นักผจญภัยหญิงแรงค์ S ขึ้นคาน ในโลกคู่ขนาน – ตอนที่ 87

 

“นายเนี่ย ยังกับไม่ใช่ผู้ชายเลยนะ….”

 

คุณซิลเวียจ้องมาที่ผมพร้อมแก้มแดง ดูเหมือนว่าเธอจะพูดถึงคืนเมื่อวานของพวกเราอยู่

ในตอนนั้นหลังจากที่ทำที่ก้นเสร็จ ก็ทำด้านหน้าต่อ

แล้วก็ทำที่ก้นต่ออีกครั้งนึง…..แล้วพวกเราก็ทำกันต่อไปเรื่อยๆ

 

“อืม….หลังจากนี้ไปผมควรจะข่มใจตัวเองไว้จะดีกว่านะ?”

(เรียวจัดหนักจนฟ้าเหลืองเลยคิดว่าตัวเองจัดหนักเกินไปรึเปล่า)

 

“ฉะ ฉันก็ไม่ได้บอกว่าไม่ชอบซักหน่อย ไม่เห็นใจต้องข่มใจตัวเองไว้เลยก็ได้นี่”

 

คุณซิลเวียตอบผมที่กำลังเอียงคออยู่

 

“เพียงแต่ คือ…ถึงฉันจะเป็นผู้หญิงก็เถอะ แต่ถ้าจะให้ฉันเป็นคนนำนายไปจนถึงขั้นนั้นกันได้ก็คงไม่ไหวเหมือนกัน”

 

“หื้ม”

 

“ไม่สิ สิ่งที่ฉันจะสื่อก็คือ ฉันแค่ต้องแข็งแกร่งขึ้นและสะสมทักษะเพื่อที่จะไม่ให้แพ้นายก็พอแล้ว….อะแฮ่ม เพราะงั้นฝากไว้ก่อนก็แล้วกัน”

 

คุณซิลเวียกระแอมเพื่อเปลี่ยนเรื่อง

ดูเหมือนว่าผมจะไม่จำเป็นต้องข่มใจตัวเองแล้วสินะ

 

–เอาล่ะ ถ้าพูดถึงที่ที่ผมกำลังอยู่ในตอนนี้ล่ะก็ มันก็คือในรถม้าล่ะ

แต่ถึงจะบอกว่ารถม้า แต่นี่ก็ไม่ใช่รถม้าที่ใช้โดยสารทั่วไปหรือรถม้าของกิลด์นักผจญภัย

แต่เป็นรถม้าของคุณซิลเวีย พูดให้ถูกคือเป็นรถม้าของครอบครัวคุณวิลเวียจะถูกกว่า

 

เป็นรถม้าที่เหมือนกับท้องเรือ รอบรถม้าเป็นสีดำ

โดยนั่งได้ 4 คน และมีม้าลาก 6 ตัว  

โดยมีตราประจำตระกูลสีทองของคุณซิลเวียอยู่ทั้งสองฝั่งของตัวรถ

 

ม้าที่ลากรถล้วนแต่เป็นม้าตัวผู้ที่มีผมสีออกแดงๆ ซึ่งเป็นม้าหายาก

ที่อาศัยอยู่ในป่าเวทย์มนตร์ บายาร์มีความพิเศษคือ

มันจะไม่ชนต้นไม้เลยแม้ว่าจะวิ่งผ่านป่าไหนๆก็ตาม

(บายาร์น่าจะชื่อม้าที่ใช้)

ยิ่งไปกว่านั้นพวกมันยังมีแรงม้ามากกว่าม้าปกติถึงสามเท่าเลยด้วย

 

อาจจะเป็นเพราะม้าวิเศษตัวนี้หรือไม่ก็เพราะรถม้านี้ถูกสร้างมาดี เวลานั่งถึงไม่รู้สึกสั่นเลยซักนิด 

แถมยังนั่งสบายไม่เหมือนกับรถม้าของกิลด์นักผจญภัยที่ผมเคยนั่งซะด้วย

ที่นั่งนุ่มแถมยังมีเบาะรองเอาไว้วางเท้าอีก

 

ถ้าถามว่าทำไมผมถึงได้นั่งรถม้าหรูหราแบบนี้น่ะเหรอ

นั่นก็เพราะว่าผมกำลังจะได้ไปที่บ้านของคุณซิลเวียยังไงล่ะ

ใช่แล้ว หลังจากที่มีเซ็กส์กับคุณซิลเวียเมื่อคืนนี้เสร็จ

 

————————————————————————

[จะว่าไปแล้ว ผมควรจะต้องไปที่หมู่บ้านดาร์กเอลฟ์ตอนไหนดีล่ะ?]

