ท่านเทพ ละเว้นข้าเถอะ – ตอนที่ 585 โบราณสถานหลัวปู้พัว

ตอนที่ 585 โบราณสถานหลัวปู้พัว

 

 

หลังจากที่หลี่ว์ซู่คิดดีแล้ว เขาก็ตัดสินใจว่าไม่ควรรีบเอาผลไม้ให้เสี่ยวอวี๋ ประสบการณ์เกือบตายตอนที่กินผลไม้ปะทุพลังเข้าไปยังตราตรึงอยู่ในหัวเขา เขายังรู้สึกบอบช้ำจากเหตุการณ์นั้นอยู่เลย

 

 

แต่มันก็เป็นไปได้ที่เขาจะขายผลไม้นี่ได้อยู่ ตระกูลใหญ่หลายๆ ตระกูลยังชอบซื้อผลไม้พวกนี้กันอยู่นี่ เพราะจะมีผู้สืบทอดเพียงหนึ่งคนเท่านั้น ถึงผู้สืบทอดคนนั้นก็อยากจะปะทุพลังก็ทำไม่ได้เพราะจะไม่มีความสามารถนั้น เพราะฉะนั้นพวกเขาก็ต้องหวังพึ่งตัวช่วยจากภายนอกแล้วล่ะ

 

 

การปะทุพลังนั้นขึ้นอยู่กับความสามารถและระดับของคนคนนั้นด้วย มีหลายคนที่พวกเขาไม่ได้ปะทุพลังแต่พอได้กินผลไม้เข้าไปก็เลื่อนขั้นเป็นระดับ C ได้ด้วย มีบันทึกว่ามีเพียงคนเดียวเท่านั้นนี่ขึ้นเป็นระดับ B ได้โดยการใช้วิธีนี้

 

 

ซึ่งนั่นก็เป็นเหตุผลว่าทำไมผลไม้ถึงเป็นที่ต้องการมากขนาดนี้

 

 

ถึงตระกูลใหญ่ๆ จะเป็นคนกำหนดเศรษฐกิจโลก แต่พวกเขาไม่มีความเกี่ยวข้องในโลกแห่งการฝึกบำเพ็ญนี้เลย เงินที่พวกเขามีก็เอามาใช้ในการซื้อผลไม้ไม่ได้ แต่พวกตระกูลใหญ่กลับมีของหายากซึ่งกลายเป็นของที่มีคุณสมบัติวิเศษในภายหลังที่มีพลังจิตวิญญาณฟื้นคืน

 

 

อาวุธและวัตถุวิเศษกระจัดกระจายไปทั่วโลก และของพวกนี้ก็ยิ่งถูกค้นพบมากขึ้นเรื่อยๆ ในยุคแห่งพลังพิเศษแบบนี้

 

 

หลี่ว์ซู่รู้สึกว่าพลังของเสี่ยวอวี๋นั้นแข็งแกร่งพอแล้ว เธอไม่ต้องเอาชีวิตเข้าไปเสี่ยงกับการปะทุพลังแบบนั้นหรอก แต่เขาก็คิดว่ามันคงจะดีกว่าถ้าเขาจะเก็บผลไม้ไว้ผลหนึ่งไว้ใช้ในอนาคต และเอาอีกผลหนึ่งไปแลกกับของวิเศษเพื่อมอบให้เสี่ยวอวี๋

 

 

ความสามารถพูดคุยกับสัตว์ของเสี่ยวอวี๋น่าจะเป็นความสามารถเด่นของเธอได้เลย ไม่มีใครบอกได้หรอกว่าความสามารถนี้จะพัฒนาไปได้ขนาดไหน

 

 

หลี่ว์ซู่เลื่อนดูเซกชันการว่าจ้างในเว็บไซต์ มีภารกิจมากมายถูกโพสต์อยู่บนหน้านั้น ดูเหมือนว่ายอดฝีมือดังๆ หลายคนในโลกนี้จะถูกเสนอรางวัลให้

 

 

ในอาณาจักรแห่งความมืดนี้ยึดเอาคุณค่าของรางวัลไว้บอกระดับของความสามารถของยอดฝีมือ ยิ่งยอดฝีมือคนนั้นมีรางวัลที่มีค่ามากเท่าไหร่ก็แสดงว่าฝีมือของเขาน่าประทับใจมากเท่านั้น…

 

 

เวลาที่มีคนจ้างยอดฝีมือเหล่านี้ พวกเขาก็จะใช้การวัดค่าจากรางวัลเพื่อเป็นการประมาณว่าควรจะจ้างเท่าไหร่

