน่อย ไม่อย่างนั้นก็ไล่ดูถูกคนอื่นไปหมด”

 

 

“งั้นเกิดอะไรขึ้นล่ะ” สือเสวจิ้นเปลี่ยนวิธีถาม “เห็นแก่การที่เขายอมเสียสละให้กับมนุษยชาติในอดีต ให้โอกาสเขาหน่อยได้ไหม”

 

 

หลี่ว์ซู่เริ่มหงุดหงิดที่สือเสวจิ้นเอาเรื่องไห่กงจื่อในอดีตมาพูด “ผมก็เสียสละอะไรไปมากให้เครือข่ายฟ้าดินเหมือนกัน แต่พวกคุณก็ไม่เห็นจะให้โอกาสผมเลย”

 

 

เนี่ยถิงพูดเสียงเย็น “ถึงไห่กงจื่อจะหยิ่งยโสไปสักหน่อย แต่เขาก็ไม่ทำร้ายเจ้าของหรอก นายควรไปพิจารณาดูตัวเองนะว่าทำอะไรผิดไปหรือเปล่า”

 

 

สือเสวจิ้นร่วมผสมโรงด้วยทันที “ใช่ๆ พิจารณาตัวเองวันละหลายๆ รอบเลย”

 

 

“ฮ่าๆ” หลี่ว์ซู่หัวเราะอย่างเย็นชา เขากลายเป็นคนผิดไปแล้ว ถึงการส่งเจ้ามังกรห้ากรงเล็บก้มไปก้มเก็บถั่วแขกกับพื้นจะไม่ค่อยเหมาะสมนัก แต่เขาก็ไม่ยอมแพ้หรอก “ผมต้องพิจารณาตัวเองวันละหลายๆ รอบงั้นเหรอ งั้นพวกคุณสุภาพกับเขามากเลยสินะ ได้รักษาหน้าของเขาบ้างไหม ทำไมพวกคุณไม่ทำเรื่องพวกนี้เองล่ะครับ”

 

 

“บอกมาเร็วๆ เถอะว่าไห่กงจื่ออยู่ที่ไหน” เนี่ยถิงทนต่อไปไม่ไหวแล้ว ไห่กงจื่อนั้นเป็นหนี้บุญคุณอาจารย์ของพวกเขาอยู่ แถมเขายังเสียสละชีวิตตัวเองสำหรับมนุษยชาติด้วย เนี่ยถิงไม่ยอมให้ไห่กงจื่อไปทรมาทรกรรมในมือหลี่ว์ซู่หรอก

 

 

ก่อนหน้านี้ตอนที่เขากับสือเสวจิ้นเห็นหลี่ว์ซู่ถ่อมาในสภาพร่อแร่ พวกเขาแอบรู้สึกดีใจกันอยู่ลึกๆ พวกเขาให้กระบี่เฉิงอิ่งไปถูกคนแล้ว

 

 

แต่ตอนนี้พวกเขาเริ่มจะตระหนกกันแล้ว… ไม่สิ จะเป็นแบบนี้ไม่ได้ พวกเขายังไม่รู้เลยว่าไห่กงจื่อถูกส่งไปที่ไหน

 

 

สือเสวจิ้นมองไปที่หลี่ว์ซู่ที่กำลังหัวเราะอย่างเย็นชาและไม่ได้พูดอะไรออกมา เขาเลยกล่าวออกไป “งั้นเอาแบบนี้ไหม ฉันจะสอนเคล็ดลับวิธีที่ส่งไห่กงจื่อเข้าไปในกระบี่ได้ ในอนาคตถ้านายไม่อยากเห็นหน้าเขา นายก็ส่งเขากลับไปในกระบี่ได้ไง”

 

 

หลี่ว์ซู่ตะลึง

 

 

