“นายเนี่ย ยังกับไม่ใช่ผู้ชายเลยนะ….”
คุณซิลเวียจ้องมาที่ผมพร้อมแก้มแดง ดูเหมือนว่าเธอจะพูดถึงคืนเมื่อวานของพวกเราอยู่
ในตอนนั้นหลังจากที่ทำที่ก้นเสร็จ ก็ทำด้านหน้าต่อ
แล้วก็ทำที่ก้นต่ออีกครั้งนึง…..แล้วพวกเราก็ทำกันต่อไปเรื่อยๆ
“อืม….หลังจากนี้ไปผมควรจะข่มใจตัวเองไว้จะดีกว่านะ?”
(เรียวจัดหนักจนฟ้าเหลืองเลยคิดว่าตัวเองจัดหนักเกินไปรึเปล่า)
“ฉะ ฉันก็ไม่ได้บอกว่าไม่ชอบซักหน่อย ไม่เห็นใจต้องข่มใจตัวเองไว้เลยก็ได้นี่”
คุณซิลเวียตอบผมที่กำลังเอียงคออยู่
“เพียงแต่ คือ…ถึงฉันจะเป็นผู้หญิงก็เถอะ แต่ถ้าจะให้ฉันเป็นคนนำนายไปจนถึงขั้นนั้นกันได้ก็คงไม่ไหวเหมือนกัน”
“หื้ม”
“ไม่สิ สิ่งที่ฉันจะสื่อก็คือ ฉันแค่ต้องแข็งแกร่งขึ้นและสะสมทักษะเพื่อที่จะไม่ให้แพ้นายก็พอแล้ว….อะแฮ่ม เพราะงั้นฝากไว้ก่อนก็แล้วกัน”
คุณซิลเวียกระแอมเพื่อเปลี่ยนเรื่อง
ดูเหมือนว่าผมจะไม่จำเป็นต้องข่มใจตัวเองแล้วสินะ
–เอาล่ะ ถ้าพูดถึงที่ที่ผมกำลังอยู่ในตอนนี้ล่ะก็ มันก็คือในรถม้าล่ะ
แต่ถึงจะบอกว่ารถม้า แต่นี่ก็ไม่ใช่รถม้าที่ใช้โดยสารทั่วไปหรือรถม้าของกิลด์นักผจญภัย
แต่เป็นรถม้าของคุณซิลเวีย พูดให้ถูกคือเป็นรถม้าของครอบครัวคุณวิลเวียจะถูกกว่า
เป็นรถม้าที่เหมือนกับท้องเรือ รอบรถม้าเป็นสีดำ
โดยนั่งได้ 4 คน และมีม้าลาก 6 ตัว
โดยมีตราประจำตระกูลสีทองของคุณซิลเวียอยู่ทั้งสองฝั่งของตัวรถ
ม้าที่ลากรถล้วนแต่เป็นม้าตัวผู้ที่มีผมสีออกแดงๆ ซึ่งเป็นม้าหายาก
ที่อาศัยอยู่ในป่าเวทย์มนตร์ บายาร์มีความพิเศษคือ
มันจะไม่ชนต้นไม้เลยแม้ว่าจะวิ่งผ่านป่าไหนๆก็ตาม
(บายาร์น่าจะชื่อม้าที่ใช้)
ยิ่งไปกว่านั้นพวกมันยังมีแรงม้ามากกว่าม้าปกติถึงสามเท่าเลยด้วย
อาจจะเป็นเพราะม้าวิเศษตัวนี้หรือไม่ก็เพราะรถม้านี้ถูกสร้างมาดี เวลานั่งถึงไม่รู้สึกสั่นเลยซักนิด
แถมยังนั่งสบายไม่เหมือนกับรถม้าของกิลด์นักผจญภัยที่ผมเคยนั่งซะด้วย
ที่นั่งนุ่มแถมยังมีเบาะรองเอาไว้วางเท้าอีก
ถ้าถามว่าทำไมผมถึงได้นั่งรถม้าหรูหราแบบนี้น่ะเหรอ
นั่นก็เพราะว่าผมกำลังจะได้ไปที่บ้านของคุณซิลเวียยังไงล่ะ
ใช่แล้ว หลังจากที่มีเซ็กส์กับคุณซิลเวียเมื่อคืนนี้เสร็จ
————————————————————————
[จะว่าไปแล้ว ผมควรจะต้องไปที่หมู่บ้านดาร์กเอลฟ์ตอนไหนดีล่ะ?]
