“อึก….ที่นี่คือ…..?”
ผมรู้สึกเวียนหัวไปหมด ผมขยี้ตาและค่อยๆลืมตา
ร่างกายของผมรู้สึกหนักเอามากๆ
จากที่ดูที่ที่ผมนอนอยู่แล้ว ฟูกที่ผมนอนอยู่นี่มันดีกว่าฟูกทั่วไปมาก
เป็นผ้าปูที่นอนสีขาวบริสุทธิ์ไม่มีแม้แต่รอยสกปรก แถมผ้าห่มก็ยังมีกลิ่นหอมอีกด้วย
แต่ตรงข้ามกับความรู้สึกที่นุ่มนิ่มของผ้าปูที่นอนเลย ผมรู้สึกปวดหัวอย่างรุนแรง
ดูเหมือนว่าจะนอนมากเกินไปหน่อย นี่ผมหลับไปนานแค่ไหนกัน….?
“ก่อนหน้านี้…..ใช่แล้ว! คุณซิลเวียมาที่บ้านของผม….แล้วจากนั้นก็ สาวหูแมวกับสาวหูกระต่าย!”
ในที่สุดผมก็จำได้ว่าเกิดอะไรขึ้นก่อนที่ผมจะหมดสติ ผมจึงลุกออกจากฟูก
สิ่งที่ผมเห็นคือห้องนอนที่ดูไม่คุ้นตา ตรงกลางห้องมีฟูกปูอยู่บนพื้น
เหมือนว่าผมจะนอนอยู่ตรงนั้นมาตลอด
แต่ทั้งที่ไม่มีเตียงแท้ๆผมกลับไม่รู้สึกปวดเนื้อปวดตัวเลย
ผมยังรู้สึกเมื่อยเล็กน้อย อาจจะเป็นเพราะนอนมากไป
อาจจะเป็นเพราะพรมแปลกๆที่ปูไปทั่วพื้นนี่รึเปล่าที่ทำให้ผมไม่เจ็บ?
ว่าแต่….ไอ้นี่มันคือพรมแน่เหรอ? มันเป็นสีเขียวๆมีกลิ่นที่เป็นเอกลักษณ์
ดูเหมือนว่ามันจะถูกถักทอมาจากพืชที่คล้ายๆฟางแห้ง
มันมีรูปร่างเป็นสี่เหลี่ยมวางเรียงกันหลายอันบนพื้น
พอผมลองใช้นิ้วจิ้มดูก็รู้สึกถึงความยืดหยุ่นเล็กน้อย
จะว่าไป ก่อนหน้านี้ผมก็เคยเรียนที่กิลด์มาก่อน
ถ้าจำไม่ผิด อมนุษย์ที่อยู่ประเทศตะวันออกที่อยู่อีกฟากของทะเลจะมีวัฒนธรรมที่เป็นเอกลักษณ์
“ถ้าจำไม่ผิด เขาจะมีชุดที่เรียกว่ากิโมโนแล้วก็อาศัยอยู่ในบ้านที่มีพรมหญ้าทอ….งั้นสินะ?”
ผมเคยเห็นชุดกิโมโนมาก่อนแล้ว นั่นก็คือชุดของคุณซึกิคาเงะจากโรเซนครูเซอร์
ผมค่อยๆมองไปรอบห้องเพื่อรวบรวมเบาะแส
แต่ที่ห้องนี้ไม่มีอะไรโดดเด่นเลย ที่มุมห้องเป็นตู้เสื้อผ้า
มีชุดที่เหมือนกับชุดไว้เปลี่ยนและถังไม้เล็กๆที่มีน้ำอยู่เต็ม
ห้องนี้มีประตูเดียวอยู่ทางหลังห้อง แต่ประตูก็ถูกล็อคไว้ตามคาด
ผมพยายามลองทุบดูแต่มันก็ไม่ขยับเขยื้อน
“บ้าเอ๊ย ไม่ได้งั้นเหรอ”
ห้องนี้มีหน้าต่างที่โปร่งแสง กับเพดานที่สูงจนเอื้อมไม่ถึง
แสงที่ส่องมาถึงนี่ เวลาตอนนี้น่าจะประมาณช่วงก่อนเที่ยงรึเปล่านะ?
พอสติผมเริ่มกลับมาปกติ ผมก็ยิ่งหงุดหงิดขึ้นเรื่อยๆ
คุณซิลเวียจะเป็นอะไรรึเปล่านะ?
เธอจะถูกขังเหมือนกับผมมั้ยนะ? หวังว่าจะปลอดภัยดีนะ….