งั้นที่ผ่านมาก็มีวิธีส่งวิญญาณกระบี่กลับเข้าไปมาตลอดเลยสินะ ทำไมไม่เคยบอกกันบ้าง ข้อมูลพวกนี้ควรบอกมาพร้อมกับตอนมอบกระบี่เฉิงอิ่งให้ไม่ใช่หรือไง ทำไมถึงปิดบังกันแบบนี้ล่ะลุง

 

 

“อะแฮ่ม” สือเสวจิ้นเริ่มกระอักกระอ่วนอย่างเห็นได้ชัด “สรุปแล้วอยากรู้วิธีหรือเปล่า”

 

 

“อยากสิครับ ผมไม่รู้เรื่องนี้ได้ไงเนี่ย” หลี่ว์ซู่ตอบ

 

 

ได้ยินดังนั้น สือเสวจิ้นจึงไปหยิบเอาแท่งหยกออกมาจากข้างในบ้าน ดูๆ แล้วแท่งหยกนี้คงเก่าน่าดู “.ใช้สัญชาตญาณจิตหยั่งรู้กับแท่งหยกนี้สิ แล้วหลังจากนั้นนายจะเข้าใจวิธีเอง”

 

 

หลี่ว์ซู่ไม่ค่อยอยากเชื่อเท่าไหร่ เขารับแท่งหยกมาแล้วทำตามที่สือเสวจิ้นบอก บนแท่งแยกไม่มีแม้แต่รอยหรือตัวอักษรใดๆ อยู่เลย แต่มีพลังงานอ่อนๆ ที่เปล่งออกมาเท่านั้น เมื่อเอาได้ใช้สัญชาตญาณจิตหยั่งรู้กับแท่งหยกนี้แล้ว เขาก็เข้าใจวิธีส่งวิญญาณกลับเข้าไปในกระบี่เฉิงอิ่งทันที

 

 

“เดี๋ยวก่อนครับ” หลี่ว์ซู่กลับเข้าไปในห้องตัวเอง เขาเอาไข่มุกดำออกมาแล้วเข้าไปในหุบเหวแห่งความโกลาหล

 

 

เนี่ยถิงเลิกคิ้ว “แม้แต่ลมหายใจเขาก็หายไปด้วย อย่างกับว่าเขาไปอยู่ในโลกอื่นแล้วอย่างนั้นแหละ!”

 

 

“คุณหมายความว่าเขาสามารถเข้าไปในวัตถุเก่าแก่ได้งั้นหรือครับ” สือเสวจิ้นประหลาดใจ

 

 

“อาจจะใช่”

 

 

ในหุบเหวแห่งความโกลาหลที่ทั้งมืดทั้งหดหู่ หมิงเย่ว์เยี่ยติดอยู่ในนี้ตั้งนานจนเขาลืมเวลาไปแล้ว

 

 

แต่แล้วก็มีใครคนหนึ่งเข้ามาอยู่เป็นเพื่อนจนได้ ทว่าคนคนนี้ไม่ค่อยปกติเสียเท่าไหร่

 

 

ตอนนี้หมิงเย่ว์เยี่ยสนุกสนานอยู่กับการดูไห่กงจื่อก้มเก็บถั่วแขกเป็นอย่างมาก ดูเพลินจริงๆ

 

 

“4491…4492…4493…” ไห่กงจื่อกำลังนับจำนวนในขณะที่เขากำลังเก็บถั่วแขก นี่มันดีกว่าการรนับแกะเสียอีก

 

 

แล้วอยู่ๆ ก็มีคลื่นซัดเข้ามาในหุบเหวเป็นระลอก จากนั้นหลี่ว์ซู่ก็ปรากฏตัวขึ้นในอากาศ

 

 

ไห่กงจื่อรีบยืนขึ้นทันที เขามองไปที่หลี่ว์ซู่อย่างเย็นชา “เอาถุงมาให้ข้านะ!”

