–หลังจากนั้นผมก็ออกจากเต็นท์และไปกินมื้อกลางวัน
พร้อมกับคุณซิลเวีย เมย์ฟาและซึสึ
พอเห็นคุณคาร์ล่ากับคุณซึกิคาเงะไม่ออกมาจากเต็นท์
คุณซิลเวียก็เลยทำหน้าสงสัย
ส่วนเมย์ฟากับซึสึก็เอาแต่ยิ้มกรุ้มกริ่มออกมา
ไม่แน่บางทีจริงๆแล้ว 2 คนนี้อาจจะแอบดูอยู่ก็ได้
ถึงผมจะคล้อยตามพวกเธอไปเองก็เถอะ
แต่พอมาคิดดูดีๆแล้ว ถ้าเสียงมันลอดออกไปข้างนอกได้
มันก็ค่อนข้างอันตรายเหมือนกันแฮะ
แต่ดูจากท่าทางของคุณซิลเวียแล้ว
ก็พอจะรู้ได้ว่าน่าจะยังไม่มีใครมาได้ยินเข้าล่ะนะ….
ถึงจะรู้สึกว่าคงไม่ต้องระวังตัวเลยก็เถอะ
แต่หลังจากนี้คงต้องระมัดระวังให้มากขึ้นซะแล้วสิ
งานเลี้ยงมื้อกลางวันนั้นเป็นแบบที่เติมได้เรื่อยๆ
ที่จัดอยู่ที่ลานกว้างภายในหมู่บ้าน
ซึ่งมันค่อนข้างจะแตกต่างกับงานเลี้ยงมื้อค่ำเมื่อวานนี้เลย
มีคนเข้าร่วมเยอะมากซะจนผมคิดว่าดาร์กเอลฟ์มากันทั้งหมู่บ้านเลยล่ะ
แน่นอนว่าคุณพ่อคุณแม่ของคุณซิลเวียก็มาเข้าร่วมด้วยเช่นกัน
หลังพวกเรามาถึงได้ประมาณครึ่งชั่วโมง
ลิลิธจังกับคุณเอย์เซนก็มาถึงที่งานเลี้ยงมื้อกลางวัน
และทุกคนนั้นได้เปลี่ยนมาเป็นชุดเจ้าสาวกันหมดเรียบร้อยแล้วตามที่คาดไว้
เอาจริงๆไม่ต้องรีบมาก็ได้ เพราะยังไงพรุ่งนี้ก็จะได้เห็นอยู่ดีล่ะนะ
อุตส่าห์ตั้งตารอดูะพรุ่งนี้ไว้แล้วแท้ๆเชียวนะเนี่ย
ในตอนวันที่ไปงานเลี้ยงมื้อค่ำนั้น
มีดาร์กเอลฟ์สาวขี้เมาคนหนึ่ง[ที่ดูค่อนข้างน่ารักดี]เดินเข้ามาลูบก้นของผม
เพราะแบบนั้นเลยทำให้คุณซิลเวียโกรธและจับผู้หญิงคนนั้นทุ่มข้ามไหล่ไป–
แต่อย่างน้อยโดยรวมแล้วเรื่องมันก็ไม่ได้จบลงได้อย่างสันติกว่าที่คิดแหละ
อืม อย่างน้อยก็ไม่มีการเลือดตกยางออกแหละนะ ถือว่าสันติอยู่แหละนะ
แถมในครั้งนี้ลิลิธจังก็ไม่ได้มายุ่งอะไรกับคุณซิลเวียด้วย
ถึงดูจะมีปัญหากันบ้างแต่งานเลี้ยงมื้อกลางวันก็จบลงไปอย่างปลอดภัยล่ะ
จะว่าไป–
“เอ่อ ขอถามอะไรหน่อยได้รึเปล่าครับ?”
