“พวกนั้นมากันค่อนข้างเยอะเลยค่ะ! มีประมาณ 30 กว่าคนเลยล่ะค่ะ”
“สามสิบคน!?”
“ตอนนี้พวกคาร์ล่าจังกำลังต่อสู้กันอยู่ค่ะ! เพราะงั้นท่านเรียวได้โปรดรีบหนีไปด้วยเถอะค่ะ!”
เมย์ฟาแสดงความร้อนรนผิดจากปกติอย่างมาก
แปลว่าสถานการณ์ตอนนี้ต้องเลวร้ายมากแน่ๆ
ผมพยักหน้าให้เมย์ฟาและหยิบเมจิคไอเทมก่อนหน้านี้ใส่ไว้ในกระเป๋ากางเกง
จากนั้นผมก็หันไปหาลิลิธจัง
ลิลิธจังทำหน้าตกใจ เพราะว่าเธอยังคงไม่เข้าใจสถานการณ์ที่เกิดขึ้น
แต่เธอก็ได้รีบเปลี่ยนไปเป็นสีหน้าปกติและหันหน้าไปหาเมย์ฟา
“อะ อะไรของเธอกันน่ะ!? ที่นี่น่ะบุคคลภายนอกห้ามเข้านะ! ใครอนุญาตให้เธอเข้ามาที่นี่ได้กันน่ะ!?”
เมย์ฟาไม่ได้ตอบสนองอะไรกับคำพูดเหล่านั้น
แล้วทันใดนั้นก็ได้มีร่างสีดำปรากฎขึ้นและเข้าโจมตีเมย์ฟา
“ชิ!”
เมย์ฟาหมุนตัวอย่างรวดเร็วและดึงมีดสั้นออกมาจากอกของเธอ
แต่ทว่า ฝ่ายตรงข้ามเองก็ตอบสนองได้อย่างรวดเร็ว
ทันทีที่ฝ่ายตรงข้ามรู้ว่าโจมตีเมย์ฟาไม่โดน ฝ่ายตรงข้ามก็มุ่งเป้ามาทางผมแทน
“ท่านเรียว!”
ไม่รู้เหมือนกันว่าเธอประมาทเพราะเห็นผมไม่มีอาวุธ
หรือเธอจงใจจะจับผมไว้เป็นตัวประกันกันแน่
แต่ถือว่าเป็นโชคดีเลยที่อีกฝ่ายมุ่งตรงมาที่ผม
ผมยกมือซ้ายขึ้นมาอย่างรวดเร็วและยิงเข็มพิษออกจากแหวนบนนิ้ว
และศัตรูที่โดนเข็มไปก็ล้มพับลงไปในเวลาไม่กี่อึดใจ
“สมกับเป็นท่านเรียวเลยค่า~♡”
เมย์ฟาปรบมือและเดินตรงเข้ามาหาผมพร้อมกับรอยยิ้มที่ดูโล่งใจ
ในขณะเดียวกันลิลิธจังก็เดินโซเซและจ้องมองไปที่เมย์ฟา
“อะไรของเธอกันน่ะ!? แล้วไหนจะยังผู้หญิงคนนี้อีก! คิดจะทำอะไรกันแน่ล่ะเนี่ย รีบออกไปเดี๋ยวนี้เลยนะ!”
เมย์ฟาทำหน้าหงุดหงิดให้กับลิลิธจังที่เหมือนหมาน้อยที่กำลังเห่าอยู่
“เป็นยัยเด็กที่น่ารำคาญซะจริงนะ…ท่านเรียว เราปล่อยยัยนี่ทิ้งไว้แล้วรีบไปกันเถอะค่ะ”
“เดี๋ยวสิ! ใครบอกให้พาหมอนี่ไปกัน ปล่อยผู้ชายคนนั้นเดี๋ยวนี้นะ ที่ต้องออกไปน่ะ แค่หล่อนคนเดียวก็พอแล้ว”
“หาาา? เมื่อกี้พูดกับท่านเรียวว่ายังไงน้า? เธอเป็นใครกันถึงมาบอกให้เราปล่อยนายท่านของเราแบบนี้น่ะห๊า? ถ้าอยากตายมากนักล่ะก็ ฆ่าทิ้งซะตรงนี้เลยดีกว่ามั้ง?”