 

[พรุ่งนี้เช้าน่ะ]

————————————————————————

 

พอได้ยินแบบนั้นก็ผมก็รีบไปจัดกระเป๋าอย่างไวเลย

เนื่องจากมันกระทันหันมากผมคิดว่าผมคงจะไม่ทันได้

ทักทายทุกคนในโรเซนครูเซอร์ก่อนพระอาทิตย์จะขึ้นแน่ๆ

 

แต่อย่างน้อยผมก็สามารถบอกกับกิลด์มาสเตอร์ พ่อบุญธรรมของผมได้

อย่างน้อยถ้าพวกเธอได้ฟังเรื่องราวผ่านกิลด์มาสเตอร์ก็คงจะดี….

 

นอกจากนี้ผมก็ไม่ได้บอกเรื่องคู่หมั้นปลอมๆของคุณซิลเวียให้กิลด์มาสเตอร์ฟังด้วย

ผมบอกไปแค่ว่าคุณซิลเวียมาขอให้ผมไปช่วยงานเธอเป็นการส่วนตัวเท่านั้น

 

ในฐานะที่เขาเป็นกิลด์มาสเตอร์ เขาจึงยอมให้ผมไปตามคำขอ

ของคุณซิลเวียที่เป็นนักผจญภัยแรงค์ S แห่งเมืองคาสซานดร้า

 

“จะว่าไปแล้ว ผมมีเรื่องที่คาใจอยู่หน่อยนะ….ท่านทวดของคุณซิลเวียก็ไม่ได้พูดไว้นี่ว่า[ถ้าได้รับที่ดินนี้ไปแล้วห้ามเปิดเผยถึงการมีอยู่ของซากโบราณสถานนี้] น่ะ?”

 

ผมถามคุณซิลเวียที่นั่งอยู่ตรงหน้าของผม

เธอนั่งไขว่ห้างและเริ่มพูดด้วยท่าทางที่ดูคิดถึง

 

“อืม นั่นสินะ จริงๆแล้วท่านเองก็อยากจะบอกแบบนั้นนะ แต่สุดท้ายท่านก็ไม่ได้บอกกับทุกคนน่ะ”

 

“ทำไมถึงทำแบบนั้นล่ะ?”

 

“จริงๆฉันก็เคยคาใจอยู่เหมือนกัน ฉันก็เลยถามท่านทวดตอนที่เราอยู่กันตามลำพัง แล้วท่านทวดก็หัวเราะออกมาและพูดว่า[เราใช้ชีวิตมาอย่างอิสระมามากพอแล้ว เพราะฉะนั้นเรื่องในอนาคตก็ควรให้คนหนุ่มสาวในอนาคตเป็นคนตัดสินกันเอาเองสิ] แบบนี้น่ะ….”

 

“อย่างงี้นี่เอง….”

 

อืม

แต่ว่า คนหนุ่มสาวที่ว่านั่นก็อยู่ในกรอบที่ท่านทวดเป็นคนขีดไว้ด้วยเงื่อนไขนั่นนะครับ

 

“ว่ากันว่าถ้าซากโบราณสถานของไฮเอลฟ์จะถูกเปิดเผย หมู่บ้านจะเปลี่ยนไป พวกเขาก็เลยปกปิดมันไว้มาจนถึงทุกวันนี้ แต่สุดท้ายมันก็ขึ้นอยู่กับผู้ที่ได้รับมรดกไปอยู่ดีนั่นแหละนะ”

 

“หืม…ถึงความเป็นไปได้จะต่ำก็เถอะ แต่ถ้าเกิดว่าทั้งสี่คนมีคุณสมบัติตรงตามเงื่อนไขในการสืบทอดขึ้นมา จะเกิดอะไรขึ้นล่ะ?”

