นายน้อยเจ้าสำราญ – ตอนที่ 1016 พิธีถวายความเคารพ

ตอนที่ 1016 พิธีถวายความเคารพ

ณ จัตุรัสขนาดมหึมาด้านนอกท้องพระโรงซวนเต๋อ

ฟู่เสี่ยวกวนยืนตระหง่านท้าสายลมอยู่บนแท่นสูง

เบื้องหน้าของเขามีเสนาบดีทั้งฝ่ายบู๋นและบู๊แห่งต้าเซี่ยยืนอยู่หลายร้อยคน และเบื้องหน้าของเสนาบดีทั้งหลายก็คือประมุขและคณะราชทูตจากทั้งเก้าแคว้น

เซียวยวี่โหลวเสนาบดีกรมพิธีการรับหน้าที่เป็นผู้ดำเนินงานพิธีในครานี้ แน่นอนว่าในสายตาของฟู่เสี่ยวกวนพิธีรีตองเหล่านี้ช่างไร้สาระสิ้นดี

สิ่งที่เขาให้ความสำคัญคือเครื่องราชบรรณาการที่แคว้นหรือประเทศเหล่านั้นนำมาถวายต่างหาก

ในบรรดาแคว้นทั้งเก้า เครื่องราชบรรณาการของราชวงศ์เหลียวมีความโอ่อ่าอลังการมากที่สุด รองลงมาก็เป็นของประเทศเกาหลี ส่วนแคว้นซีเซี่ยที่ได้เข้ามาขอความช่วยเหลือจากตนกลับกลายเป็นแคว้นที่ยากจนที่สุด แน่นอนว่ายังมิได้รวมยาเสริมกำลังภายในอีก 3 เม็ดที่ล้ำค่าจนมิสามารถประเมินราคาได้

เซียวยวี่โหลวใช้เวลากว่าครึ่งชั่วยามในการกล่าวสรรเสริญความสำเร็จนานับประการของฟู่เสี่ยวกวนตั้งแต่ขึ้นครองบัลลังก์ บทความอันวิจิตรบรรจงนี้เป็นการประพันธ์ร่วมกันของสำนักศึกษาฮ่านหลินและกรมพิธีการ ซึ่งได้พรรณนาไว้จนเห็นภาพและชวนให้ประทับใจ ทำเอาฟู่เสี่ยวกวนรู้สึกหน้าร้อนผ่าวด้วยความเขินอาย

ข้ามิเคยเห็นต้นฉบับมาก่อน พวกเจ้าจะเอาข้าไปเยินยอจนน้ำลายแตกฟองเยี่ยงนี้ก็ได้หรือ ?

เปรียบเปรยว่าข้านั้นเก่งกาจเทียบเท่าจักรพรรดิเหยาหรือจักรพรรดิซุ่น1 ที่ยิ่งใหญ่ในอดีต ในถ้อยคำเหล่านั้นยังแอบแฝงว่าข้าเก่งกาจกว่าจักรพรรดิผู้ยิ่งใหญ่ทั้งสองพระองค์อีกด้วย !

เหล่าขุนนางที่ฟังอยู่เบื้องล่างยิ่งฟังก็ยิ่งบังเกิดความฮึกเหิมขึ้นมา ส่วนบรรดาคณะทูตทั้งเก้าแคว้นยกเว้นแคว้นซีเซี่ยและราชวงศ์เหลียวที่มีเรื่องให้กลัดกลุ้มใจ ส่งผลให้คณะทูตอีกเจ็ดแคว้นที่เหลือพากันรับฟังอย่างอรรถรส…

จักรพรรดิแห่งประเทศต้าเซี่ยทรงมีพระปรีชาล้นพ้น !

พระองค์ขึ้นครองบัลลังก์ได้เพียงหนึ่งปี ก็สามารถทำให้ราชวงศ์อู๋เปลี่ยนแปลงไปจากหน้ามือเป็นหลังมือ !

พระองค์จัดให้มีการสอบคัดเลือกขุนนางและยกเลิกธรรมเนียมเข้ารับราชการโดยผ่านการแนะนำของขุนนางชั้นผู้ใหญ่ อีกทั้งยังดำเนินนโยบายด้านการศึกษาขั้นพื้นฐานระยะเก้าปีอีกด้วย พระองค์ช่างคู่ควรกับการถูกขนานนามว่าเสิ้นเหริน2อย่างแท้จริง !