[พรุ่งนี้เช้าน่ะ]
————————————————————————
พอได้ยินแบบนั้นก็ผมก็รีบไปจัดกระเป๋าอย่างไวเลย
เนื่องจากมันกระทันหันมากผมคิดว่าผมคงจะไม่ทันได้
ทักทายทุกคนในโรเซนครูเซอร์ก่อนพระอาทิตย์จะขึ้นแน่ๆ
แต่อย่างน้อยผมก็สามารถบอกกับกิลด์มาสเตอร์ พ่อบุญธรรมของผมได้
อย่างน้อยถ้าพวกเธอได้ฟังเรื่องราวผ่านกิลด์มาสเตอร์ก็คงจะดี….
นอกจากนี้ผมก็ไม่ได้บอกเรื่องคู่หมั้นปลอมๆของคุณซิลเวียให้กิลด์มาสเตอร์ฟังด้วย
ผมบอกไปแค่ว่าคุณซิลเวียมาขอให้ผมไปช่วยงานเธอเป็นการส่วนตัวเท่านั้น
ในฐานะที่เขาเป็นกิลด์มาสเตอร์ เขาจึงยอมให้ผมไปตามคำขอ
ของคุณซิลเวียที่เป็นนักผจญภัยแรงค์ S แห่งเมืองคาสซานดร้า
“จะว่าไปแล้ว ผมมีเรื่องที่คาใจอยู่หน่อยนะ….ท่านทวดของคุณซิลเวียก็ไม่ได้พูดไว้นี่ว่า[ถ้าได้รับที่ดินนี้ไปแล้วห้ามเปิดเผยถึงการมีอยู่ของซากโบราณสถานนี้] น่ะ?”
ผมถามคุณซิลเวียที่นั่งอยู่ตรงหน้าของผม
เธอนั่งไขว่ห้างและเริ่มพูดด้วยท่าทางที่ดูคิดถึง
“อืม นั่นสินะ จริงๆแล้วท่านเองก็อยากจะบอกแบบนั้นนะ แต่สุดท้ายท่านก็ไม่ได้บอกกับทุกคนน่ะ”
“ทำไมถึงทำแบบนั้นล่ะ?”
“จริงๆฉันก็เคยคาใจอยู่เหมือนกัน ฉันก็เลยถามท่านทวดตอนที่เราอยู่กันตามลำพัง แล้วท่านทวดก็หัวเราะออกมาและพูดว่า[เราใช้ชีวิตมาอย่างอิสระมามากพอแล้ว เพราะฉะนั้นเรื่องในอนาคตก็ควรให้คนหนุ่มสาวในอนาคตเป็นคนตัดสินกันเอาเองสิ] แบบนี้น่ะ….”
“อย่างงี้นี่เอง….”
อืม
แต่ว่า คนหนุ่มสาวที่ว่านั่นก็อยู่ในกรอบที่ท่านทวดเป็นคนขีดไว้ด้วยเงื่อนไขนั่นนะครับ
“ว่ากันว่าถ้าซากโบราณสถานของไฮเอลฟ์จะถูกเปิดเผย หมู่บ้านจะเปลี่ยนไป พวกเขาก็เลยปกปิดมันไว้มาจนถึงทุกวันนี้ แต่สุดท้ายมันก็ขึ้นอยู่กับผู้ที่ได้รับมรดกไปอยู่ดีนั่นแหละนะ”
“หืม…ถึงความเป็นไปได้จะต่ำก็เถอะ แต่ถ้าเกิดว่าทั้งสี่คนมีคุณสมบัติตรงตามเงื่อนไขในการสืบทอดขึ้นมา จะเกิดอะไรขึ้นล่ะ?”