 

 

มีคนเคยพูดกันไว้ว่าในช่วงเวลาแรกของยุคพลังจิตวิญญาณฟื้นคืนนั้น มีคนระดับ C คนหนึ่งรู้สึกว่ารางวัลที่ถูกเสนอให้นั้นน้อยเกินไป เขาก็เลยขอค่ารางวัลที่มีค่ากว่าเดิม แล้วเมื่อคนที่เคยมีประสบการณ์มาแล้วมาเห็นเข้าก็รู้สึกพอใจมาก ได้ค่ารางวัลมาตั้งมากในการทำภารกิจง่ายๆ แบบนี้! พอเห็นแบบนั้นแล้วเขาก็เลยฆ่าผู้บำเพ็ญคนนั้นทิ้งเสียแล้วก็ฉกเอารางวัลไป ผลที่ออกมาก็คือชื่อของคนระดับ C คนนั้นกลับดังกระฉ่อนไปทั่วอาณาจักรแห่งความมืด จากนั้นก็ไม่มีใครอยากจะเพิ่มสถานะทางสังคมตัวเองด้วยการเพิ่มค่ารางวัลอีกเลย

 

 

ในสังคมนี้ก็มีคนอยู่หลายประเภท ผู้มีพลังประเภทโง่ๆ เองก็มีด้วยเช่นกัน…

 

 

ก๊อก ก๊อก ก๊อก!

 

 

อยู่ๆ หลี่ว์ซู่ก็ได้ยินเสียงใครบางคนเคาะประตู เขาเปิดประตูออกไปก็เห็นหลี่อีเสี้ยวและน่าหลานเชวี่ย เขางงมาก “มีเรื่องสำคัญอะไรหรือเปล่าครับ”

 

 

หลี่อีเสี้ยวโชว์ถุงผักในมือแล้วนยิ้มให้หลี่ว์ซู่ “อยู่คนเดียวไม่เหงาเหรอ เรามาทำกับข้าวให้นายกินแน่ะ”

 

 

“ผมไปกินบ้านคุณก็ได้นี่ครับ” หลี่ว์ซู่หัวเราะ

 

 

“ไม่คิดสักหน่อยเหรอว่าทำไมฉันไม่อยากให้นายมาบ้านอีกแล้วน่ะ” หลี่อีเสี้ยวพูดอย่างโกรธๆ

 

 

น่าหลานเชวี่ยหยิบเอาวัตถุดิบออกมาแล้วเดินไปในครัว ทิ้งให้หลี่อีเสี้ยวและหลี่ว์ซู่ได้มีโอกาสพูดคุยกัน หลี่อีเสี้ยวลากหลี่ว์ซู่ไปที่ห้องนั่งเล่น “นายได้ยินหรือเปล่าว่าไม่มีใครจากเครือข่ายฟ้าดินไปที่โบราณสถานในอเมริกาใต้เลยเพราะเราไม่มีกำลังคนที่นั่น แล้วคนรักชาติอย่างเราๆ จะทำเป็นไม่รู้ไม่เห็นกับเรื่องนี้ได้อย่างไร”

 

 

“ฮ่าๆ” หลี่ว์ซู่หัวเราะออกมาเสียงเย็น

 

 

หลี่ว์ซู่เพิ่งเข้าใจว่าหลี่อีเสี้ยวถูกส่งมาเป็นตัวสนับสนุนอีกทางนี่เอง เนี่ยถิงส่งเขามาและสัญญาว่าจะให้รางวัลอย่างงามแน่ๆ ไม่อย่างนั้นหลี่อีเสี้ยวคงไม่ยื่นมือมายุ่งเรื่องนี้หรอก แต่เขาไม่คิดว่าหลี่อีเสี้ยวจะเปลี่ยนเรื่องไปทันที “เข้าใจล่ะ รู้แล้วว่านายไม่อยากทำ แต่นายคงไม่รู้ละสิว่ามีสัญญาณว่าโบราณสถานที่ทะเลสาบหลัวปู้พัวได้เปิดออกแล้ว”

 

 

ทะเลสาบหลัวปู้พัวเหรอ หลี่ว์ซู่เงียบไป หลัวปู้พัวอยู่ในทางตะวันออกเฉียงใต้ของเขตปกครองตนเองซินเจียงอุยกูร์นี่ พื้นที่นั้นจำนวนประชากรมักจะลดลงแล้วก็มีอะไรแปลกๆ เกิดขึ้นเสมอ สถานที่นี้ยังมีอีกชื่อเรียกหนึ่งด้วย

 

 