 

“ถ้าเป็นแบบนั้น พวกเราทั้งสี่คนก็จะต้องมาหารือกันเอาเองไงล่ะ”

 

พอพูดเสร็จคุณซิลเวียก็ยักไหล่

 

“แต่ก็นะ การที่ต้องการจะเก็บรักษาซากโบราณสถานนั้นไว้ มันก็เป็นแค่ความเห็นแก่ตัวของฉันเองคนเดียวล่ะนะ”

 

เธอมองมาที่ผมทำหน้าเหมือนอยากจะขอโทษ

 

“เพราะความเห็นแก่ตัวของฉันเลยทำให้นายต้องมาพัวพันไปด้วย เพราะงั้นฉันจะตอบแทนน้ำใจของนายอย่างแน่นอน”

 

“ไม่ต้องคิดมากหรอกนะ เพราะถ้าไม่มีเรื่องแบบนี้ ผมก็คงไม่มีโอกาสจะได้ไปที่ซากโบราณสถานหรอกหรือหมู่บ้านดาร์กเอลฟ์หรอกนะ”

 

ผมส่ายหัวและตอบคุณซิลเวียไปแบบนั้น

ผมพอจะเข้าใจสถานการณ์ส่วนใหญ่แล้วก็จริง

แต่ก็ยังมีสิ่งหนึ่งที่ยังคาใจผมอยู่

 

“แต่จะว่าไป…..ถ้าลองพิจารณาจากที่เราเพิ่งพูดกันไปเมื่อกี้นี่แล้ว ถ้าสมมติว่าถ้าคนที่เหลือได้รับสืบทอดไปล่ะก็ โอกาสที่ซากโบราณสถานนั้น จะถูกนำไปเปิดเผยมันก็น่าจะมีความเป็นไปได้สูงเลยไม่ใช่เหรอ?”

 

“อา ใช่แล้วล่ะ นอกจากฉันแล้ว อีกสามคนที่เหลือคงจะต้องเปิดเผยมันอย่างแน่นอน….”

 

ในขณะที่คุณซิลเวียกำลังจะพูดต่อ รถม้าก็ค่อยๆลดความเร็วลงเรื่อยๆ

จากนั้นคนขับด้านนอกก็พูดขึ้นมาว่า [มาถึงจุดหมายแล้วค่ะ]

 

ดูเหมือนว่าพวกเราจะมาถึงบ้านเกิดของคุณซิลเวียแล้ว

เราเดินทางออกจากเมืองคาสซานดร้ามายังไม่ถึง 5 ชั่วโมงเลยด้วยซ้ำ

ค่อนข้างจะถึงเร็วอยู่เหมือนกันแฮะ

 

“ดูเหมือนว่าจะถึงแล้วสินะ ไปกันเถอะเรียว”

 

พอคุณซิลเวียลงจากรถม้าเธอก็รีบจับมือผมและพาผมเดินลงไป

มีความเป็นสุภาพบุรุษจังเลยนะ ไม่สิ หรือโลกฝั่งนี้ควรเรียกว่ามึความเป็นสุภาพสตรีนะ?

 

ในขณะที่ผมกำลังคิดอยู่ พอผมหันไปด้านหน้า

ผมก็หายใจออกด้วยความรู้สึกชื่นชมออกมาเองอัตโนมัติ

 

“วะ ว้าว….”

 

สิ่งที่ผมเห็นอยู่ตรงหน้าคือบ้านเกิดของคุณซิลเวีย

ต้นเบิร์ชสีขาวต้นใหญ่มีใบสีทอง ใบไม้สีทองนั้นสะบัดไปมาส่องประกายระยิบระยับ

มีแม่น้ำสายเล็กๆอยู่ใกล้ๆ สีของน้ำเป็นสีขาวหน่อยๆ

 

ไม่รู้ว่าเป็นกลิ่นของต้นไม้หรือกลิ่นของน้ำกันแน่

แต่ผมสัมผัสได้ถึงกลิ่นหอมที่ลอยมาจากที่ไหนสักที่

 

มีอาคารหินสีขาวบริสุทธิ์ตั้งอยู่รายล้อมต้นไม้สีทองนั้น

อย่างกับว่าอาคารเหล่านั้นได้รับพรปกป้องจากต้นไม้

อาคารเหล่านั้นอาคารค่อนข้างสูง จะเห็นว่าอาคารจะสูงประมาณสามถึงสี่ชั้น

 

มองไปรอบๆจะเห็นเหล่าเด็กๆดาร์กเอลฟ์ผิวสีน้ำตาลกำลังเล่นอยู่ใกล้บ้าน

แล้วก็ยังมีผู้หญิงที่กำลังตากผ้า รวมไปถึงคนที่กำลังลองยิงธนูอยู่

 