“ถ้าเป็นแบบนั้น พวกเราทั้งสี่คนก็จะต้องมาหารือกันเอาเองไงล่ะ”
พอพูดเสร็จคุณซิลเวียก็ยักไหล่
“แต่ก็นะ การที่ต้องการจะเก็บรักษาซากโบราณสถานนั้นไว้ มันก็เป็นแค่ความเห็นแก่ตัวของฉันเองคนเดียวล่ะนะ”
เธอมองมาที่ผมทำหน้าเหมือนอยากจะขอโทษ
“เพราะความเห็นแก่ตัวของฉันเลยทำให้นายต้องมาพัวพันไปด้วย เพราะงั้นฉันจะตอบแทนน้ำใจของนายอย่างแน่นอน”
“ไม่ต้องคิดมากหรอกนะ เพราะถ้าไม่มีเรื่องแบบนี้ ผมก็คงไม่มีโอกาสจะได้ไปที่ซากโบราณสถานหรอกหรือหมู่บ้านดาร์กเอลฟ์หรอกนะ”
ผมส่ายหัวและตอบคุณซิลเวียไปแบบนั้น
ผมพอจะเข้าใจสถานการณ์ส่วนใหญ่แล้วก็จริง
แต่ก็ยังมีสิ่งหนึ่งที่ยังคาใจผมอยู่
“แต่จะว่าไป…..ถ้าลองพิจารณาจากที่เราเพิ่งพูดกันไปเมื่อกี้นี่แล้ว ถ้าสมมติว่าถ้าคนที่เหลือได้รับสืบทอดไปล่ะก็ โอกาสที่ซากโบราณสถานนั้น จะถูกนำไปเปิดเผยมันก็น่าจะมีความเป็นไปได้สูงเลยไม่ใช่เหรอ?”
“อา ใช่แล้วล่ะ นอกจากฉันแล้ว อีกสามคนที่เหลือคงจะต้องเปิดเผยมันอย่างแน่นอน….”
ในขณะที่คุณซิลเวียกำลังจะพูดต่อ รถม้าก็ค่อยๆลดความเร็วลงเรื่อยๆ
จากนั้นคนขับด้านนอกก็พูดขึ้นมาว่า [มาถึงจุดหมายแล้วค่ะ]
ดูเหมือนว่าพวกเราจะมาถึงบ้านเกิดของคุณซิลเวียแล้ว
เราเดินทางออกจากเมืองคาสซานดร้ามายังไม่ถึง 5 ชั่วโมงเลยด้วยซ้ำ
ค่อนข้างจะถึงเร็วอยู่เหมือนกันแฮะ
“ดูเหมือนว่าจะถึงแล้วสินะ ไปกันเถอะเรียว”
พอคุณซิลเวียลงจากรถม้าเธอก็รีบจับมือผมและพาผมเดินลงไป
มีความเป็นสุภาพบุรุษจังเลยนะ ไม่สิ หรือโลกฝั่งนี้ควรเรียกว่ามึความเป็นสุภาพสตรีนะ?
ในขณะที่ผมกำลังคิดอยู่ พอผมหันไปด้านหน้า
ผมก็หายใจออกด้วยความรู้สึกชื่นชมออกมาเองอัตโนมัติ
“วะ ว้าว….”
