นายน้อยเจ้าสำราญ – ตอนที่ 905 แผนการ

ตอนที่ 905 แผนการ

เนื่องจากภรรยาทั้งสามใกล้จักให้กำเนิดบุตร ฟู่เสี่ยวกวนจึงกังวลและเร่งรีบเป็นอย่างมาก

สวี่ซินเหยียนให้กำเนิดบุตรในเดือนสี่ ในยามนั้นเขากำลังยุ่งอยู่กับเรื่องน้ำมันปิโตรเลียมที่เขตซื่อหยางอยู่พอดี เขาจึงมิได้กลับไปและทำเพียงส่งจดหมายไปยังวังหลังเท่านั้น มันทำให้เขารู้สึกผิดเป็นอย่างมาก

หากพลาดการคลอดบุตรของภรรยาทั้งสามในครานี้ไปอีก เกรงว่าเขาต้องรู้สึกผิดไปชั่วชีวิตเป็นแน่

ในอนาคตบ้านเมืองจะเป็นเยี่ยงไรก็มิอาจทราบได้ ทว่าภรรยาจะเป็นของตนตลอดไป

ความสนใจที่เขามีต่อบ้านเมืองก็มิได้มากมายสักเท่าใดนัก แต่ภรรยาทั้งสิบจะต้องมิมีผู้ใดถูกทอดทิ้งให้หนาวเหน็บอยู่เพียงลำพัง

บุตรชายก็ดีหรือบุตรีก็ได้ พวกเขาย่อมมีชีวิตเป็นของตนเองในอนาคต ย่อมมีแต่ภรรยาเท่านั้นที่จะคอยอยู่เคียงข้างเขาไปชั่วชีวิต

เมื่อชาติที่แล้วฟู่เสี่ยวกวนมิเคยมีแฟนแม้แต่คนเดียว เขาจึงหวงแหนภรรยาทั้งสิบในชาตินี้เป็นอย่างมาก

เมื่อนึกถึงความกังวลของชุนซิ่วในยามตั้งครรภ์ ตอนที่ซูซูรู้ว่าตนเองตั้งครรภ์แล้วทำท่าทางดีใจราวกับเด็ก จางเพ่ยเอ๋อร์ถึงกับร้องไห้ในยามที่ทราบว่าได้ตั้งครรภ์แล้ว พวกนางล้วนลำบาก และในฐานะผู้ชายของพวกนาง หากสามารถอยู่ข้างกายของพวกนางในยามที่กำลังจะคลอดบุตรได้ คาดว่าน่าจะเป็นการปลอบประโลมที่ดีที่สุดให้แก่จิตใจของพวกนางแล้ว

ที่เขามิทราบคือขุนนางจากกรมขุนนางที่มาตรวจสอบข้อเท็จจริงได้เดินทางมาถึงเขตหนานผิงก่อนที่เขาจะเดินทางกลับเพียงก้าวเดียว แน่นอนว่าเขามิทราบว่าจั่วจงถานได้จับกุมนายอำเภอพานและได้จัดการรวบรวมโทษทั้งหมดของนายอำเภอพานเป็นที่เรียบร้อยภายในระยะเวลา 3 วัน

นายอำเภอพานอยู่ในระหว่างพาตัวไปยังเมืองกวนหยุนและต้องได้รับการสอบสวนจากกรมราชทัณฑ์

ผู้ที่ถูกคุมตัวไปด้วยย่อมเป็นครอบครัวของนายอำเภอพาน ส่วนพานเชี่ยนเอ๋อร์บุตรีที่เดิมทีจะได้กลายเป็นลูกสะใภ้ของจือโจวแห่งอู่หยวนโจว ต่อจากนี้นางต้องใช้ชีวิตที่เหลืออยู่ในกรมเจี้ยวฟางแทน

กรมขุนนางได้จับกุมนายอำเภอพานและข่าวนี้ก็ถูกส่งไปยังเมืองอู่หยวนด้วยความรวดเร็ว

เฉินหยางจือโจวแห่งอู่หยวนโจว ได้ทราบข่าวถึงสามเรื่องในเวลาเดียวกัน

เรื่องที่หนึ่งคือองค์จักรพรรดิเสด็จกลับแล้ว

เรื่องที่สองคือนายอำเภอพานตกม้าตายและกำลังอยู่ในระหว่างการคุมตัวไปยังเมืองกวนหยุน

เรื่องที่สาม…เฉินเต๋อบุตรชายของเขาเสียชีวิตอยู่ที่วัดหนานผิง

หลังจากได้ทราบข่าวทั้งสามนี้ เฉินหยางก็ราวกับแก่ตัวไปอีกสิบปี

เขาขังตนเองเอาไว้ในห้องหนังสือครึ่งค่อนวัน ยามที่ออกมาบนใบหน้าก็มิเหลือคราบน้ำตาให้เห็นแล้ว มองมิเห็นความรู้สึกใดเลยเช่นกัน

เขาได้มอบคำสั่งให้ลูกน้องว่า จงลอบสังหารนายอำเภอพานเสีย อย่าให้มีชีวิตรอดไปถึงเมืองกวนหยุนได้เป็นอันขาด !