ไม่เห็นผู้ชายเลยแฮะ 

อย่างที่คิดเลย แม้แต่ที่นี่ก็ไม่มีข้อยกเว้นสินะ

จำนวนผู้ชายที่นี่ก็คงจะน้อยมาแน่ๆ

 

“เป็นที่ที่งดงามจริงๆนะ”

 

“งั้นเหรอ? ขอบคุณนะ”

 

“ตอนแรกผมคิดว่าเอลฟ์ทุกคนจะอาศัยอยู่บนต้นไม้กันซะอีกนะ”

 

“ก็มีบางครอบครัวที่เป็นแบบนั้นอยู่หรอกนะ แต่ที่หมู่บ้านนี้ก็เป็นแบบนี้มาตั้งแต่ฉันเกิดแล้วล่ะ”

 

ดูเหมือนว่าแม้แต่เอลฟ์ก็มีชีวิตที่แตกต่างกันออกไปตามที่ที่ตัวเองอาศัยอยู่สินะ

ดูๆไปก็คล้ายๆกับเผ่ามนุษย์อย่างผมเลยนี่นะ

 

“ก่อนที่จะพานายไปชมรอบๆหมู่บ้านฉันขอพานายไปเจอกับพ่อแม่ของฉันก่อนได้รึเปล่า? ฉันอยากจะแนะนำนายให้พวกเขารู้จักน่ะ”

 

“อา ได้อยู่แล้ว ผมเองก็อยากไปทักทายพวกท่านด้วยสิ”

 

ดูเหมือนว่าคุณซิลเวียจะอธิบายให้พ่อแม่ของเธอฟังไปแล้ว

ว่าผมเป็นว่าผมเป็นคู่ครองของเธอ

ก็นะ ถ้าไม่บอกแบบนั้น ผมคงไม่ได้ไปหาพวกเขาแบบนี้หรอก

 

“ถ้างั้น ไปกัน….หืม เป็นอะไรไปเหรอ?”

 

คุณซิลเวียหยุดผมไว้ไม่ให้ผมเดินไปข้างหน้า

 

“นายเป็นคู่หมั้นของฉันนี่นา ถ้าไม่ควงแขนกันไว้มันก็คงจะดูแปลกไม่ใช่เหรอ?”

(ขอใช้เป็นคำว่าคู่หมั้นแทนนะครับ ตามบทญี่ปุ่น เดี๋ยวตอนพิเศษก่อนหน้านี้จะแก้ให้ใหม่ครับ)

 

“เอ๊ะ….อะ อ๋าาา นั่นสินะ นั่นก็จริงนะ อื้ม”

 

คุณซิลเวียกระพริบตาปริบๆให้ผม  

และพอเธอได้ยินผมพูดแบบนั้นเธอก็ยิ้มออกมาอย่างมีความสุข

 

แล้วจากนั้นเธอก็โอบแขนผมอย่างมีความสุข

เนื่องจากคุณซิลเวียใกล้ชิดกับผมมากๆ  

แขนของผมเลยสัมผัสกับหน้าอกของเธอหลายต่อหลายครั้ง

 

“ถ้างั้น ไปกันเลยมั้ย”

 

คุณซิลเวียโอบแขนทั้งสองข้างของเธอกับแขนของผม

ผมคิดว่าเธอคงจะเดินลำบากนะ แต่ดูเหมือนมันจะไม่เป็นแบบนั้น

 

นั่นก็เพราะว่าเธอเดินไม่มีสะดุดเลยซักนิด 

แถมยังก้าวตามจังหวะเท้าของผมได้ดีอีกด้วย

บางทีคงเป็นเพราะว่ามีร่างกายที่แข็งแรงก็เป็นได้

 

ดูเหมือนว่ากระเป๋าเดินทางของผมและคุณซิลเวีย

จะถูกคนขับรถขนไปให้ที่บ้านคุณพ่อคุณแม่ของคุณซิลเวียทีหลัง

 

ก่อนที่ผมจะขึ้นรถม้าก็ได้ทักทายกันนิดหน่อย

ดูเหมือนว่าคุณคนขับจะเป็นดาร์กเอลฟ์ที่เป็นตระกูลสาขาของครอบครัวคุณซิลเวีย

 

และ–

 

“–แหม ผู้ที่ยืนอยู่ตรงนั้นมัน ท่านซิลเวียไม่ใช่เหรอ?”