สิ่งที่ผมเห็นอยู่ตรงหน้าคือบ้านเกิดของคุณซิลเวีย
ต้นเบิร์ชสีขาวต้นใหญ่มีใบสีทอง ใบไม้สีทองนั้นสะบัดไปมาส่องประกายระยิบระยับ
มีแม่น้ำสายเล็กๆอยู่ใกล้ๆ สีของน้ำเป็นสีขาวหน่อยๆ
ไม่รู้ว่าเป็นกลิ่นของต้นไม้หรือกลิ่นของน้ำกันแน่
แต่ผมสัมผัสได้ถึงกลิ่นหอมที่ลอยมาจากที่ไหนสักที่
มีอาคารหินสีขาวบริสุทธิ์ตั้งอยู่รายล้อมต้นไม้สีทองนั้น
อย่างกับว่าอาคารเหล่านั้นได้รับพรปกป้องจากต้นไม้
อาคารเหล่านั้นอาคารค่อนข้างสูง จะเห็นว่าอาคารจะสูงประมาณสามถึงสี่ชั้น
มองไปรอบๆจะเห็นเหล่าเด็กๆดาร์กเอลฟ์ผิวสีน้ำตาลกำลังเล่นอยู่ใกล้บ้าน
แล้วก็ยังมีผู้หญิงที่กำลังตากผ้า รวมไปถึงคนที่กำลังลองยิงธนูอยู่
ไม่เห็นผู้ชายเลยแฮะ
อย่างที่คิดเลย แม้แต่ที่นี่ก็ไม่มีข้อยกเว้นสินะ
จำนวนผู้ชายที่นี่ก็คงจะน้อยมาแน่ๆ
“เป็นที่ที่งดงามจริงๆนะ”
“งั้นเหรอ? ขอบคุณนะ”
“ตอนแรกผมคิดว่าเอลฟ์ทุกคนจะอาศัยอยู่บนต้นไม้กันซะอีกนะ”
“ก็มีบางครอบครัวที่เป็นแบบนั้นอยู่หรอกนะ แต่ที่หมู่บ้านนี้ก็เป็นแบบนี้มาตั้งแต่ฉันเกิดแล้วล่ะ”
ดูเหมือนว่าแม้แต่เอลฟ์ก็มีชีวิตที่แตกต่างกันออกไปตามที่ที่ตัวเองอาศัยอยู่สินะ
ดูๆไปก็คล้ายๆกับเผ่ามนุษย์อย่างผมเลยนี่นะ
“ก่อนที่จะพานายไปชมรอบๆหมู่บ้านฉันขอพานายไปเจอกับพ่อแม่ของฉันก่อนได้รึเปล่า? ฉันอยากจะแนะนำนายให้พวกเขารู้จักน่ะ”
“อา ได้อยู่แล้ว ผมเองก็อยากไปทักทายพวกท่านด้วยสิ”
ดูเหมือนว่าคุณซิลเวียจะอธิบายให้พ่อแม่ของเธอฟังไปแล้ว
ว่าผมเป็นว่าผมเป็นคู่ครองของเธอ
ก็นะ ถ้าไม่บอกแบบนั้น ผมคงไม่ได้ไปหาพวกเขาแบบนี้หรอก
“ถ้างั้น ไปกัน….หืม เป็นอะไรไปเหรอ?”
คุณซิลเวียหยุดผมไว้ไม่ให้ผมเดินไปข้างหน้า
“นายเป็นคู่หมั้นของฉันนี่นา ถ้าไม่ควงแขนกันไว้มันก็คงจะดูแปลกไม่ใช่เหรอ?”