“หืม? มีอะไรงั้นเหรอเรียวคุง”
สถานการณ์ในปัจจุบันคือ หลังจากที่พวกเรากินมื้อเที่ยงกันเสร็จ
คุณซิลเวีย ผม และคุณพ่อคุณแม่ของคุณซิลเวียก็กำลังเดินกลับบ้านด้วยกันอยู่
คุณซิลเวียและคุณแม่เดินนำหน้าผมไปประมาณ 2 เมตรได้
ส่วนผมกับคุณพ่อก็กำลังเดินตามหลังพวกเธออยู่
แล้วก็ยังมีเมย์ฟากับซึสึคอยติดตามพวกเรามาอยู่ห่างๆด้วย
ส่วนคุณคาร์ล่ากับคุณซึกิคาเงะก็ยังไม่โผล่มาเลย
ผมไม่ค่อยจะได้มีโอกาสพูดกับคุณพ่อของคุณซิลเวียเป็นการส่วนตัวนัก
เพราะงั้นผมจึงใช้โอกาสนี้ถามเขาในเรื่องที่ผมรู้สึกคาใจอยู่ซะเลย
ถ้าเดินห่างกันระยะประมาณนี้แล้วล่ะก็
พวกคุณซิลเวียก็คงจะไม่ได้ยินที่พวกเราคุยกันหรอกมั้ง
ได้ยินมาว่าคุณซิลเวียกับลิลิธจังเป็นพี่น้องคนละแม่
ก็แปลว่า คุณพ่อของลิลิธจังน่ะ–ก็คือผู้ชายที่ยืนอยู่ตรงหน้าผมตอนนี้ยังไงล่ะ
“เอ่อ ถามแบบนี้มันอาจจะดูเสียมารยาทไปหน่อยนะครับ….แต่ผมได้ยินมาว่าลิลิธจังที่เป็นหนึ่งในผู้สืบทอดมรดกในครั้งนี้น่ะ เป็นพี่น้องคนละแม่กับคุณซิลเวียงั้นเหรอครับ?”
“อ๋อ…จะว่าไปแล้วมันก็ใช่นะ เรื่องนั้นมันทำไมงั้นเหรอ?”
“—-“
….เอ่อ ไม่เหมือนที่คิดไว้เลยแฮะ
จะว่าไงดีล่ะ แบบว่าปฏิกิริยามันดูเบากว่าที่คิดเอาไว้?
ในขณะที่ผมกำลังลังเลว่าจะพูดอะไรต่อไปดีอยู่นั่นเอง
คุณพ่อของคุณซิลเวียก็เอียงคอด้วยความสงสัย
“พูดถึงลิลิธแล้ว ถ้าจำไม่ผิดเธอเป็นลูกสาวของเมลานี่ล่ะมั้งนะ? ตอนนี้เธอน่าจะเรียนอยู่ที่สถาบันเวทย์มนตร์อยู่…เด็กคนนั้นมีอะไรงั้นเหรอ?”
“เอ่อ จะว่ามีอะไรมันก็มีอยู่แหละครับ….”
อะ เอ๋? ลิลิธจังนี่เป็นน้องสาวต่างแม่ของคุณซิลเวียไม่ใช่เหรอ?
หรือก็คือเธอก็ควรจะเป็นลูกสาวตามสายเลือดของผู้ชายที่อยู่ตรงหน้าผมนี่สิ
ทั้งอย่างงั้นทำไมเขาถึงพูดเหมือนเป็นเรื่องของคนอื่นแบบนั้นกันล่ะ?
“พอดีผมได้ยินมาว่าลิลิธจังเป็นน้องสาวต่างแม่กับคุณซิลเวียน่ะครับ….คือ…ไม่ใช่ว่าเธอเป็นลูกที่มีความสัมพันธ์ทางสายเลือดกับคุณพ่อหรอกเหรอครับ?”
“อ๋อ หมายถึงแบบนั้นเองเหรอ”
ผมถามเขาไปอย่างลังเล และในที่สุดเขาก็พยักหน้าราวกับว่าประติดประต่อเรื่องราวได้แล้ว
“นั่นสินะ เป็นอย่างที่เรียวคุงพูดนั่นแหละ ถ้าตามสายเลือดแล้วผมก็เป็นพ่อเธอนั่นแหละนะ แต่ถึงจะว่างั้น เมลานี่ก็ไม่ใช่ภรรยาคนที่ 2 ของผมหรอกนะ แล้วผมก็สละสิทธิ์การเป็นผู้ปกครองไปแล้วด้วย”
ชื่อเมลานี่ที่พูดถึงกันก่อนหน้านี้คงจะเป็นชื่อแม่ของลิลิธจังสินะ
หรือก็คือนั่นเป็นชื่อของผู้หญิงที่พูดแย่ๆกับลิลิธจังที่นอกเต็นท์เมื่อก่อนหน้านี้ล่ะ
จะว่าไปแล้ว ดูเหมือนเธอจะไม่ได้มาที่งานเลี้ยงด้วยซ้ำ
แล้วผมก็ไม่เห็นเธอมาคุยกับลิลิธจังในงานเลี้ยงมื้อกลางวันของวันนี้เลยด้วย
พอลองนึกดูแล้ว อย่าว่าแต่คุยกันเลย
คนคนนั้นน่ะดูแทบจะไม่สนใจลิลิธจังเลยซะด้วยซ้ำไป
ทั้งๆที่ลูกสาวของตัวเองกำลังจะแต่งงานแท้ๆนะ
แถมเธอยังดูจะมีทัศนคติที่มีต่อคุณซิลเวียก็ดูจะไม่ค่อยดีซะด้วย
ว่าไปแล้ว ที่บอกว่าสละสิทธิ์การเป็นผู้ปกครองนี่หมายความว่าไงกันแน่?
