ตอนที่ 28 อยากซื้อที่
คุณปู่คุณย่าของหยางซือเหมยนั้นมีอายุมากแล้วจึงไม่สะดวกที่จะไปดูแลบิดาของเธอ ส่วนมารดาของเธอก็ต้องคอยดูแลน้องสาวคนเล็กที่ยังไม่สามารถช่วยเหลือตนเองได้ ขณะที่หยางเหอกับหยางชิงมีความสนิทสนมกันมาตั้งนานแล้ว
และในครั้งนี้หยางซือเหมยสามารถช่วยเขาขายต้นไม้โบราณจนได้เงินจำนวนมาก ดังนั้นเขาจึงรับอาสาไปดูแลบิดาของเธอที่โรงพยาบาล
ขณะที่หยางซือเหมยจะต้องการติดตามไปด้วย แต่ทุกคนก็ไม่เห็นด้วยเพราะพวกเขารู้สึกว่าเธอยังเด็กเกินไป อีกทั้งในเมืองยังมีผู้คนและรถมากมายซึ่งมันอันตรายมาก
อย่างไรก็ตามในที่สุดพวกเขาก็ไม่สามารถเอาชนะความดื้อรั้นของเธอได้และทำได้เพียงแค่สั่งให้หยางเหอช่วยดูแลเธออย่างระมัดระวัง
และเมื่อเดินทางมาถึงโรงพยาบาลเธอก็เห็นว่าบิดาของตนเองที่กำลังนอนอยู่บนเตียงมีใบหน้าซีดเซียวโดยที่ขาของเขาก็ผ้าพันแผลพันอยู่ และเมื่อได้เห็นภาพนี้หัวใจของหยางซือเหมยก็รู้สึกปวดร้าวจนพูดไม่ออก
“พาซือเหมยมาด้วยทำไม?” หยางชิงกล่าวเมื่อเห็นเด็กน้อยทำท่าเหมือนจะร้องไห้
“พี่ใหญ่ พี่อย่าดูถูกเธอสิ! เธอเก่งมากเลยนะ วันนี้นอกจากจะช่วยให้ผมได้เงินเป็นหมื่นแล้ว เธอยังหาเงินได้อีกตั้งแสนเหรียญแน่ะ”
เมื่อหยางเหอเห็นหยางชิงเขาก็ทนไม่ได้ แต่พูดออกไป
“หยางเหอ! แกพูดเรื่องตลกอะไรน่ะ? แสนเหรียญ? มันตกลงมาจากท้องฟ้าหรือไง?”
จากนั้นหยางเหอเล่าเหตุการณ์ทั้งหมดให้บิดาของเธอฟังอย่างละเอียด และเมื่อหยางชิงฟังแล้วเขาก็จ้องมองบุตรสาวของตัวเองอย่างไม่เชื่อ เพราะเขาไม่คิดว่าการที่เธอขึ้นเขาไปทุกวันเพื่อเรียนรู้เรื่องโชคลางจากนักบวชชราจะสามารถทำเงินได้จริง
วันนี้เขาไปสำนักการศึกษาเพื่อดำเนินการเรื่องโอนย้าย อย่างไรก็ตามเนื่องจากเขาไม่ได้เตรียมซองจดหมายสีแดงที่แอบยัดเงินเอาไว้ ดังนั้นเขาจึงถูกมองด้วยหางตาอย่างเหยียดหยามและด้วยความรู้สึกน้อยใจในโชคทำให้เขามีอาการเหม่อลอยจึงถูกรถชนจนขาหัก
โดยเจ้าของรถขับรถหนีไปด้วยความกังวลใจว่าจะไม่มีเงินค่ารักษาพยาบาล!
หยางซือเหมยเห็นบิดาของตนเองสวมชุดของทางโรงพยาบาลจึงนึกถึงเครื่องรางของขลังขึ้นมาได้และเอ่ยถาม
“พ่อคะ วันนี้พ่อใส่กางเกงตัวไหนคะ?”
“ตัวใหม่! บังเอิญว่าเมื่อเช้านี้ตอนขึ้นรถบัสกางเกงมันโดนเกี่ยวจนขาด พอลงรถได้พ่อก็รีบไปหาซื้อกางเกงตัวใหม่ทันที”
หยางชิงกล่าวด้วยความเสียใจ เพราะกางเกงตัวนั้นเป็นตัวที่มีค่าที่สุดของเขา โดยอย่างแรกเป็นเพราะเขาสวมมันในวันแต่งงานและเหตุผลอีกข้อคือมันเป็นกางเกงที่ดีที่สุดของเขา
ดังนั้นจึงไม่น่าแปลกใจเลยที่บิดาของเธอไม่สามารถหลีกเลี่ยงอุบัติเหตุในครั้งนี้ได้ ซึ่งมันเป็นเพราะเขาไม่ได้พกผ้ายันต์ติดตัวนั่นเอง
“พี่ใหญ่! ตอนนี้พี่นอนรักษาตัวได้อย่างสบายใจแล้ว เพราะครอบครัวของพี่ไม่ได้ขัดสนเงินทองเหมือนเมื่อก่อน เดี๋ยวผมจะพาซือเหมยออกไปเดินเล่นก่อนนะ” หยางเหอกล่าว
“ระวังด้วย! ดูแลหลานให้ดีนะ”
“ผมจะดูแลให้ดีที่สุดเลยครับ ไม่ต้องเป็นห่วงครับ” หยางเหอพึมพำอีกว่า
“เด็กฉลาดแบบนี้จะไปหาได้ที่ไหนอีก?”
