นิยาย อ่านนิยาย
ตอนที่ 26 หินแหลมคม
หยางซือเหมยจ้องมองไปยังจุดฝังศพที่เฮาจ้าวกวงค้นพบ แต่ทันใดนั้นเธอก็พบว่ามีชั้นฝุ่นของขี้เถ้ากำลังลอยวนอยู่เหนือบริเวณนั้น
ซึ่งเห็นได้อย่างชัดเจนว่ามันไม่ใช่พลังงานที่ดีและแน่ใจว่าตำแหน่งนี้ต้องไม่ใช่จุดที่สามารถทำให้ลูกหลานมีความเจริญรุ่งเรืองได้อย่างแน่นอน เพราะการบรรจบกันของพลังหยินและหยางนั้นมีความสับสนวุ่นวายมาก
และเมื่อเธอก้าวเดินไปข้างหน้าก็สามารถสัมผัสได้ถึงพลังลมปราณที่หมุนวนอยู่รอบตัวจึงรีบถอยห่างออกมาอย่างรวดเร็วด้วยความตื่นตระหนก
ตอนสังเกตจากภายนอกดูเหมือนว่าจุดฝังนี้มีความเจริญรุ่งเรือง! แล้วทำไมมันถึงมีพลังงานที่ร้ายกาจแฝงตัวอยู่?
เธอจึงกวาดสายตาเพื่อสำรวจสภาพแวดล้อมโดยรอบและค้นพบว่ามีตำแหน่งหนึ่งที่มีความแหลมคมซึ่งบนภูเขาที่อยู่ตรงข้ามเธอ โดยสิ่งนี้ดูเหมือนกับการยิงลูกศรพุ่งตรงมายังบริเวณใจกลางจุดฝังศพบนั้น
ตามข้อสังเกตของฮวงจุ้ย:
-หากมีภูเขาหลายลูกเชื่อมต่อกันจะส่งผลให้มีลูกหลานเต็มบ้าน
-หากเป็นภูเขาหัวโล้นผู้คนในครอบครัวจะอดอยาก
-หากสามารถมองเห็นภูเขาได้อย่างชัดเจนผู้คนในครอบครัวจะมั่งคั่ง
-หากเป็นภูเขาที่เว้าแหว่งและไม่สมบูรณ์ผู้คนในครอบครัวจะพบแต่ความโศกเศร้า
-หากภูเขาได้รับการฟื้นฟูให้เขียวขจีจะส่งผลให้ผู้คนในครอบครัวมีความสามัคคี
-หากภูเขาพังทลายลงผู้คนในครอบครัวก็จะล้มตาย
-หากภูเขาทอดยาวไกลสุดลูกหูลูกตาผู้คนในครอบครัวจะมีความกล้าหาญ
-หากรูปทรงของภูเขามีความคดเคี้ยวมากเกินไปจะส่งผลให้ลูกหลานมักจะประพฤติทุจริต
-หากภูเขามีความสดใสจะทำให้ลูกหลานกลายเป็นคนมีชื่อเสียง
-หากภูเขาที่ความคลุมเครือจะไม่มีคนคบค้าสมาคมด้วย
-หากภูเขามีความราบเรียบลูกหลานจะมีความกตัญญู
เห็นได้ชัดว่าลักษณะของภูเขานั้นมีความแตกต่างกันมากมายหลายประเภท และแน่นอนว่าด้วยความสามารถของมนุษย์เราคงไม่สามารถแก้ไขรูปทรงของภูเขาเหล่านั้นได้ ดังนั้นปรมาจารย์ด้านฮวงจุ้ยจึงจะต้องเรียนรู้วิธีการแก้ไขรูปแบบฮวงจุ้ยให้เหมาะสม เพื่อช่วยปรับเปลี่ยนจากสถานการณ์ร้ายให้กลายมาเป็นดี
โดยรูปทรงอันแหลมคมนั้นมีขนาดเล็กมากจนไม่สามารถสังเกตเห็นได้อย่างง่ายดาย ซึ่งหากไม่ใช่เพราะเธอมีดวงตาที่มีฮวงจุ้ยโดยอาศัยความรู้เกี่ยวกับฮวงจุ้ยแล้ว เธอคงคิดว่าที่นี่เป็นสถานที่ซึ่งสามารถสร้างความรุ่งเรืองได้
“สาวน้อยคุณคิดยังไงกับสถานที่นี้” เฮาจ้าวกวงเอ่ยถามเด็กน้อยด้วยสีหน้ายินดี
เขารู้สึกว่าตัวเองโชคดีไม่ต้องใช้เวลานานก็สามารถค้นพบจุดฝังศพที่สามารถสร้างความรุ่งเรืองนี้ได้ และไม่ว่าจะมองจากมุมไหนทุกอย่างก็ดูสมบูรณ์แบบ
แต่ขณะที่อาจารย์ผู้เย่อหยิ่งกำลังปลื้มปีติ ทันใดนั้นเด็กน้อยก็กล่าวขึ้นมาว่า
“อาจารย์คะ หนูไม่รู้ว่าคุณสังเกตเห็นหินรูปทรงแหลมคมที่อยู่ทางด้านนั้นหรือเปล่า?”