คำพูดของลิลิธจังทำให้เมย์ฟามีน้ำโห
ผมเลยจับไหล่เมย์ฟาและช่วยพูดให้เธอระงับความเกรี้ยวกราดลง
“เมย์ฟา ตอนนี้น่ะมันไม่ใช่เวลาที่จะมาทำอะไรแบบนี้อยู่ไม่ใช่รึไง?”
“ท่านเรียว…”
“ในระหว่างนี้พวกคุณคาร์ล่าเองก็กำลังต่อสู้อยู่ไม่ใช่เหรอ? ถ้าพวกเราไม่รีบไปสมทบกับทุกคนล่ะก็…”
พอผมพูดออกมาแบบนั้น
ผู้หญิงชุดดำที่ล้มลงไปกับพื้นก็ลุกขึ้นมาในขณะที่ยังตัวสั่น
และเธอก็ได้พรุ่งตรงไปมาตรงที่เมย์ฟาอยู่
แต่ทว่า ก่อนที่มีดของฝ่ายศัตรูจะได้ทันมาถึงตัวพวกเรา
เมย์ฟาก็ผลักผมออกไปด้วยมือข้างหนึ่ง
และโจมตีไปที่ผู้หญิงคนนั้นด้วยมีดสั้นที่อยู่ในมืออีกข้าง
วะ แหวนใช้ไม่ได้ผลอย่างงั้นเหรอ!?
ผมรีบหันไปมองที่ผู้หญิงคนนั้น และผมก็ได้สังเกตเห็นบางอย่าง
ดูเหมือนว่าผู้หญิงที่ใส่ชุดดำคนนั้น
จะควักเนื้อตัวเองตรงที่ถูกแหวนยิงเข็มใส่ออกไป
ตรงบริเวณที่ถูกควักออกไปนั้นทำให้เสื้อผ้าขาด
และเลือดก็ไหลออกมาจากแผลที่ดึงเนื้อออกไปค่อนข้างเยอะเลย
ทุกครั้งที่เธอคนนั้นสู้กับเมย์ฟา เลือดของเธอก็จะกระเซ็นออกมาตลอด
บ้าจริง แค่ปล่อยให้ร่างกายเป็นอัมพาตไปเฉยๆก็ดีอยู่แล้วแท้ๆนะ…!
ผมคิดจะใช้พลังของแหวนอีกครั้ง
แต่พวกเธอเคลื่อนที่กันเร็วเกินไปจนทำให้ผมเล็งไม่ได้
เพราะว่ามันอาจจะทำให้เมย์ฟาโดนลูกหลงไปด้วยยังไงล่ะ
“ท่านเรียว เราไม่เป็นไรหรอกนะคะ เพราะงั้นช่วยหนีไปด้วยเถอะค่ะ!”
“แต่ว่า…!”
“ก็ไม่อยากจะพูดแบบนี้หรอกนะคะ แต่ถ้าเกิดว่าท่านเรียวถูกจับเป็นตัวประกันขึ้นมา เราก็คงจะลำบากแน่ค่ะ เพราะงั้นถ้ารีบหนีไปก็จะขอบคุณมากๆเลยล่ะค่ะ! ถ้ามีความรู้สึกผิดล่ะก็ ตอนที่กลับไปที่เมืองคาสซานดร้าก็ได้โปรดให้รางวัลกับพวกเราเยอะๆก็แล้วกันนะคะ♡”
“…อึก เข้าใจแล้ว! ถ้างั้นก็ต้องกลับมาให้ได้นะ”
“ฮุฮุ จะตั้งตารอเลยล่ะค่ะ♡”
เมย์ฟาขยิบตาวิ้งให้ผมอย่างติดตลก
แต่ในวินาทีถัดมานั้นเธอก็ได้หลบคมมีดของคู่ต่อสู้และเริ่มทำการต่อสู้ต่อไป
ก็จริงนะ ถ้าผมยังอยู่ที่นี่ต่อไปละก็ผมคงจะกลายเป็นตัวเกะกะซะเปล่าๆ
เพราะงั้นผมจึงต้องพาลิลิธจังวิ่งหนีออกไปให้ไกลที่สุด
“ลิลิธจัง ยืนไหวมั้ย?”
