นายน้อยเจ้าสำราญ – ตอนที่ 970 แคว้นหลิว

ตอนที่ 970 แคว้นหลิว

รัชศกเทียนเต๋อปีที่สาม วันที่สิบแปด เดือนเก้า

บัดนี้กองเรือรบที่ฟู่เสี่ยวกวนเป็นผู้นำก็ได้เข้าเทียบท่า ณ ท่าเรือเสินน่ายในแม่น้ำเจียงฮู่ของแคว้นหลิวเป็นเวลา 15 วันแล้ว

เวลาผ่านไปราวครึ่งเดือน กองทัพเรือและกองนาวิกโยธินก็ได้ทำลายล้างชาวฝูหล่างจีที่ยึดครองแคว้นหลิวทั้งห้าหมื่นนายและได้กำจัดทหารคุ้มกันของฝูหล่างจีที่เจียงฮู่อีก 20,000 นายจนสิ้น จากนั้นก็จับตัวมาร์ควิสปาเออร์ไว้เป็นเชลยศึก

ชาวบ้านในแคว้นหลิวรู้สึกดีอกดีใจมากยิ่งนัก พวกเขารู้สึกซาบซึ้งใจที่ต้าเซี่ยผู้แข็งแกร่งได้เข้ามาทำลายล้างผู้บุกรุก ทว่าหลังจากความยินดีได้สิ้นสุดลง พวกเขาก็พบความจริงอันโหดร้ายอีกครา ซึ่งก็คือบรรดาเชื้อพระวงศ์ได้ถูกชาวฝูหล่างจีสังหารไปจนสิ้นแล้ว !

บัดนี้จึงมิมีเชื้อพระวงศ์แม้แต่พระองค์เดียวแล้วจะทำเยี่ยงไรดี ?

ณ จวนไท่เจิ้งแห่งเมืองเจียงฮู่

ในฐานะหนึ่งในขุนนางใหญ่ทั้งสองของแคว้นหลิว เถิงหยวนชิวนั่งอยู่ในห้องหนังสือด้วยความหดหู่ องค์จักรพรรดิแห่งต้าเซี่ยได้เสด็จเข้าประทับในพระราชวังฉางยวี่วันนี้แล้ว ทว่ามิได้เรียกขุนนางเก่าแก่เยี่ยงพวกตนเข้าเฝ้า

ประเทศต้าเซี่ย…บัดนี้เขาเองก็เพิ่งรู้ว่าประเทศที่มีชื่อเรียกว่าต้าเซี่ย มีราชวงศ์อู๋เป็นพื้นฐานและรวบรวมอีกสี่แคว้นเข้าด้วยกันในปีนี้เอง

องค์จักรพรรดิที่ดูเยาว์วัยพระองค์นั้น ในพระหัตถ์มีกองทัพทหารอันแข็งแกร่งไร้ที่เปรียบอยู่ด้วย บรรดาชาวฝูหล่างจีเหล่านั้นจึงพ่ายแพ้ให้แก่เขามิเป็นท่า

พระองค์ทรงใช้เวลาเพียง 1 ชั่วยามก็สามารถกำจัดศัตรูที่คุ้มกันอยู่ที่เมืองเจียงฮู่ไปได้จนสิ้น ช่างแข็งแกร่งมากยิ่งนัก บัดนี้เชื้อพระวงศ์ทั้งหลายก็มิมีเหลืออยู่แล้ว พวกตนควรยกย่องจักรพรรดิผู้ยิ่งใหญ่พระองค์นี้เป็นผู้นำแคว้นหลิวดีหรือไม่ ?

แต่ไหนแต่ไรมาแคว้นหลิวก็ชื่นชมยกย่องราชวงศ์อู๋ว่ายิ่งใหญ่เกรียงไกร บัดนี้ได้เปลี่ยนแปลงไปเป็นยิ่งใหญ่เกรียงไกรกว่าเดิมหลายเท่า หากพวกตนได้รวมเป็นหนึ่งเดียวกับต้าเซี่ยก็จะได้รับการคุ้มกันจากต้าเซี่ยและมิต้องถูกรุกรานอีก อาทิเช่น การโดนรุกรานจากชาวฝูหล่างจีในครานี้

ในฐานะที่พวกตนเป็นเพียงหนึ่งเกาะที่โดดเดี่ยว เดิมทีมิต้องมีความกังวลใด ๆ ทั้งสิ้น ทว่าในครานี้ที่ถูกชาวฝูหล่างจีเข้าบุกรุกครอบครองอาณาเขต พวกตนจึงได้รู้ว่าอีกฟากฝั่งของทะเลยังมีประเทศที่แข็งเเกร่งและยิ่งใหญ่อยู่ มิเพียงแค่หนึ่งประเทศเท่านั้น ทว่าช่างมากมายเสียเหลือเกิน !