 

 

“หยุดเก็บถั่วแขกได้แล้ว เนี่ยถิงกับสือเสวจิ้นขอให้ผมพาคุณออกไป” หลี่ว์ซู่พูด ก็แค่แสดงเท่านั้นแหละ

 

 

ไห่กงจื่อขมวดคิ้ว “ถึงเวลาจะผ่านไปพันปีก็ไม่มีอะไรจะเกิดขึ้นกับข้าได้หรอก เจ้านั่นแหละที่ต้องระวังตัว ถ้าข้าไม่ไปประจำอยู่ในกระบี่เฉิงอิ่งแล้วกระบี่นั่นก็จะแหลกสลายไปภายในเวลาไม่เกินปีแน่ๆ”

 

 

หลี่ว์ซู่ตกตะลึง เขาไม่รู้เรื่องนี้มาก่อน “เดี๋ยวก่อนนะ คุณอยู่ร่วมกับกระบี่แบบอิงอาศัยเหรอ”

 

 

“ข้าเป็นผู้ปกปักกระบี่เฉิงอิ่งต่างหาก กระบี่ต้องใช้พลังที่ข้าดูดซับจากโลกมาเพื่อหล่อเลี้ยงตัวมัน” ไห่กงจื่อหัวเราะเสียงเย็น “ข้าซึมซับพลังวิญญาณเพื่อรักษาตัวเองได้ แต่ถ้ากระบี่เฉิงอิ่งแหลกสลายไป อย่ามาร้องไห้ให้เห็นแล้วกัน”

 

 

“หยุดเรื่องไร้สาระนี่สักทีน่า” หลี่ว์ซู่หัวเราะเสียงเย็นกลับไปเหมือนกัน “พูดอย่างกับว่าคุณไม่ต้องการกระบี่เฉิงอิ่งแบบนั้นแหละ ผมไม่เชื่อหรอกนะว่าคุณจะไปที่ไหนก็ได้ถ้ากระบี่มันแตกขึ้นมา เด็กสามขวบยังรู้เลย เอาเถอะ ตามมาได้แล้ว เดี๋ยวผมจะพาคุณออกไป”

 

 

หลี่ว์ซู่ทำตามวิธีลับที่เพิ่งเรียนรู้มา อยู่ๆ ไห่กงจื่อก็รู้สึกได้ถึงพลังที่ดึงเขากลับไปในกระบี่เฉิงอิ่ง พันธะระหว่างอาวุธและวิญญาณของอาวุธได้เกินขอบเขตของความแข็งแกร่งของเขาแล้ว

 

 

ไห่กงจื่อไม่สามารถต้านทานพลังนี้ได้ เขาไม่คิดว่าหลี่ว์ซู่จะฝึกฝนความสามารถนี้จนเก่งกาจ สีหน้าของเขาเปลี่ยนไปทันที “เดี๋ยวก่อน ข้ายังเก็บถั่วแขกไม่หมดเลย! เม็ดที่สี่พันสี่ร้อยเก้าสิบสามแล้ว ขอข้าเก็บจนมันเป็นเลขกลมๆ ก่อนได้ไหม!”

 

 

แต่หลี่ว์ซู่ก็ไม่ปล่อยให้เขาทำแบบนั้น หลังจากที่ส่งไห่กงจื่อกลับเข้าไปในกระบี่เฉิงอิ่งได้แล้ว เขาก็พาตัวเองออกมาจากหุบเหวแห่งความโกลาหลอ

 

 

[ได้แต้มอารมณ์จากเอ๋าไห่ +999!]