พระองค์ได้คิดค้นข้าวพันธุ์ใหม่ซึ่งทำให้แปลงนาของราชวงศ์อู๋ทำการเก็บเกี่ยวได้มากถึง 700 ชั่งต่อ 1 หมู่ !

นอกจากนี้พระองค์ยังได้ค้นพบพืชมหัศจรรย์ที่เรียกว่ามันเทศอีกด้วย มันเทศสามารถเก็บเกี่ยวได้มากถึงห้าหกพันชั่งต่อที่ดินหนึ่งหมู่และพระองค์ยังได้ปรับปรุงพันธุ์หมูให้ดีขึ้น… พระองค์ทรงเป็นดั่งเฉินหนง3 ที่มาจุติยังโลกมนุษย์เพื่อช่วยเหลือราษฎรแห่งราชวงศ์อู๋และให้ความช่วยเหลือราษฎรทั่วทั้งต้าเซี่ย !

พระองค์เป็นผู้ก่อตั้งกองทัพทหารดาบเทวะโดยใช้รูปแบบการฝึกฝนแบบใหม่ จึงทำให้กองทัพมีเอกลักษณ์เฉพาะตัวและกองทัพนี้ก็เก่งกาจชนิดสะเทือนฟ้าดิน มิอาจมีผู้ใดขวางกั้นได้ พระองค์ทรงเป็นดั่งเทพเจ้าแห่งสงคราม !

พระองค์โจมตีทั้งสี่แคว้นจนยอมจำนน จากนั้นก็ได้นำทั้งสี่แคว้นมารวมกับราชวงศ์อู๋จนเป็นปึกแผ่นเดียวกัน

ผืนปฐพีอันกว้างใหญ่ไพศาลภายใต้การบริหารของพระองค์ ได้บังเกิดความร่มเย็นผาสุกขึ้นมาภายในระยะเวลาเพียงครึ่งปี ทุกวันนี้ยิ่งปะทุความมีชีวิตชีวาออกมาให้เห็นเป็นที่ประจักษ์!

เช่นนั้นแล้วฟู่เสี่ยวกวนจักรพรรดิแห่งต้าเซี่ย ก็คู่ควรกับการถูกขนานนามให้เป็นสุดยอดจักรพรรดิในรอบพันปีและสมควรได้รับการยกย่องให้เป็นจักรพรรดิเหนือจักรพรรดิทั้งปวง !

ภายใต้การบรรยายเกินความจริงของเซียวยวี่โหลว ภายใต้แสงอบอุ่นจากสุริยาที่สาดส่องลงมา ทุกชีวิตต่างจับจ้องไปที่ฟู่เสี่ยวกวนด้วยสายตาที่เปี่ยมไปด้วยความนับถือ รู้สึกราวกับมีรัศมีสีทองอร่ามเปล่งประกายออกมาจากร่างของเขา

สวี่หยุนชิงนำลูกสะใภ้ทั้งสิบและบรรดาหลายชายหลานสาวทั้งหมดยืนอยู่ในกำแพงของวังหลัง สถานที่แห่งนี้ค่อนข้างห่างไกลจากจัตุรัสท้องพระโรงซวนเต๋อ ดังนั้นพวกนางจึงถือกล้องส่องทางไกลไว้ในมือ

“พวกเขาคงกำลังสรรเสริญบุตรชายของข้าและสามีของพวกเจ้าอยู่เป็นแน่ น่าเสียดายที่มิได้ยินเสียง ! ”

“ท่านแม่อย่าเพิ่งรีบร้อนไปเลยเพคะ ทางหนังสือพิมพ์ต้าเซี่ยรายสัปดาห์ต้องรายงานเรื่องมงคลครานี้โดยมิขาดตกบกพร่องแม้แต่ตัวอักษรเดียวอย่างแน่นอนเพคะ”

“เวิ่นหวินเอ่ยถูก เฮ้อ…ทว่าเยี่ยงไรการอ่านหนังสือพิมพ์ก็มิได้อรรถรสเท่าการไปสัมผัสด้วยตนเองหรอกนะ ! ”

“ท่านแม่ หรือว่า…ให้ลูกแปลงโฉมให้กับท่าน จากนั้นก็แอบเข้าไปในงานดีหรือไม่เพคะ ? ”

นี่เป็นความคิดที่แสนบรรเจิด “ถ้าเช่นนั้น… ซินเหยียน เจ้ารีบมาแปลงโฉมให้ข้าประเดี๋ยวนี้ ปลอมตัวเป็น…เป็นนางกำนัลก็แล้วกัน ประเดี๋ยวข้าจะไปแอบฟังแล้วค่อยกลับมาเล่าให้พวกเจ้าฟัง”

