นายน้อยเจ้าสำราญ – ตอนที่ 771 บุกด่าน ( จบ )

ตอนที่ 771 บุกด่าน ( จบ )

“ศัตรูโจมตี… ! ”

ทหารเล็งเป้าหลายนายล้วนมองเห็นกลุ่มคลื่นสีดำกำลังเคลื่อนเข้ามาในระยะไกล

ทันใดนั้นเสียงเป่าสัญญาณก็ดังกังวานขึ้นมาบนกำแพงด่าน หานเฟิ่งจึงยกกล้องส่องทางไกลขึ้นมาดูบ้าง พลันปรากฏรอยยิ้มผุดขึ้นมาที่มุมปาก อืม…ชาวฮวง ดูเหมือนว่าจะมากันแล้ว

“กระจายคำสั่งของข้าออกไปให้ทุกหน่วยเข้าประจำที่และเตรียมพร้อมออกรบ ! ”

“รีบไปรายงานแม่ทัพใหญ่เผิงว่าข้าศึกบุกแล้ว แต่ยังมิทราบจำนวนที่แน่ชัด ! ”

หานเฟิ่งยืนอยู่บนหอคอยด่าน แต่ทว่าเขามิไม่ได้รีรอให้ข้าศึกได้จู่โจมก่อน

เขาขมวดคิ้วก่อนจะยกกล้องส่องทางไกลขึ้นมาส่องอีกครา… ท่ามกลางความมืดมัวเหมือนว่าศัตรูกำลังตั้งค่าย

คาดมิถึงว่าชาวฮวงเหล่านี้จะเจ้าเล่ห์มากยิ่งนัก เนื่องจากพวกมันยืนอยู่นอกระยะหวังผลของปืนใหญ่ เยี่ยงนี้ก็ไร้หนทางจะมองเห็นตำแหน่งที่ชัดเจนของฝ่ายตรงข้ามได้ และเกรงว่าชาวฮวงกำลังรอให้หิมะหยุดตก

พวกมันยังคงมิบุกเข้ามา

จวบจนท้องนภาเปลี่ยนเป็นสีดำสนิท

กล้องส่องทางไกลจึงไร้ความหมาย บัดนี้อาศัยได้เพียงคบไฟบนกำแพงของด่านและสามารถมองเห็นได้ในระยะ 90 จั้งเท่านั้น

หานเฟิ่งขมวดคิ้วเล็กน้อย จากนั้นก็เดินไปยังจุดบัญชาการบนหอคอยของด่าน “จงไปเรียกเชียนฟูจ่างทั้งสิบมาพบข้า ! ”

……

……

แม่ทัพใหญ่ท่าป๋าเจียนจากแคว้นฮวงยืนอยู่ด้านนอกค่าย และกำลังใช้กล้องส่องทางไกลส่องไปยังด่านภูเขาเยี่ยนที่อยู่ท่ามกลางความมืดมิด

ผู้ที่ยืนอยู่ด้านข้างคือสี่ผู้บัญชาการของกองทัพดาบสวรรค์ ขณะนั้นเองแม่ทัพของกองทัพที่หนึ่งท่าป๋าหลานก็ได้วางกล้องส่องทางไกลลงและเอ่ยเสียงเบาว่า “ท่านแม่ทัพใหญ่ บัดนี้ศัตรูอยู่ในที่แจ้ง ส่วนพวกเราอยู่ในที่มืด สั่งให้เคลื่อนปืนใหญ่หงอีออกมาเลยดีหรือไม่ ? ”

“…เยี่ยงนั้นก็ดันออกมาเถิด ! ”

“ทุกกองจงฟังคำสั่ง ก่อนรุ่งสางข้าต้องการยืน…” ท่าป๋าเจียนยกแส้ขึ้นมาชี้ไปทางด่านภูเขาเยี่ยน “ข้าต้องการยืนอยู่ที่ด้านหลังกำแพงของด่านภูเขาเยี่ยน ! ”

ท่าป๋าหลานและแม่ทัพนายอื่นควบอาชากลับมายังค่ายพร้อมถ่ายทอดคำสั่งออกไป ปืนใหญ่หงอี 80 กระบอกจึงถูกดันออกมาจากค่ายทหารภายใต้การคุ้มครองของทหารอีกหลายร้อยนาย

กองทัพดาบสวรรค์ 400,000 นายอยู่บนหลังม้าศึก ท่ามกลางความมืดมิดยามราตรีด้วยใบหน้าเคร่งขรึม !

