ตอนที่ 403 วางแผน
ชีวิตสำคัญหรือกฎหมายสำคัญกว่ากันเล่า ?
ไป๋ยู่เหลียนมิได้ตอบกลับ ในใจพลางคิดว่าหากเรื่องนี้ตกใส่หัวของเขา หากไร้ซึ่งหนทางอย่างแท้จริง เกรงว่าตนเองก็คงจะเลือกเช่นเดียวกับพวกเขา
ฟู่เสี่ยวกวนเองก็มิได้ตอบคำถามนี้เช่นกัน เขาหัวเราะและพาไป๋ยู่เหลียนหมุนตัวออกไปยังทุ่งนาที่รกร้าง
เขานั่งอยู่ที่คันนาใช้มีดตักดินขึ้นมา วางไว้บนฝ่ามือแล้วบีบ ดินเม็ดใหญ่ สัมผัสในมือมิละเอียด แตกต่างกับดินที่เจียงหนานราวฟ้ากับเหว
ที่นาเยี่ยงนี้ต่อให้ปลูกฟู่เอ้อร์ต้าย ผลผลิตก็มิอาจเพิ่มจำนวนมากขึ้นได้ ดินจืดเกินไป ดินมิอุดมสมบูรณ์ พืชไร่มิสามารถเจริญเติบโตในดินเยี่ยงนี้ได้
แต่ที่นาแบบนี้สามารถปลูกมันเทศหรือมันฝรั่งได้ มันฝรั่งสิ่งนี้เขายังมิเคยพบเห็น แต่มันเทศปีหน้าสามารถจัดสรรให้ผิงหลิงอี้นำไปเพาะปลูกได้
จำนวนผลผลิตแม้มิอาจเทียบเท่ากับซีซานที่ปลูก 1 หมู่ได้ผลผลิตถึง 5,000 ชั่ง แต่สองสามร้อยชั่งคาดว่าคงจะมิมีปัญหาอันใด อีกทั้งไม้เถาของต้นมันเทศยังสามารถนำมาเลี้ยงหมูหรือเป็ดไก่ได้ แม้กระทั่งยามอดอยากก็สามารถนำมากินให้อิ่มท้องได้
เพียงต้องประคองให้พ้นปี รอให้มันเทศได้ทำการเก็บเกี่ยว ความอดอยากของที่นี่ก็จะถูกแก้ไขได้แล้ว
เขาสูดหายใจเข้าลึกแล้วยืนขึ้น ก่อนอื่นต้องกำจัดกงเซินจ่างเสียก่อน ในปีหน้าที่แห่งนี้จะเป็นจุดสำคัญของการทำการค้าและการเกษตรของเขา
เมื่อใดที่อู๋หลิงเอ๋อร์ครองบัลลังก์ได้อย่างมั่นคงแล้ว ตัวเขาก็ยังจำเป็นต้องเปิดเผยตัวออกไป แน่นอนว่ามิใช่เพื่อราชวงศ์อู๋ แต่เพื่อไปที่อำเภอผิงหลิงและเข้าพบจางเหวินฮั่นสักครา และไปที่ชวูอี้เพื่อพบเยี่ยนหลินชิวสักคราเช่นกัน
เรื่องนี้เขาได้คิดมาเนิ่นนานแล้ว ผู้ดำเนินการในครานี้ คงต้องพึ่งพานายอำเภอทั้งสองท่านนี้แล้ว และในอนาคตสถานที่ทั้งสองแห่งนี้จะส่งผลกระทบถึงราชวงศ์หยูและนโยบายของแคว้น ดังนั้นสถานที่ทดลองสองแห่งนี้ ต้องสำเร็จเท่านั้น ล้มเหลวมิได้เป็นอันขาด
เขาเก็บมีด ปัดดินในมือแล้ว “ไปเถอะ ! ”
กำหนดการเดินยังเหลืออีกครึ่งวัน พวกเขาแบ่งกลุ่มไปยังที่หยางเจี่ยวเจิ้น เป็นตลาดการค้าของราชวงศ์หยูทางตอนเหนือแห่งสุดท้าย อยู่ห่างจากด่านภูเขาเยี่ยนร้อยกว่าลี้ และอยู่ห่างจากผิงหลิงเพียงสามสิบกว่าลี้เท่านั้น