ผมกระสับกระส่าย เดินไปเดินมารอบห้อง
แต่ถึงจะทำงั้นไปก็ไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลง
ผมจึงยอมแพ้แล้วนั่งลงบนฟูกที่ผมนอนมาจนถึงเมื่อกี้
จู่ๆประตูก็เปิดออก ผมจึงสะดุ้งเล็กน้อย
มีผู้หญิงคนหนึ่งเข้ามาในห้องแล้วก็ปิดล็อคประตูอย่างรวดเร็ว
“โอ๊ะ ตื่นแล้วงั้นสินะเมี้ยว? พอดีได้ยินเสียงดังก็เลยมาดูน่ะเมี้ยว”
คนที่เข้ามาในห้องคือสาวหูแมว
เธอสวมเสื้อสีดำที่พอดีกับร่างกายของเธอเหมือนเดิม ผมจึงเห็นหน้าอกของเธอกระเพื่อมไปมาทุกครั้งที่เดินชัดเจน
ถ้าจำไม่ผิด….เธอชื่อซึสึสินะ
สาวหูแมวซึสึถือถาดอยู่ในมือ
ในถาดนั้นเป็นอาหารที่เป็นรูปสามเหลี่ยมวางลงบนจาน และก็มีน้ำดื่ม
ซึสึนั่งลงหน้าผมแล้ววางถาดอาหารลงบนพื้น จากนั้นเธอก็ยื่นอาหารและน้ำดื่มให้ผม
“คิดว่าน่าจะหิว เค้าก็เลยเอาอาหารมาให้น่ะเมี้ยว”
“ขอบคุณ…..”
ถึงผมจะขอบคุณแต่เอาจริงๆผมก็ไม่ค่อยอยากจะกินอาหารที่มือสังหารเสนอให้ซักเท่าไหร่เลยนะ
แต่ท้องของผมร้องจ๊อกๆ ตรงกันข้ามกับความคิดของผมเลย
ในตอนที่ผมกำลังคิดอยู่ว่าจะเอาไงดี ซึสึก็ยกมือปิดปากและหัวเราะออกมา
“ไม่ต้องเป็นห่วงหรอกนะ ไม่มีพิษหรอกเมี้ยว ถ้าคิดจะฆ่าล่ะก็คงไม่รอให้นายตื่นมาแบบนี้หรอกนะ เพราะงั้นหายห่วง”
“……”
หลังจากที่คิดซักพัก ผมก็ได้ตัดสินใจยื่นมือไปหยิบอาหารตรงหน้า
ผมเห็นด้วยกับสิ่งที่เธอพูดนั่นแหละนะ ตอนนี้กินข้าวก่อนดีกว่า
ผมคิดว่าอาหารรูปสามเหลี่ยมนี่น่าจะคล้ายกับอาหารพกพาของพวกนักผจญภัย
แต่มันไม่ใช่เลย ตรงข้ามกับรูปลักษณ์ของมันเลย มันนุ่มมาก
พอผมลองกัดดูก็เจอกับเม็ดข้าวสีขาวข้างในและก็เหมือนจะมีบางอย่างเหมือนกับปลาแห้ง
มันเค็มๆหวานๆ อร่อยมากเลยล่ะ
“นี่ นี่ เป็นไงบ้างเมี้ยว? ข้าวปั้นที่ทำเองเลยนะเมี้ยว อร่อยมั้ยเมี้ยว?”
“อืม….ก็ อร่อยดี”
“เมี้ยว!”
ผมเห็นเขี้ยวทั้งสองซี่ของเธอจากรอยยิ้มนั่น
“อ๊ะ รับชาด้วยมั้ยเมี้ยว?”
ขณะที่ผมกำลังกินข้าวปั้นอยู่ ซึสึก็เทชาให้ผม
ชาสีเขียวซีดมีรสขมหวาน รู้สึกอร่อยแบบล้ำลึก
ถ้ามันไม่ใช่สถานการณ์แบบนี้ล่ะก็ ผมคงจะยินดีรับอาหารทำมือจากสาวสวยอยู่แล้วล่ะ
แต่ตอนนี้มันไม่ใช่สถานการณ์ที่จะพูดอะไรแบบนั้น
หลังจากทานอาหารเสร็จผมก็นั่งตัวตรงและหันไปทางซึสึที่กำลังนั่งจ้องหน้าผมอยู่
“เอ่อ….ก่อนอื่นก็ ขอบคุณสำหรับอาหาร”
“ด้วยความยินดีเมี้ยว”
“มีเรื่องอยากถามน่ะ ที่นี่คือกิลด์แห่งความมืดเหรอ? ไม่ใช่เมืองคาสซานดร้าสินะ?”