ในเมื่อเส้นทางเดินเรือนี้ถูกชาวฝูหล่างจีค้นพบ นั่นย่อมหมายความว่าในอนาคตจะมีผู้รุกรานสถานที่แห่งนี้มากขึ้น

เนื่องจากก่อนหน้านี้หนึ่งเดือน ชาวฝูหล่างจีที่คุ้มกันเสินน่ายจำนวน 10,000 นายได้นั่งเรือออกไปจากที่นี่แล้ว

ทิศทางที่พวกเขาไปนั้นมิใช่เส้นทางไปยังประเทศต้าเซี่ย ทว่าเป็นการหันหัวเรือกลับโดยมีเงินทองเพชรพลอยและผ้าไหมกับเครื่องลายครามมากมายของแคว้นหลิว

เมื่อพวกเขาหันหัวเรือกลับไปยังทิศทางที่มาก็หมายความว่า คนพวกนั้นได้นำเส้นทางการเดินเรือนี้กลับไปยังประเทศที่เรียกว่าฝูหล่างจีนั้นแล้ว

ในฐานะแคว้นที่ตั้งอยู่กลางทะเล เถิงหยวนชิวย่อมรู้ดีว่านี่หมายความว่าเยี่ยงไร

เขามองเห็นความกระหายจากแววตาของผู้บุกรุกเหล่านั้น พวกมันชื่นชอบสิ่งของเหล่านี้เป็นอย่างมาก เมื่อสิ่งของเหล่านี้ถูกขนกลับไปยังฝูหล่างจี… แน่นอนว่าย่อมดึงดูดผู้บุกรุกมากมายมายังสถานที่แห่งนี้

แม้แต่ชาวฝูหล่างจีเพียงมิกี่หมื่นนาย แคว้นหลิวก็มิอาจต้านทานเอาไว้ได้แล้ว หากมีผู้แข็งแกร่งกว่านี้บุกรุกเข้ามาก็เกรงว่าพวกมันจะถลกหนังชาวบ้านได้อย่างง่ายดาย !

ดังนั้น…การกอดขาต้าเซี่ยเอาไว้ ถือเป็นเรื่องสำคัญมากยิ่งนัก !

แคว้นหลิวต้องการให้ต้าเซี่ยช่วยกำจัดผู้บุกรุก ต้องการให้ต้าเซี่ยปกป้องชีวิตและทรัพย์สินของแคว้นหลิวเอาไว้

เพียงแต่ว่าแคว้นหลิวและต้าเซี่ยช่างห่างไกลกันยิ่งนัก ต้าเซี่ยมั่งคั่งทว่าแคว้นหลิวไร้ซึ่งสิ่งใด องค์จักรพรรดิผู้นั้นจะยอมรับแคว้นหลิวไว้หรือไม่ ?

เถิงหยวนชิวรู้สึกกังวลใจในเรื่องเหล่านี้ จากที่เขามองดูแล้ว คาดว่าต้าเซี่ยผู้แข็งแกร่งคงมิให้ความสนใจแคว้นหลิวอย่างแน่นอน

ทันใดนั้นเองก็มีเสียงเคาะประตูดังขึ้น

“นายท่านขอรับ ใต้เท้าเฮ่อเถียนขอเข้าพบขอรับ”

“รีบเชิญเข้ามา ! ”

ขุนนางที่มีอำนาจสูงสุดทั้งสองคนแห่งแคว้นหลิวได้นั่งสนทนากันอย่างลับ ๆ ในจวนไท่เจิ้งถึงเรื่องราวในอนาคตของแคว้นหลิว พวกเขาช่วยกันครุ่นคิดว่าจะทำเยี่ยงไรให้ต้าเซี่ยยอมรับแคว้นหลิว

……

……

ณ พระราชวังฉางยวี่แห่งแคว้นหลิว ฟู่เสี่ยวกวนกำลังนั่งสอบสวนมาร์ควิสปาเออร์อยู่

นับตั้งแต่แพ้สงครามจนถึงบัดนี้ มาร์ควิสปาเออร์ก็ยังมิสามารถตื่นจากเหตุการณ์ที่ดูเหมือนฝันได้ เขามิอาจปักใจเชื่อได้ว่าทหารฝูหล่างจีจะพ่ายแพ้ราบคาบเยี่ยงนี้