“อะ…เอ๊ะ?”
“อย่างที่เห็นนั่นแหละ ดูเหมือนว่าตอนนี้ที่หมู่บ้านกำลังถูกโจมตีอยู่น่ะนะ แล้วลิลิธจังยืนขึ้นไหวรึเปล่า?”
ลิลิธจังมีสีหน้าสับสนผสมกับความกังวล
ร่างกายของเธอตอนนี้ก็ยังคงสั่นอยู่เลย
หลังจากที่ลังเลอยู่ซักพัก ผมก็พูดกับเธอไปว่า
[ขอเสียมารยาทนิดนึงนะ] แล้วจากนั้นผมก็อุ้มเธอขึ้นมา
ผมจับร่างกายส่วนล่างของเธอไว้และแบกเธอไว้บนไหล่ของผม(ขี่หลัง)
ลิลิธจังประหลาดใจอย่างมากและใช้มือตบที่หลังผม
“ดะ เดี๋ยวสิ!? ปล่อยฉันลงนะ!”
“ต่อให้ปล่อยไปตอนนี้เธอก็เดินต่อไปไม่ไหวอยู่ดีไม่ใชรึไง? ผมจะพาเธอไปส่งที่ปลอดภัยให้ เพราะงั้นช่วยอดทนซักพักก็แล้วกันนะ”
“อะ อดทนเนี่ยนะ ฉะ ฉันก็ไม่ได้ไม่ชอบหรือว่าอะไรหรอกนะ แต่ถ้าถูกซิลเวียมาเห็นสภาพแบบนี้ขึ้นมา เดี๋ยวจะถูกเข้าใจผิดเอาไม่ใช่รึไง!?”
ผมวิ่งออกไปนอกเต็นท์โดยที่ไม่สนใจลิลิธจังที่กำลังบ่นเสียงดัง
พอผมออกมาข้างนอก ผมได้ยินเสียงคนตะโกนกันเสียงดัง
และยังได้ยินเสียงดาบปะทะกันอย่างแรง
ทางทิศที่เป็นเต็นท์ของผู้ชายก็เหมือนจะมีควันพุ่งออกมาด้วย
พอเห็นแบบนั้นแล้ว น้ำเสียงของลิลิธจังก็เปลี่ยนไปในทันที
“นะ…นี่มันอะไรกัน…มันเกิดอะไรขึ้นกันแน่เนี่ย? ละ แล้วท่านทวดล่ะ? แล้วซิลเวียล่ะ?”
เสียงของเธอสั่นเครือ
ผมจึงส่งเสียงเรียกลิลิธจังไปเพื่อให้เธอใจเย็นลง
“อย่างแรกที่ต้องทำในตอนนี้คือการพาลิลิธจังไปส่งในที่ปลอดภัยไว้ก่อน หลังจากนั้น เรื่องของสองคนนั้นก็ค่อยเอาไว้ว่ากันทีหลังก็แล้วกัน โอเคมั้ย?”
“…อะ อืม….”
ในขณะที่ผมกำลังพยายามปลอบใจลิลิธจังอยู่ ผมก็เริ่มเคลื่อนไหวออกไป
แต่เอาจริงๆแล้วผมก็ไม่รู้เหมือนกันว่าต้องไปทางไหนถึงจะปลอดภัย
เต็นท์ของคุณซิลเวียที่อยู่ใกล้ๆก็ถูกเปิดออก
แล้วก็ดูเหมือนว่าจะไม่มีใครอยู่ข้างในเต็นท์นั้นด้วย
ก่อนอื่นผมต้องหลีกหนีออกไปจากความโกลาหลตรงนี้ซะก่อน
ผมก็เลยวิ่งออกไปในทางที่เหมือนจะไม่ค่อยมีคน
แต่เพราะผมต้องแบกลิลิธจังไปด้วย ผมจึงเร่งความเร็วมากไม่ได้
ตอนที่โอคุงมาเยี่ยมที่เต็นท์นั่นยังไม่มีอะไรเกิดขึ้นเลยแท้ๆนะ…
จะว่าไปแล้วโอคุงคนนั้นจะปลอดภัยดีรึเปล่านะ?