เดิมทีหยางซือเหมยต้องการอยู่ในโรงพยาบาลเป็นเพื่อนบิดา แต่เธอรู้สึกว่าในโรงพยาบาลวุ่นวายเกินไปและมันทำให้เธอรู้สึกอึดอัดมากจนแทบจะหายใจไม่ออก
อีกทั้งสภาพแวดล้อมโดยรอบยังทำให้เธอรู้สึกราวกับว่ามันเต็มไปด้วยดวงวิญญาณมากมายของผู้ตายที่กำลังล่องลอยไปทั่วทุกหนทุกแห่งในโรงพยาบาล ดังนั้นเธอจึงออกมาข้างนอกกับหยางเหอ
“ตัวเล็ก เดี๋ยวอาจะพาหนูไปเดินเล่นที่สวนสาธารณะดีหรือเปล่า?” หยางเหอกล่าวพร้อมกับจ้องมองไปที่หยางซือเหมย
แต่หยางซือเหมยกลับส่ายหัว เพราะจุดสนใจของเธอไม่ได้อยู่ที่สวนสาธารณะในเมืองนี้ เนื่องจากในชาติที่แล้วเธอต้องนอนขดตัวอยู่ในสวนสาธารณะแห่งนั้นไม่รู้กี่คืนต่อกี่คืน
รู้บ้างหรือเปล่าว่ามันน่าเบื่อ?
“อาพาหนูไปเดินเล่นรอบเมืองได้หรือเปล่า?”
“ได้สิ! สบายมาก”
หยางซือเหมยต้องการดูความแตกต่างของสภาพแวดล้อมในเมืองระหว่างตอนนี้กับอนาคต นอกจากนี้เธอต้องการซื้อที่พักอาศัยในเมืองเพื่อให้ครอบครัวของเธอย้ายออกมาอยู่ที่นี่
ซึ่งบางทีมันอาจจะสามารถหลีกเลี่ยงสาเหตุของการล่มสลายที่กำลังจะเกิดขึ้นกับครอบครัวเธอจากนี้ได้
ตอนนี้เธอทราบดีว่าพื้นที่ทางฝั่งตะวันตกของเมืองนี้จะกลายเป็นศูนย์กลางเศรษฐกิจและการค้าขายอีกทั้งยังเป็นแหล่งท่องเที่ยวที่สำคัญที่สุด แต่ตอนนี้มันยังคงเป็นพื้นที่รกร้างว่างเปล่า และมันยังไม่มีการพัฒนาใด ๆ ซึ่งสิ่งที่เห็นอยู่ตรงหน้าก็เป็นเพียงทุ่งหญ้าที่กว้างใหญ่เท่านั้น
“อาคะ..ช่วยถามให้หน่อยว่า ถ้าจะซื้อที่ดินตรงนี้จะต้องใช้เงินเท่าไหร่?”
หยางซือเหมยกล่าวพร้อมกับชี้นิ้วไปยังบริเวณที่จะมีการสร้างอาคารพาณิชย์ในอนาคต
“ตัวเล็ก พื้นที่ตรงนี้มันอยู่ห่างไกลและทุรกันดารมากนะ หนูจะซื้อมันไปทำอะไรเหรอ?” หยางเหอเอ่ยถามด้วยความรู้สึกงงงวย
“ซื้อให้แม่ปลูกผัก!” หยางซือเหมยกล่าวอีกว่า
“ตอนนี้ครอบครัวของหนูมีเงินตั้งหนึ่งแสนเหรียญแล้วไม่ใช่เหรอ? หนูแค่อยากให้ทุกคนย้ายออกมาอยู่ในเมืองเพื่อที่พ่อแม่จะได้ไม่ถูกคนอื่นรังแกอีก”
“ถ้าอย่างนั้นคุณสามารถซื้อในเมืองอพาร์ทเมนต์ประมาณสามหมื่นกุ่ย”
“ก็หนูอยากจะซื้อตรงนี้..ช่วยถามให้หนูหน่อย” หยางซือเหมยไม่ต้องการอธิบายให้เขาฟังมากเกินไป
“ก็ได้”
ตอนนี้หยางเหอไม่สามารถปฏิบัติต่อหยางซือเหมยเหมือนเด็กเล็ก ๆ ได้ ดังนั้นไม่ว่าเธอจะกล่าวอะไรเขาคิดว่ามันเป็นเรื่องที่ถูกต้อง แม้ว่าเขาจะไม่ค่อยชอบสถานที่นี้เท่าใดนัก
อย่างไรก็ตามการปลูกผักในเมืองก็ยังดีกว่าการอยู่ในหมู่บ้านที่มีคนคอยกลั่นแกล้ง!