ตามการบอกเล่าของข่าวกรอง ยามนี้หยางเจี่ยวเจิ้นร้างไปเนิ่นนานแล้ว อย่าว่าแต่พ่อค้าหาบเร่เลย แม้แต่ประชากรท้องถิ่นของที่นั่นยังมีมิถึงร้อยชีวิตด้วยซ้ำ ส่วนหนึ่งไปหาช่องทางการใช้ชีวิตที่อื่น อีกส่วนหนึ่งเข้าไปเป็นโจรที่ภูเขาผิงหลิง และผู้ที่เหลือก็เป็นคนชรา พวกเขายากจนเป็นอย่างมาก แม้แต่กงเซิงจ่างยังมิกล้าที่จะไปปล้นพวกเขา
……
ณ ภูเขาผิงหลิง ค่ายเดิมของกองทัพสวรรค์
ท่านนายพลเผิงเฉิงอู่ได้ตรึงกองกำลังอยู่ เขาได้รับจดหมายฉบับนั้นที่ฟู่เสี่ยวกวนเขียนให้เขาเมื่อสิบกว่าวันก่อน จดหมายฉบับนั้นมิได้ลงนามไว้ เขามิรู้ว่าฟู่เสี่ยวกวนเป็นผู้เขียนมันทั้งหมด
แต่ในจดหมายได้กล่าวไว้ว่านี่คือความคิดเห็นของเผิงยวี๋เยี่ยน เขาลังเลอยู่เป็นเวลา 1 ก้านธูป จากนั้นจึงได้นำกองกำลังถอนทัพออกมา เขาเลือกที่จะเชื่อวิสัยทัศน์การทหารของเผิงยวี๋เยี่ยน แต่สิ่งที่ทำให้เขารู้สึกเป็นกังวลก็คือเนื้อความในจดหมายฉบับนี้ ถ้าหากตัวเขายังดึงดันที่จะเดินหน้าต่อไป มันจะต้องเกิดปัญหาใหญ่ตามมาออย่างแน่นอน
เผยเฉิงอู่อยู่ในกระโจมแม่ทัพ บนโต๊ะวางแผนที่ภูเขาผิงหลินที่วาดแผนผังใหม่ล่าสุด
ใบหน้าซูบผอมดำคล้ำได้แสดงสีหน้าเคร่งขรึมออกมา ที่ปรึกษาของเขา ต่างก็แสดงสีหน้าเศร้าโศก จนปัญญาที่จะจัดการเรื่องนี้
ภูเขาผิงหลิงแห่งนี้มีภูมิประเทศที่ซ้บซ้อนเป็นอย่างมาก สำหรับกองทัพทหารทางเหนือที่ชำนาญการรบแบบเดินทัพขนาดใหญ่ การต่อสู้บนภูเขาเยี่ยงนี้ทำให้พวกเขาง่ายต่อการถูกโจมตี
สมรรถภาพทางร่างกายทหารของพวกเขาดีกว่าของพวกโจรมากนัก แต่ทว่าการเดินทางในภูเขาแห่งนี้ พวกเขากลับวิ่งไม่ชนะโจรภูเขา โจรภูเขาเหล่านั้นเจ้าเล่ห์เป็นอย่างมาก พวกเขาอาศัยอยู่ในป่าบนภูเขาที่กว้างใหญ่และกระจายกันออกไปเป็นกลุ่ม ๆ อีกทั้งยังมีการวางกับดักมากมาย หากมิไล่ตามก็มิเป็นอะไร ทันทีที่ไล่ตาม จะต้องมีการสูญเสียเกิดขึ้นอยู่ร่ำไป
สำหรับกองทัพทหารทางเหนือที่แข็งแกร่งที่สุดของราชวงศ์หยู การรบครานี้ น่าหงุดหงิดอย่างแท้จริง อีกทั้งยังน่าอัปยศอดสูด้วยเช่นกัน !