ถึงสำหรับผมแล้วจะเป็นยังไงก็ช่างมันก็เถอะ
แต่ลิลิธจังที่เป็นคู่หมั้นก็น่าจะต้องเป็นห่วงนั่นแหละ
แต่ว่า ชื่อที่ลิลิธจังพูดออกมาเมื่อกี้่นั้น ดูเหมือนจะไม่มีโอคุงอยู่เลยนะ
หรือบางทีแล้วในใจของลิลิธจังจะลำดับความสำคัญโอคุง
ไว้น้อยกว่าท่านทวดกับคุณซิลเวียกันนะ?
ไม่สิ หรือต้องบอกว่าสองคนนี้ลำดับสูงกว่ามากกว่านะ?
ถึงพวกเราจะมาพูดกันระหว่างทางแบบนี้ก็เถอะ
แต่ที่ลิลิธจังตามผมมาก็คงจะเป็นเพราะเธอเป็นห่วงคุณซิลเวียสินะ
อืม ดูเริ่มซับซ้อนขึ้นมาซะแล้วสิเนี่ย
ต้องจดผังความสัมพันธ์ลงไปบนกระดาษซะแล้วสิ
หลังจากที่ผมกำลังคิดเรื่องนี้อย่างรีบๆในหัว
จู่ๆก็มีคนกระโดดมาข้างหน้าผม
ผมรีบหยุดซะจนเกือบหน้าทิ่มพื้นเลยทีเดียว
“–นาย ผู้ชายงั้นเหรอ?”
สิ่งที่มาปรากฎต่อหน้าผมคือผู้หญิงในชุดดำ
ที่เหมือนกับผู้หญิงที่เข้ามาจู่โจมพวกผมเมื่อก่อนหน้านี้
เธอค่อนข้างตัวสูง ดูจากหางที่ยื่นออกมาจากหลังกางเกงแล้ว
บางที่เธอคงจะเป็นเผ่าลิซาร์ดแมนหญิงล่ะมั้งนะ
ผมตอบคำถามของอีกฝ่ายไปด้วยความระมัดระวัง
“ถ้าเป็นผู้ชายแล้วมันทำไมล่ะ?”
“อะไร ฉันน่ะไม่สนใจที่จะฆ่าผู้ชายหรือเด็กที่ไม่มีอาวุธหรอกนะ”
ผู้หญิงที่อยู่ข้างหน้าผมยักไหล่ให้ผมและหันมามองที่ลิลิธจังที่ผมแบกไว้อยู่
“ปล่อยผู้หญิงคนนั้นไว้ซะ แล้วฉันจะปล่อยนายไป”
“….ถ้าผมปล่อยลิลิธจังไป มันจะเกิดอะไรขึ้นกับเธอกันล่ะ?”
“ก็ต้องฆ่าทิ้งแน่นอนอยู่แล้ว เพราะนั่นมันคืองานของฉันยังไงล่ะ”
“อึก…!”
ลิลิธจังตัวแข็งทื่อทันทีที่ได้ยินคำพูดนั้น ซึ่งผมก็ไม่แปลกใจเลย
“ลิลิธจังเองก็เป็นเด็กไม่ใช่รึไง เพราะงั้นขอร้องล่ะ ช่วยปล่อยผ่านไปหน่อยจะได้รึเปล่า?”
“พูดเรื่องอะไรน่ะ? ถึงภายนอกผู้หญิงคนนั้นจะดูเด็กก็จริง แต่อายุจริงของเธอน่าจะมากกว่าฉันกับนายเยอะเลยนะ”
“เอ๊ะ งั้นหรอกเหรอ?”