 

“ถึงจะได้ยินมาว่าเพิ่งหย่ากับชนชั้นสูงจากเผ่ามนุษย์ก็เถอะนะ….”

 

“ว่าแล้วเชียว ถ้าเป็นนักผจญภัยแรงค์ S แล้วล่ะก็ คงจะมีผู้ชายที่ยอมคบกับดาร์กเอลฟ์อยู่ด้วยล่ะสิน้า~ หรือบางทีฉันควรจะตั้งเป้าเป็นนักผจญภัยด้วยดีน้า~”

 

ในขณะที่ผมกำลังเดินไปตามถนน จู่ๆผมก็ได้ยินเสียง

เสียงนั่นเป็นเสียงของดาร์กเอลฟ์สาวรอบๆ

 

พวกเธอพูดกันอย่างโจ่งแจ้งและมองมาที่พวกเราด้วยความสงสัย

ซึ่งสายตาส่วนใหญ่ที่มองมานั้นเป็นสายตาอิจฉาคุณซิลเวีย

 

“โทษทีนะ…ที่คนในหมู่บ้านเราพูดจาควานผ่าซากไปหน่อยน่ะ”

 

“ฮ่ะฮ่ะ เอาเถอะ เมืองคาสซานดร้าก็เป็นแบบนี้เหมือนกัน ผมชินแล้วล่ะ”

 

ผมส่ายหัวให้กับคุณซิลเวียที่กำลังขอโทษ แต่ผมไม่ได้พูดเล่นนะ 

เพราะตั้งแต่ที่ผมมาที่โลกนี้ ผมก็เคยชินกับความรู้สึกแบบนี้ไปแล้วล่ะ

 

เทียบกับตอนที่ไปเดินรอบเมืองกับทุกคนในโรเซนครูเซอร์

ที่มีคนกระซิบกันหนาหูนั่นแล้ว การเดินรอบหมู่บ้านกับคุณซิลเวียนี่ถือว่าน่ารักไปเลย

 

แต่จะว่าไปแล้ว หมู่บ้านดาร์กเอลฟ์นี่มีประชากรเยอะกว่าที่ผมคิดไว้แฮะ

ตอนที่ได้ยินว่าเป็นหมู่บ้าน ก็คิดว่าจะเป็นหมู่บ้านที่เล็กกว่าเมืองคาสซานดร้าซะอีกนะ

 

แต่พอมองดูรอบๆแล้วเผลอๆที่นี่จะมีประชากรเยอะกว่าที่คาสซานดร้า

ประมาณสองเท่าได้เลยมั้ง แล้วถนนส่วนใหญ่ก็เป็นปูนด้วย

 

หลังจากที่เดิมตามถนนไปได้ประมาณ 10 นาที 

พวกเราก็มาถึงอาคารที่ถือว่าใหญ่เป็นอันดับสองในหมู่อาคารที่อยู่รอบๆเลย

ที่นี่เป็นอาคารห้าชั้น และมีสีขาวเหมือนกับอาคารอื่นๆเลย

 

“ที่นี่แหละคือบ้านของพ่อแม่ฉันเอง”

 

หลังจากที่เคาะประตู คุณซิลเวียก็เปิดประตูเข้าไปในห้องอย่างรวดเร็ว

แล้วผมก็เดินตามเธอเข้าไปข้างใน ทันใดนั้นเองผมก็ได้ยินเสียงพูดขึ้นมาว่า 

[ยินดีต้อนรับกลับนะจ๊ะ เบบี้จัง!]

 

เบบี้จัง? พอได้ยินแบบนั้นผมก็หันไปทางต้นเสียง

ก่อนที่ผมจะรู้ตัวคุณซิลเวียก็ถูกผู้หญิงผมสีเงินผิวสีน้ำตาลกอดแน่น

ดวงตาของผู้หญิงคนนั้นเป็นสีฟ้าอมม่วง

 

“ยินดีต้อนรับกลับนะจ๊ะซิลเวียจัง สบายดีมั้ย รถม้านั่งสบายดีรึเปล่า….? อ๊ะ ทางนั้นคงจะเป็นคุณเรียวสินะจ๊ะ แหมแหม ยอมเหนื่อยเดินทางมาไกลถึงขนาดนี้ ขอขอบคุณมากนะจ๊ะ”

 

“มะ ไม่หรอกครับ…”

 

“ทะ ท่านแม่ ช่วยปล่อยหนูด้วย หนูไม่ใช่เด็กๆแล้วนะ!”