(ขอใช้เป็นคำว่าคู่หมั้นแทนนะครับ ตามบทญี่ปุ่น เดี๋ยวตอนพิเศษก่อนหน้านี้จะแก้ให้ใหม่ครับ)
“เอ๊ะ….อะ อ๋าาา นั่นสินะ นั่นก็จริงนะ อื้ม”
คุณซิลเวียกระพริบตาปริบๆให้ผม
และพอเธอได้ยินผมพูดแบบนั้นเธอก็ยิ้มออกมาอย่างมีความสุข
แล้วจากนั้นเธอก็โอบแขนผมอย่างมีความสุข
เนื่องจากคุณซิลเวียใกล้ชิดกับผมมากๆ
แขนของผมเลยสัมผัสกับหน้าอกของเธอหลายต่อหลายครั้ง
“ถ้างั้น ไปกันเลยมั้ย”
คุณซิลเวียโอบแขนทั้งสองข้างของเธอกับแขนของผม
ผมคิดว่าเธอคงจะเดินลำบากนะ แต่ดูเหมือนมันจะไม่เป็นแบบนั้น
นั่นก็เพราะว่าเธอเดินไม่มีสะดุดเลยซักนิด
แถมยังก้าวตามจังหวะเท้าของผมได้ดีอีกด้วย
บางทีคงเป็นเพราะว่ามีร่างกายที่แข็งแรงก็เป็นได้
ดูเหมือนว่ากระเป๋าเดินทางของผมและคุณซิลเวีย
จะถูกคนขับรถขนไปให้ที่บ้านคุณพ่อคุณแม่ของคุณซิลเวียทีหลัง
ก่อนที่ผมจะขึ้นรถม้าก็ได้ทักทายกันนิดหน่อย
ดูเหมือนว่าคุณคนขับจะเป็นดาร์กเอลฟ์ที่เป็นตระกูลสาขาของครอบครัวคุณซิลเวีย
และ–
“–แหม ผู้ที่ยืนอยู่ตรงนั้นมัน ท่านซิลเวียไม่ใช่เหรอ?”
“ถึงจะได้ยินมาว่าเพิ่งหย่ากับชนชั้นสูงจากเผ่ามนุษย์ก็เถอะนะ….”
“ว่าแล้วเชียว ถ้าเป็นนักผจญภัยแรงค์ S แล้วล่ะก็ คงจะมีผู้ชายที่ยอมคบกับดาร์กเอลฟ์อยู่ด้วยล่ะสิน้า~ หรือบางทีฉันควรจะตั้งเป้าเป็นนักผจญภัยด้วยดีน้า~”
ในขณะที่ผมกำลังเดินไปตามถนน จู่ๆผมก็ได้ยินเสียง
เสียงนั่นเป็นเสียงของดาร์กเอลฟ์สาวรอบๆ
พวกเธอพูดกันอย่างโจ่งแจ้งและมองมาที่พวกเราด้วยความสงสัย
ซึ่งสายตาส่วนใหญ่ที่มองมานั้นเป็นสายตาอิจฉาคุณซิลเวีย
“โทษทีนะ…ที่คนในหมู่บ้านเราพูดจาควานผ่าซากไปหน่อยน่ะ”
“ฮ่ะฮ่ะ เอาเถอะ เมืองคาสซานดร้าก็เป็นแบบนี้เหมือนกัน ผมชินแล้วล่ะ”
ผมส่ายหัวให้กับคุณซิลเวียที่กำลังขอโทษ แต่ผมไม่ได้พูดเล่นนะ
เพราะตั้งแต่ที่ผมมาที่โลกนี้ ผมก็เคยชินกับความรู้สึกแบบนี้ไปแล้วล่ะ
เทียบกับตอนที่ไปเดินรอบเมืองกับทุกคนในโรเซนครูเซอร์
ที่มีคนกระซิบกันหนาหูนั่นแล้ว การเดินรอบหมู่บ้านกับคุณซิลเวียนี่ถือว่าน่ารักไปเลย
แต่จะว่าไปแล้ว หมู่บ้านดาร์กเอลฟ์นี่มีประชากรเยอะกว่าที่ผมคิดไว้แฮะ
ตอนที่ได้ยินว่าเป็นหมู่บ้าน ก็คิดว่าจะเป็นหมู่บ้านที่เล็กกว่าเมืองคาสซานดร้าซะอีกนะ
แต่พอมองดูรอบๆแล้วเผลอๆที่นี่จะมีประชากรเยอะกว่าที่คาสซานดร้า
ประมาณสองเท่าได้เลยมั้ง แล้วถนนส่วนใหญ่ก็เป็นปูนด้วย
หลังจากที่เดิมตามถนนไปได้ประมาณ 10 นาที
พวกเราก็มาถึงอาคารที่ถือว่าใหญ่เป็นอันดับสองในหมู่อาคารที่อยู่รอบๆเลย
ที่นี่เป็นอาคารห้าชั้น และมีสีขาวเหมือนกับอาคารอื่นๆเลย
“ที่นี่แหละคือบ้านของพ่อแม่ฉันเอง”
หลังจากที่เคาะประตู คุณซิลเวียก็เปิดประตูเข้าไปในห้องอย่างรวดเร็ว
แล้วผมก็เดินตามเธอเข้าไปข้างใน ทันใดนั้นเองผมก็ได้ยินเสียงพูดขึ้นมาว่า
[ยินดีต้อนรับกลับนะจ๊ะ เบบี้จัง!]