“อาณาจักรโหลวหลาน [1] งั้นเหรอครับ” หลี่ว์ซู่ถาม

 

 

หลี่อีเสี้ยวส่ายหัว “ที่หลัวปู้พัวนั้นแปลกมาก ไม่มีใครรู้หรอกว่ามันเกี่ยวข้องกับอาณาจักรโหลวหลานหรือเปล่า มันอาจจะเป็นอย่างอื่นก็ได้”

 

 

หลี่ว์ซู่ผงกหัว เขาเคยค้นคว้าเกี่ยวกับสถานที่ที่น่าสนใจนี้ หลังจากที่นักสำรวจได้หายตัวไปอย่างลึกลับ ก็มีการค้นพบศพที่ห่างออกไปหลายกิโลเมตร มีศพผู้หญิงที่มีอายุมามากกว่าพันปีแล้วในสภาพไร้ที่ติในสุสานบางแห่ง พวกเขาเจอกิ้งก่ายักษ์กินคนในถ้ำด้วยเหมือนกัน และยังมีสิ่งแปลกประหลาดอีกหลายอย่างเกิดขึ้นที่จนถึงทุกวันนี้ก็ยังคงเป็นปริศนาอยู่ มีรายงานเหตุการณ์ต่างๆ ซึ่งถูกนำไปเล่าต่อกันจนผิดเพี้ยน ทำให้เรื่องกลายเป็นถูกบิดเบือนหนักเข้าไปอีก เพราะฉะนั้นก็ไม่สามารถพูดได้เต็มปากว่าโบราณสถานแห่งนี้เกี่ยวข้องกับอาณาจักรโหลวหลาน มันอาจจะเป็นอย่างอื่นก็ได้

 

 

หลี่ว์ซู่ยิ่งเริ่มสงสัยหนักขึ้นเรื่อยๆ ใช่อยู่ว่าเขาไม่ยอมไปต่างประเทศ แต่ในเมื่อโบราณสถานอยู่ในประเทศ งั้นลองไปดูหน่อยคงไม่เสียหายละนะ

 

 

พวกเขาไม่จำเป็นจะต้องไปที่โบราณสถานเพื่อไปเอาของวิเศษมาก็ได้ ที่สุดแล้วเขาก็ไปไกลขนาดนั้นเพื่อไปสู้อย่างเอาเป็นเอาตายกับพวกราชันฟ้าไม่ได้หรอก แต่ปัญหามันอยู่ที่ว่าก็ของในโบราณสถานนั้นไม่ได้จำกัดอยู่ที่วัตถุวิเศษเท่านั้น แต่มันอาจจะมีธารน้ำศักดิ์สิทธิ์ไหลอยู่เป็นจำนวนมหาศาลด้วยได้

 

 

คนอย่างน่าหลานเชวี่ยที่ไม่ได้เกี่ยวข้องกับเครือข่ายฟ้าดินไม่สามารถไปสำรวจโบราณสถานได้ แถมหลี่อีเสี้ยวก็คิดที่จะช่วยหลี่ว์ซู่เรียบร้อยแล้ว

 

 

ทันใดนั้นหลี่อีเสี้ยวก็ได้รับโทรศัพท์จากเนี่ยถิง เนี่ยถิงพูดอย่างใจเย็นผ่านโทรศัพท์มาว่า [คราวนี้เฉินไป่หลี่จะเป็นผู้นำ ส่วนราชันฟ้าคนอื่นๆ จะต้องประจำอยู่ที่ฐานของตัวเอง นายจะออกไปไหนโดยไม่ได้รับอนุญาตไม่ได้ พวกนักเรียนจากวิทยาลัยกำลังไปกันที่โบราณสถานหลัวปู้พัว นักเรียนที่กำลังฝึกฝนและอยู่ในระดับ E ขึ้นไปจะได้รับอนุญาตให้ไปสำรวจได้ เดี๋ยวพวกเขาจะเตรียมตัวเดินทางออกไปจากค่ายกันแล้ว]

 

 

พูดเสร็จเนี่ยถิงก็วางหู หลี่อีเสี้ยวมองไปที่หลี่ว์ซู่ “ดูเหมือนว่าเราสองคนจะไม่ได้ไปแล้วล่ะ”

 

 

“คุณไปไม่ได้ แต่ผมไปได้นี่ครับ…” หลี่ว์ซู่ส่ายหัว

 

 

หลี่อีเสี้ยวชะงัก “แต่นายจะกลับมาสอบเข้าวิทยาลัยไม่ทันนะ”

 

 

“พอดีผมได้รับอนุญาตให้เข้าเรียนเป็นกรณีพิเศษแล้วน่ะครับ” หลี่ว์ซู่ตอบกลับยิ้มๆ

 

 

[ได้แต้มอารมณ์จากหลี่อีเสี้ยว +666!]