 

“พูดอะไรกันน่ะ ซิลเวียจังน่ะไม่ว่าจะอายุเท่าไหร่ ก็จะยังเป็นเบบี้จังของหม่าม้าอยู่ตลอดนั่นแหละจ้ะ”

 

“ไม่ล่ะ ไม่มีทางเป็นแบบนั้นหรอก….!”

 

สะ สุดยอดเลยแฮะ

คุณซิลเวียคนนั้นถึงกับถอยเลย…!

 

ขณะที่ผมกำลังมองดูคุณซิลเวียถูกลูบหัวอยู่

ก็ได้มีชายคนหนึ่งมาจากด้านหลังของผู้หญิงคนนั้น

 

เขาคนนั้นเป็นผู้ชายคนแรกที่ผมได้เจอเลยตั้งแต่ที่ผมมาที่นี่

แถมเขายังเป็นเอลฟ์ผิวขาวด้วย

ไม่เหมือนกับคุณซิลเวียและแม่ของคุณซิลเวีย

 

“ยินดีที่ได้รู้จักครับ คุณคงจะเป็นคุณเรียวสินะครับ ที่ยอมให้ความร่วมมือทำเพื่อลูกสาวของเราแบบนี้ ต้องขอขอบคุณจริงๆครับ”

 

“มะ ไม่หรอกครับ เธอเป็นคนสำคัญของผมซะด้วยสิ แค่นี้ไม่ใช่เรื่องใหญ่อะไรหรอกครับ….”

 

ดูเหมือนว่าเขาจะเป็นคุณพ่อของคุณซิลเวียนะ

เขามีผมสีแพลตนินัมบลอนด์ และดวงตาสีแดงอมม่วงที่เหมือนกับคุณซิลเวีย

(เป็นสีผมออกทองๆเทาๆ แต่ไม่เหมือนกับสีเงิน)

 

แต่ทว่า….จะว่าไงดีล่ะ

คุณพ่อน่ะ ดูจะมีรูปร่างหน้าตาที่ถือว่าหาได้ยากในหมู่เอลฟ์เลยแฮะ

ส่วนสูงกับสีผิวเขาเหมือนกับเอลฟ์ปกติ 

แต่หน้าตาและผิวหนังของเขาเหมือนกับคนแคระ

 

เขามีจมูกกลม ตาโปนและมีเครา ส่วนร่างกายก็มีไขมันค่อนข้างมาก

(ตาโปนคือตาที่ยื่นออกมาข้างนอก)

 

“หรือว่าคุณจะมีสายเลือดของคนแคระงั้นเหรอครับ?”

 

ผมอดไม่ได้ที่จะสงสัยผมเลยถามเขาไปตรงๆ

และจากนั้นคุณพ่อของคุณซิลเวียก็ยืดอกตอบ

 

“ครับ ใช่แล้วล่ะครับ ผมคือลูกครึ่งระหว่างเอลฟ์ระคนแคระครับ”

 

“ใช่แล้วจ่ะ ที่รักน่ะเป็นลูกครึ่งระหว่างเอลฟ์กับคนแคระล่ะ เท่สุดๆไปเลยใช่ม้า~? ตอนที่เขาย้ายมาที่หมู่บ้านนี้น่ะนะ ผู้หญิงในหมู่บ้านถึงกับต้องต่อสู้กันอย่างนองเลือดเพื่อที่จะแย่งตัวเขาทั้งวันเลยล่ะจ่ะ♡”

 

“อะฮ่าฮ่า น่าคิดถึงจังเลยนะที่รัก”

 

คู่รักทั้งสองคนพูดกันพร้อมยิ้มไปด้วย

การต่อสู้นองเลือดนี่ คงแค่อุปมาเฉยๆใช่มั้ยนะ?

 

แล้วตอนที่คุณพ่อพูดว่า

[ในตอนที่เมลานี่กำลังพยายามจะมาจู่โจมผม เธอก็วิ่งมาพร้อมมอร์นิ่งสตาร์ของเธอนี่นะ♡]

อันนี้ก็คงแค่อุปมาเฉยๆใช่มั้ย?

 

“ทะ ท่านแม่ ท่านพ่อ….เรียวคงจะเหนื่อยจากการเดินทางไกลอยู่ ขอนำทางเขาไปที่ห้องก่อนได้มั้ย?”