“หมายความว่าหย่ากับคุณเมลานี่ไปแล้วอย่างงั้นเหรอครับ?”
“เปล่าๆ ไม่ใช่แบบนั้น อ๋อ จริงสิ คนหนุ่มสาวอย่างเธอคงจะไม่รู้สินะ?”
พอพูดแบบนั้นแล้วพ่อของคุณซิลเวียก็ยิ้มแห้งๆออกมา
“เป็นช่วงก่อนหน้าที่เรียวคุงจะเกิดมานิดหน่อยน่ะ ประเทศนี้ในตอนนั้นน่ะ การนอกใจยังถือเป็นเรื่องที่ไม่ถูกต้องและไม่ถูกยอมรับตามกฎหมายอยู่น่ะนะ”
“….เป็นงั้นเหรอครับ?”
เรื่องนี้ก็เพิ่งจะเคยได้ยินนี่แหละ
จะว่าไปแล้ว กิลด์มาสเตอร์ของโลกนี้ก็มีภรรยาตั้ง 3 คนเลยนี่นา
แถมผมยังได้ยินมาอีกด้วยว่าอดีตสามีของคุณซิลเวียนั้น
ก็มีภรรยามากกว่า 10 คนเลยนี่นะ
เพราะประเทศนี้ผู้ชายสามารถมีภรรยาได้หลายคน
ผมก็เลยไม่เคยสนใจมาก่อนเลยว่าจริงๆแล้วระบบนี้เริ่มถูกอนุมัติเมื่อตอนไหน
“ใช่แล้วล่ะ แล้วก็ในตอนนั้นน่ะนะ….อะแฮ่ม คือ มันมีประเพณีที่เรียกว่าการยืมเมล็ดพันธุ์น่ะนะ แต่ว่าตอนนี้มันถูกยกเลิกไปแล้วล่ะ”
“การยืมเมล็ดพันธุ์?”
คำนั้นเองผมก็เพิ่งเคยได้ยินเป็นครั้งแรกเหมือนกัน
ในโลกเดิมของผมเหมือนจะเคยได้ยินสิ่งที่เรียกว่า
[การตั้งครรภ์แทน] มาอยู่บ้างนะ….
อ๊ะ หรือว่าไอ้ยืมเมล็ดพันธ์อะไรนั่นมัน
มันจะเป็นการตั้งครรภ์แทนเวอร์ชั่นกลับกันรึเปล่านะ?
(อุ้มบุญ)
“อ้อ จริงสิ ที่ผู้ชายจะน้อยมากแค่ไหนแต่ก็ไม่สามารถมีชู้ได้น่ะ ถ้าทำแบบนั้นจำนวนการเกิดของเด็กก็จะลดลงไปเรื่อยๆใช่มั้ยล่ะ? เพราะงั้นลูกชายคนโตของตระกูลหลักกับลูกเขยก็เลยจะต้องไปนอนกับผู้หญิงที่ยังไม่ได้แต่งงานจากตระกูลสาขา….นี่แหละที่เรียกว่าการยืมเมล็ดพันธุ์น่ะ”
“ยะ อย่างงี้นี่เอง….?”
ไม่รู้ว่าเป็นเพราะรู้สึกอายรึเปล่า
แต่คุณพ่อของคุณซิลเวียน่ะอธิบายพร้อมกับหน้าแดงไปด้วยล่ะ
“แล้วทีนี้ เอ่อ….ในตอนนั้นคุณเมลานี่ก็ยืมเมล็ดพันธุ์ และผลลัพธ์นั้นก็คือลิลิธจังสินะครับ?”