“ที่นี่คือหนึ่งในสาขาของกิลด์แห่งความมืดน่ะ ถึงจะบอกไม่ได้ว่าอยู่ที่ไหน แต่ก็ไม่ใช่เมืองคาสซานดร้าแน่นอน เพราะงั้น ถึงจะร้องขอความช่วยเหลือก็ไม่มีใครมาช่วยหรอกนะเมี้ยว”
อย่างที่คิดเลย ดูเหมือนว่าผมจะถูกส่งออกมาจากนอกเมืองคาสซานดร้าในขณะที่หลับอยู่
“งั้น พวกเธอคิดจะทำอะไรกับฉันและคุณซิลเวียกันแน่? พาพวกเราออกมาจากเมืองคาสซศานดร้าแบบนี้…..แต่ก็ไม่ได้จะฆ่าพวกเราสินะ”
“ก็นะ ก็คงแบบนั้นแหละเมี้ยว”
“พวกเธอน่ะ มีจุดประสงค์อะไรกันแน่? มีอะไรที่อยากได้จากผมกับคุณซิลเวียอยู่งั้นเหรอ?”
ซึสึยิ้มให้กับคำถามของผม
“เมี้ยวฮ่าฮ่าฮ่า ไม่มีทางที่เราจะตอบคำถามอย่างตรงไปตรงมาแบบนั้นหรอกนะเมี้ยว!”
“แต่ตอนที่คุยกับคุณซิลเวียที่บ้านของผมตอนนั้นนี่พูดเยอะเชียวนะ”
“อึก…!”
พอซึสึได้ยินคำพูดของผมเธอก็ใช้ปลายนิ้วของเธอถูแก้มเบาๆ
หลังจากนั้นผมก็หรี่ตาลง เหมือนกับแสงที่ทิ่มแทงเธอทะลุออกจากตา
“นายน่ะ….ชื่อเรียวสินะเมี้ยว?”
“อา”
“เรียว นายน่ะค่อนข้างเป็นผู้ชายที่แข็งแกร่งเลยสินะเมี้ยว? ต้องถูกพลัดพลาดจากคนรักแล้วยังถูกขังไว้ตามลำพังแบบนี้อีก….ถ้าเป็นผู้ชายปกติคนทนไม่ไหวและร้องไห้ไปแล้วล่ะเมี้ยว”
ซึสึเก็บอาหารที่วางอยู่ข้างหน้าผมและเธอก็หันกลับมามองที่ผม
“แต่ว่านะ นายน่ะควรจะคิดอะไรก่อนพูดดีกว่านะเมี้ยว โดยเฉพาะอย่างยิ่งในตอนนี้ที่ไม่มีผู้หญิงคอยปกแบบนี้น่ะเมี้ยว”
ทันใดนั้นเองเธอก็ผลักผมลงไปบนฟูก
เดิมทีก็มีฟูกอยู่ข้างหลังผมอยู่แล้ว ดังนั้นผมจึงไม่รู้สึกเจ็บอะไร
จากนั้นเธอก็นั่งอยู่บนหว่างขาของผม เธอจับไหล่ของผมไว้แน่นจนขยับตัวไม่ได้เลย
“ทุกคนที่อยู่ที่นี่น่ะ คือพวกผู้หญิงน่าเกลียดแบบพวกเรายังไงล่ะเมี้ยว ถ้านายยังเอาแต่พูดอะไรบ้าๆแบบนั้นอยู่ล่ะก็…..จะเกิดอะไรขึ้นก็ไม่รู้ด้วยนะเมี้ยว?”
ใบหน้าสวยๆของซึสึเริ่มเข้ามาใกล้เรื่อยๆ ดวงตาสีทองและสีน้ำเงินของเธอจ้องมาที่ผมอย่างดุดัน
จากนั้นก็มีบางสิ่งที่อ่อนนุ่มสัมผัสโดนต้นขาของผม
พอผมลองมองไปดูก็เจอกับหางแมวสีดำของเธอที่ค่อยๆลูบขาของผม
“เอาเถอะ…ถ้าเกิดว่านายอยากเป็นทาสเซ็กส์ที่ถูกผู้หญิงข่มขืนดุ้นตลอดเวลาล่ะก็มันก็อีกเรื่องล่ะนะเมี้ยว♡ ฮ่าฮ่า♡”
อะไรล่ะนั่น ดูน่าสนุกจัง!