ต่อให้เป็นผืนปฐพีในเขตยุโรป ฝูหล่างจีก็แข็งแกร่งมากยิ่งนัก

กองทัพทหารของข้ามีปืนสั้นที่ล้ำสมัย เรือของพวกข้าก็เป็นเรือสามเสากระโดง ทั่วทั้งมหาสมุทรทั้งสี่แห่งมีเพียงสองหรือสามประเทศเท่านั้นที่สามารถต่อกรกับฝูหล่างจีได้

และในครานี้เคานต์ปิซาร์โรต้องการออกเดินทางมายังเส้นทางตะวันออกเพื่อสำรวจทางทะเล สมเด็จพระราชินีก็ทรงให้การสนับสนุนอย่างเต็มที่เช่นกัน

ทหารเหล่านี้ล้วนเป็นทหารที่ถูกฝึกฝนมาอย่างดีของฝูหล่างจี ทว่าในสงครามเจียงฮู่เมื่อครู่ก็เพิ่งได้เข้าใจว่าประเทศที่เรียกว่าต้าเซี่ยนั้นอย่างน้อยเรื่องของกองกำลังทหารก็ได้นำหน้าฝูหล่างจีไปแล้ว

ทักษะของพวกเขาล้ำหน้าไปกว่าหนึ่งสมัย ปืนคาบศิลาของพวกเขาสามารถยิงได้ไกลกว่า บรรจุกระสุนโดยใช้เวลาน้อยกว่าอีกทั้งยังยิงได้แม่นยำกว่า โดยเฉพาะอย่างยิ่งเสื้อเกราะสีเงินของพวกเขานั้น มันหาได้เกรงกลัวกระสุนแต่อย่างใด !

ยิ่งไปกว่านั้น พวกชาวตะวันออกเหล่านี้ยังสามารถบินได้อีกด้วย !

ช่างน่ากลัวมากยิ่งนัก

เมื่อคราที่ชาวตะวันออกเหล่านี้บินไปถึงเมืองเจียงฮู่ อย่าว่าแต่พวกทหารคุ้มกันเหล่านั้นเลย เพราะแม้แต่ข้าที่เป็นถึงมาร์ควิสก็ยังตกตะลึงจนแทบเป็นบ้า

ดังนั้นสงครามครานี้จึงไร้ข้อกังขาใด ๆ

กองทหารที่ท่านเคานต์ทิ้งไว้ให้มีมากถึง 50,000 นาย ทว่ากลับต่อสู้กับชาวตะวันออกเพียง 8,000 นายนี้มิได้ !

แม้แต่เคานต์ปิซาร์โรก็มิรู้ว่าเป็นตายร้ายดีเยี่ยงไร หากทำการต่อสู้ในทะเล แน่นอนว่าเคานต์ปิซาร์โรที่นำกองเรือรบไร้พ่ายทั้งยี่สิบลำไปด้วย ย่อมได้เปรียบมากกว่า แต่หากเคานต์ปิซาร์โรรีบขึ้นฝั่งแล้วล่ะก็…

“เคานต์ปิซาร์โร ท่านเคยพบเขาหรือไม่ ? ”

“อืม…ข้าได้ทำลายกองเรือรบของเขาในทะเลไปจนสิ้น เขาเองก็ถูกข้าจับเป็นเชลยศึกแล้วเช่นกัน แต่เจ้ามิต้องกังวลใจเพราะเขามีชีวิตอยู่ในต้าเซี่ยอย่างสุขสบาย คาดว่าบัดนี้หากเจ้าอยากเชิญเขากลับ เขาอาจจะมิยินยอมกลับก็เป็นได้”

มาร์ควิสปาเออร์ตกตะลึงงัน เขามิได้สนใจฟังคำเอ่ยในท้ายประโยคของฟู่เสี่ยวกวน “ท่านเอ่ยว่า… ท่านได้ทำลายกองเรือรบของเขาแล้วเยี่ยงนั้นหรือ ? ”

“ใช่ ! ข้าใช้เรือรบจำนวน 6 ลำในการทำลายล้างเขา… นี่ปาเออร์ ! ฝูหล่างจีของพวกเจ้ามีความสามารถเพียงเท่านี้น่ะหรือ ? ”

ความสามารถเพียงเท่านี้น่ะหรือ ?

ฝูหล่างจีคือประเทศแถบชายทะเลอันยิ่งใหญ่ต่างหากเล่า !