“อา ใช่แล้วล่ะ แต่อย่าเข้าใจผมผิดไปนะ เอาจริงๆ นอกจากภรรยาแล้ว ผมก็ไม่อยากให้ใครมาแตะต้องร่างกายของผมหรอกนะ แต่ว่า ผู้อาวุโสในตอนนั้นมาก้มหัวขอร้องน่ะ….เขาบอกว่า[ถ้ายังเป็นแบบนี้ต่อไปล่ะก็ เผ่าของเราจะต้องสูญสิ้นแน่ ได้โปรดให้ยืมเมล็ดพันธุ์กับเหล่าผู้หญิงตระกูลสาขาที่ยังไม่ได้เป็นเจ้าสาวทีจะได้รึเปล่า]น่ะ เอาเถอะ ก็นี่มันเป็นหน้าที่ของผู้ชายนี่นะ มันช่วยไม่ได้หรอก”
คุณพ่อของคุณซิลเวียพูดด้วยใบหน้าที่ดูขมขื่น
ดูจากสีหน้าของเขาแล้ว เขาคงจะไม่อยากทำมันจริงๆสินะ
ถ้าเป็นผมล่ะก็ เอลฟ์สวยๆอย่างคุณเมลานี่น่ะ ผมไม่ติดใจอะไรอยู่แล้วล่ะนะ
แต่ว่าที่นี่น่ะมันคือโลกที่ความสวยและความน่าเกลียดต่างกัน
ถึงแม้ว่าจะเป็นเอลฟ์เหมือนกัน
แต่สำหรับเขาแล้วคุณเมลานี่ก็คงจะดูน่าเกลียดอยู่ดีนั่นแหละ
ถ้าคนเรามีความรักล่ะก็คนเราก็จะมีรอยตีนกาและรอยลักยิ้ม
แต่นี่แปลว่าไม่มีความรักตั้งแต่แรกแล้วสินะ
“ขอบคุณมากๆนะครับที่ยอมเล่าให้ฟัง ไม่รู้เลยว่าคุณต้องผ่านช่วงเวลาแบบนั้นมาน่ะครับ”
“ไม่เป็นไร ไม่ต้องใส่ใจหรอกนะ ยิ่งไปกว่านั้นนะ…”
คุณพ่อของคุณซิลเวียทำสีหน้าดูลำบากใจ จากนั้นก็เข้ามากระซิบกับผม
“จู่ๆก็ถามเรื่องของลิลิธขึ้นมาแบบนี้เนี่ย มีอะไรเกิดขึ้นงั้นเหรอ? หรือว่าจะถูกลิลิธกับเมลานี่จะทำอะไรแปลกๆงั้นเหรอ….”
“ไม่ใช่แบบนั้นหรอกครับ ก็แค่รู้สึกคาใจอะไรนิดหน่อยก็เท่านั้นเองครับ”
ผมไม่ได้บอกเรื่องที่ลิลิธจังพยายามจะยั่วยุคุณซิลเวียกับเขาไป
ไม่รู้เหมือนกันว่าเขาคิดอะไรอยู่ แต่คุณพ่อก็ได้ยักไหล่ให้กับผม
“ถ้าเกิดว่าลิลิธพูดอะไรแปลกๆขึ้นมาล่ะก็ บอกผมมาได้เลยนะไม่ต้องเกรงใจ บ้านของเมลานี่น่ะยังมีหนี้จากการขอยืมเมล็ดพันธุ์อยู่ ถ้ามีผมอยู่ล่ะก็ทางนั้นคงไม่กล้าทำอะไรบุ่มบ่ามหรอกนะ”
“…ทำแบบนั้นมันจะดีเหรอครับ? อย่างน้อยลิลิธจังก็เป็นลูกสาวของคุณนะครับ”
“บอกไปแล้วนี่นา? ก็จริงอยู่ที่ผมเป็นพ่อทางสายเลือด แต่จะไม่มีการเกรงใจอะไรกันทั้งนั้นแหละนะ เพราะผมก็ยังไม่เคยพูดคุยกันส่วนตัวกับเด็กคนนั้นเลยซักครั้งมาจนถึงตอนนี้เลยด้วยนั่นแหละนะ”