ตอนที่ 525 สวี่หวยซู่วัวสันหลังหวะ
ตอนที่ 525 สวี่หวยซู่วัวสันหลังหวะ
เมื่อได้ยินดังนั้น เยียนเหลียงเจ๋อก็เบิกตาโพลงด้วยอารามตื่นตกใจทันที
เห็นทีว่า ต้องมีเรื่องชู้สาวเป็นแน่ !
เมื่อสวี่ซินเหยียนได้ยินดังนั้น คิ้วของนางก็ขมวดเล็กน้อย เป็นไปได้หรือไม่ว่าสามีเคยทำเรื่องที่มิน่าให้อภัยกับแม่นางผู้นี้ ?
ฟู่เสี่ยวกวนหัวเราะร่า “แม่นางช่างน่าสนใจยิ่ง พี่เยียนกล่าวว่าเจ้าขับร้องได้ไพเราะ ประจวบเหมาะกับข้าได้มาในวันนี้ เจ้าจะขับร้องทำนองเพลงเพื่อพวกเราได้หรือไม่ ? ”
ยิงฮวาลุกขึ้น โค้งคำนับอีกครา นางเข้าใจเรื่องระหว่างตนและฟู่เสี่ยวกวนแล้ว มันมิมีทางเป็นไปได้
หากฟู่เสี่ยวกวนเอ่ยรั้งกันสักนิด นางคงจะอยู่ต่อ
แต่น่าเสียดายยิ่ง ท้ายที่สุดแล้วเขาก็มิรั้งตนเอาไว้เลย
ใช่ ! เขาสมรสไปแล้ว ที่เลือกทำงานนี้ก็เป็นความสมัครใจของนางเอง
พอคลายปมนี้ลงได้ ยิงฮวากลับรู้สึกผ่อนคลายอยู่มากโข จากนั้นจึงเกิดรอยยิ้มขึ้นบนใบหน้า “เยี่ยงนั้น ข้าจะร้องเพลง ‘เหมยหนึ่งกิ่ง ประตูปิดฝนกระทบดอกสาลี่’ ที่คุณชายฟู่เป็นผู้ประพันธ์เจ้าค่ะ”
กวีบทนี้ ฟู่เสี่ยวกวนได้ประพันธ์ตอนที่อยู่ในราชวงศ์อู๋ และบัดนี้ก็ถูกสลักไว้เป็นลำดับที่หนึ่งบนหินเชียนเปยสือ
เยียนเหลียงเจ๋อเคยฟัง สวี่ซินเหยียนเองก็เคยได้ยิน มีเพียงฟู่เสี่ยวกวนที่แทบจะลืมไปแล้ว
ยิงฮวานั่งลงมีฉินวางอยู่เบื้องหน้า สตรีสองนางที่คอยถือโคมไฟได้แขวนมันไว้ที่ประตู หนึ่งคนหยิบกู่เจิง ส่วนอีกคนหยิบขลุ่ยยาว แล้วนั่งลงด้านข้างของยิงฮวา
เสียงฉินดังขึ้น เสียงกู่เจิงสอดประสาน เสียงขลุ่ยรับจังหวะ ทันใดนั้น เสียงร้องชั้นเซียนก็ดังขึ้นมา
…..
…..
