ตอนที่ 775 เยียนเหลียงเจ๋อตกตะลึง
รัชสมัยเซวียนลี่ปีที่สิบเอ็ด เดือนสอง วันที่สิบห้า
ผ่านไปเกือบหนึ่งเดือนแล้วที่ทหารดาบเทวะกองทัพที่สองยึดด่านฉีหวินได้สำเร็จ
ภายในหนึ่งเดือนนี้องค์จักรพรรดิแห่งแคว้นอี๋เยียนเหลียงเจ๋อแทบกินมิได้นอนมิหลับ !
เมื่อวันที่สิบเจ็ดเดือนหนึ่ง ตลาดหุ้นเมืองไท่หลินปิดตัวลง มันมิต่างไปจากที่ฟู่เสี่ยวกวนคาดการณ์เอาไว้ เพียงแต่คาดมิถึงว่าเยียนเหลียงเจ๋อจะโง่เง่าจนตกอยู่ในสถานการณ์เยี่ยงนี้ไปได้… เยียนเหลียงเจ๋อสูญเสียอย่างหนัก มิได้รับเงินแม้แต่อีแปะเดียว มิหนำซ้ำยังสูญเสียเงินในท้องพระคลังมากถึง 50 ล้านตำลึงจนท้องพระคลังว่างเปล่า
เหล่านักลงทุนนับล้านคนในเมืองไท่หลินที่ฝันจะร่ำรวย ย่อมมิสามารถเผชิญหน้ากับสถานการณ์ล้มละลายอย่างกะทันหันนี้ได้
มีผู้คนจำนวนมากเลือกที่จะกระโดดลงจากอาคาร… ทว่าตัวอาคารนั้นเตี้ยจนเกินไปจึงมิดับคาที่อีกทั้งยังพิการเป็นจำนวนมากอีกด้วย
มีผู้คนจำนวนมากเลือกที่จะกระโดดลงบ่อน้ำ ส่งผลให้บ่อน้ำหลายแห่งในเมืองไท่หลินมิสามารถใช้การได้ !
อีกทั้งยังมีผู้คนจำนวนมากที่คว้ามีดขึ้นมาก่อเหตุจลาจล พวกเขารวมตัวกันวางเพลิงเผาธนาคารปาต๋า จากนั้นพวกเขาก็พากันไปล้อมจวนผู้ว่าเมืองไท่หลินแล้วลงมือบั่นคอสังหารผู้ว่า ทั้งยังสังหารเจ้าหน้าที่มือปราบและขุนนางไปหลายร้อยคน
ในยามนี้เยียนเหลียงเจ๋อกำลังเผชิญหน้ากับการรุกรานของชาวอู๋ จึงมิมีกะจิตกะใจจะอธิบายให้พวกสมองทึบฟัง
ดังนั้นเขาจึงมีราชโองการออกไป ให้ราชองครักษ์หลวงไปสังหารราษฎรที่ก่อจลาจลเสีย พวกเขาใช้เวลาสังหารนานถึง 3 วัน โลหิตไหลนองดั่งสายน้ำจึงทำให้เหตุการณ์จลาจลในครานี้สงบลงได้ในที่สุด
ทว่ามีอันตรายใหญ่หลวงซ่อนเร้นอยู่ แน่นอนว่าเปียนมู่หยูนึกกังวลแต่ก็ไร้หนทางที่จะจัดการ
เสนาบดีกลาโหมอู๋เวิ่นห่ายผู้นั้น กลายเป็นแพะรับบาปไปโดยปริยาย
เขาถูกเยียนเหลียงเจ๋อปลดออกจากราชการ จากนั้นก็ถูกนำตัวไปยังลานประหาร ประกาศราชโองการให้ใต้หล้าได้รับรู้โดยทั่วกัน แจกแจงโทษร้ายแรงจำนวนหนึ่งที่อู๋เวิ่นห่ายได้กระทำการขึ้นมา และให้เขาเป็นแพะรับบาปอย่างเต็มตัว หลังจากนั้นก็ถูกประหารโดยการตัดมือตัดเท้าและตัดศีรษะจนตายต่อหน้าราษฎรนับหมื่น
นี่ถือได้ว่าเป็นคำชี้แจงให้แก่เหล่าผู้ถือหุ้นทั้งหลาย
เพียงแต่ตอนนี้มิเหลือแม้แต่ธนาคารปาต๋า ตั๋วหุ้นที่พวกเขากำเอาไว้ในมือ ก็น่ารังเกียจเกินกว่าจะเอามาเช็ดก้น
เหล่าพ่อค้าที่ขายหุ้นและระดมเงินทุนได้ก็ฝันว่าตนได้รับโชคคราใหญ่ แต่ยังมิทันที่พวกเขาจะได้จับเงินในมือจนอุ่นก็ถูกเหล่าราชองครักษ์ที่โหดเหี้ยมบุกมารื้อค้นบ้านเรือนและเอาเงินไปจนหมดสิ้น
ในที่สุดเยียนเหลียงเจ๋อก็คว้าเงินคืนมาได้ 80 ล้านตำลึง !