ส่วนเรื่องศพของบุตรชายก็ฝังไว้ที่วัดหนานผิงเถิด

มิได้เอ่ยกันว่าระฆังยามเย็นของวัดหนานผิงศักดิ์สิทธิ์มากเยี่ยงนั้นหรือ ?

หากเขาได้ยินเสียงระฆังคงสามารถกลับชาติมาเกิดได้โดยเร็ว

“ท่านพ่อ…” เฉินเจิ้งบุตรชายคนโตโค้งคำนับ “ขออภัย…”

“ลูกพ่อ… พรุ่งนี้เจ้าจงพาภรรยาออกเดินทางไปยังราชวงศ์หยูเสียเถิด”

เรื่องนี้ได้ถูกกำหนดไว้เนิ่นนานแล้ว ทว่าเฉินเจิ้งคาดมิถึงว่าจะรวดเร็วถึงเพียงนี้

“หลังจากเดินทางไปแล้วก็เกรงว่าต้องใช้เวลาอีกนานกว่าจะได้หวนกลับมาอีกครา…” เฉินหยางเงยหน้าขึ้นพลางจ้องมองไปยังสุริยายามเย็น รู้สึกว่าในตอนนี้ ตนก็มิได้ต่างอันใดกับสุริยาดวงนี้เลยสักนิด “เจ้ายังมีอีกหนึ่งเรื่องที่ต้องไปจัดการก่อนออกเดินทาง”

“ท่านพ่อเชิญกล่าว ! ”

“ในห้องหนังสือของพ่อมีสุรารสเลิศอยู่หนึ่งไห ค่ำนี้จงนำสุราออกมาแล้วพาภรรยาของเจ้าไปร่วมดื่มกับพ่อตาสักจอกเถิด ถือเป็นการกล่าวอำลา”

“ขอรับท่านพ่อ ! ”

ดวงตาของเฉินหยางหรี่ลง เขาหยิบซองกระดาษขนาดเล็กหนึ่งซองออกมาจากกระเป๋าอกเสื้อ “นำสิ่งนี้ไปด้วยและจงจำเอาไว้ว่าให้ใส่ลงไปในจอกสุราของพ่อตา อย่าให้ภรรยาของเจ้าทราบเป็นอันขาด”

เฉินเจิ้งตื่นตระหนกขึ้นมาทันใด เห็นได้ชัดว่าเป็นยาพิษและการกระทำนี้ของบิดา… เหตุใดบิดาต้องทำเยี่ยงนี้ด้วยเล่า ?

“อย่าเอ่ยถามว่าเหตุใดพ่อถึงต้องทำเยี่ยงนี้ ทว่าการตายเพิ่มอีกสักสองสามคนก็เพื่อให้พ่อสามารถมองเห็นสุริยาที่โผล่ขึ้นมาได้ชัดเจนมากยิ่งขึ้น”

เฉินเจิ้งรับซองกระดาษนั้นมา พลางก้มหน้าหลบสายตาบิดาของตนเอง

“เจ้าเองก็อย่าแบกรับความผิดอันใดไว้ในใจเลย เพราะยาพิษนี้จะออกฤทธิ์ในสามวันให้หลัง ย่อมมิมีผู้ใดทราบว่าเป็นเจ้าที่วางยา ไปเถิด…”

“ท่านพ่อ” เฉินเจิ้งมิยอมออกไป เขาเอ่ยถามขึ้นมาอีกคราว่า “ได้ยินมาว่าคนของกรมขุนนางมาถึงเขตหนานผิงแล้ว เกรงว่าคนของฝ่ายตรวจการจะลอบตรวจสอบในอู่หยวนโจวด้วย เยี่ยงนั้น…ไปด้วยกันดีหรือไม่ขอรับ ? ”