ทุกคนจึงยกโขยงไปที่ตำหนักฉืออัน สวี่ซินเหยียนแปลงโฉมให้สวี่หยุนชิงตามที่นางร้องขอคือปลอมตัวเป็นนางกำนัล จากนั้นสวี่หยุนชิงก็วิ่งออกไปทางด้านหลังของท้องพระโรงซวนเต๋ออย่างเบิกบาน

บัดนี้เวลาได้ล่วงเลยเข้าสู่ยามซื่อ สุริยาลอยเด่น เป็นช่วงที่สุริยาสาดแสงอบอุ่นแบบพอดี

ทว่าเยลู่ตานจากราชวงศ์เหลียวกลับรู้สึกเย็นวาบจับหัวใจ

ถ้อยคำสรรเสริญของเซียวยวี่โหลวใกล้จะกล่าวจบแล้ว ตามปกติแล้วการกล่าวสรรเสริญล้วนเป็นถ้อยคำที่โอ้อวดเกินจริงเสียมากกว่า แต่มิรู้ว่าเพราะเหตุใดเยลู่ตานถึงได้รู้สึกว่าคำยกย่องของเซียวยวี่โหลวนั้นเป็นเรื่องจริงทั้งหมด และรู้สึกว่ายังมิได้เอ่ยทุกสิ่งที่ฟู่เสี่ยวกวนได้กระทำลงไปทั้งหมดเลยด้วยซ้ำ

มิว่าจะเป็นงานประพันธ์บทกวีหรือบทความ การค้าและการเกษตร การเมืองและการทหาร รวมไปถึงนโยบายทางด้านการบริหารทั้งหมด… เขาล้วนเข้าใจทั้งสิ้น อีกทั้งยังเชี่ยวชาญในทุก ๆ ด้าน

สิ่งที่เยลู่ตานได้ยินกลับรู้สึกว่ายังขาดอีกหนึ่งคุณธรรมสูงสุด…ซึ่งก็คือการควบคุมจิตใจของตนเอง ! เพราะเขามีจิตใจที่โอบอ้อมอารี !

เขารักและทะนุถนอมราษฎรทุกคนในต้าเซี่ย !

เขาก่อตั้งสถานเลี้ยงเด็กกำพร้าและบ้านพักคนชรามากมายหลายแห่ง นี่ดูเหมือนจะไร้ประโยชน์เพราะผู้สูงอายุกับเด็กกำพร้าถือเป็นภาระของบ้านเมือง

หากเปลี่ยนเป็นที่ราชวงศ์เหลียว พวกเขาจะอยู่หรือตายก็คงมิมีผู้ใดเข้าไปเหลียวแล

ทว่าฟู่เสี่ยวกวนมิเพียงให้การเหลียวแลเท่านั้น เขายังลงมือทำจริงอีกด้วย

อาจจะคิดได้ว่าที่เขาทำเช่นนี้ก็เพื่อสร้างภาพลักษณ์ ทว่าผลลัพธ์ของการกระทำได้นำความสวามิภักดิ์ของราษฎรแห่งต้าเซี่ยมาให้กับเขา !

การได้มาซึ่งหัวใจของราษฎรเป็นสิ่งที่สำคัญที่สุดสำหรับทุกแคว้น ฟู่เสี่ยวกวนสามารถจับจุดนี้ได้อย่างแม่นยำและยังทำได้ดีมากอีกด้วย !

แล้วราชวงศ์เหลียวเล่า ?

ทุกสิ่งทุกอย่างล้วนทำเพื่อชนชั้นสูงทั้งสิ้น ส่วนปุถุชนคนรากหญ้า… ในวัฒนธรรมของราชวงศ์เหลียว พวกชนชั้นสูงคือผู้ปกครองบ้านเมืองโดยสืบทอดทางสายโลหิต พวกเขาล้วนมองราษฎรเป็นวัวเป็นม้า

เยลู่ตานทราบข้อเสียจากแนวคิดนี้ดี แต่เขาก็เป็นชนชั้นสูงโดยกำเนิดเช่นกัน เขาคงมิอาจสร้างความเปลี่ยนแปลงโดยการตัดผลประโยชน์ของชนชั้นสูงให้ขาดสะบั้นได้ หรือบางทีเขาอาจจะยังมิทันได้ยกดาบขึ้นมาก็คงถูกระบบศักดินาอัดจนมิเหลือซากแล้ว

เวลาเดียวกัน โชคชะตาเดียวกัน ต้าเซี่ยรุ่งโรจน์ดุจสายน้ำไหลผ่านมิขาดสาย มิอาจมีแคว้นใดเทียบเคียงได้ในใต้หล้านี้ !