แถมยังผู้หญิงน่าเกลียดทั้งหมด
นั่นก็แปลว่าถ้ามองจากมุมมองของผมก็จะเป็นผู้หญิงน่ารักๆทั้งหมดเลยใช่มั้ย?
จะว่าไปแล้วสาวแมวซึสึคนนี้ก็น่ารักจริงๆนั่นแหละ! แถมมีหูแมวด้วย!
….อะ! ไม่ได้ ไม่ได้
ผมต้องทำตามความปราถนาของตัวเองสิ ผมก็โอเคกับการเป็นทาสเซ็กส์แท่งเนื้อน่ะ
แต่ว่าคุณซิลเวียก็ถูกจับมาเหมือนกันนี่นา ก่อนอื่นต้องยืนยันความปลอดภัยของคุณซิลเวียก่อน
“ถ้างั้น….อย่างน้อยก็ช่วยบอกได้มั้ยว่าเกิดอะไรขึ้นกับคุณซิลเวีย เธอปลอดภัยดีรึเปล่า?”
“หื้ม….เป็นห่วงซิลเวียถึงขนาดนั้นเลยงั้นเหรอเมี้ยว?”
ผมพยายามเปลี่ยนความคิดและพยายามถามกับซึสึ
ดูเหมือนเธอจะชอบความคิดแบบนั้นนะ แล้วเธอก็ยิ้มให้ผม
“แหม เป็นห่วงคนรักด้วยเหรอ ก็ค่อนข้างน่าเป็นห่วงเลยสินะเมี้ยว แต่ถึงอย่างงั้นก็เถอะนะ นายนี่ไม่มีรสนิยมในการเลือกผู้หญิงเป็นคนรักเอาซะเลยนะเมี้ยว ถึงจะเป็นผู้หญิงน่าเกลียดเหมือนกัน แต่นั่นน่ะดาร์กเอลฟ์เลยนะ ผู้หญิงแบบนั้นมีอะไรดีล่ะเมี้ยว?”
เอ๋ อีกแล้วเรอะ
ตอนที่พวกเธอเข้ามาที่บ้านผมก็พูดเหมือนกันสินะ ว่าผมกับคุณซิลเวียเป็นคนรักกันอะไรนั่น
ทำไมเข้าใจผิดแบบนั้นกันนะ?
หรือนั่นคือสาเหตุที่ลักพาตัวผมกับคุณซิลเวียมาที่นี่กันนะ?
“นี่ ตอบมาสิเมี้ยว ผู้หญิงแบบนั้นมันมีดีอะไรล่ะเมี้ยว? หรือนายจะหลงใหลในเงินทองและความมั่งคั่งของผู้หญิงคนนั้นล่ะเมี้ยว?”
“ไม่ล่ะ….เดิมทีแล้วผมกับคุณซิลเวียไม่ใช่คนรักกันซักหน่อยนะ”
“หื้ม? ผู้หญิงคนนั้นสำคัญมากจนต้องพูดโกหกแบบนี้เลยงั้นเหรอเมี้ยว? หรือกำลังจะพยายามปกป้องเธอโดยบอกว่าไม่เกี่ยวข้องอะไรกับเธอกันล่ะเมี้ยว?”
ผมลองทดสอบบอกเธอไปว่าผมกับคุณซิลเวียไม่ใช่คนรักกัน แต่ก็ถูกปฏิเสธในพริบตา
“เอาเถอะ….ถึงนายจะโกหกแค่ไหนมันก็ไม่เกี่ยวกันหรอกเมี้ยว ยังไงเดี๋ยวนายก็จะได้เจอกับซิลเวียในไม่ช้าอยู่ดี หวังว่าจะได้เห็นผู้หญิงคนนั้นปลอดภัยด้วยตาของตัวเองนะเมี้ยว”
“จะได้เจอกับคุณซิลเวียงั้นเหรอ!?”
โล่งอกไปที
ถ้าบอกว่าจะได้เจอกัน อย่างน้อยก็แปลว่าเธอยังมีชีวิตอยู่ล่ะ….!
สาวหูแมวมองลงมาที่ผมที่กำลังโล่งอก
เธอทำตาแคบลงแปลกๆจนเหมือนจันทร์เสี้ยวมองลงมาที่ผม
“เอาเถอะ….มันอาจจะดีกว่าก็ได้นะถ้านายไม่ได้เจอกันน่ะเมี้ยว….♡”