เฉินหยางยกยิ้มบาง ๆ พลางส่ายหน้าไปมา เขาเงยหน้าขึ้นมองเฉินเจิ้งและเอ่ยกำชับด้วยความจริงจังเป็นอย่างมากว่า “จงจำเอาไว้ว่า เจ้าคือลูกหลานของตระกูลเฉินที่อยู่คู่ราชวงศ์อู๋มานานนับพันปี ! เมื่อไปยังราชวงศ์หยูแล้วบรรดาท่านอา อีกทั้งลูกพี่ลูกน้องของเจ้าจะต้อนรับและหางานที่เหมาะสมให้แก่พวกเจ้าอย่างแน่นอน”

“จงใช้ชีวิตอยู่ที่ราชวงศ์หยูไปพลาง ๆ เสียก่อน อาจจะใช้เวลามินานและอาจจะมีโอกาสได้กลับมายังราชวงศ์อู๋อีกครา”

“ส่วนพ่อไปมิได้เพราะยังมีเรื่องสำคัญอีกมากมายต้องจัดการ ไปเถิด… เวลามิคอยท่า ไปดื่มสุรากับพ่อตาของเจ้าสักสองสามจอกเถิด”

เฉินเจิ้งหันหลังเดินจากไป ส่วนเฉินหยางก็หันไปจ้องมองสุริยายามเย็นอีกครา พลันขมวดคิ้วมุ่น ในใจนึกถึงข่าวคราวที่ส่งไปยังราชวงศ์หยูเรื่องชักชวนฮ่องเต้หยวนให้เตรียมกำลังทหารพิชิตราชวงศ์อู๋ ทว่าจนถึงวันนี้ก็ยังไร้ความคืบหน้าใด

เหมือนว่าฮ่องเต้ของราชวงศ์หยูผู้นั้นมิสนใจการทำสงครามกับราชวงศ์อู๋สักเท่าใดนัก หรืออาจจะเอ่ยได้ว่ามิมีความกล้า เช่นนี้ควรทำเยี่ยงไรดีเล่า ?

หากอาศัยเพียงกองทัพ 100,000 นายของแคว้นอี๋ที่กำลังฝึกฝน ก็เห็นว่าการไปทำศึกกับราชวงศ์อู๋เป็นดั่งความฝันของคนโง่เขลาก็เท่านั้น

จึงมีเพียงต้องลากราชวงศ์หยูมาร่วมด้วยเท่านั้น เนื่องจากในตอนนี้กองทัพสวรรค์ฆาตของราชวงศ์หยูมีมากถึง 300,000 นาย !

เมื่อรวมกับทัพใหม่ของแคว้นอี๋ 100,000 นายก็จะมีมากถึง 400,000 นาย ดังนั้นการทำศึกระหว่างกองทัพ 400,000 นายและกองทัพ 200,000 นายของจักรพรรดิเต๋อจง… กองทัพล้วนได้วิธีฝึกฝนมาแบบเดียวกัน ปืนคาบศิลาก็ได้ซื้อมาจากราชวงศ์หยูมิน้อย หากทุกคนร่วมแรงร่วมใจกัน อาศัยช่วงเวลาที่จักรพรรดิเต๋อจงออกทะเลแล้วลงมือจัดการราชวงศ์อู๋ในคราเดียว นี่มิใช่เรื่องที่เป็นไปมิได้เพราะมีคนสำคัญภายในคอยประสานงานทั้งด้านนอกและด้านใน มันย่อมเป็นการรัฐประหารที่รุนแรงกว่าสงครามภายในของไทเฮาซีเป็นเท่าตัว

ต้องทำเยี่ยงไรถึงจะทำให้หยูเวิ่นเต้าตัดสินใจได้แน่วแน่ ?

ฟู่เสี่ยวกวนต้องตาย !

เพื่อบุตรชายและเพื่อตระกูลเฉิน !

ในยามที่เขากำลังครุ่นคิดและสับสนจนถึงขีดสุดอยู่นั้น กระดาษแผ่นหนึ่งก็ได้ลอยเข้ามา เฉียบคมราวกับใบมีด

เขาหันหน้ากลับไปในทันใด ยื่นมือออกไปเพื่อจับกระดาษแผ่นนั้นเอาไว้ เขามิพบผู้ส่งกระดาษใบนี้

สายตาของเขาจับจ้องอยู่บนกระดาษที่มีข้อความเพียงว่า ‘สมบัติของวัดฟูจื่อ อยู่ใต้จายซิงถาย ! ’

เฉินหยางตกตะลึงขึ้นมาทันใด เรื่องสมบัติของราชวงศ์เฉินเป็นที่ทราบโดยทั่วกัน และเมื่อหลายปีก่อนนั้นฮ่องเต้ได้สั่งให้ฟู่เสี่ยวกวนระเบิดวัดฟูจื่อ เรื่องสมบัติใต้อุโมงค์หายไปอย่างไร้ร่องรอยก็เป็นเรื่องที่สร้างความฮือฮามากเช่นกัน

คาดมิถึงว่าสมบัติเหล่านั้นจะอยู่ใต้จายซิงถายของราชวงศ์อู๋ !