“พวกเจ้าจงจำเอาไว้ว่า ให้นำปืนใหญ่หงอีไปวางห่างจากกำแพงเมือง 150 จั้ง แล้วรอคำสั่งยิงจากข้า ! ”

ท่ามกลางหิมะโปรยปรายปืนใหญ่หงอี 80 กระบอกสีดำมะเมื่อมกำลังเคลื่อนเข้าใกล้ด่านภูเขาเยี่ยนอย่างช้า ๆ โดยการผลักดันจากเหล่าทหาร

ภายในกองบัญชาการของด่านภูเขาเยี่ยน หานเฟิ่งกำลังเอ่ยอย่างเคร่งเครียดว่า “หั่วฟูส่งกองพันสอดแนมของเจ้าออกไป ต้องตรวจสอบสภาพความเป็นจริงของข้าศึก จ้าวต้าหยวนคอยปกป้องหอธนูเอาไว้ให้ดี ถึงแม้ศัตรูจะมิมีปืนใหญ่ ทว่าชาวฮวงก็เก่งกาจในด้านของการรบยิ่ง ข้ากังวลว่าพวกมันจะลอบจู่โจม จงบอกเหล่าพี่น้องว่าจุดไฟให้สว่างเข้าไว้ ! ”

“ต้วนสง กองของเจ้ารับผิดชอบการลาดตระเวนกำแพงเมืองและปกป้องมือยิงเอาไว้ให้ดี ซุนตง เรื่องการยิงปืนใหญ่ขอมอบให้เจ้าบัญชาการทั้งสิ้น พวกเรามีลูกปืนเพียงพอแต่อย่าทำให้สูญเสียโดยเปล่าประโยชน์ล่ะ…”

หลังจากที่หานเฟิ่งเตรียมการป้องกันเอาไว้พร้อมแล้ว เชียนฟูจ่างทุกนายก็ได้ถ่ายทอดคำสั่งออกไป เขายืนขมวดคิ้วแน่นอยู่เบื้องหน้าหอสังเกตการณ์อีกครา ยกกล้องส่องทางไกลขึ้น มองไปในความมืดมิด

น่าเสียดายที่ของสิ่งนี้มองมิเห็นสิ่งใดเลยในยามราตรี

ทว่าก็มิใช่เรื่องใหญ่อันใดเพราะข้าศึกมีเพียงกำลังโจมตี ส่วนด่านภูเขาเยี่ยนตอนนี้มีเสบียงมากพอ อีกทั้งด้านล่างด่านยังมีทหารม้า 30,000 นายของเสี้ยวเว่ยอู๋ฉางตั้งมั่นอยู่

ปืนใหญ่หงอีนี้สามารถปรับปากกระบอกปืนได้ หากข้าศึกเข้ามาใกล้ก็จะสามารถยิงให้โดนได้ ดังนั้นไม่ว่าจะคิดเยี่ยงไร ข้าศึกก็มิสามารถบุกรุกด่านภูเขาเยี่ยนได้สำเร็จอย่างแน่นอน !

เมื่อคิดได้ดังนั้นเขาจึงหันหลังกลับไปยังกองบัญชาการ แต่แล้วก็ได้ยินเสียงห่าของกระสุนปืนใหญ่ดังลั่น หลังจากนั้นก็รู้สึกว่าใต้ฝ่าเท้ากำลังสั่นสะเทือน…

เขาขมวดคิ้วมุ่น พลางคิดไปว่ามันคือสิ่งวิเศษอันใดกัน ?

เหตุใดกระสุนปืนใหญ่จึงตกที่กำแพงด่านของพวกเราได้ ?

ในช่วงระยะเวลาสั้น ๆ ที่ตกอยู่ในภวังค์ความคิด เสียงระเบิดยังคงดังติดต่อกันมิมีหยุด

เขารีบลุกขึ้นยืนทว่ายังมิทันได้เดินออกจากกองบัญชาการก็เห็นทหารส่งสาส์นนายหนึ่งทะยานเข้ามาอย่างรวดเร็ว

“เรียนแม่ทัพหาน ข้าศึก ข้าศึกมีปืนใหญ่เช่นกัน และกำแพงด่านกำลังถูกปืนใหญ่ของข้าศึกโจมตีขอรับ ! ”

หานเฟิ่งรีบเดินออกไป ด้านซุนตงกำลังตะโกนเสียงดัง “มือยิงทุกนายเข้าประจำที่ ! เตรียมยิง ! ”

เหล่าทหารเล็งเป้าส่องจนรู้สึกเจ็บตาขึ้นมา มารดามันเถิด ! มองมิเห็นศัตรูเลยสักนิดแล้วมันยิงมาจากทิศใดเล่า ?