ทหารประจำการ 150,000 นายถ้วน มิเพียงกำจัดกองทัพสวรรค์ที่เหลือหกหมื่นกว่าคนของกงเซินจ่างมิได้ ในทางกลับกันยังถูกเข่นฆ่าไปแล้วกว่าสองหมื่นนาย ท่านนายพลกลุ้มใจเสียจนเส้นผมกลายเป็นสีขาวดอกเลาแล้ว การรบครานี้จะสู้เยี่ยงไรดี ?
เผิงเฉิงอู่ชี้นิ้วลงบนหุบเขาเยว่หมิง เขาขมวดหัวคิ้วแล้วมองไปยังสถานที่แห่งนั้น จากนั้นก็ใช้นิ้วมือชี้ไปที่บนภูเขาผิงหลิงทางเหนือ กองกำลังหลักของกงเซินจ่างยามนี้ก็ได้อยู่ที่ภูเขาผิงหลิงทางเหนือเช่นกัน
ในจดหมายฉบับนั้นระบุไว้ว่าขอเชิญท่านนายพลมาก่อนวันที่สิบห้าเดือนสิบ จัดกองกำลังทหาร 30,000 คนไปที่หุบเขาเยว่หมิง กองกำลังที่รอดตายของกงเซินจ่างจะเข้าไปที่นั่นเองภายในสามวัน ศิษย์พี่เก่งกาจถึงเพียงนี้ตั้งแต่เมื่อใดกัน ?
กองกำลังที่รอดตายของกงเซินจ่าง ผู้ใดกันที่สามารถสู้กับกองกำลังของกงเซินจ่างได้ ?
หรือว่าฝ่าบาทได้ทรงรวบรวมกองกำลังอีกกองไว้แล้ว ?
กองทัพทางใต้ได้ส่งไปสนามรบทางตะวันออกแล้ว ฝ่าบาทคงมิสามารถรวบรวมกองกำลังของเซวี๋ยติ้งชานจากทางตะวันตกได้เป็นแน่
วันนี้เป็นวันที่ยี่สิบเดือนเก้า ยังห่างจากวันนั้นอีกยี่สิบวัน หรือว่าศิษย์พี่ไปที่สนามรบทางตะวันออกกับหยูชุนชิวกัน เหตุใดเขาถึงตัดสินได้แม่นยำถึงเพียงนี้ ?
ต่อให้พ่อบุญธรรมยังมีชิวิตอยู่ก็มิอาจตัดสินใจได้อย่างแม่นยำถึงเพียงนี้ แล้วจดหมายฉบับนั้นเป็นความคิดเห็นของศิษย์พี่จริงเยี่ยงนั้นหรือ ?
โยกกำลังทหาร 30,000 นาย ตัวเขาจะเหลือทหารเพียงแค่ 100,000 นาย
หากจะปกป้องรักษาค่ายกองทัพสวรรค์นี้ย่อมมิมีปัญหา หากนี่เป็นกลอุบายของกงเซินจ่าง ทหารที่ไปยังหุบเขาเยว่หมิงนั้นจะมิตายกลายเป็นศพไร้ที่ฝังเยี่ยงนั้นหรือ !
หากกองทัพซุ่มโจมตีหลบซ่อนอยู่ด้านล่างของหุบเยว่หมิง เพื่อที่จะมิให้ศัตรูพบเห็น ก็คงจะต้องส่งหน่วยสอดแนมออกไปเสียก่อน จากนั้นค่อยแบ่งกลุ่มกองกำลังเพื่อปฏิบัติการ
ระยะทางระหว่างค่ายทัพสวรรค์กับหุบเขาเยว่หมิงในแผนที่นั้นดูเหมือนมิไกล แต่ตามรายงานของผู้สอดแนม เส้นทางสายนี้ต้องใช้เวลาเดินทางอย่างน้อย 5 วัน !