เสนาบดีสวี่หวยซู่แห่งกรมพิธีการนั่งอยู่ในรถม้า ปากฮัมเพลงขณะเดินทางมายังหอกั๋วเซ่อเทียนเซียง
วันนี้ช่างสบายใจเสียจริง ๆ
ฟู่เสี่ยวกวน เพียงลงมือก็ประสบความสำเร็จที่ยิ่งใหญ่ถึงเพียงนี้ได้ ตนก็พลอยได้รับคำชมจากฝ่าบาทไปด้วยเช่นกัน
ภายในกระเป๋ายังคงมีตั๋วเงิน 1,000 ตำลึงที่หลานชายเคยมอบให้ ทว่า ‘บุตรี’ ผู้นั้น มิเคยกินข้าวของจวนสวี่เลยสักมื้อ
เงินนี้ถือว่าใสสะอาด ถือว่าเป็นค่าปิดปากจากหลานชาย
เป็นเวลากว่าครึ่งเดือนแล้วที่มิได้มาเยือนหอกั๋วเซ่อเทียนเซียงเพื่อฟังแม่นางยิงฮวาขับร้อง วันนี้มีเวลาว่าง จึงอยากฟังนางขับร้องไปโดยปริยาย
ส่วนนางจะขับร้องเพลงใด ย่อมมิสำคัญ
หลังลงจากรถม้า สวี่หวยซู่ก็ได้ยืนอยู่เบื้องหน้าของป้ายหอกั๋วเซ่อเทียนเซียง เขาหันรีหันขวางมองไปรอบด้าน เกรงว่าจะถูกแม่เสือที่จวนพบเจอเข้า
เพื่อความปลอดภัย ตนจึงสวมหมวก ดึงปีกทั้งสองด้านลงมา พยายามปกปิดใบหน้าให้ได้มากที่สุด
หลังจากนั้นก็สอดมือประสาน โค้งลำตัว และเดินไปทางห้องโถงใหญ่ของหอกั๋วเซ่อเทียนเซียง
ด้วยภาพลักษณ์นี้ จึงมิมีผู้ใดทราบว่าเขาคือเสนาบดีแห่งกรมพิธีการ
เขารีบเดินผ่านห้องโถงใหญ่อันวุ่นวาย ขึ้นไปบนชั้นสอง ใจที่กระวนกระวายจึงค่อย ๆ สงบลง
แม่นางที่คอยต้อนรับแขกอยู่บนชั้นสองเอียงศีรษะพลางชำเลืองมอง… คนผู้นี้มิเหมือนคนดีเอาเสียเลย สวมชุดสีฟ้าที่ดูเชย แล้วยังสวมหมวกแบบนั้นอีกด้วย เหตุใดจึงดูเหมือนลุงหลี่พ่อครัวที่อยู่ในโรงครัวกัน…
ชั้นสองล้วนเป็นห้องส่วนตัวทั้งสิ้น แม่นางบนชั้นสองล้วนได้รับความนิยมเป็นสิบอันดับแรกของหอกั๋วเซ่อเทียนเซียง แต่ดูแล้วท่านลุงผู้นี้มิมีเงินพอที่จะจ่ายไหว
ดังนั้น แม่นางที่คอยรับแขกจึงเดินเข้ามาขวางสวี่หวยซู่เอาไว้ นางกล่าวยิ้ม ๆ ว่า “ท่านลุง ท่าน…มาผิดที่หรือไม่เจ้าคะ ? ”
สวี่หวยซู่ชะงักลงทันพลัน ท่านลุงเจ้าสิ ! ข้าดูชราถึงเพียงนั้นเชียวหรือ ?
“ข้าต้องการมาที่นี่”
“มิทราบว่าท่านลุงถูกใจแม่นางคนใดเจ้าคะ ? ”
“แม่นางยิงฮวา”
แม่นางฝ่ายต้อนรับเมื่อได้ยินดังนั้น นางจึงจ้องมองไปที่สวี่หวยซู่ ส่วนสวี่หวยซู่ที่กลัวโดนจับได้จึงหันหน้าหนีไปอีกทางทันที
ทันใดนั้น นางก็เข้าใจได้อย่างแจ่มแจ้ง นางสะบัดผ้าเช็ดหน้าในมือ เชิดคางขึ้นแล้วกล่าวอย่างดูแคลนว่า “ท่านลุง แม่นางยิงฮวาคือลำดับต้น ๆ ของที่นี่ ท่านเข้าใจความหมายของลำดับต้น ๆ หรือไม่ ? ”
สวี่หวยซู่จ้องแม่นางผู้นั้นตาเขม็ง ข้ามาที่นี่เพื่อมาหาลำดับต้น ๆ เด็กสาวผมเปียผู้นี้ช่างตาสุนัขและชอบดูถูกผู้อื่นเสียจริง
หากข้าเผยตัวตนออกไป เจ้าคงได้ตกใจจนตายเป็นแน่ !