ดังนั้นจึงสามารถทำสงครามได้แล้ว !
ตามราชโองการหลายฉบับที่เขาได้กระจายออกไป คือเริ่มการเคลื่อนพลของทหารทั้งหกกองทัพของแคว้นอี๋ ด้านสามกองทัพชายแดนใหญ่ของแคว้นอี๋ก็เริ่มไปรวมตัวที่ด่านต้ายู่แล้วเช่นกัน
เดิมทีเขาคิดว่าจะสามารถสกัดกองทัพที่รุกรานไว้ด้านนอกด่านต้ายู่ได้ จนถึงขั้นสามารถสังหารได้ในหกเขตทางตะวันตกเฉียงใต้ ทว่าสิ่งที่เขามิได้คาดคิดไว้ก็คือ กองทัพที่รุกรานนี้ช่างรวดเร็วประดุจสายลม !
ยิ่งไปกว่านั้นยังเป็นสายลมของฤดูใบไม้ร่วงอีกด้วย !
รวดเร็ว ว่องไว และหนาวเหน็บ ราวกับสายลมที่พัดผ่านเมฆา ราวกับสายลมที่พัดพาใบไม้ร่วง
ยามที่ทหารประจำเขตได้เผชิญหน้ากับกองทัพนี้ พวกเขาล้วนมีสภาพมิต่างจากเต้าหู้ ทั้งยังเป็นเต้าหู้ที่เนื้อเหลวเป็นน้ำอีกด้วย !
ไร้ทหารประจำเขตใดที่สามารถต่อกรกับกองทัพนี้ได้ !
จากรายงานการรบที่ส่งมา… เยียนเหลียงเจ๋อถึงกับสงสัยว่าหากตนปล่อยหมูจริง ๆ ออกไปหลายแสนตัว ก็คงจะสามารถชะลอความเร็วของทหารราบทัพนั้นได้มากกว่าทหารประจำเขตนับแสนนายเสียอีก !
ตลอดทางที่พวกมันผ่านมา ทหารประจำหกเขตตะวันตกเฉียงใต้ที่มีถึง 300,000 นายแทบจะเป็นไก่ดินเผาสุนัขกระเบื้องอยู่แล้ว ใช้เวลาเพียงครู่เดียวก็พ่ายแพ้อย่างยับเยิน
มีรายงานมาว่า ดับสูญไปแล้ว 200,000 นาย เดิมทีคาดว่ายังมีชีวิตเหลืออีก 100,000 นาย แต่คาดมิถึงว่าหลังจากที่กองทัพศัตรูได้เคลื่อนผ่านไปแล้ว อีก 3 วันก็มีกองทัพปริศนาจำนวน 200,000 นายตามหลังมาอีกครา !