มันลอยมาจนถึงราชวงศ์อู๋อย่างเงียบงันได้เยี่ยงไรกัน ?

เกิดความคิดหนึ่งพาดผ่านเข้ามาในสมองของเฉินหยาง นี่มิใช่จุดสำคัญเพราะจุดสำคัญคือเจตนาของผู้ที่ส่งข้อมูลนี้มาให้ตนต่างหาก เป็นเจตนาที่มองเห็นได้ชัดเจนเป็นอย่างมาก นี่ย่อมเป็นข่าวดีอย่างแน่นอน

เขาเชื่อว่าหากให้คนตระกูลเฉินในจินหลิงนำข่าวนี้ไปทูลต่อหยูเวิ่นเต้า ทางหยูเวิ่นเต้าย่อมนั่งมิติดพื้นเป็นแน่

เพราะราชวงศ์หยูขาดแคลนเงิน ขาดแคลนเงินจำนวนมาก !

หยูเวิ่นเต้ามิกล้ายกทัพเพราะท้องพระคลังว่างเปล่า หากเขาทราบว่าภูเขาทองคำที่เดิมทีควรตกเป็นของตน ทว่าบัดนี้กลับตกอยู่ในมือของฟู่เสี่ยวกวน… เขาจะยังสามารถนิ่งเฉยได้อยู่อีกหรือไม่ ?

หรือที่จักรพรรดิเต๋อจงกล้าจัดพิมพ์ตั๋วเงินจำนวนมากเพราะมีภูเขาทองซ่อนไว้

จักรพรรดิพระองค์นี้ถือว่าเก่งกาจมากยิ่งนัก เยี่ยงนั้นพระองค์ยังมีทักษะอันใดที่ยังมิได้เปิดเผยอีกหรือไม่ ?

ข้อมูลนี้ถูกส่งไปยังราชวงศ์หยูในราตรีนั้นเอง สามวันให้หลังเฉินหยางจือโจวแห่งอู่หยวนโจวได้ตรวจสอบคดีทุจริตของผู้ว่าการทางน้ำเก๋อซู่ที่ฆ่าตัวตายเพราะกลัวโทษทัณฑ์

ในวันเดียวกัน นายอำเภอพานถูกลอบสังหารและเสียชีวิตในระหว่างเดินทางไปยังเมืองกวนหยุน

ผ่านไปอีกสองวัน กระดาษแผ่นนั้นก็ได้วางอยู่เบื้องหน้าของหยูเวิ่นเต้า

นายน้อยเจ้าสำราญ

นายน้อยเจ้าสำราญ

Status: Ongoing
อ่านนิยายเรื่อง นายน้อยเจ้าสำราญโชคดีที่ได้ทะลุมิติมา ทั้งยังได้เกิดในตระกูลเศรษฐีที่ดิน ชีวิตนี้ไม่ได้ขาดแคลนอาหารและเสื้อผ้าแต่ก็ไม่อยากจะเอาแต่กินจนตายไปทั้งอย่างนั้น ดังนั้นฟู่เซี่ยวกวนจึงได้กระทำเรื่องบางอย่างตามอำเภอใจ โดยไม่ได้คาดคิดเลยว่าจะเกิดผล กระทบที่ใหญ่หลวงตามมาเยี่ยงนี้ ฮ่องเต้ต้องการให้เขาเป็นขุนนางชั้นหนึ่ง องค์หญิงต้องการแต่งตั้งให้เขาเป็นราชบุตรเขย บุตรีแห่งจวนเสนาบดีสำนักตรวจการต้องการแต่งกับเขา คนป่าต้องการหัวของเขา รัฐอี๋ต้องการชีวิตของเขา ส่วนรัฐฝานต้องการเงินของเขา… แต่เขา.. ฟู่เซี่ยวกวนนั้นต้องการเป็นเศรษฐีที่ดินผู้ยิ่งใหญ่ต่างหากเล่า !

Comment

Options

not work with dark mode
Reset