ทว่าเยี่ยงไรเสียก็มิสามารถเผยตัวตนออกไปได้ สวี่หวยซู่ทราบถึงธรรมเนียมของหอนางโลมนี้ดี คงมิได้คิดว่าข้ามิมีเงินหรอกนะ ?
มือที่ควานอยู่ในแขนเสื้อหยิบตั๋วเงินได้ 2 ใบ หัวใจพลันโลดแล่นอย่างถึงที่สุด เงินนั้นเปรียบดุจไตของบุรุษอย่างแท้จริง เมื่อมีมันอยู่ข้างกาย ความกล้าก็จะมีอยู่อย่างเต็มเปี่ยม !
ในอดีต เงินในแขนเสื้อของเขานั้นมีมิมาก เขาได้แต่สั่งสุราหนึ่งจอกกับถั่วหนึ่งจานเท่านั้น นั่งอยู่มุมหนึ่งของห้องโถงใหญ่และลอบมองแม่นางยิงฮวาจากที่ไกล ๆ ทว่าวันนี้ข้ามีเงิน 1,000 ตำลึง เยี่ยงนั้นต้องไปยังห้องส่วนตัวเพื่อรับฟังอย่างรื่นรมย์เสียแล้ว
ดังนั้น เขาจึงหยิบตั๋วเงินออกมา 1 ใบ เผยให้เห็นหนึ่งมุม “ลุงเยี่ยงข้าก็มีเงิน ! ”
เพียงแม่นางที่ต้อนรับได้เห็นว่าสิ่งนั้นคืออะไร สายตาก็พลันแปรเปลี่ยน ทันใดนั้นนางก็เก็บสีหน้าดูแคลนกลับคืน ชั่วพริบตาก็แสดงออกมาว่าท่านลุงผู้นี้ช่างร่ำรวยมากยิ่งนัก แต่ทว่าเยี่ยงไรเสีย… วันนี้แม่นางยิงฮวาก็ถูกจับจองไปแล้ว
นางยิ้มสดใส ยื่นมือไปจับแขนเสื้อของสวี่หวยซู่ แล้วใช้น้ำเสียงออดอ้อนกระซิบที่ข้างหู “เงินจำนวนนี้… ข้าน้อยคิดว่าไปที่ศาลาหลิงหลงจะดีกว่า แม่นางหลิงหลงก็เป็นที่นิยมเช่นกัน เมื่อเทียบกับแม่นางยิงฮวาแล้วดูมีความเป็นผู้ใหญ่และเปี่ยมเสน่ห์ยิ่งกว่า แต่ทว่าก็เต็มไปด้วยความอ่อนโยน ท่านไปลิ้มลองดูก่อนดีหรือไม่ รับรองว่าท่านจะต้องเพลิดเพลินจนลืมทางกลับ สำราญจนลืมจวนเป็นแน่”
เมื่อสวี่หวยซู่ได้ยินดังนั้น ก็เมินเฉยต่อแม่นางหลิงหลงทันที ข้าเป็นผู้สูงส่งหรือว่านางผู้นี้ยังคิดว่าข้ามาเพื่อสำราญอารมณ์เท่านั้นกัน ?
ดูแล้วเงินคงยังมิมากพอ เหตุใดแม่นางยิงฮวาถึงแพงเยี่ยงนี้ ?