ทุกคนต่างงุนงงมิทราบว่าเกิดอันใดขึ้น มีเพียงเหมียวเหรินเฟิงที่อยู่ภายใต้คันศรธนูและกำลังลอบสังเกตการณ์อยู่

จ้าวต้าเป้าหันไปมองเหมียวเหรินเฟิง แต่ก็มิได้เอ่ยอันใดออกมา

ในตอนนั้นเอง ภายในกล้องส่องทางไกลของเหมียวเหรินเฟิงก็ได้เกิดแสงกะพริบ หลังจากนั้นก็มีเสียง ‘ตูม… ! ’ ดังขึ้นมา ลูกกระสุนปืนใหญ่ลอยมาจากท้องนภาและตกไปทางด้านหลังของเขา

จ้าวต้าเป้ารู้สึกอันตรายถึงจิตวิญญาณ เขาเหวี่ยงเหมียวเหรินเฟิงหมอบลงกับพื้นและพลางคิดไปว่าคงได้สั่งเสียกันที่นี่เป็นแน่

ทว่า…

จ้าวต้าเป้าค่อย ๆ หันหน้าไปมอง ลูกกระสุนนั้นยังคงแน่นิ่งอยู่บนกำแพงด่าน ทันใดนั้นเขาก็หัวเราะขึ้นมา “กระสุนด้าน พวกข้าช่างโชคดีเสียจริง ! ”

เหมียวเหรินเฟิงเองก็ตื่นตกใจเสียจนเหงื่อท่วมกาย เขาผลักจ้าวต้าเป้าออกด้วยความหวาดผวา “รีบเข้าประจำที่ ดูเหมือนว่าข้าจะหาพวกมันเจอแล้ว”

เขายืนขึ้นอีกครา ยกกล้องส่องทางไกลขึ้นมาแล้วเอ่ยด้วยท่าทีดุดัน “พวกสุนัขชาวฮวง พวกมันเอาปืนใหญ่หงอีมาจากที่ใด ? ”

“เกรงว่าพวกมันจะสร้างขึ้นมาเอง”

“ข้ามิเชื่อ ข้าคิดว่ามีคนลอบขายให้กับพวกมัน… ระวัง”

ทันใดนั้นเหมียวเหรินเฟิงก็ไล่จับแสงไฟได้อีกครา “ระยะทาง 150 จั้ง ทางขวา 3 เค่อ เจ้าลองยิงให้ข้าดูหน่อย ! ”

จังหวะเดียวกันนั้นมือยิงของชาวฮวงก็ได้ยิงออกมาอีก 1 ลูก กระสุนลูกหนึ่งตกที่กำแพงของด่านจนเกิดเสียงระเบิดดังก้องไปทั่วบริเวณ

มือยิงผู้นั้นแสยะยิ้ม “เติมลูกกระสุน พวกเราจะต้องระเบิดด่านภูเขาเยี่ยนให้ราบ ! ”

แต่แล้วดวงตาของทหารเล็งเป้าก็ต้องเบิกกว้าง… ในกล้องส่องทางไกลของเขาเห็นประกายไฟอยู่เบื้องหน้าได้อย่างชัดเจน จากนั้นก็เห็นกระสุนปืนใหญ่ลูกหนึ่งพุ่งมาอย่างรวดเร็ว

เขาอ้าปากกว้าง สายตามองตามกระสุนปืนใหญ่ลูกนั้น หลังจากนั้น…

“อ๊าก… วิ่งสิโว๊ย… ! ”

เขาก้าวเท้าหนีออกมา เพิ่งจะวิ่งห่างออกไปได้เพียง 2 ก้าวเท่านั้นก็พลันเกิดเสียงระเบิดดังขึ้นที่ด้านหลัง กระสุนปืนใหญ่ลูกนั้นโดนปืนใหญ่หงอีของเขาอย่างพอดิบพอดี ทันใดนั้นเขาก็รู้สึกเหมือนโดนค้อนทุบเข้าที่ด้านหลังอย่างจัง เขาถูกแรงจากระเบิดอัดจนตัวลอย ตกห่างออกไปราว 10 จั้งและกลายเป็นร่างไร้วิญญาณในทันใด

“โดนศัตรูแล้ว ! ”

นั่นคือแสงไฟของการระเบิด เหมียวเหรินเฟิงจึงตะโกนออกมาด้วยความตื่นเต้น !