เบบี้จัง? พอได้ยินแบบนั้นผมก็หันไปทางต้นเสียง
ก่อนที่ผมจะรู้ตัวคุณซิลเวียก็ถูกผู้หญิงผมสีเงินผิวสีน้ำตาลกอดแน่น
ดวงตาของผู้หญิงคนนั้นเป็นสีฟ้าอมม่วง
“ยินดีต้อนรับกลับนะจ๊ะซิลเวียจัง สบายดีมั้ย รถม้านั่งสบายดีรึเปล่า….? อ๊ะ ทางนั้นคงจะเป็นคุณเรียวสินะจ๊ะ แหมแหม ยอมเหนื่อยเดินทางมาไกลถึงขนาดนี้ ขอขอบคุณมากนะจ๊ะ”
“มะ ไม่หรอกครับ…”
“ทะ ท่านแม่ ช่วยปล่อยหนูด้วย หนูไม่ใช่เด็กๆแล้วนะ!”
“พูดอะไรกันน่ะ ซิลเวียจังน่ะไม่ว่าจะอายุเท่าไหร่ ก็จะยังเป็นเบบี้จังของหม่าม้าอยู่ตลอดนั่นแหละจ้ะ”
“ไม่ล่ะ ไม่มีทางเป็นแบบนั้นหรอก….!”
สะ สุดยอดเลยแฮะ
คุณซิลเวียคนนั้นถึงกับถอยเลย…!
ขณะที่ผมกำลังมองดูคุณซิลเวียถูกลูบหัวอยู่
ก็ได้มีชายคนหนึ่งมาจากด้านหลังของผู้หญิงคนนั้น
เขาคนนั้นเป็นผู้ชายคนแรกที่ผมได้เจอเลยตั้งแต่ที่ผมมาที่นี่
แถมเขายังเป็นเอลฟ์ผิวขาวด้วย
ไม่เหมือนกับคุณซิลเวียและแม่ของคุณซิลเวีย
“ยินดีที่ได้รู้จักครับ คุณคงจะเป็นคุณเรียวสินะครับ ที่ยอมให้ความร่วมมือทำเพื่อลูกสาวของเราแบบนี้ ต้องขอขอบคุณจริงๆครับ”
“มะ ไม่หรอกครับ เธอเป็นคนสำคัญของผมซะด้วยสิ แค่นี้ไม่ใช่เรื่องใหญ่อะไรหรอกครับ….”
ดูเหมือนว่าเขาจะเป็นคุณพ่อของคุณซิลเวียนะ
เขามีผมสีแพลตนินัมบลอนด์ และดวงตาสีแดงอมม่วงที่เหมือนกับคุณซิลเวีย
(เป็นสีผมออกทองๆเทาๆ แต่ไม่เหมือนกับสีเงิน)
แต่ทว่า….จะว่าไงดีล่ะ
คุณพ่อน่ะ ดูจะมีรูปร่างหน้าตาที่ถือว่าหาได้ยากในหมู่เอลฟ์เลยแฮะ
ส่วนสูงกับสีผิวเขาเหมือนกับเอลฟ์ปกติ
แต่หน้าตาและผิวหนังของเขาเหมือนกับคนแคระ
เขามีจมูกกลม ตาโปนและมีเครา ส่วนร่างกายก็มีไขมันค่อนข้างมาก
(ตาโปนคือตาที่ยื่นออกมาข้างนอก)
“หรือว่าคุณจะมีสายเลือดของคนแคระงั้นเหรอครับ?”