 

 

หลี่ว์ซู่รีบโทรหาจงอวี้ถังทันที

 

 

“ฮัลโหล จงอวี้ถังครับ ผมไปคิดมาแล้ว สำหรับการฝึกทหารน่ะ ทุกๆ คนก็ได้เข้าฝึกให้เท่าเทียมกันโดยไม่มีการแบ่งแยกใช่ไหมครับ ผมพูดไม่ได้หรอกว่าผมเคยไปฝึกแล้วงั้นผมจะสามารถแหกกฎได้และไม่เข้าร่วมการฝึกอีกรอบ ผมคิดมาอย่างหนักแล้วล่ะ ว่าผมไม่เพียงแต่ต้องเข้าร่วมเท่านั้น แต่ผมจะต้องขยันฝึกซ้อมด้วย!”

 

 

จงอวี้ถังพูดไม่ออก

 

 

[ได้แต้มอารมณ์จากจงอวี้ถัง +666!]

 

 

“ฮัลโหล ได้ยินผมไหมครับจงอวี้ถัง” หลี่ว์ซู่ถาม

 

 

[ได้ยินแล้ว] จงอวี้ถังรู้สึกปวดหัวขึ้นมา [งั้นรีบๆ ไปเก็บของซะ ส่วนหนึ่งได้ออกเดินทางไปแล้ว ถ้ารีบมาค่ายฝึกตอนนี้ก็อาจจะได้ขึ้นรถทหารไปทันก็ได้…]

 

 

“โบราณสถานยังเปิดอยู่เหรอครับเนี่ย” หลี่ว์ซู่ดูประหลาดใจเอามากๆ “ดูคุณพูดเข้าสิ ผมไม่ต้องรีบไปที่โบราณสถานนั้นเหรอครับ ฮ่าๆๆ เดี๋ยวผมไปร่วมสนุกด้วยเลยแล้วกัน!”

 

 

จงอวี้ถังไม่พูดอะไรต่อแล้วรีบวางหูใส่

 

 

 

 

——

 

 

[1] อาณาจักรโหลวหลาน (樓蘭) เป็นอาณาจักรโบราณเก่าแก่ที่ล้มสลายไปแล้ว อยู่ติดกับทะเลสาบหลัวปู้พัว หรือที่รู้จักกันในนาม ‘ทะเลแห่งความตาย’

ท่านเทพ ละเว้นข้าเถอะ

ท่านเทพ ละเว้นข้าเถอะ

หลี่ว์ซู่ เป็นเด็กกำพร้าที่หาเลี้ยงตัวเองมาโดยตลอด และก็คงจะหาเลี้ยงตัวเองเช่นนี้ต่อไปเรื่อยๆ ถ้าเขาไม่ได้ประสบอุบัติเหตุรถชนเข้าเสียก่อน… แต่เฮ้ย! เขาไม่เป็นอะไรเลยนี่ ไม่เจ็บ ไม่ปวด และไม่ตาย แถมวิญญาณไม่ได้หลุดออกจากร่างด้วย! จะมีก็แต่สัญลักษณ์รูปต้นไม้ที่จู่ๆ ก็ปรากฏขึ้นมาบนฝ่ามือและพลังพิเศษในตัวที่ตื่นขึ้นมาเท่านั้น! ทว่าเขาไม่ได้เป็นเพียงคนเดียวที่ได้รับพลังพิเศษนี้มา เพราะคนอื่นๆ เองก็เริ่มกลายเป็นผู้มีพลังแล้วเหมือนกัน นี่มันเรื่องบ้าอะไร เกิดอะไรขึ้นกับโลกใบนี้กันแน่ นี่เรากำลังจะก้าวเข้าสู่ยุคของผู้มีพลังพิเศษกันแล้วงั้นเหรอ หลี่ว์ซู่ได้แต่คิดแล้วก็สงสัย ว่าแต่พลังที่ได้มานี่มันฝึกยังไงกันล่ะ เอ๊ะ ต้องสะสมแต้มอารมณ์ด้านลบงั้นเหรอ แค่กวนโมโหคนอื่นก็เพิ่มพลังได้แล้วงั้นเหรอ แบบนี้ก็เข้าทางหลี่ว์ซู่สุดๆ ไปเลยน่ะสิ!

Comment

Options

not work with dark mode
Reset