“โดนจริงเยี่ยงนั้นหรือ ? ”

“ข้าจะหลอกเจ้าเพื่ออันใด ข้ามีหนทางแล้ว”

หานเฟิ่งเดินเข้ามาพอดี “เอ่ยมาว่ามีหนทางอันใด ? ”

“ไอหยา… ท่านแม่ทัพ ยามที่ศัตรูยิงลูกกระสุนปากกระบอกปืนย่อมมีประกายไฟจึงสามารถยืนยันตำแหน่งของข้าศึกได้ในชั่วพริบตาที่เกิดประกายไฟเท่านั้น พวกเรายิงโต้ตอบไปจำนวนมาก ทิ้งระเบิดไปในตำแหน่งที่คาดการณ์ไว้ บางทีแมวตาบอดอาจจะพบหนูตายก็ได้ขอรับ”

หานเฟิ่งตบบ่าของเหมียวเหรินเฟิง “ข้าจะจดจำคุณงามความดีของเจ้าเอาไว้ ! ”

หลังจากนั้นหานเฟิ่งก็สอนวิธีนี้ให้แก่มือยิงทุกนาย ครานี้ชาวฮวงต้องทุกข์ใจบ้างแล้ว

มารดามันเถิด ! ฝ่ายตรงข้ามหาพวกเราเจอได้เยี่ยงไร ?

ได้ทดลองก่อนจะออกรบมาแล้วนี่ ตามหลักการคือมีเพียงพวกเราเท่านั้นที่มองเห็นฝ่ายตรงข้าม แน่นอนว่าอีกฝ่ายต้องมองมิเห็นพวกเรา ทว่าการยิงอย่างบ้าคลั่งของฝ่ายตรงข้ามก็ได้ทำให้ปืนใหญ่หงอี 80 กระบอกเสียหายไปทั้งสิ้น 20 กระบอกแล้ว !

หัวใจของท่าป๋าหลานพลันกระอักเลือดขึ้นมาทันใด องค์จักรพรรดิได้รับปืนใหญ่หงอีมาด้วยความยากลำบาก ทว่าด่านภูเขาเยี่ยนยังมิล้มปืนใหญ่หงอีก็แทบมิเหลือแล้ว เกรงว่าฝ่าบาทจะบั่นคอข้าเป็นแน่ !

“ถอยทัพ ถอยทัพ… เข็นปืนใหญ่ไปด้วย ให้คอยเคลื่อนย้ายตำแหน่งตลอดเวลาและยิงกำแพงนั้นเสีย ! ”

บัดนี้จึงกลายเป็นสงครามเคลื่อนที่ ปืนใหญ่ของชาวฮวงยิงโดนกำแพงด่านเข้าอย่างจัง แต่ทว่าปืนใหญ่บนกำแพงด่านได้หายไปเสียแล้ว

นายน้อยเจ้าสำราญ

นายน้อยเจ้าสำราญ

Status: Ongoing
อ่านนิยายเรื่อง นายน้อยเจ้าสำราญโชคดีที่ได้ทะลุมิติมา ทั้งยังได้เกิดในตระกูลเศรษฐีที่ดิน ชีวิตนี้ไม่ได้ขาดแคลนอาหารและเสื้อผ้าแต่ก็ไม่อยากจะเอาแต่กินจนตายไปทั้งอย่างนั้น ดังนั้นฟู่เซี่ยวกวนจึงได้กระทำเรื่องบางอย่างตามอำเภอใจ โดยไม่ได้คาดคิดเลยว่าจะเกิดผล กระทบที่ใหญ่หลวงตามมาเยี่ยงนี้ ฮ่องเต้ต้องการให้เขาเป็นขุนนางชั้นหนึ่ง องค์หญิงต้องการแต่งตั้งให้เขาเป็นราชบุตรเขย บุตรีแห่งจวนเสนาบดีสำนักตรวจการต้องการแต่งกับเขา คนป่าต้องการหัวของเขา รัฐอี๋ต้องการชีวิตของเขา ส่วนรัฐฝานต้องการเงินของเขา… แต่เขา.. ฟู่เซี่ยวกวนนั้นต้องการเป็นเศรษฐีที่ดินผู้ยิ่งใหญ่ต่างหากเล่า !

Comment

Options

not work with dark mode
Reset