ราชวงศ์เหลียวจะเอาอันใดมาสู่กับประเทศต้าเซี่ยได้กัน ?

กับอีแค่กองทัพ 450,000 นายนั่นน่ะหรือ ?

ช่างไร้เดียงสาเสียจริง !

เบื้องหลังของกองทัพแห่งประเทศต้าเซี่ยคือราษฎรนับร้อยล้านที่รวมตัวกันเป็นกองหนุนอันแข็งแกร่ง เยลู่ตานเชื่อว่าเพียงแค่ฟู่เสี่ยวกวนออกคำสั่ง ราษฎรนับร้อยล้านคนของต้าเซี่ยก็พร้อมที่จะกระโจนเข้าหาราชวงศ์เหลียวอย่างมิยอมลดละทันที

เยลู่ตานสูดลมหายใจเข้าลึกพลางชำเลืองมององค์รัชทายาท หน้าตาก็ดูหล่อเหลาอยู่หรอก ทว่าน่าเสียดายที่สมองเต็มไปด้วยขี้เลื่อย

ในขณะที่เขากำลังนึกเรื่องนี้ เสียงปรบมือก็ดังเกรียวกราวขึ้นมาราวกับฟ้าฟาดก็มิปาน

เซียวยวี่โหลวกล่าวคำสรรเสริญเสร็จสิ้นแล้ว ทว่าเสียงปรบมือยังคงดังสนั่นอยู่เนิ่นนาน หมายความว่าชื่อเสียงของฟู่เสี่ยวกวนถูกยกระดับให้สูงขึ้นอีกขั้นแล้ว

ผ่านไปมินานฟู่เสี่ยวกวนถึงได้ยกสองมือขึ้น เสียงปรบมือพลันเงียบสงัดลงทันตา เงียบถึงขั้นได้ยินแม้กระทั่งเสียงเข็มร่วงหล่นลงสู่พื้น

เยลู่ตานแอบมองเสนาบดีชั้นผู้ใหญ่ทั้งสามของต้าเซี่ย พบว่าแต่ละคนหน้าแดงเรื่อ ดวงตาเปล่งประกายสว่างไสว

แม้แต่เสนาบดีชั้นผู้ใหญ่ทั้งสามท่าน ผู้ซึ่งคร่ำหวอดในแวดวงขุนนางมาอย่างยาวนาน พวกเขาก็ยังเคารพในองค์จักรพรรดิมากถึงเพียงนี้ คงมิต้องเอ่ยถึงเสนาบดีที่เหลือหรอก

เยลู่ตานบังเกิดความกังวลขึ้นมากกว่าเดิมอีกสามเท่า

เช่นเดียวกับเมื่อท่าป๋าวั่ง… เมื่อเขาได้ยินบทสรรเสริญของเซียวยวี่โหลว เขามิได้เกิดคำถามใด ๆ ขึ้นในหัวเลย เพราะตลอดการเดินทางมายังที่นี่ก็ได้ประจักษ์ในหลายด้านแล้ว เขาได้ฟังมาหลายเรื่องและยังมีโอกาสได้สนทนากับเกษตรกรที่อยู่ในแปลงนาอย่างมากหน้าหลายตา

เขารู้ดีว่าคำสรรเสริญของเซียวยวี่โหลวมิได้เกินจริงเลยแม้แต่น้อย เขาได้สังเกตดูท่าทีของเหล่าขุนนางต้าเซี่ย บัดนี้เขาได้เข้าใจแล้วว่า…จิตใจของขุนนางเหล่านั้นล้วนเป็นหนึ่งเดียวกันกับฟู่เสี่ยวกวน

นี่เป็นดั่งเชือกเส้นหนึ่ง ทั้งยังเป็นเชือกเส้นใหญ่และหนาอีกด้วย !

เมื่อลองสังเกตขุนนางเหล่านี้ พบว่าพวกที่มีอายุราว 40 ปีนับเป็นจำนวนสามในสิบส่วน อายุ 50 ปีขึ้นไปมีแค่สองในสิบส่วนทว่าขุนนางที่อยู่ในช่วงวัยยี่สิบปีกลับมีมากที่สุด ซึ่งเป็นรุ่นราวคราวเดียวกับองค์จักรพรรดิแห่งต้าเซี่ย

ประเทศต้าเซี่ยในตอนนี้เปล่งประกายสุกใสดุจแสงสุริยา !