ผมอดไม่ได้ที่จะสงสัยผมเลยถามเขาไปตรงๆ
และจากนั้นคุณพ่อของคุณซิลเวียก็ยืดอกตอบ
“ครับ ใช่แล้วล่ะครับ ผมคือลูกครึ่งระหว่างเอลฟ์ระคนแคระครับ”
“ใช่แล้วจ่ะ ที่รักน่ะเป็นลูกครึ่งระหว่างเอลฟ์กับคนแคระล่ะ เท่สุดๆไปเลยใช่ม้า~? ตอนที่เขาย้ายมาที่หมู่บ้านนี้น่ะนะ ผู้หญิงในหมู่บ้านถึงกับต้องต่อสู้กันอย่างนองเลือดเพื่อที่จะแย่งตัวเขาทั้งวันเลยล่ะจ่ะ♡”
“อะฮ่าฮ่า น่าคิดถึงจังเลยนะที่รัก”
คู่รักทั้งสองคนพูดกันพร้อมยิ้มไปด้วย
การต่อสู้นองเลือดนี่ คงแค่อุปมาเฉยๆใช่มั้ยนะ?
แล้วตอนที่คุณพ่อพูดว่า
[ในตอนที่เมลานี่กำลังพยายามจะมาจู่โจมผม เธอก็วิ่งมาพร้อมมอร์นิ่งสตาร์ของเธอนี่นะ♡]
อันนี้ก็คงแค่อุปมาเฉยๆใช่มั้ย?
“ทะ ท่านแม่ ท่านพ่อ….เรียวคงจะเหนื่อยจากการเดินทางไกลอยู่ ขอนำทางเขาไปที่ห้องก่อนได้มั้ย?”
“อา จะว่าไปแล้วก็จริงนะ”
“แหมๆ ฉันเนี่ยล่ะก็ ขอโทษที่ไม่ได้สังเกตด้วยนะจ๊ะ”
“เอาล่ะ เรารีบไปกันเถอะเรียว!”
พอพูดแบบนั้นเสร็จ คุณซิลเวียก็คว้าแขนของผมวิ่งหนีพ่อแม่ไป
พวกเราเดินผ่านห้องโถงหน้าทางเข้าและรีบเดินขึ้นบันไดไป
“ขอโทษด้วยนะเรียว ฉันควรจะบอกนายเกี่ยวกับเรื่องพ่อแม่ของฉันก่อนแท้ๆ….พอมัวแต่คิดเรื่องมรดกแล้วก็ลืมเรื่องนี้ไปซะสนิทเลย”
คุณซิลเวียไหล่ตกและหน้าแดงก่ำ
ถ้าตอนนี้เธอถูกถามว่า [นี่ถูกคุณแม่เรียกว่าเบบี้จังอยู่ตลอดเลยงั้นเหรอ?] ล่ะก็
ต่อให้จะเป็นผมก็เถอะ ผมก็คงจะไปไม่ถูกเหมือนกันล่ะนะ
ในทางกลับกันผมจึงยักไหล่และพูดกับเธอแบบติดตลกแทน
“ที่คุณซิลเวียออกจากหมู่บ้าน ผมพอจะเข้าใจความรู้สึกแล้วล่ะ คงจะอยากหนีจากความวุ่นวายใช่มั้ยล่ะ?”
พอผมพูดแบบนั้น คุณซิลเวียก็หันมายิ้มให้ผมและพูดว่า [ก็คงงั้นแหละนะ]
(มังงะตอน 3 เจอกันพรุ่งนี้บ่ายๆครับ ยังไม่ทิ้งไปไหนนะครับ ช่วงวันหยุดผมว่างพอดีเลยมีเวลาทำ5555)