อ๊ะ จะว่าไปแล้วมันก็จริงนะ ก็ลิลิธจังเป็นเอลฟ์นี่นา
แต่พอได้ยินว่าเธออายุมากกว่าผมนี่ก็แอบตกใจเหมือนกันนะ
“อา ใช่แล้วล่ะ เพราะงั้นเลยจะฆ่าไง เดิมทีแล้วยัยนั่นก็เป็นเป้าหมายของฉันตั้งแต่แรกด้วยแล้วล่ะนะ เพราะงั้นจะพลาดไม่ได้เด็ดขาด”
“เป้าหมายเหรอ…แปลว่าจะฆ่าผู้สืบทอดในครั้งนี้ทั้งหมดเลยงั้นสินะ?”
ผมที่แบกลิลิธจังไว้ค่อยๆก้าวถอยหลังไป
แต่ดูเหมือนว่าผู้หญิงชุดดำคนนั้นจะสังเกตเห็นว่าผมกำลังรักษาระยะห่างอยู่
เธอก็เลยพุ่งกระโจนเข้ามาใส่พวกเรา!
“อึก!?”
ผมพยายามยิงเข็มออกจากแหวนไปที่ผู้หญิงคนนั้น
แต่ดูเหมือนว่าเธอจะสัมผัสได้ว่าผมจะทำอะไรบางอย่าง
เธอจึงปัดมือซ้ายของผมออกไปและจับที่คอเสื้อของผมเอาไว้
ผมพยายามจะดิ้นรนหนีออกจากมือของผู้หญิงคนนั้น
แต่ผมขยับตัวเพื่อที่จะหนีไปไม่ได้เลย
“หื้ม ทั้งที่บอกไปแล้วว่าจะปล่อยนายไปแล้วแท้ๆนะ…พวกที่ไม่ยอมฟังคนอื่นน่ะ จะผู้ชายหรือผู้หญิงฉันก็ไม่ชอบทั้งนั้นแหละ”
“อึก…!”
ครั้งนี้ผู้หญิงคนนั้นเอื้อมแขนมาคล้องคอผม
จากนั้นก็ใช้ฝ่ามือจับคอของผมและบีบคอของผมแน่น
แต่ว่าในจังหวะนั้นเอง ลิลิธจังที่ผมแบกมาด้วยก็ยกขาขึ้นไปข้างบน
และเตะไปที่หน้าของผู้หญิงชุดดำคนนั้นอย่างสุดแรง
“อั้ก!?”
“หัดดูตัวเองก่อนเถอะย่ะ! ผู้หญิงแย่ๆอย่างเธอน่ะลิลิธเองก็เกลียดที่สุด–เอ๋?”
ลิลิธจังส่งเสียงออกมา ทันใดนั้นร่างกายของเธอก็เอียงลงไปอย่างแรง
ดูเหมือนว่า–ตอนที่ผมกำลังต่อสู้กับผู้หญิงคนนั้น
พวกเราก็มาใกล้ที่ทางลาดชันในป่าแล้ว
แล้วพอลิลิธจังเตะผู้หญิงคนนั้นไป
แรงถีบนั้นมันทำให้ผมหงายหลังเลย
แล้วที่แย่ไปกว่านั้นคือ
ดูเหมือนว่าทิศทางด้านหลังพวกเรานั้นจะเป็นทางลาดชันด้วย
และผลลัพธ์ที่เกิดขึ้นคือ–
ผมกับลิลิธจังไถลลงมาตามทางลาดใกล้ผหน้าผากันทั้งคู่
“เหวอออออ!?”
“คย้าาาาาา!?”
ก่อนที่พวกเราจะตกลงมา ผู้หญิงชุดดำคนนั้นก็ทำหน้าตกใจเหมือนกัน
ถึงว่าผู้หญิงคนนั้นเองก็คงคาดไม่ถึงว่ามันจะเป็นแบบนี้เหมือนกันล่ะมั้ง
แต่ตอนนี้พวกเราไม่มีเวลามาคิดเรื่องของผู้หญิงชุดดำพวกนั้นแล้ว
จากนั้นพวกเราก็กอดร่างของกันและกันแน่น
และกลิ้งตกลงมาด้วยกันตามทางลาด–