หยางซือเหมยยิ้มจาง ๆ ขณะที่เธอเหยียดนิ้วชี้ออกไป ทำให้สายตาอันแหลมคมของเฮาจ้าวกวงต้องมองตามนิ้วชี้ของเธอ โดยเขาเห็นว่ามีโครงร่างของรูปลักษณ์ที่ลาดเอียงของภูเขาซึ่งมีความแหลมคมและผิวของมันมีความขรุขระอย่างเห็นได้ชัด
เมื่อเห็นเช่นนั้นเขาจึงรีบหันกลับมาหยิบเข็มทิศอย่างรวดเร็วและเดินวนไปรอบ ๆ จุดฝังศพนั้นสักครู่ และในที่สุดดวงตาที่มีความมั่นใจของเขาก็ค่อย ๆ หรี่ลงพลางกล่าวกับฮัวเหวินหัวด้วยความละอายใจอย่างยิ่งว่า:
“คุณฮัวครับ ผมทำผิดพลาด!”
ตอนนั้นฮัวเหวินหัวยังคงไม่เข้าใจถึงสถานการณ์ตรงหน้า แต่หลังจากได้ฟังคำอธิบายแล้วสีหน้าของเขาก็มีการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่เช่นกัน
“สาวน้อย..เธอ…เก่งมาก!”
จากนั้นเฮาจ้าวกวงได้กล่าวกับหยางซือเหมยด้วยความลำบากใจว่า
“ตอนแรกฉันคิดว่าตัวเองเป็นผู้เชี่ยวชาญด้านอภิปรัชญาที่มีประสบการณ์มาหลายสิบปี แต่ในท้ายที่สุดความสามารถของฉันก็เทียบไม่ได้เลยกับความสายตาอันแหลมคมของเด็กผู้หญิงตัวเล็ก ๆ อย่างเธอ จากนี้ไปฉันคงไม่กล้าคำนวณฮวงจุ้ยให้กับคนอื่นอีกแล้ว”
แม้ว่ามองจากภายนอกอาจารย์ผู้นี้จะมีความเย่อหยิ่งแต่ในฐานะอาจารย์ที่มีชื่อเสียงเขาสามารถยอมรับความผิดพลาดของตนเองได้ ซึ่งสิ่งนี้นับว่าหาได้ยากมากอย่างแท้จริง
หยางซือเหมยไม่ได้ใช้ประโยชน์นี้ในการเยาะเย้ย แต่กลับกล่าวอย่างใจเย็นว่า:
“สี่ตีนยังรู้พลาด นักปราชยังรู้พลั้ง แน่นอนว่าทุกคนสามารถทำผิดพลาดกันได้ ดังนั้นอาจารย์ไม่จำเป็นต้องตำหนิตัวเองมากเกินไป อย่างไรก็ตามในภายหลังคุณไม่ควรเรียกคนอื่นว่าเป็นคนเจ้าเล่ห์อีก เพราะหนูไม่ชอบ”
คำกล่าวของเด็กน้อยทำให้ใบหน้าของเฮาจ้าวกวนเต็มไปด้วยความลำบากใจและทำได้แค่เพียงพยักหน้าตอบรับ
เนื่องจากหยางซือเหมยสามารถมองเห็นรูปแบบของฮวงจุ้ยซึ่งเป็นลางร้ายที่แม้แต่เฮาจ้าวกวงเองก็ยังไม่สามารถทำได้ ส่งผลให้ฮัวเหวินหัวเชื่ออย่างสนิทใจว่าเธอเป็นคนที่มีพรสวรรค์ที่มีดวงตาของฮวงจุ้ยโดยกำเนิด
ดังนั้นเขาจึงจ้องมองเธอด้วยสายตาแห่งความคาดหวังพร้อมกับกล่าวว่า
“อาจารย์ตัวน้อยครับ ไม่ทราบว่าคุณพบที่ตั้งของจุดฝังศพอันรุ่งเรืองแล้วหรือยัง?”
เขากล่าวกับเธอด้วยท่าทีและถ้อยคำที่เปลี่ยนแปลงไปในทันที โดยเปลี่ยนจากสาวน้อยมาเป็นอาจารย์ตัวน้อยในพริบตาเมื่อเขาทราบว่าเธอมีความสามารถ
ซึ่งสิ่งนี้ทำให้หยางซือเหมยรู้สึกขบขันและรู้สึกถึงความสำเร็จที่ยอดเยี่ยมของตนเองเช่นกัน
ฮ่าฮ่า…ไม่เคยคิดมาก่อนเลยว่าจะมีวันที่เธอถูกเรียกว่าอาจารย์แทนคำว่า ‘คนเจ้าเล่ห์’!
————