ทว่าบัดนี้ปาเออร์จำต้องเชื่อฟังอีกฝ่าย เนื่องจากบัดนี้ก็ผ่านไป 5 เดือนแล้ว แต่เคานต์ปิซาร์โรกลับมิส่งข่าวคราวใด ๆ กลับมาเลย

“ข้ามิได้มีเวลาว่างมากพอมานั่งสนทนาไร้สาระกับเจ้าหรอกนะ ! ”

“บัดนี้ข้าขอบอกกับเจ้าว่าปิซาร์โรได้ตกเป็นเชลยของข้าแล้ว ทว่าเขาก็มีความสุขเป็นอย่างมาก และบัดนี้เขากำลังช่วยข้าสร้างท่าเรือราชนาวีขึ้นมา หากเจ้ายินยอมทำตามที่ข้าต้องการ ข้าจะยกเรือรบให้เจ้าและลูกน้องของเจ้าให้ไปยังท่าเรือราชนาวีของข้าอีกแห่งหนึ่ง ถ้าหากว่าเจ้ามิยินยอมล่ะก็…ข้าจะสังหารเจ้าเสียตั้งแต่ตอนนี้”

ปาเออร์สะดุ้งโหยงขึ้นมาทันใด สมองของเขาได้ทำงานอย่างว่องไวและบัดนี้การรักษาชีวิตเอาไว้ถือเป็นเรื่องที่สำคัญยิ่ง !

เรือรบทั้งหกลำของฝูหล่างจีได้เดินทางกลับไปแล้ว เมื่อเดินทางกลับมาอีกคราก็คาดว่าจะนำพากองเรือรบอันแข็งแกร่งกว่าเดิมกลับมาด้วย

เมื่อถึงเวลานั้นก็จะทำลายล้างประเทศต้าเซี่ยแห่งตะวันออกนี้ได้ ตัวข้าและเคานต์ปิซาร์โรก็คงได้รับการปลดปล่อย

“ข้าน้อยยินยอม”

“เช่นนั้นเจ้าก็จงคุกเข่าลงเสีย ! ”

ปาเออร์อ้าปากกว้าง หน้าแดงก่ำด้วยกรุ่นโกรธ “ชาวฝูหล่างจีจะคุกเข่าต่อหน้าพระเจ้าเท่านั้น ! ”

“บัดนี้เจ้าเป็นทาสรับใช้ของข้า จงคุกเข่าลงไปเสีย ! ”

ฟู่เสี่ยวกวนตะเบ็งเสียงออกมาดังลั่น รังสีอำมหิตแผ่ซ่านจนทำให้ปาเออร์ตื่นตกใจจนหน้าซีดเผือด

เขารีบคุกเข่าลงเสียงดัง ตุ้บ ! เมื่อคุกเข่าลงไปแล้ว ฟู่เสี่ยวกวนก็มิให้เขาลุกขึ้นมาอีก

“เสี่ยวไป๋ จงส่งคนไปตาม…เฮ่อเถียนขุนนางเสินจือและเถิงหยวนชิวขุนนางไท่เจิ้งมาประเดี๋ยวนี้”

เมื่อไป๋ยู่เหลียนเดินออกไป ฟู่เสี่ยวกวนจึงนั่งต้มชาอย่างสบายอารมณ์ อืม…รสชาติของชาในแคว้นหลิวกลมกล่อมกว่าต้าเซี่ยมากนัก ฟู่เสี่ยวกวนจิบชาด้วยความพึงพอใจ

ผ่านไปมิถึงหนึ่งก้านธูป เฮ่อเถียนและเถิงหยวนชิวก็ได้เดินทางมาถึงพระราชวังฉางยวี่

นายน้อยเจ้าสำราญ

นายน้อยเจ้าสำราญ

Status: Ongoing
อ่านนิยายเรื่อง นายน้อยเจ้าสำราญโชคดีที่ได้ทะลุมิติมา ทั้งยังได้เกิดในตระกูลเศรษฐีที่ดิน ชีวิตนี้ไม่ได้ขาดแคลนอาหารและเสื้อผ้าแต่ก็ไม่อยากจะเอาแต่กินจนตายไปทั้งอย่างนั้น ดังนั้นฟู่เซี่ยวกวนจึงได้กระทำเรื่องบางอย่างตามอำเภอใจ โดยไม่ได้คาดคิดเลยว่าจะเกิดผล กระทบที่ใหญ่หลวงตามมาเยี่ยงนี้ ฮ่องเต้ต้องการให้เขาเป็นขุนนางชั้นหนึ่ง องค์หญิงต้องการแต่งตั้งให้เขาเป็นราชบุตรเขย บุตรีแห่งจวนเสนาบดีสำนักตรวจการต้องการแต่งกับเขา คนป่าต้องการหัวของเขา รัฐอี๋ต้องการชีวิตของเขา ส่วนรัฐฝานต้องการเงินของเขา… แต่เขา.. ฟู่เซี่ยวกวนนั้นต้องการเป็นเศรษฐีที่ดินผู้ยิ่งใหญ่ต่างหากเล่า !

Comment

Options

not work with dark mode
Reset