 

 

หลี่ว์ซู่รู้สึกว่าเขายังต้องทำอะไรอีกเยอะกว่าจะได้ญาติดีกับไห่กงจื่อได้ แต่เรื่องนี้ไม่สำคัญแล้ว เขายังมีเวลาอีกเหลือเฟือ

 

 

เนี่ยถิงสัมผัสได้ว่าหลี่ว์ซู่กลับมาแล้ว เขาพูดกับสือเสวจิ้นเสียงต่ำ “เขากลับมาแล้ว ฉันไม่รู้ว่าเขาเข้าไปในวัตถุเก่าแก่ได้ยังไง ขนาดฉันยังเข้าไปในโลกของซินถิงไม่ได้เลย”

 

 

“มันมีโลกแปลกๆ ในวัตถุเก่าแก่เยอะแยะไปหมดแหละครับ ใจเย็นๆ” สือเสวจิ้นถอนหายใจ “ทำไมคุณไม่ลองไปถามหลี่ว์ซู่ดูล่ะ”

 

 

เนี่ยถิงเงียบไปแล้วตอบกลับมา “ฉันหาวิธีของฉันได้น่า”

 

 

ตอนที่สือเสวจิ้นได้ยินเรื่องนี้แล้วเขาก็รู้ว่าข้อขัดแย้งระหว่างเนี่ยถิงกับหลี่ว์ซู่ยังไม่จบแค่นี้

 

 

พอหลี่ว์ซู่ออกมาข้างนอก สือเสวจิ้นก็มองหลี่ว์ซู่

 

 

“ไห่กงจื่ออยู่ไหนแล้วล่ะ ฉันจะสบายใจได้ก็ต่อเมื่อเห็นเขากับตาตัวเอง”

 

 

“ตอนอยู่กับผม คุณไม่สบายใจงั้นเหรอ” หลี่ว์ซู่หัวเราะชอบใจ

 

 

สือเสวจิ้นตะลึง “ไปเอาความกล้าจากที่ไหน ถึงได้กล้าพูดแบบนี้!”

 

 

นายน่ะเป็นคนสุดท้ายในโลกนี้เลยล่ะที่จะทำให้คนอื่นโล่งใจได้!

 

 

[ได้แต้มอารมณ์จากสือเสวจิ้น +199!]

ท่านเทพ ละเว้นข้าเถอะ

ท่านเทพ ละเว้นข้าเถอะ

หลี่ว์ซู่ เป็นเด็กกำพร้าที่หาเลี้ยงตัวเองมาโดยตลอด และก็คงจะหาเลี้ยงตัวเองเช่นนี้ต่อไปเรื่อยๆ ถ้าเขาไม่ได้ประสบอุบัติเหตุรถชนเข้าเสียก่อน… แต่เฮ้ย! เขาไม่เป็นอะไรเลยนี่ ไม่เจ็บ ไม่ปวด และไม่ตาย แถมวิญญาณไม่ได้หลุดออกจากร่างด้วย! จะมีก็แต่สัญลักษณ์รูปต้นไม้ที่จู่ๆ ก็ปรากฏขึ้นมาบนฝ่ามือและพลังพิเศษในตัวที่ตื่นขึ้นมาเท่านั้น! ทว่าเขาไม่ได้เป็นเพียงคนเดียวที่ได้รับพลังพิเศษนี้มา เพราะคนอื่นๆ เองก็เริ่มกลายเป็นผู้มีพลังแล้วเหมือนกัน นี่มันเรื่องบ้าอะไร เกิดอะไรขึ้นกับโลกใบนี้กันแน่ นี่เรากำลังจะก้าวเข้าสู่ยุคของผู้มีพลังพิเศษกันแล้วงั้นเหรอ หลี่ว์ซู่ได้แต่คิดแล้วก็สงสัย ว่าแต่พลังที่ได้มานี่มันฝึกยังไงกันล่ะ เอ๊ะ ต้องสะสมแต้มอารมณ์ด้านลบงั้นเหรอ แค่กวนโมโหคนอื่นก็เพิ่มพลังได้แล้วงั้นเหรอ แบบนี้ก็เข้าทางหลี่ว์ซู่สุดๆ ไปเลยน่ะสิ!

Comment

Options

not work with dark mode
Reset