เพราะมิมีทางให้เดิน และเพราะมีอุปสรรคอันตรายขวางกั้นมากมาย
ดังนั้น กองกำลัง 30,000 นายนี้จึงเดินทางไปโดยที่มิมีกองหนุน
เช่นนั้น แท้จริงแล้วนี่คือการคาดการณ์จากกลยุทธ์บางอย่างของศิษย์พี่ หรือว่าเป็นกลอุบายของกงเซินจ่างกันแน่ ?
เขาจำเป็นต้องพิจารณาอีกครา เพราะว่าในจดหมายยังกล่าวถึงอีกเรื่องเอาไว้ด้วย
“ท่านนายพลคงจะมิเชื่อ เยี่ยงนั้นวันที่ยี่สิบห้าเดือนเก้าในยามราตรี เชิญท่านนายพลยืนอยู่บนที่สูงแล้วใช้ของสิ่งนี้มองไปทางทิศเหนือ จะเห็นบนท้องฟ้ามีลูกไฟลอยขึ้น และยังจะเห็นภูเขาทางเหนือที่แตกต่างออกไป
หากท่านนายพลยังคงลังเล จะทำให้กองกำลังที่เหลือรอดของกงเซินจ่างหนีเตลิดไปและทิ้งปัญหาเอาไว้มิรู้จบ ท่านนายพลจะต้องรับผิดชอบทั้งหมดเอาไว้ ! ”
ยังเหลือเวลาอีก 5 วัน !
เขาหยิบท่อนกระบอกทรงกลมบนโต๊ะขึ้นมาดูอีกครา ของสิ่งนี้มีประโยชน์เป็นอย่างมากในการรบ สามารถมองเห็นพื้นที่ที่ห่างไกลได้ หากนำมาติดตั้งในกองทัพจะมีโอกาสได้เปรียบมากกว่า เป็นเครื่องมือที่มีประสิทธิภาพต่อสนามรบเป็นอย่างมาก
กรมอุตสาหกรรมประดิษฐ์ของสิ่งนี้ออกมาเยี่ยงนั้นหรือ ?
หากเป็นการประดิษฐ์ของกรมอุตสาหกรรม แล้วเหตุใดถึงมิส่งมาติดตั้งให้กับกองทัพทหารกัน ?
“อู่จี๋รับบัญชา ! ”
ทหารนายหนึ่งอายุราว 40 ปียืนขึ้น ยกสองมือขึ้นคารวะ “หัวหน้าค่ายหน่อยสอดแนมสังกัดกองทัพทหารทางเหนืออู่จี๋ รับบัญชาท่านนายพล ! ”
“เจ้านำหน่วยสอดแนมไปสำรวจหุบเขาเยว่หมิง ข้าต้องการให้เจ้านำทหารไปหุบเขาเยว่หมิงเส้นทางสายนี้จะต้องมิมีสายลับของฝ่ายศัตรูปรากฏตัวออกมา อีกอย่าง ที่หุบเขาเยว่หมิงรอบด้านในระยะสิบลี้ หากมีผู้ใดที่น่าสงสัย ให้จับตัวกลับมาที่ค่าย”
“อู่จี๋น้อมรับบัญชา ! ”
“จ้าวหู่น้อมฟังคำบัญชา ! ”
ทหารนายหนึ่งอายุ 30 ปียืนขึ้น ยกสองมือคารวะ “นายกองของกองทัพทหารทางเหนือจ้าวหู่พร้อมรับฟังคำบัญชาจากท่านนายพล ! ”
“เจ้าไปคัดเลือกกองกำลังทหารมา 30,000 นาย มาจัดระเบียบใหม่ และสั่งการแทนข้า ! ”
“จ้าวหู่น้อมรับคำบัญชา ! ”
ท่านนายพลจะเคลื่อนไหวแล้วเยี่ยงนั้นหรือ ?
แต่ท่านนายพลสั่งให้ไปสำรวจหุบเขาเยว่หมิงนี่หมายความว่าเยี่ยงไรกัน ?
ศัตรูอยู่ที่ภูเขาผิงหลิงทางเหนือ แต่หุบเขาเยว่หมิงนั้นอยู่ทางตะวันออก…