กองทัพที่ตามมาด้านหลังนี้สังหารทหารที่เหลือและปราบแม่ทัพลงเยี่ยงสุนัขที่โหดเหี้ยม กวาดล้างทหารประจำเขตที่เหลืออยู่ 100,000 นายบนผืนปฐพีอันกว้างใหญ่ไปจนสิ้น
หลังจากนั้นพวกมันก็แบ่งออกเป็น 6 กองแล้วเข้ายึดครองเมืองหลวงของหกเขตทางตะวันตกเฉียงใต้… ซึ่งหมายความว่าผืนปฐพีกว้างใหญ่ผืนนี้รวมทั้งชาวบ้านที่อยู่บนนั้นได้ถูกราชวงศ์อู๋ยึดครองไปโดยสมบูรณ์แล้ว
เดิมทีคิดว่าชาวบ้านที่อยู่ในพื้นที่จะรวมตัวต่อต้าน แต่คาดมิถึงเลยว่าเหล่าชาวบ้านและตระกูลพ่อค้าใหญ่โตเหล่านั้นจะมิมีผู้ใดออกเสียงเลยแม้แต่คนเดียว
ราวกับว่าพวกเขายอมรับชะตากรรมเยี่ยงนี้ !
จิตใจที่เข้มแข็งของชาวอี๋หายไปที่ใดแล้วเล่า ?
หรือว่าจะถูกสังหารจนสิ้นแล้ว ?
ต่อจากนั้นเยียนเหลียงเจ๋อก็ได้ทราบข่าวคราวที่มิน่ายินดีอีกหนึ่งเรื่อง… คือองค์จักรพรรดิแห่งราชวงศ์อู๋ได้เสด็จมายังที่แห่งนี้ด้วยพระองค์เอง และได้ออกราชโองการหนึ่งฉบับเพื่อประกาศว่าดินแดนผืนนั้นถือเป็นของราชวงศ์อู๋และกลายเป็นหกเขตทางตะวันตกเฉียงเหนือของราชวงศ์อู๋แล้ว !
ภายใต้พระราชโองการนี้ ชายอ้วนได้ตรัสเอาไว้อย่างชัดเจนแล้วว่า ฟู่เสี่ยวกวนจะหวนกลับคืนมายังราชวงศ์อู๋ในปลายปีนี้เพื่อขึ้นครองบัลลังก์ !
พวกเจ้าเป็นราษฎรของฟู่เสี่ยวกวนและภายใต้การปกครองของฟู่เสี่ยวกวน เขาย่อมบุกเบิกอนาคตใหม่ขึ้นมาได้อย่างแน่นอน !
เฉกเช่นที่ว่อเฟิงหยวนซึ่งเคยเป็นของพวกเจ้ามาก่อน !
มารดามันเถิด !
ในยามที่เยียนเหลียงเจ๋อได้อ่านรายงานฉบับนี้ ก็ได้กระอักโลหิตออกมาถึงห้าอึก
ชื่อเสียงของฟู่เสี่ยวกวนยิ่งใหญ่คับฟ้า ความรุ่งเรืองของว่อเฟิงเต้าได้แพร่กระจายมาถึงแคว้นอี๋แล้วเช่นกัน
หลังจากที่ทุกคนในหกเขตตะวันตกเฉียงใต้ได้รับข่าวนี้ ก็คาดมิถึงว่าพวกเขาจะมิรู้สึกอับอายที่สูญเสียเอกราชไปแม้แต่น้อย คาดมิถึงว่าพวกเขาจะกระโดดโลดเต้นอย่างมีความสุขจนถึงขั้นจุดดอกไม้ไฟ แต่ละครอบครัวเฉลิมฉลองกันอย่างเริงร่า !
มารดามันเถิด ! พวกเจ้ายังเป็นราษฎรของข้าอยู่หรือไม่ ?
ข้าแค่เพิ่มภาษีเพียง 3 คราเท่านั้นเอง !
หัวใจที่รักแคว้นของพวกเจ้าไปอยู่ที่ใดแล้วเล่า ?
คาดมิถึงว่าพวกเจ้าจะใฝ่ต่ำเยี่ยงนี้ คาดมิถึงว่าจะยอมอยู่ภายใต้การปกครองของราชวงศ์อื่น… สุดท้ายแล้วคือเหตุผลอันใดกัน ?
เยียนเหลียงเจ๋อไร้เวลาทำความเข้าใจว่าเพราะเหตุอันใด เนื่องจากในแต่ละวันนับจากนั้น เขาก็ต้องกระทืบเท้าด้วยความร้อนรนจากรายงานด่วนที่นกพิราบนำมาส่ง…
สามกองทัพใหญ่ชายแดนที่เขาเรียกระดมพลยังมิทันไปถึงด่านต้ายู่ ฝ่ายกองทัพที่มีนามว่าทหารดาบเทวะกองทัพที่สองก็ได้ตีด่านต้ายู่จนแตกพ่ายไปก่อนแล้ว !