 

“อา จะว่าไปแล้วก็จริงนะ”

 

“แหมๆ ฉันเนี่ยล่ะก็ ขอโทษที่ไม่ได้สังเกตด้วยนะจ๊ะ”

 

“เอาล่ะ เรารีบไปกันเถอะเรียว!”

 

พอพูดแบบนั้นเสร็จ คุณซิลเวียก็คว้าแขนของผมวิ่งหนีพ่อแม่ไป

พวกเราเดินผ่านห้องโถงหน้าทางเข้าและรีบเดินขึ้นบันไดไป

 

“ขอโทษด้วยนะเรียว ฉันควรจะบอกนายเกี่ยวกับเรื่องพ่อแม่ของฉันก่อนแท้ๆ….พอมัวแต่คิดเรื่องมรดกแล้วก็ลืมเรื่องนี้ไปซะสนิทเลย”

 

คุณซิลเวียไหล่ตกและหน้าแดงก่ำ

 

ถ้าตอนนี้เธอถูกถามว่า [นี่ถูกคุณแม่เรียกว่าเบบี้จังอยู่ตลอดเลยงั้นเหรอ?] ล่ะก็

ต่อให้จะเป็นผมก็เถอะ ผมก็คงจะไปไม่ถูกเหมือนกันล่ะนะ

ในทางกลับกันผมจึงยักไหล่และพูดกับเธอแบบติดตลกแทน

 

“ที่คุณซิลเวียออกจากหมู่บ้าน ผมพอจะเข้าใจความรู้สึกแล้วล่ะ คงจะอยากหนีจากความวุ่นวายใช่มั้ยล่ะ?”

 

พอผมพูดแบบนั้น คุณซิลเวียก็หันมายิ้มให้ผมและพูดว่า [ก็คงงั้นแหละนะ]

 

 

(มังงะตอน 3 เจอกันพรุ่งนี้บ่ายๆครับ ยังไม่ทิ้งไปไหนนะครับ ช่วงวันหยุดผมว่างพอดีเลยมีเวลาทำ5555)

นักผจญภัยหญิงแรงค์ S ขึ้นคาน ในโลกคู่ขนาน

นักผจญภัยหญิงแรงค์ S ขึ้นคาน ในโลกคู่ขนาน

Status: Ongoing
อ่านนิยาย นักผจญภัยหญิงแรงค์ S ขึ้นคาน ในโลกคู่ขนานผมทำตามที่กิลด์มาสเตอร์สั่งและเดินตรงไปยังห้องประเมินของกิลด์ ในตอนที่ผมเปิดประตูเข้าไป สินค้าก็ได้วางอยู่ในห้องไว้อยู่แล้ว และเมจิคไอเทมที่กิลด์มาสเตอร์อยากให้ผมประเมินนั้นวางอยู่บนโต๊ะ ผมเดินไปหยิบคริสตัลประเมินออกมาจากตู้และเปิดใช้งานมันด้วยพลังเวทย์ คริสตัลประเมินนี่ถือว่าเป็นของมีค่ามากเลยทีเดียว ในแต่ละกิลด์ภายในอาณาจักรจะต้องคริสตัลนี้สาขาละ1อัน ก็ตามชื่อน่ะนะ คริสตัลอันนี้ มีไว้เพื่อใช้ประเมินค่าของเมจิคไอเทม ผมบอกตัวเองว่า ถ้าผมทำคริสตัลอันนี้แตกขึ้นมาล่ะก็ ต่อให้ผมจะเกิดใหม่ซัก 3 รอบก็คงไม่มีทางทำงานหาเงินมาจ่ายได้แน่ๆ จะว่าไปแล้ว คริสตัลอันนี้มันจำทำให้เราคิดมากจนเกินไปหน่อยแล้วมั้ง? หรือนี่มันจะเป็นชะตากรรมของผมกันนะ? ในตอนนั้นเองที่ผมกำลังหยิบคริสตัลประเมินผมไม่ได้สังเกตเห็นเลยว่า ชายเสื้อของผมมันไปเกี่ยวกับไอเทมเวทย์มนต์บนโต๊ะและตอนที่ผมขยับออกมา เมจิคไอเทมอันหนึ่ง–ขวดแก้วเล็กๆ ตกลงไปที่พื้นและแตกเป็นเสี่ยงๆ

Comment

Options

not work with dark mode
Reset