เขามิได้เอะใจเลยว่าหงหลูซื่อในวันนี้ ถูกเยียนเหลียงเจ๋อกับฟู่เสี่ยวกวนครอบครองไปแล้ว
ดังนั้น เขาจึงหยิบตั๋วเงิน 2 ใบออกมา แสดงมันต่อหน้าแม่นางที่เข้ามาต้อนรับ “ข้าต้องการแม่นางยิงฮวา ! ”
แม่นางผู้นี้ได้เผชิญกับความยุ่งยากเสียแล้ว รอยยิ้มลำบากใจได้แสดงออกบนใบหน้า ท่านลุงผู้นี้ดูแล้วเป็นคนโง่เขลาที่มีเงินเยอะ ต้องคิดหาวิธีทำให้เขาอยู่ที่นี่ต่อให้ได้
เพียงสวี่หวยซู่ได้เห็นสีหน้าของนางก็ยิ่งตกตะลึง มารดาเจ้าเถอะ ! นี่ยังมิพออีกเยี่ยงนั้นหรือ ?
เงิน 1,000 ตำลึงเชียวนะ !
แม่นางยิงฮวาคือหยกที่ผ่านการเจียระไนมาหรือเยี่ยงไรกัน ?
ในตอนนั้นเอง ก็มีเสียงฝีเท้าดังขึ้นตรงบันไดที่นำพาขึ้นมาสู่ชั้นสอง และมีเสียงสนทนาตามมา สวี่หวยซู่จึงหันไปมอง…
มารดาเจ้าสิ !
ฉินโม่เหวิน ฮั่วหวยจิ่น รวมถึงหนิงหยู่ชุนได้พาสตรีจำนวนหนึ่งขึ้นมายังชั้นสอง คาดมิถึงว่าหนึ่งในนั้นคือองค์หญิงสาม หยูชิงหลาน !
เป็นไปได้เยี่ยงไร !
ให้พวกเขาพบมิได้เป็นอันขาด !
หากเรื่องนี้แพร่งพรายออกไป แม้ว่าจะมิส่งผลกระทบต่อชื่อเสียงของตน แต่ทว่าหากแม่เสือที่จวนได้ยินเข้าย่อมมิใช่เรื่องดีเป็นแน่
ดังนั้น สวี่หวยซู่จึงหันหน้าหนีแล้วเดินออกมา แม่นางที่คอยต้อนรับก็ตามหลังมาด้วย “ท่านลุง… ท่านลุงเจ้าคะ…”
ลุงกับเจ้าสิ !
สวี่หวยซู่รู้สึกชาไปทั้งร่าง พวกฉินโม่เหวินขึ้นมาบนชั้นสองแล้ว ให้ตายเถอะ ! หรือจะกระโดดลงอาคารดี ?
กระดูกนี้จะหักมิได้ สวี่หวยซู่จึงเดินอย่างเร่งรีบ ทันใดนั้นก็ได้ยินเสียงร้องเพลงแสนรื่นหูดังมาจากห้องที่อยู่ด้านหน้า เขาไม่ลังเลเลยแม้แต่น้อย เลือกสาวเท้าไปถึงหน้าประตู จากนั้นก็รีบเปิดประตูเข้าไป…
ซ่อนตัวไว้ชั่วคราว ให้กลุ่มของฉินโม่เหวินผ่านไปเสียก่อน
ส่วนคนที่อยู่ในห้องนี้คือผู้ใดกัน ?
เมืองจินหลิงกว้างใหญ่ถึงเพียงนี้ แม้ข้าจะมีตำแหน่งเป็นถึงเสนาบดีกรมพิธีการ คงมิถึงกับบังเอิญว่าคนที่อยู่ด้านในจะเป็นคนรู้จักหรอกนะ
เขาก้าวผ่านบานประตูนี้เข้าไป ยังมิทันได้มองว่าคนที่นั่งอยู่ด้านในคือผู้ใดก็รีบหันหลังแล้วปิดประตูทันที จากนั้นก็ถอนหายใจออกมาอย่างผ่อนคลาย ผ่านไปชั่วครู่เขาจึงหันกลับไปเพื่อที่จะขอโทษผู้ที่อยู่ด้านใน…
ทันใดนั้นเสียงบรรเลงดนตรีก็หยุดลง ดวงตาของเขาพลันเบิกโพลง
ฟู่เสี่ยวกวน !
เหตุใดเขาถึงมาอยู่ที่นี่ได้กัน ?