กองทัพ 100,000 นายเข้ายึดด่านต้ายู่โดยใช้เวลาเพียง 1 ชั่วยามเท่านั้น !
สังหารทหาร 3,000 นายที่เฝ้าด่านอยู่จนสิ้น… ส่วนทหารที่เหลือทำได้เพียงโยนอาวุธทิ้งแล้ววิ่งหนีไป !
กล่าวอีกนัยหนึ่งได้ว่า เดิมทีด่านต้ายู่มิได้ต่อต้านเลยสักนิด !
“ฮ่าฮ่าฮ่า…” เยียนเหลียงเจ๋อที่นั่งอยู่บนบัลลังก์มังกรหัวเราะร่า ท่าทางแสนบ้าคลั่ง
“นี่คือกองทัพของข้า ! ”
“นี่คือขุนนางของข้า ! ”
“นี่คือบ้านเมืองของข้า ! ”
“มันเป็นเพียงแค่เศษเดน ! ”
ทันใดนั้นเขาก็เดือดดาลขึ้นมาใบหน้าดุดัน จากนั้นก็ลุกขึ้นยืนพร้อมชี้หน้าเหล่าขุนนางที่อยู่ด้านล่างว่า “ราชาเป็นทุกข์ขุนนางย่อมอับอาย ราชาอับอายขุนนางต้องตาย ! ”
“ข้าได้รับความอัปยศอย่างใหญ่หลวงถึงเพียงนี้ พวกเจ้า…สมควรตายไปให้หมด ! ”
เหล่าขุนนางล้วนก้มหน้าหลบ ใบหน้าของแต่ละคนซีดเผือด
“พวกเจ้าทั้งหมดจงไปตายเสีย ! ”
“พวกเจ้ามิมีแม้แต่ความกล้าที่จะตายเพื่อข้าเลยเยี่ยงนั้นหรือ ? ภายในใจของพวกเจ้าในบัดนี้ต้องการให้ฟู่เสี่ยวกวนรุกเข้ามาใช่หรือไม่ ? อยากให้ข้าถูกจับทั้งเป็นและให้แคว้นอี๋ถูกทำลาย ปล่อยให้ราชวงศ์อู๋เข้ามาปกครองผืนปฐพีนี้แทนใช่หรือไม่ ? ”
“พวกเจ้าช่างมิเอาไหนเสียจริง ! ข้ามิน่าเอาเงินมาเลี้ยงสัตว์กินพืชที่มิเอาไหนเยี่ยงพวกเจ้าเลย ! ”
“พวกเจ้าทราบหรือไม่ว่าทหารดาบเทวะกองทัพที่สองบุกไปถึงที่ใดแล้ว ? พวกมันได้ข้ามผ่านแม่น้ำชวูมาแล้ว และอยู่ห่างจากเมืองไท่หลินเพียง 10 วันเดินเท้าเท่านั้น ! ”
เขาหายใจหอบหนัก ใบหน้าขึ้นสีแดงก่ำ
หน้าอกของเขากระเพื่อมขึ้นลงอย่างรุนแรง ดวงตาคู่นั้นถลนจนแทบหลุดออกมาจากเบ้า
“ไร้ความสามารถ…” เขาทิ้งกายนั่งลงบนบัลลังก์มังกร ราวกับพลังภายในได้สูญสลายไปชั่วพริบตา
“วางใจเถิด ข้าจะมิยอมจำนนโดยเด็ดขาด ยามที่กองทัพนั้นบุกเข้ามาประชิดเมือง… ข้าจะทำให้พวกเจ้าทุกคนถูกฝังไปพร้อมกัน ! ”
ในจังหวะนั้นเองก็ได้มีขันทีผู้หนึ่งกระวีกระวาดวิ่งเข้ามา
เขารีบกระซิบเสียงเบาข้างใบหูของเยียนเหลียงเจ๋อ “ทูลฝ่าบาท ทหารดาบเทวะกองทัพที่สองได้หันขบวนไปทางตะวันตกเฉียงเหนือแล้วพ่ะย่ะค่ะ”