ทันใดนั้นเองท่าป๋าวั่งก็ได้ผุดความคิดขึ้นมาในใจ หากแคว้นซีเซี่ยที่เปรียบดั่งสุริยาใกล้ลาลับได้มาผนวกเป็นผืนปฐพีเดียวกันกับประเทศต้าเซี่ยที่กำลังทอแสงร้อนแรง เมื่อนั้นซีเซี่ยก็จะกลับมามีพละกำลังและมีชีวิตชีวาเยี่ยงคนหนุ่มอีกครา

ในตอนนั้นเองฟู่เสี่ยวกวนก็ได้เริ่มปราศรัยออกมา โดยมิได้เอ่ยวาจาไร้สาระให้เสียเวลาแต่อย่างใด

“องค์ราชาและท่านราชทูตแห่งแคว้นต่าง ๆ ที่ได้มาเยือนในงานพิธีถวายความเคารพครานี้ ถือเป็นเกียรติของพวกท่านยิ่ง ! ”

“ได้ยินมาว่าราชวงศ์เหลียวกำลังทำศึกสงครามกับแคว้นซีเซี่ยอยู่ใช่หรือไม่ ? เจิ้นคิดว่าอย่าเสียเวลารบรากันเลย ราชวงศ์เหลียวให้ถอนกองทัพออกแล้วชดใช้ค่าเสียหายทั้งหมดให้แคว้นซีเซี่ยเสีย ต่อไปก็ขอให้ทุกท่านรักใคร่กลมเกลียวกันเหมือนญาติสนิทมิตรสหาย ให้ร่วมมือกันเปลี่ยนแปลงและพัฒนาเพราะนี่ต่างหากคือสิ่งที่สำคัญที่สุด”

“มิทราบว่าทางราชทูตของราชวงศ์เหลียวคิดเห็นเยี่ยงไรต่อเรื่องนี้ ? ”

เยลู่ตานรู้สึกได้ถึงอันตรายที่กำลังคืบคลานเข้ามา หัวใจของเขากระตุกหนึ่งครา…แย่แล้ว !

1จักรพรรดิเหยาหรือจักรพรรดิซุ่น ขึ้นชื่อว่าเป็นจักรพรรดิที่มีความสามารถและคุณธรรมโดดเด่น ยอมสละบัลลังก์โดยมิเสียดายอำนาจ

2เสิ้นเหริน คือ ปัญญาชนผู้รอบรู้ที่เลื่อนระดับสูงขึ้นไปอีกเรียกว่าระดับเสิ้นเหริน ซึ่งได้บรรลุธรรมขั้นสูงสู่ระดับอริยะชนที่เรียกว่าเซียนหรือเซียนผู้วิเศษ

3เฉินหนง คือ เทพกสิกรรม

นายน้อยเจ้าสำราญ

นายน้อยเจ้าสำราญ

Status: Ongoing
อ่านนิยายเรื่อง นายน้อยเจ้าสำราญโชคดีที่ได้ทะลุมิติมา ทั้งยังได้เกิดในตระกูลเศรษฐีที่ดิน ชีวิตนี้ไม่ได้ขาดแคลนอาหารและเสื้อผ้าแต่ก็ไม่อยากจะเอาแต่กินจนตายไปทั้งอย่างนั้น ดังนั้นฟู่เซี่ยวกวนจึงได้กระทำเรื่องบางอย่างตามอำเภอใจ โดยไม่ได้คาดคิดเลยว่าจะเกิดผล กระทบที่ใหญ่หลวงตามมาเยี่ยงนี้ ฮ่องเต้ต้องการให้เขาเป็นขุนนางชั้นหนึ่ง องค์หญิงต้องการแต่งตั้งให้เขาเป็นราชบุตรเขย บุตรีแห่งจวนเสนาบดีสำนักตรวจการต้องการแต่งกับเขา คนป่าต้องการหัวของเขา รัฐอี๋ต้องการชีวิตของเขา ส่วนรัฐฝานต้องการเงินของเขา… แต่เขา.. ฟู่เซี่ยวกวนนั้นต้องการเป็นเศรษฐีที่ดินผู้ยิ่งใหญ่ต่างหากเล่า !

Comment

Options

not work with dark mode
Reset